เวลาที่ให้เงินขอทานไป...

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย com16, 30 สิงหาคม 2006.

  1. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    451
    ค่าพลัง:
    +1,182
    พอดีเพิ่งอ่านข่าวนี้ http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=17905

    ไม่รู้เกี่ยวกับห้องนี้มั้ย แต่ในเมื่อห้องนี้มีคนอ่านเยอะ ผมก็อยากจะถ่ายทอดมุมมองของผมไว้สักหน่อยนึง เรื่องของการให้เงินขอทาน

    ผมได้ยินมาจากหลายที่ ที่ว่าให้เงินไปเถอะุ ทำแล้วสบายใจทำไปเถอะ ซึ่งผมคิดว่ามันผิด คือถ้าทำบุัญโดยไม่คิดเนี่ย ทำไปแล้วสังคมมันแย่ลง กลายเป็นว่าเราเอาเงินเราไปบำรุงความเสื่อมของสังคมไปซะอย่างนั้น ไม่รู้บาปหรือเปล่า

    การที่คนเขมรเข้ามาเป็นขอทานทั่วกทม ก่อเหตุสารพัด คนเข้ามาจากต่างจังหวัดเนี่ยมานั่งทำขาพิการ หรือแม้่กระทั่งมีแก๊งจับเด็กไปตัดแขนตัดขา แก๊งลักพาตัวเด็ก มาเฟียขอทาน ฯลฯ เนี่ย ก็เพราะความของคนที่คิดว่าทำบุญไปเหอะ ทำแล้วสบายใจก็พอหรือเปล่า?

    มันน่าจะเป็นบาปนะ การที่เราเอาเงินเราไปทำอย่างนี้อ่ะ

    ผมว่าการทำบุญ ถ้าจะให้ดี ต้องทำให้กับโรงเรียน หรือ โรงพยาบาล วัด หรือองค์กร มากกว่า หยอดตู้บริจาคที่ตั้งไว้เอาจะยังดีกว่า อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าเงินของเราไม่แปรสภาพกลายเป็น การเลี้ยงเหล้า หรือต้นทุนการพนันของพวกขอทานอ่ะ

    คุณคิดอย่างไร?
     
  2. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    385
    ค่าพลัง:
    +1,287
    การให้เงินขอทานเราต้องดีๆก่อนครับว่าขอทานนั้นมาจากแก้งค์ขอทานหรอเปล่า สังเกตุง่ายๆพวกแก้งค์ขอทานส่วนมากจะหากินกับเด็ก เพื่อให้ดูน่าสงสาร บางแก้งค์เอาเด็กแรกเกิดมาเลยครับ
     
  3. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    สิ่งใดที่ทำแล้วเป็นกุศลกรรม ทั้งกายวาจาใจ แล้ว ย่อมเป็นบุญ แน่นอน โดยส่วนตัวแล้ว กรรมเป็นของใครของมัน การให้เงินขอทาน เพียงแค่นำความคิดบางอย่างมาปรุงแต่จินตนาการไปในแง่ลบก่อนแล้ว แม้ว่าจะให้ขอทานจริง ๆ ก็เกิดอกุศลจิตขึ้นมาก่อนแล้ว จึงทำ ก็ย่อมแตกต่างจากใจที่เป็นกุศลจิตแล้วจึงทำ คือไม่ประกอบด้วย โลภะ โทสะ และ โมหะ ถ้าจะให้บอกตรง ๆ ก็คงกล่าวได้เพียงว่า กรรมของใครของมัน บุญของใครของมัน ถ้าทำทานก็คือทำทาน ทำแล้วก็เป็นบุญ ไม่ทำก็ไม่ทำและไม่สนใจว่าใครจะทำหรือไม่ทำ ไม่ห้ามใครไม่ให้ทำทาน และ ไม่โกรธใครที่ไม่ทำทาน

