ตลบหลัง กิเลส

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 7 สิงหาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    “กิเลสทั้งหลายล้วนไม่มีตัวตน”

    บุคคลที่จะกล่าวคำนี้ออกมาได้ คือบุคคลที่สภาวะทางจิตใจของเค้า “ได้เข้าไปเห็นชัดแล้ว” ถึงกลไกการทำงานของกิเลส ซึ่งนับจากนาทีนั้น กิเลส จะไม่เป็นความทุกข์ต่อคนคนนั้นอีกต่อไป มันเป็นเพียงสภาวะ “ปรมัตถ์” ที่เกิดมาอย่างควบคุมไม่ได้ และไร้ซึ่งความหมาย ....... (แต่มีประโยชน์ในแง่ของการรู้สึกตัว เพราะรับรู้เพียงสภาวะปรมัตถ์ แต่ไม่รับสภาวะทุกข์ที่เกิดตามมาจากสิ่งที่เกินปรมัตถ์)

    แต่สำหรับบุคคลที่ยังมาไม่ถึงจุดนี้ ท่านจะไม่เข้าใจว่า “กิเลสที่ไม่มีตัวตนนั้น มันไม่มีได้อย่างไร” นั่นเป็นเพราะท่านยัง “ไม่สามารถเข้าไปเห็นความจริงข้อนี้” เมื่อท่านยังไม่สามารถเข้าไปเห็น จิตใจท่าน จะยังไม่ยอมรับความจริงอันนี้ ...... มันจึงเป็นทุกข์กับกองกิเลสทั้งหลายอยู่ร่ำไป

    กระบวนการทั้งหลายที่เราฝึกกัน ก็เพียงเท่านี้เอง เพื่อให้มันเข้าไปเห็นความจริง ที่เป็นอยู่อย่างเช่นนั้น เห็นเพื่ออะไร เพื่อให้มันเถียงไม่ได้ ไม่มีใครเถียงความจริงที่เป็นสัจธรรมได้ แม้แต่จิตใจ ก็เถียงสัจธรรมไม่ได้ แต่ที่มันเถียงได้มาถึงทุกวันนี้ เพราะมันยังโง่อยู่ เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ให้มันเข้าไปเห็นจริงๆ ทุกข์ของท่านกับสิ่งนั้นๆจะจบตัวเองลงในทันที

    สิ่งที่ข้าพเจ้าจะเขียนให้ท่านอ่านต่อไป ขอให้เข้าใจว่า คำว่า “กิเลส” ที่ข้าพเจ้าหมายถึงนี้ คือ กิเลสทั้งหมด ไม่ใช่กิเลสที่ถูกแบ่งย่อยเป็นเรื่องๆ โดยใช้สมมตทางภาษาเข้าจับ เพราะฉะนั้น การหลุดจากกิเลส ในลักษณะนี้ จึงเป็นการหลุดออกแบบทั้งหมด มิใช่หลุดออกมาทีละตัว

    เมื่อท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่ “รู้สึกตัว และ เห็นความคิด” ของท่านอยู่เสมอ ในวันหนึ่งความ “รู้” ลักษณะอย่างนี้ จะต้องปรากฏกับท่านเองอย่างแน่นอน

    ความคิดของท่านเอง ที่คอยบอกคอยสอนตัวท่านเองว่า สิ่งใดคือกิเลส นั่นล่ะคือกิเลสแท้ตัวแรก ที่ท่านมองมันไม่ออก (แต่เป็นคนละความหมายกับ คนที่ทำอะไรโดยไม่สนใจ ว่า คนอื่นจะเดือดร้อนหรือไม่ แยกให้ออกนะท่าน)

    ท่านจะรู้ว่า กิเลส แท้จริงแล้วคือ ความคิด ที่เข้าจับอาการอารมณ์ ที่มันเกิดขึ้นมาเองอย่างควบคุมไม่ได้ และถ้าท่านเป็นนักปฏิบัต ท่านจะต่อต้านมันโดยอัตโนมัต เพราะท่านมีความเชื่อฝังหัว “แบบผิดๆ” ว่า “กิเลสเป็นเครื่องทำจิตใจเศร้าหมอง”

    ในความเป็นจริง จิตใจคนเราไม่เคยเศร้าหมอง แต่ที่มันเศร้าหมอง เพราะ

    หนึ่ง ท่านเข้าไปในอาการอารมณ์เหล่านั้น อาการอารมณ์เหล่านี้จึง “บัง” ความสว่างที่มันเป็นอยู่อย่างเช่นนั้นเอาไว้ชั่วขณะ (แต่บุคคลที่ไม่เคยฝึก มันจะบังไว้ตลอดเวลา)

