ช่วยชี้แนะอุบายในการละความผูกพันทางจิต หรือปุพเพ ทีนะค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่าเคยได้ผูกพันใกล้ชิดกับชายคนหนึ่ง จนชอบพอกัน แต่มีเหตุทำให้ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ อีกทั้งเรื่องนี้ได้เกิดมาปีกว่าแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไงก็ยังไม่สามารถตัดจิตที่ผูกพันอยู่ออกได้ อาจเพราะอยู่ที่ทำงานเดียวกัน เห็นกันทุกวัน

หลังจากศึกษาพระธรรม ตอนนี้ก็พอเข้าใจในหลักของไตรลักษณ์ สติปัฏฐาน ได้มีการกำหนดสติรู้ตามกายใจอยู่ตลอดเวลา เวลาอยู่คนเดียว หรือกับบุคคลอื่นจิตใจสงบมีสมาธิ แต่เมื่อจำเป็นต้องพูดคุย ต้องเดินผ่าน ต้องเห็นหน้าชายผู้นั้น ยังรู้สึกว่าจิตไม่นิ่ง รู้สึกลิงโลด รู้สึกแบบแปลกๆน่ะค่ะ ทั้งๆที่พยายามตัดแล้วตัดอีก

เคยลองใช้การคิดวิเคราะห์แยก ธาตุ 4 เหมือนดังอุบายของหลวงปู่ต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว รู้สึกยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะเราไม่ได้หลงในรูปกายของชายผู้นี้มาตั้งแต่แรกแล้วค่ะ แต่รู้สึกว่ามีความผูกพันทางจิตใจ เนื่องจากต้องทำงานด้วยกันมานานในชาตินี้แหละค่ะ แล้วรู้สึกดี รู้สึกว่า เขามาเติมจิตให้สดใส เหมือนหลงในจิตเขา

ตอนนี้พยายามหาวิธีการที่จะถอนจิตออกมาให้ได้ เพื่อให้จิตใจสงบเวลาต้องปะทะอารมณ์ค่ะ

ขอท่านผู้รู้ชวยแนะแนวทางทีนะค่ะ

 

น่าเห็นใจ....

เหมือนกับในตัวเราแบ่งเป็น 2 ฝ่ายยังไงยังงั้นแหละ มีการปะทะกัน บางครั้งอีกฝ่ายก็ชนะ บางครั้งฝ่ายตรงข้ามก็ชนะ เป็นเรื่องปกติ แต่อย่างน้อยต้องขออนุโมทนาด้วยที่คุณพยายามใช้หลักธรรมะเข้าแก้ไขปัญหา

ก็ถือเสียว่าเป็น "บททดสอบ" ไม่ต้องไปเร่งว่าเราต้องชนะมันภายใน 3 วัน 7 วันหรอก ค่อยเป็นค่อยไป จิตจะกล้าแข็งได้ จะมีกำลังอำนาจได้ ก็ต้องแพ้มาก่อน แต่ค่อยๆเอาชนะได้ในที่สุด
เรื่องของคุณต้องใช้ "เวลา" ถ้าผ่านตรงนี้ได้ บารมีก็จะเพิ่มขึ้น มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ลองพิจารณาว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง ใช้สติกำหนดที่ลมหายใจ หายใจเข้า "พุทธ" หายใจออก "โธ" ถ้านึกถึงเค้า ก็กำหนดพระพุทธรูปขึ้นมาแทน แต่ถ้าฟุ้งมากๆ แบบว่าอยากคิดถึง ก็คิดถึงซะให้เข็ด อยากร้องก็ร้องซะให้เข็ด พอร้องไห้แล้ว ก็ถือว่าแล้วกัน บอกกับตัวเองว่าเราจะเข้มแข็ง
เผอิญกรณีของคุณอยู่ที่ทำงานเดียวกันด้วย โอกาสเห็นหน้ากันก็มี เมื่อเห็นหน้าก็ย่อมมีโอกาสฟุ้งซ่าน ตรงนี้เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่สักวันหนึ่งเมื่อคุณผ่านตรงนี้ไปได้ คุณก็อาจจะนึกถึงเหตุการณ์นี้ด้วยความรู้สึกขบขัน ด้วยความรู้สึกว่า "ไม่น่าโง่เลยเรา"