    สำหรับตัวผมทุกวันนี้ ผมประมาณการจากเงินเดือน แล้ตั้งใจไว้ว่า ในอาทิตย์ หนึ่ง ๆ จะทำทานกับขอทาน อย่างน้อย 1 คนโดยจะได้ ค่าอาหาร สำหรับหนึ่งมื้อ ก็ตก 20 บาท ก็ตกว่าเดือนหนึ่งก็อยู่ที่ 200 - 300 บาท เป็นเรื่องการเกื้อหนุนคือสังคมด้วย และ ก็ไม่ได้เอาจิตตามไปดูว่า เค้าจะไปกินข้าว หรือ เอาไปกินอะไร เอาไปทำกินเหล้าหรือเปล่า เพราะเมือทำทานแล้ว เงินหลุดจาก มือเรา บุญเป็นของเรา เงินเป็นของเค้าโดยสมบูรณ์ เราไม่ได้เป็นเจ้าของเงินและก็ไม่ได้แบกเงินจำนวนนั้นไว้ในใจอีก แต่แบกปิติที่เกิดไปกับเรา ไม่ได้ปรุงแต่งว่า เค้าจะไปเป็นอะไร หรือ เคยเป็นอะไร ถ้าถามว่า เอามาจากไหน ก็ พระพุทธเจ้าของเราไง ท่านก็ทำเป็นแบบนี้ และ ท่านก็สอนเราแบบนี้ ....... ตามรอยเท้าท่านไป ก็ เดินถึงนิพานแน่นอนครับ ........
     
  4. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    451
    ค่าพลัง:
    +1,182
    ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนากับคุณ 108man ด้วยนะครับ กับบุญที่ทำครับ และต้องขออโหสิกรรมด้วยถ้าข้อความข้างล่างทำให้จิตใจหดหู่ครับ แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงไม่ได้ต้องการให้จิตใจคุณ108man และคนอื่นๆ หดหู่นะครับ แต่ต้องการตั้งกระทู้สร้างแง่คิดนี้ขึ้นมา ซึ่งถ้าใครคิดว่าผมผิด ก็ขอให้เขียนแย้งมา ผมจะเข้า่มาอ่านครับ

    อาจจะดูค่อนข้างก้าวร้าวสักหน่อยนะครับที่ผมต้องโต้แย้ง แต่ผมคิดว่าการที่คุณ 108man คิดนั้นยังไม่สมบูรณ์ครับ ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งผมอาจเข้าใจผิดเองก็ได้ ผมไม่ทราบว่าใครเริ่มการตีความในเรื่องของการทำบุญโดยการใส่ใจเพียงแค่โอเคจิตที่ให้บริสุทธิ์ก็พอแล้ว คือ แนวคิดอ่ะผมว่าถูก แต่นำไปประยุกต์ผิด ผมมองว่าตรงนี้เป็นการทำกรรมอย่างหนึ่งนะ ประการแรกคือขอทานจะถือว่าเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายก็ได้ ถึงไม่ผิดสักทีเดียวแต่ก็เป็นปัญหาสังคม ทางกทม เองก็พยายามแก้ปัญหาตรงนี้ การที่เราให้เค้านี่ ไม่เท่ากับว่าเราผิดหรือครับ? ประการที่สอง คือแทบร้อยเปอร์เซนต์ของขอทานข้างถนนเป็นแก๊งค์ทั้งนั้น ประการที่สามคือขอทานจำนวนมากหลอกลวงทั้งนั้น ผมไม่ได้ยกเมฆขึ้นมาน่ะครับ มีการพิสูจน์ออกทีวีให้เห็นแจ่มแจ้งไป ซึ่งหลายคนยังไม่สนใจ ทั้งๆ ที่รู้ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม? ทำไมถึงคิดแค่ว่าโอเค ทำแล้วสบายใจก็พอ ฯลฯ โดยไม่คิดถึงสังคม กฎหมาย หรือผู้อื่นอ่ะครับ