    สอง ท่านไปสาละวนอยู่กับการกำจัดกิเลส ในเมื่อกิเลสมันไม่มีตัวตน ท่านจะเอาอะไรไปกำจัดมันได้ มีแต่คนที่ “เสียสติ” เท่านั้น ที่เอามีดไล่แทง เอาไม้ไล่ตี เอาปืนไล่ยิง “เงาของตัวเอง” (ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่ง ที่เคยเสียสติเช่นนี้)

    ในขณะที่ท่านยังไม่ผ่านจุดนี้มา ข้าพเจ้าแนะนำท่านได้เพียงว่า เมื่อใดที่ท่าน รู้แล้วว่า กิเลสเกิดขึ้น (ตามที่ท่านเข้าใจเอาเองว่า มันเป็นกิเลส) ..... ให้เข้าเผชิญหน้ากับมันตรงๆชัดๆ อย่าหลบหลีก อย่าเข้ากระทำแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆทั้งนั้น.......... ในขณะเดียวกันให้มองหา ความคิดหรืออารมณ์ ที่มัน “ต้องการหลุด” ออกมาจากกิเลส แล้วจง “ทิ้ง” ตัวนั้น ......(ในความเป็นจริง มันเป็นสภาวะที่ข้าพเจ้าเรียกเอาเองว่า กิเลสซ้อนกิเลส)

    วิธี “ทิ้ง” คือ ให้ท่านเห็นตัวที่มันอยากออกจากกิเลส แล้ว “เพิกเฉย” ต่อมัน ไม่ต้องใส่ใจต่อการพยายามจะแก้กิเลสในขณะนั้น แต่ให้เห็นมันให้ชัดเจน (ทิ้งกับเพิกเฉยเป็นอันเดียวกัน เมื่อท่านฝึกการเพิกเฉยบ่อยๆ มันจะเปลี่ยนเป็นทิ้งโดยอัตโนมัต)


    ถ้าท่านอยากรู้ว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ ใช้ได้ผลหรือไม่ ให้ท่านเอาไปลองใช้กับ

    “ความฟุ้งซ่าน” เพราะมันเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนและง่ายที่สุด สำหรับพวกชอบคิด

    อันนี้ในกรณีของขั้น Basic นะท่าน ในกรณีของขั้น Advance ความฟุ้งซ่านไม่ใช่ปัญหาเลย มันเป็นเหมือนกับ play station มากกว่า

    (ถ้าท่านใด มีวิธีที่นอกเหนือจากนี้ โปรดแนะนำด้วย แต่ขอให้เป็นสิ่งที่ท่านพิสูจน์แล้ว ว่ามันได้ผลกับท่านจริง มิใช่ไปจำคำใครเอามาพูด เอามาเขียน ข้าพเจ้ามีความสามารถ พอที่จะอ่านออกได้ทันทีว่า ข้อเขียนของท่าน มาจากใจของท่าน หรือมาจากใจของคนอื่น หรือมาจากหมึกแห้งๆบนแผ่นกระดาษ หรือมาจากการคิดเดาเอาเองอย่างส่งเดช หรือมาจาก กิเลส ที่อยากจะแสดงภูมิอย่างไร้เดียงสา)


    เทคนิคที่แสนง่าย และแสนสนุก แต่ท่านมองไม่เคยออก เพราะท่านยังไม่เข้าใจกลไกการทำงานของมัน

    ในขณะเกิดความฟุ้งซ่าน ให้ท่านลอง “หมุนแกน”

    แทนที่ท่านจะเข้าแก้ที่ความฟุ้งซ่าน ให้ท่านแก้ตัวที่มันอยากให้หายฟุ้งซ่าน โดยใช้ความรู้สึกที่มันฟุ้งซ่านนั่นล่ะ เป็นตัวกระชากท่านออกมาจาก ความคิดที่มันอยากไม่ฟุ้งซ่าน

    ท่า่นต้องรู้จักวิธี “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”


    ถ้าท่านฝึกจุดนี้มาเป็นอย่างดี

    ความเป็นทุกข์ในขณะที่ท่านฟุ้งซ่าน จะจบตัวเองลงในขณะนั้นทันที มันจะเหลือแต่สภาวะฟุ้งซ่านล้วนๆ ที่ไม่ก่อทุกข์ใดๆเลย และความฟุ้งซ่านมันจะค่อยๆลดระดับความรุนแรงลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีตัวกระตุ้นให้มันเกิด และมันเป็นการผสานสภาวะความรู้สึกตัว แบบที่ข้าพเจ้าเรียกเอาเองว่า “รู้ ทับ รู้”

