โทษของการอ่านอะไร ๆ โดยไม่พิจารณา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 7 กันยายน 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    จาก..."ครอบครัวอบอ่น" อีกครั้งค่ะ [​IMG]

    .................................................

    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#FF6600--><!--/coloro-->โทษของการอ่านข่าวไม่พิจารณา<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

    สำหรับกรณีนี้ หากผู้ใหญ่ไม่สอนให้ลูกหลานรู้จักคิดพิจารณาข่าวเกี่ยวกับพระอย่างรอบครอบ ปล่อยให้ลูกหลานฟังสื่อโดยขาดการพิจารณาเช่นนี้ ก็จะเป็นการตัดรอนโอกาสการสร้างบุญทั้งของตัวเราและของเขาไป เขาก็จะกลายเป็นคนที่ตัดสินใจโดยขาดสติพิจารณาให้รอบคอบ เป็นเพียงการฟังความจากการอ่านหนังสือพิมพ์ฝ่ายเดียว แล้วก็จับแง่คิดผิดพลาด ไม่สนใจการศึกษาธรรมะอันเป็นหลักสำคัญของชีวิต เป็นผลทำให้ขาดความเข้าใจในเรื่องโลกและชีวิตอย่างน่าเสียดาย

    เพราะเขาจะไม่รู้ว่า โลกที่อยู่อาศัยและชีวติของเรานี้ มีกฏประจำโลกและกฏประจำชีวิตที่ต้องศึกษาจากคำสอนในพระพุทธศาสนาให้เข้าใจจึงจะสามารถดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง

    กฏประจำโลกคือกฏแห่งกรรม ซึ่งหมายถึงว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ผลของความดีเรียกว่า ผลบุญ ผลของความชั่วเรียกว่า ผลบาป ตัวของเราเองทำสิ่งใดไว้ แม้จะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องบุญบาปก็ตาม ตนเองจะต้องรับผิดชอบต่อผลแห่งการกระทำนั้นแต่เพียงผู้เดียว ผลบุญผลบาปไม่สงผลบิดเบือนไปตามความเชื่อของใคร แต่เป็นไปตามกฏประจำโลกที่มีอยู่ประจำโลกใบนี้มานานแล้ว

    กฏประจำชีวิต คือ กฏไตรลักษณ์ได้แก่ อนิจจัง(ไม่เที่ยง) ทุกขัง(เป็นทุกข์) อนัตตา(ไม่ใช่ตัวของเรา) ซึ่งข้อนี้เป็นความจริงของทุกชีวิตในโลกใบนี้ ทั้งสองเรื่องนี้เป็นความจริงที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ พระองค์ทรงค้นพบวิธีการปฏิบัติเพื่อเป็นหนทางหลุดพ้นจากกฏแห่งกรรมและกฏไตรลักษณ์นี้ด้วย....แต่เมื่อเขาอ่านข่าวแล้วพิจารณาข่าวไม่เป็น นอกจากจะไม่ทราบคำสอนที่ดีในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็อาจจับแง่คิดผิดว่า

    เมื่ออ่านข่าวแล้วพิจารณาข่าวไม่เป็น นอกจากจะไม่ทราบคำสอนที่ดีในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็อาจจับแง่คิดผิดว่าพระภิกษุทั้งประเทศคงแย่เหมือนกันหมด แล้วก็อาจเลยเถิดไปถึงไม่เชื่อว่าบุญบาปมีจริง และถ้าเขาเข้าใจผิดมาถึงจุดนี้ ก็เป็นอันมั่นใจได้ว่า แม้พ่อแม่หรือปูย่าตายายอยากจะทำบุญจนใจจะขาดขนาดไหน เขาก็จะไม่สนับสนุนอย่างเต็มที่ หรือบางทีขวางบุญเอาอีกด้วย เพราะเขาจะมีความคิดว่าการทำบุญเป็นการสิ้นเปลือง การใส่บาตรเป็นการสนับสนุนใหคนขี้เกียจ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่คนไม่เชื่อเรื่องบุญบาปส่วนมากชอบใช้กัน

    ****เราก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่า การจะไปบอกให้หนังสือพิมพ์ลงข่าวแก่พระภิกษุที่ทุ่มเททำประโยชน์ให้แก่สังคมคงทำได้ยาก ในฐานะที่ทุกท่านเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ก็ต้องช่วยกันอบรมปลูกฝังลูกหลานให้รู้จักแยกแยะคิดพิจารณาให้เห็นความถูกต้องเสียก่อน จึงตัดสินใจ อย่าตัดสินใจโดยไม่รอบคอบ นั่นจึงจะเป็นหลักประกันว่า ในยามบั้นปลายชีวิต ลูกหลานจะคอยสนับสนุนให้ปู่ย่าตายายของเขาได้บุญเต็มที่ พระภิกษุสามเณรก็สามารถฝึกตนเองได้เต็มที่ และสามารถทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมต่อไป พระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงอยู่ในแผ่นดินไทยและได้รับการสืบทอดให้ยืนยาวต่อไปอีกนานแสนนาน****