    เมื่อไม่นานมานี้ ตำรวจจับมือปืนคนหนึ่งได้ มือปืนให้การว่าทำไปเพราะกตัุญญูต่อเจ้านายที่ชุบเลี้ยง ตอนนี้ศีลธรรมมันวิบัติน่ะครับ สำหรับหลายคนอาจสับสนและคิดว่า เอ้อมันกตัญญูน่ะดี แต่การไปฆ่าคนน่ะผิด ให้แยกเป็นเรื่องๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ครับ สิ่งที่มือปืนมันทำไป ผมไม่เรียกว่าการกตัญญู ผมว่าสิ่งที่ทำไป มันคือกรรมเลวทุกขั้นตอนครับไม่ว่าจิตใจของมือปืนนั้นจะคิดอยู่เสมอว่าทำไปเพื่อสนองบุญคุัณ

    ผมว่าความดีนี่ต้องทำคู่กับปัญญาครับ ศีล สมาธิ ปัญญา มาทั้งหมดด้วยกันครับ จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
     
  5. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    เงินที่เราให้ขอทานที่อุ้มลูกมาขอทาน ไม่แน่นอน ว่าเงินเหล่านั้นจะนำไปเลี้ยงเด็ก ทางที่ดี ควรให้ทั้งเงินข้าวและนมด้วยจะดี
    เงินที่เราให้เด็กพิการตามสะพานลอย ยิ่งไม่แน่นอนว่า เด็กเหล่านั้นจะได้นำไปใช้เพื่อปากท้องเต็มๆ
    มีเรื่องจริงอยู่ว่า อาอี้(น้าสาว)ของเพื่อนผมเป็นคนมีฐาณะดีเป็นเจ้าของธุรกิจ วันหนึ่งไปห้างสรรพสินค้าด้วยความสะเพร่าปล่อยลูกสี่ขวบไว้ ถูกลักหายไป ตัวแม่ร้องไห้แทบสลบหาลูกไม่เจอทางบ้านให้ตำรวจตามหาก็หาไม่พบ เวลาผ่านไป2ปีกว่า
    เพิ่งพบลูกเมื่อเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่สะพานลอยถูกตัดแขนตัดขานั่งขอทานอยู่...ตัวน้าสาวเพื่อนร้องไห้สลบ
    ปกติผมกับแฟนจะให้ทานขอทานกันเป็นประจำ เรียกว่าเจอใครขอไม่มีการเดินผ่านไปเฉยๆหลังเหตุการณ์นี้ทำให้เราต้องมาคุยกันเรื่องการให้ทานขอทานกันอีกที เลยคิดว่าเราควรที่จะให้ทั้งเงินและอาหารด้วย และหาทางช่วยเด็กๆเหล่านั้น
    ก็ขอให้พิจารณากันนะครับ
     
  6. 12punna

    12punna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +3,198
    มีใครไหมเอ๋ย อยากเกิดเป็น ขอทาน
    มีใครไหมเอ๋ย อยากเกิดเป็น คนจน
    ขอทาน ที่ยากจนจริง หรือ ขอทานมิจฉาอาชีพ ต้องทานข้าว ไหมเอ๋ย
    ขอทาน มีภาระทางโลก ไหมเอ๋ย
    ถ้าเขาไม่ต้อง หาเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง เขาจะยอมเป็นขอทานไหมเอ๋ย
    ขอทาน ถ้าเขามี การศึกษา ทัน ผู้มีการศึกษา เขาจะยอม เป็น ขอทานไหมเอ๋ย
    ขอทาน นั้งตากแดด ตากลม เขาเป็น ผู้มีทุกข์ไหมเอ๋ย