เพราะฉะนั้นให้ถือเสียว่า เป็น "บททดสอบ" บอกกับตัวเองว่า เราต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ค่อยๆปฏิบัติธรรมไป ถ้ามุ่งมั่น ถึงเวลาก็สอบผ่าน

เอาละครับ ตอนนี้ผมต้องไปต้อนรับ "คุณหลวง" ละครับ คุณหลวงกำลังอาละวาดอยู่ทางช่อง 5 คุณหลวงเนี่ยเว่อร์ซะไม่มี ถ้าเก่งอย่างนี้ กระผมเจอเข้าก็คงจะ "ป๊อด" แน่ๆ เยย อิอิ

 

ทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล แล้วตั้งจิตแน่วแน่อธิษฐาน"นับจากวันนี้กรรมใดที่เคยร่วมก่อทำให้จิตเกิดผูกพันต่อบุรุษผู้นี้ ขออโหสิกรรมทั้งหลายทั้งปวงให้สิ้น ขอให้เลิกผูกพันให้แล้วต่อกันตราบชั่วกัปป์ชั่วกัลล์"

แต่ถ้าไม่ได้ไปทำบุญที่ไหนก็นึกถึงอดีตที่เคยทำบุญกุศลไว้น้อมนำจิตแล้วอธิษฐานก็ได้

รับรองผล 100.00%

 

ง่ายมาก เจริญสติตามแนวทางหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภอึดใจเดียว แค่ลัดนิ้วมือ ทำดูนะครับ

 

ความอาลัยทำให้เป็นเช่นนี้แหละ ลองตัดความอาลัยออกจนไม่เหลืออะไร แล้วจะไม่มีอะไรให้อาลัย

 

ขออนุโมทนาในจิตจำนงค์ของเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ
แต่ของอย่างนี้มันไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆหรอกนะครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มันย่อมมีเหตุมาก่อนเสมอ
การที่จะมีความผูกพันกับใครนั้น มันย่อมมีเหตุจากกรรมมาสนับสนุนเสมอครับ
บางคนอยู่ไกลกันคนละมุมโลก เมื่อถึงเวลาของกรรมส่งผล
ก็ยังต้องมาเจอ มาใช้ชีวิตร่วมกัน มาใช้กรรมซึ่งกันและกันครับ
อย่างตัวกระผมเอง เคยตั้งใจว่าจะไม่ขอมีความรักอีกแล้ว
เพราะได้รับรู้แล้วว่า การมีความรักก็คือการสร้างความทุกข์ให้กับตนเอง
แต่สุดท้ายด้วยแรงแห่งกรรม ก็ต้องมีความรักอีกครั้งจนได้เพื่อต้องได้ชดใช้กรรมซึ่งกันและกัน
ตราบใดที่กายสังขารเรายังตั้งอยู่ ย่อมไม่สามารถตัดกิเลสตัณหาได้หมดหรอกครับ
เพราะเราไ่ม่ใช่พระอรหันต์ ยังไม่สามารถวางเฉยต่อสิ่งที่มากระทบเราได้ทั้งหมด
แต่ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Novice in con ต่อไปนะครับ
ถ้าจะให้แนะนำในเรื่องการลดความผูกพันทางจิต
ขอให้พยายามนึกถึงความทุกข์จากการมีคู่ครองครับ
การมีคู่ครองทำให้เรามีห่วง มีความทุกข์จากการมีความรัก
เมื่อต้องไม่สมหวัง และต้องพัดพลากจากสิ่งที่เรารัก....
หรือไม่ก็ลองอธิษฐานดูครับ หลังจากสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จ
ก็อธิษฐานว่า "หากข้าพเจ้าเคยมีกรรมกับ......... ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างในวันนี้
ขอให้พระแม่ธรณีมาเป็นทิพยานว่า ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมกับผู้ชายคนนี้
และขอให้ดวงจิตที่ผูกพันกับผู้ชายคนนี้ จงหลุดพ้นตั้งแต่บัดนี้ เดี๋ยวนี้"
ลองทำบ่อยๆนะครับ อาจจะดีขึ้นครับ
แต่ยังไงก็อยากให้เข้าใจสิ่งหนึ่งนะครับว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ครับ