    ช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา มีข้อสังเกตว่า ยิ่งใกล้ฤดูทอกฐินซึ่งเป็นประเพณีสำคัญของชาวพุทธมากเท่าไร หนังสือพิมพ์จะต้องประโคมข่าวพระภิกษุบางรูปที่ทำผิดพระวินัยอย่าครึกโครมอยู่เสมอ จนเห็นเหตุให้ศรัทธาของชาวพุทธทั่วประเทศตกวูบ เพราะประชาชนรู้สึกว่าพระภิกษุไม่น่าเคารพ ผลกระทบก็ไปตกกับพระภิกษุสามเณรกว่าสามแสนรูปทั่วประเทศ เมื่อประชาชนไม่ศรัทธา เขาก็ไม่สอนให้ลูกหลานไหว้พระ ไม่สนใจศึกษาธรรมะ และไม่ทำบุญ งานต่าง ๆ ของวัดก็เลยอัมพาตกินกันไปหมด ชาวพุทธก็ลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งเกิดจากปากของคนเขียนข่าวไม่กี่คน ในกรณีหนังสือพิมพ์ลงข่าวพระทำผิดวินัยเช่นนี้ ชาวพุทธควรคิดยอ่างไรจึงถูกต้องและเป็นการดูแลพระพุทธศาสนา

    หากเมื่อใดหนังสือพิมพ์ลงข่าวเกี่ยวข้องกับพระภิกษุทำตัวไม่น่ากราบไหว้ ผู้ใหญ่จะต้องสอนให้ลูกหลานจับประเด็นคิดให้ถูกต้อง ดังนี้

    ประเด็นที่ 1. หากหนังสือพิมพ์ลงข่าวพระภิกษุทำความผิด ชาวพุทธอย่ารีบเชื่อตามข่าว แต่ควรให้ปัญญาพิจารณาด้วยเหตุผล และควรปล่อยให้หมู่สงฆ์ดำเนินการพิจารณาตัดสินด้วยกันเองตามพระธรรมวินัย
    ตั้งแต่โบราณมาแล้ว พระเถราจารย์ท่านพูดไว้ชัดเจนว่า พระพุทธศาสนาเป็นเสมือนสระน้ำใหญ่ ใครมาถึงแล้วลงอาบก็ได้ความสะอาดกลับไป ใครมาถึงแล้วไม่ลงอาบ เนื้อตัวก็ไม่สะอาดต่อไป

    การมาบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ใครตั้งใจปฏิบัติธรรม คนนั้นก็ได้รับความสะอาดกาย วาจา ใจไปมาก ส่วนใครไม่ปฏิบัติธรรมก็ย่อมเปรอะเปื้อนต่อไป

    การที่พระภิกษุไปทำผิดพระวินัยขึ้นมา จะโดยเจตนาหรือเผลอสติก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกำหนดพระวินัยไว้เรียบร้อยแล้ว ญาติโยมก็ต้องไว้วางใจให้เป็นเรื่องภายในของหมู่สงฑ์ในวัดนั้นจัดการตามพระวินัยกันต่อไป โดยพระภิกษุผู้ปกครองในวัดนั้น ท่านจะต้องเป็นผู้ไตรสวน ตรวจสอบหลักฐานและพยานให้ชัดเจน ไม่ใช่ญาติโยมตั้งศาลเตี้ยตัดสินกันเอง ซึ่งมักจะชอบว่าเองเออเองกันไปตามความสะใจ
    หากพระภิกษุรูปนั้นทำผิดจริง และความผิดก็ต้ายแรงถึงขั้นขาดจากความเป็นพระ ก็ต้องให้สึกหาลาเพศไป

    "ชาวพุทธต้องแยกแยะเรื่องส่วนบุคคลกับส่วนรวมออกจากกัน ถ้าหากไม่แยกแยะออกจากกันแล้ว ก็จะกลายเป็นคนที่ตัดสินใจโดยขาดการพิจารณา เข้าทำนองอุปมาที่ว่า "มองเห็นปลาเน่าตัวเดียวลอยน้ำมา เลยเหมาว่าปลาทั้งแม่น้ำเน่าเหมือนกันหมด ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็จะได้บาปจากการทำลายพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว"

    แต่หากความผิดนั้นไม่ได้ผิดรุนแรงถึงขั้นนขาดจากความเป็นพระและเกิดผิดพลาดเพราะความประมาทพลั้นเผลอ พระวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ ก็ยังมีข้อที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุที่ทำผิดได้แก้ไขฝึกฝนอบรมตนกันใหม่

    แต่หากความผิดพลาดนั้น มีเรื่องการผิดกฏหมายบ้านเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็ต้องพิจารกันไปตามหลักฐานและพยานทั้งในแง่พระวินัยและในทางกฏหมายบ้านเมืองกันต่อไป

    พูดง่าย ๆ ก็คือ หากพระท่านทำผิด ญาติโยมอย่างไปตั้งศาลเตี้ยพิพากษากันเอง หรือเขียนข่าวพิพากษาพระภิกษุกันอย่างสนุกมือ แต่ต้องให้พระผู้ปกครอง ท่านเป็นผู้พิจารณาตัดสินกันเองตามพระวินัยแล้วก็ไม่ควรจะไปวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป เพราะหากพูดไปผิด ๆ ก็จะกลายเป็นบาปแก่ตนเองปล่าว ๆ
     
  2. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +1,410
    อนุโมทนา สาธุ ครับ จงทำให้จิตว่างปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ยึดมั่นถือมั่น
    จงมองตัวเราให้ดี สำรวจตัวเราเอง จงทำตัวเราเองนั้นให้ดีที่สุด
     
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,862
    ปัจจุบันสถาบันสื่อ ทำตัวเป็นศาลเตี้ยไว้คอยตัดสินตัวบุคคลที่เป็นข่าว
    แต่ขอบอกไว้ว่า หากเผลอไปปรามาสผู้มีศีล มีธรรม หรือ พระอรหันต์ รับประกันความฉิบหาย ตกต่ำของสื่อนั้นๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย

    เห็นสื่อหลายสื่อที่เป็นแบบนี้ ก็ให้คอยรับผลกรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...