    ดังนั้น เราจงอย่าไปสนใจเลยว่าเขา เป็นขอทาน แล้ว จะทำดีหรือไม่ดี
    แต่ให้จงคิดไว้เสมอว่า สรรพสัตว์บนโลกใบนี้ ตราบใด ที่ยังไม่เข้า พระนิพพาน
    เขาก็ย่อมเป็นผู้มีทุกข์ ทุกข์นี้ก็ ก่อเกิดที่แตกต่างกันไป บ้างทุกข์มาก
    บ้างทุกข์น้อย ในเมื่อเราเป็น ผู้ที่มี ชีวิต ที่ดีกว่าขอทาน เหตุใด ทำไมท่าน
    จึงไม่คิดว่า เราบริจาคให้ ขอทาน ไปแล้ว เราช่วยต่อชีวิต ให้เขา มีข้าวทาน
    ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป

    การเข้า วิถีแห่ง พระโพธิสัตว์ คือ การโปรด สัตว์โลกผู้มีทุกข์ ย่อมไม่เลือกว่า
    ผู้นั้นจะ รวย จน คนดี คนชั่ว แต่ จะโปรดให้เขา เห็นแสงสว่าง ให้เขา พ้นทุกข์
    ให้มากที่สุด แค่เราบริจาคเงินช่วยคน ก็ ทำให้เรา ได้บุญมหาศาล และ ช่วย
    ฆ่าความตระหนี่ ในตัวเราด้วย
     
  7. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    451
    ค่าพลัง:
    +1,182
    มีใครไหมเอ๋ย อยากเกิดเป็น ขอทาน...

    มีครับ มีแน่ๆ อย่างน้อยตามข่าวหนังสือพิมพ์ที่ผมลงมาให้นี่ล่ะหนึ่งคน ยังไม่นับพวกที่ถูกแอบถ่ายทางทีวีอีกเป็นจำนวนมากครับ ยังไม่นับที่ได้พบเห็นมาเอง ที่มีคนเสนออาชีพให้ทำแต่ก็เลือกที่จะเป็นขอทาน หรือ เลือกที่จะเอาป้ายแขวนคอหลอกลวงคนว่าไม่มีิเงินกลับบ้าน

    วิถีแห่งพระโพธิสัตว์ คือการโปรดให้เขาพ้นทุกข์ครับ ไม่ใช่บริจาคอย่างที่ทำอย่างนี้ครับ มันไม่ได้ช่วยอะไร และทำให้เกิดปัญหาสังคมครับ หลายคนตีความวิถีแห่งนี้ผิดครับ เข้าใจว่า ทำๆ ไป จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แต่ไม่ใช่ครับ

    นี่เป็น ความคิดผมนะ ผมอาจจะผิดก็ได้ คนอื่นว่าอย่างไร
     
  8. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    ไม่ได้คิดที่จะโต้แย้ง เพราะว่าต่างคนต่างหน้าที่ ต่างคนก็ต่างสภาวะธรรม แนวทางก็ต้องต่างกัน ผมก็เป็นและเคยคิดมาทุก ๆ อย่าง อยากให้โลกดีถูกต้อง ตั้งแต่เกิด จน วันนี้ ทั้งทางด้านทางโลก ทางวิทยาศาสตร์ ทางกฏหมาย ทางอัตตา จนมาถึงทางธรรม เมื่อเราเจริญในทางธรรมจนถึงจุดหนึงแล้ว ทางโลกที่ว่าดีที่ว่าถูกต้อง มันคืออะไร มันจะจริงแท้เมื่อเป็นอย่างที่เราคิด อย่างนั้นหรือ หรืออย่างไร เมื่อเราได้หยุดคิดถึงประโยชน์ทางธรรมแล้ว เราอาจต้องเปลี่ยนแปลงหน้าที่ไป มาถึงตรงนี้แล้ว หน้าที่ในสภาวะที่ใครเกิดมาในโลกจะทำให้โลกเจริญ ก็เป็นระดับที่บุคคลนั้น ๆ จะพึงทำ อาจเป็นเพราะผมหยุดแล้ว จึงทำให้ความคิดต่าง ๆ มันหยุด ... ก่อนจะตีความสภาวะภายนอก ผมตีความสภาวะภายในก่อน ส่วนในเรื่องการให้ทานหรือการช่วยเหลือบุคคล นั้น ผมให้ในลักษณะที่คนเป็นคนที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ให้ดูคนเป็นสามัญลักษณะ ก็คือเหมือนกันทุกคน ทุกคนในโลกเหมือนกันที่สามัญลักษณะ ก็เลยปล่อยวางบางอย่างไป บุญมันเกิดที่ตัวเรา และ ผมก็ให้แต่พอสมควร และ ก็เลือกให้หรือไม่ให้ แต่ไม่แบกไว้ จริง ๆ ก็ดูก่อนแต่การดูจะเป็นการดูและพิจารณาในอีกรูปแบบทางธรรม ไม่ได้เอาโลกมาตัดสิน ... ที่ผมอาจเข้าใจคนเดียวก็ได้ คงไม่ว่ากัน