    ในความเป็นจริง ถ้าท่านเข้าถึงสภาวะอันเป็นแกนของสิ่งเหล่านี้ ท่านจะเข้าใจเองว่า “ความทุกข์ต่อกิเลส” มันมิได้มีตัวตนอยู่เลย มันทรงตัวอยู่ได้ เพราะของคู่ตรงข้ามกับตัวมันเองเท่านั้น ถ้าของคู่ตรงข้ามของมันไม่มี ตัวมันก็ไม่สามารถดำรงตัวอยู่ได้ มันเป็นอะไรที่ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแต่ท่านจะต้องเข้าใจมันจริง ท่านถึงจะเล่นกับมันได้อย่างสนุก ชีวิตของท่านจะกลายเป็นของเล่นของท่าน ทันทีที่ท่านเข้าใจระบบกลไกการทำงานของจิตใจ

    ในขณะที่ท่านๆ ยังไปไม่พ้นจากของคู่ทวิคติ แบบ 100 % ให้ท่านมองชีวิตท่านใน “มุมกลับ” หรือ “มองย้อนศร” แล้วท่านจะพบคำตอบบางอย่างต่อชีวิตของท่าน ที่คนบางคนใช้เวลาเป็น 10 ปี ก็ยังหาไม่พบ มิใช่ว่าคนเหล่านั้นโง่ แต่มันเป็นอะไรที่คล้ายๆกับสภาวะเส้นผมบ้งภูเขา มันง่ายเกินไป ง่ายจนนึกไม่ถึง

    เทคนิคลักษณะนี้ จะไม่มีเขียนไว้ในตำราเล่มไหนทั้งนั้น มันอาจจะใช้ได้เพียงแค่กับท่าน หรือคนบางคน ..... แต่ถ้ามันเป็นสัจจะแท้ มันจะต้องใช้ได้กับคนทุกคน

    มันไม่ใช่ความผิดของตำรา หรือของใคร ที่ไม่มีเรื่องเหล่านี้สอนเอาไว้ เพราะมันเป็นหน้าที่ ที่ท่านจะต้องค้นหาคำตอบเอาเอง ในฐานะของความเป็นมนุษย์ ถ้าใครละเลยหน้าที่ตรงนี้ คนคนนั้นจะมีทุกข์ซ้ำๆซากๆ กับเรื่องเดิมๆไปตลอดชีวิต

    เมื่อท่านพบคำตอบและท่านเข้าใจมันจริง ทุกอย่างจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ และท่านจะเข้าใจเองว่า การใช้ชีวิต กับ การถูกชีวิตมันใช้ ต่างกันอย่างไร

    สมัยที่ข้าพเจ้าอยู่ปี 2 ข้าพเจ้าต้องออกแบบธนาคาร ครูทางสถาปัตย์ ได้ตรวจแบบของข้าพเจ้า แล้วกล่าวขึ้นเบาๆว่า “คุณเห็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆไหม มันเล็ก กระทัดรัด มันใช้ง่ายมากเลยนะ อะไรก็ตามยิ่งมันพัฒนาไปมากเท่าไหร่ มันจะง่ายต่อการใช้สอยมากขึ้นเท่านั้น แต่ธนาคารของคุณนี่ ยิ่งผมตรวจแบบคุณมากเท่าไหร่ คงมีแต่คุณเท่านั้นล่ะที่ใช้ง่ายอยู่คนเดียว” ข้าพเจ้าถึงกับตัวชา มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าพเจ้ากำลังทำให้สิ่งที่มันง่ายกลายเป็นยากไปเอง เพียงเพราะต้องการให้มันมีรูปทรงพิสดาร เริ่ดหรู


    เมื่อท่านกำลังเผชิญหน้ากับอะไรซักอย่าง ที่ท่านรู้สึกว่ามันยากจังเลย ให้ท่าน “มองมุมกลับ” จงมองหาทางออกที่ง่ายๆ แล้วท่านจะพบว่า สิ่งที่มันง่ายๆนั่นแหละ คือสิ่งที่มันยากสำหรับบางคน ที่จะมองมันออกได้

     
  2. r-nisong

    r-nisong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +394
    น่าสนใจ นะครับ...ขอให้ลองยกตัวอย่าง สมมุติเรื่องราว ให้เข้าใจง่ายหน่อยซิครับ!
     
  3. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">รู้เท่าทันจิต ดับความฟุ้งซ่าน </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. ไฟราคะ

    ไฟราคะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +92
    เหมือนจะไม่เข้าใจ แต่ดูดีๆแล้วก็เข้าใจแฮะ
    ......แปลกดี......แต่ชอบ
     
  5. สามโลก

    สามโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +70
    ขอบคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...