    ถ้าถามว่า ทำไม่จึงเปลี่ยนความคิดไป ก็คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ผมได้ศึกษา และ ผมได้อ่านหนังสือที่มีคุณค่า ทางด้านความคิเรื่องของโลกกับธรรม มีอยู๋ 2 เล่ม คือ

    1. สัมมาทิฐิ จากคำสอนของพระสารีบุตร ผู้ให้พิมพ์ คือ นายหลวง ร.9 ของเรา
    2. อนาถปิณฑิกเศรษฐีเอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก (ที่ผมอ่าน มี 3 เล่ม)

    ทั้งสองเล่มนี้ทำให้การกระทำของเราตรงดีและเป็นสัมมาทิฐิ โดยเฉพาะ เล่มที่ 2 นั้น จะทำให้เราเรียนรู้ได้ว่า จะเป็นพระโสดาบัน ที่ร่ำรวยอย่างไร และ หาเงินใช้เงิน ให้ถูกต้อง ให้ทานที่ถูกต้องอย่างไร พระพุทธเจ้า ทรงสอน การดำรงค์ชีวิต ให้ใช้เงินและทำทานโดยละเอียด กับ อนาถปิณฑิกเศรษฐี เป็นเวลาค่อนข้างยาวนาน มีเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ ในการเป็น คนธรรมดาที่นับถือพระพุทธศาสนาแต่เป็นคนรวยมีเงินมีครอบครัว ใช้ชิวิตในโลกเหมือนคนธรรมดาได้ ไม่จำเป็นต้องออกจากโลก แม้ว่าจะเป็นพระโสดาบันก็ตาม

    ก็ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2006
  9. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    โดยส่วนตัวค่ะ ทุกครั้งที่พี่อ้อยให้เงินขอทาน พี่อ้อยจะมีความรู้สึกสบายใจ เพราะพี่อ้อยมีความรู้สึกว่า พี่อ้อยได้ให้ของ กับคนที่เขาอยากได้ และพี่อ้อยก็ไม่ได้สนใจว่า เงินที่เขาได้ไปเขาจะไปทำอะไร พี่อ้อยจะไม่คิดถึงเรื่องต่อจากตรงนั้นแล้วค่ะ
     
  10. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    ทำทาน... พึ่งทำด้วยเมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ และขจัดความตระหนี่ในตัวเรา....

    อย่ามัวไปนั่งวิเคราะห์.. ให้มันกังวลใจเปล่าๆ .. ให้คือให้ ให้ด้วยเมตตาขอรับกระผม...
     
  11. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    ผมว่าบาปนะ เพราะรู้ทั้งรู้ แต่ยังไปให้ทานเขา ลองคิดดูนะ
    1.เด็กที่เอามาอุ้มขอทานนะ ลูกเขาจริงๆเหรอ
    2.บางคดีที่ออกข่าว ว่าเด็กทารกใน รพ.โดนขโมย บางครั้งเป็น ฝีมือแก๊งขอทาน
    3.เด็กทารถ แขนขาขาดได้ไง เพราะถ้าพิการแต่กำเนิด ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ ที่ผมเคยเห็น ดูยังไงๆ มันก็เหมือนการตัดทิ้งอยู่ ดี

    ถ้ายังมีคนให้ทานกับ พวกแก๊ง เหล่านี้ วงจรอุบาทว์ แบบนี้ก็ยังไม่มีวันจบ
     
  12. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    ถ้าเราคิดว่า การที่เราทำบุญแล้วเราได้บุญ โดยที่ไม่สนใจ ว่า ขอทานเหล่านี้ ทำยัง กับเด็กๆตัวเล็ก ๆที่ เอามาอุ้มขอทาน
    ถ้าท่านคิดว่าทำทาน พื่อที่จะได้บุญ ท่านนะเห็นแก่ตัวมากๆ เพราะสิ่งที่ทำลงไปนะ มันไป หล่อเลี้ยง พวกมิฉฉาชีพ
    ปัจจุบัน นี้ ขอทานที่ไม่มีจะกิน จริงๆ นะ แทนจะไม่มีแล้ว ที่เห็นๆ กันนะ เป็นพวก แก๊ง เอาไปส่ง ให้นั่งขอทานตามที่ ต่างๆ
    ผมนะ เวลาเห็น พวกนี้ อุ้มเด็กตัวเล็กมาขอทาน เห็นแล้วรู้สึกสังเวศเวทนา ซะมากกว่า สงสารเด็กมาก อนาคต ไม่มี บางคนโดนทำให้พิการเพี่อเรียกร้องความสงสารอีก เด็กพวกนี้คือเครื่องมือ หากิน ของพวกแก๊งขอทาน
    บางคนคิดว่า ทำบุญเพื่อ ให้เงินเขาไปซื้อข้าวกิน ไม่ทราบว่าท่าน เคยดุรายการ tv บ้างมัย เวลาเขาออกข่าว คนนั่งขอทาน คนนึง บางวันได้เป็นพัน อย่าง ต่ำ 300-400 บาท มีรายได้มากกว่า คนทำงานกินเงินเดือน ซะอีก

    อยากทำบุญจริงๆ ก็ตามมูลนิธิ สิครับ หรือ ตามกล่องีบ บริจาค เงิน ตามห้างก็ได้ ที่ผม ทำบ่อยๆ นะ ตรงจุด แลกเงิน แลกคูปอง ทานข้าว ตามห้าง นะ จะมีกล่อง รับบริจาค อยู่ตรง เคาเตอร์ แบบนี้ นะ เงินไป ถึง คนที่เดือนร้อนจริงๆ
     
  13. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ให้เพราะสงสารค่ะ ยิ่งเห็นคนที่อุ้มลูกน้อยด้วยยิ่งน่าสงสาร เพราะเราก็มีลูก เคยอับจนมาก่อน คิดอะไรไม่ออก ทั้งที่ก้อมีการศึกษา (แต่ไม่คิดขอทานนะค่ะ) สงสารเค้ามาก เงินเราก็มีไม่มากค่ะ ให้ตามกำลัง 1-10 บาท แล้วแต่มีเศษตังค์ แต่ถ้าไม่มีก้อไม่ให้ค่ะ เห็นแล้วสงสารมาก ยิ่งเป็นคนแก่ยิ่งสงสาร บางคนเค้าก้อร้องเพลง เล่นเพลงแลกเงินนะค่ะ บางทีเค้าก้อขายของเราก้อจะซื้อของเค้านะคะเช่นลูกอม พวงกุญแจ ขนม สงสารมากเลย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ
     
  14. anitonyla

    anitonyla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +106
    ถึงปกติผมจะไม่ให้เงินขอทานแต่ผมก็สงสารเขานะครับ ผมคิดว่าถ้าเราจะกำจัดขบวนการแก๊งมิจฉาชีพไม่ควรไปแก้ปัญหาโดยไม่ให้เงินขอทาน เพราะมันเป็นปลายเหตุ เราควรไปกำจัดพวกที่ฉลาดในเรื่องชั่วๆทรามๆมากกว่า
    ส่วนเรื่องแบบว่า มือปืนที่ฆ่าเพราะกตัญญูต่อเจ้านาย เขาก็กตัญญูต่อเจ้านายจริงๆนะ เพราะเขารู้บุญคุณของคนที่ทำคุณกับเราไว้ก่อน แต่ การฆ่าคนนั้นเป็นบาป ผิดศีล และเป็นอกุศลกรรม ไม่ใช่สิ่งที่ดี ดังนั้นผมจึงเห็นว่า เขาก็ได้บุญในส่วนที่เป็นบุญ ได้บาปในส่วนที่เป็นบาป หว่านพืชเช่นไรก็ได้ผลเช่นนั้นครับ ความคิดเห็นผมผิดถูกอย่างไร ผู้รู้ก็ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ(จะได้ไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ)
     
  15. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    451
    ค่าพลัง:
    +1,182
    คุณ anitonyla ต้องมองให้ออกดีๆ ครับ เรื่องพวกนี้บางทีมองยาก ความกตัญญูไม่ใช่การทำตามใจหรือ เมื่อผู้มีพระคุณใช้ให้ทำอะไรก็ทำนะครับ มองง่ายๆ ว่าถ้าสิ่งที่เราทำมันก่อให้เกิดกรรมสู่ผู้มีพระคุณของเรา ไม่สามารถเรียกได้ว่ากตัญญูครับ

    อย่างที่เราทราบกันมาว่า การผิดศีลเรื่องการฆ่านั้น ไม่ว่าจะเป็น สั่งเขาให้ฆ่า หรือ ฆ่าเอง ก็ผิดทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อผู้มีพระคุณสั่งให้ฆ่า การไปฆ่าตามคำสั่งนั้น ไม่ถือว่ากตัญญูครับ ตรงข้ามเป็นบาปหนักด้วยซ้ำไป

    การมองตรงนี้ต้องพิจารณาครับ บางทีแล้วมันไม่ได้เห็นชัดๆ บางทีมันก็ดูขัดกับสัญชาตญาณที่มี ซึ่งต้องค่อยๆ ฝึกมองครับ

    ท่านโอโช่ นักปราชญ์ชาวอินเดียกล่าวไว้ว่า ญาณ มีอยู่สามระดับ คือ สัญชาตญาณที่มันติดมากับมนุษย์ตั้งแต่เกิดเป็นระดับต่ำสุด สูงขึ้นมาก็คือ วิชาญาณ อันได้จากการเรียนรู้และประสปการณ์ และระดับสูงสุดคือ ปัญญาญาณ คือ ญาณที่ได้จากสมาธิ ซึ่งเป็นญาณขั้นสูงสุด ลองนั่งสมาธิแล้วเอาเรื่องมือปืนนี้มาเป็นโจทย์ดูครับ แล้วลองวิเคราะห์ด้วยใจที่สงบ แล้วจะเข้าใจคำตอบครับ

    ทีนี้มาเรื่องขอทานต่อ มันหลายมุมมองครับ ที่ทุกท่านกล่าวมาก็ถูกทั้งนั้น เพราะต่างบรรยายจากมุมมองของตนเอง เมื่อผมมองตามมุมมองที่ท่านเหล่านั้นมอง ก็เห็นลึกซึ้งถึงความเมตตาที่มีให้ต่อผู้ยากไร้ และผมก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อท่านเหล่านั้นมองมุมเดียวกับผม ก็จะเห็นถึงปัญหาสังคมที่ตามมา

    มันคงจะไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ ถ้าผมยังจะยืนกรานว่า อยากให้เลิกให้เิงินขอทานเหล่านั้น แล้วหันมาบริจาคให้กับองค์กรณ์ต่างๆ แทน (โดยเฉพาะการศึกษา) อย่างน้อยก็เพื่อทำให้สังคมนี้ดีขึ้นน่ะครับ

    ใครจะเสริมแนวคิดใดๆ ก็ลงไว้นะครับ จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ
     
  16. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    พูดง่ายๆ เปรียบเทียบ ง่ายๆ สมมุติ ท่านมีลูก ชายหรือลูกสาว อายุ 2 ขวบ อยู่ดีๆ วันหนึ่ง หายไป อีก 2ปี ไปเจอ เขานั่งขาด้วน ขอทาน บนสะพานลอย ท่าจะคิดยังไง
    ที่ผมพูดนะเรื่องจริงนะ เพราะเคยอ่านเจอในข่าว เมื่อ12-13 ปีก่อน มั้ง ลูกหาย ไปเจอ ลูกอีกที ลูกเป็นขอทานพิการ เพราะโดนแก๊งขอทานลักพาตัวไป
    จะทำบุญ หรือ สงเสริม การ ค้า มนุษย์ ก็เชิญเถอะครับ ห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว
    การทำบุญของท่าน คือห่วงโซ่ การทำบาป ให้กับผู้อื่น
    บางท่านบอกว่าการไม่ทำทานเป็นเพียงปลายเหตุ แต่ผมว่าต้นตอ ของขอ ทานไม่ใช่ ใครอื่น เรานี่แหละ ที่ไปให้เงิน เขา ถ้าเราไม่ให้ อาชีพเหล่านี้จะหมดไป ท่านทำอาชีพที่ไม่ได้เงิน ท่านจะทำเหรอ
    ถ้ามีคนมาบอกว่า ขอตัดมือของคุณ1 ข้าง เพื่อให้คุณไปขอ ทาน แล้วมีคนสงสาร แบ่งเงินที่ได้ให้วันละ200 ท่านจะเอามั้ย
     
  17. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มานานแล้ว ถ้าให้ทานแล้วเกิดความสบายใจก็จงให้เขาไปเถิด แต่ถ้าให้ทานไปแล้วก่อให้เกิดความไม่สบายใจและคิดมากก็ไม่ต้องให้ โดยส่วนตัวแล้วให้เป็นประจำทุกบ่อยๆ

    ไม่เฉพาะแต่คนขอทานหรอก ในกรณีที่คนตกรถ (เงินหมดแต่ต้องเดินทางไป ตจว.ไกล) เขามาขอค่ารถก็ให้เขาทั้งๆที่ในใจก็คิดอยู่ว่าตกรถจริงหรือเปล่า แต่ก็ช่างเขาเถิดถ้าเขาไม่มีจริงๆเราก็ได้บุญที่ได้ช่วยเขา หากเขาโกหกเราก็ช่างเขาอีกหน่อยกรรมคงตามทันเองนั่นแหล่ะ ไม่อยากคิดมาก ไม่คิดผูกพยาบาทหรืออาฆาตแค้นแต่อย่างใด และเคยถวายค่ารถโดยสารให้กับพระสงฆ์ที่มาขอบิณฑบาตรค่ารถยนต์ด้วย อันนี้ให้ด้วยความเต็มใจและเลื่อมใสอยู่แล้วเพราะถือว่าเป็นพระสงฆ์อย่างน้อยๆ จิตอันเป็นกุศลที่เราให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจมักจะเกิดผลในชาตินี้หรือภพหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ...
     
  18. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    451
    ค่าพลัง:
    +1,182
    คุณ ###อ่อน#### กรณีที่คุณยกตัวอย่าง กับกรณีนี้มันไม่เหมือนกัน กรณีที่ผมพยายามชี้ให้เห็นคือ ขอทานที่ กทม ไม่ใช่คนที่ไปประสบพบเจอว่ากำลังต้องการความช่วยเหลือ มันต่างกัน อยากให้แยกแยะด้วย
     
  19. anitonyla

    anitonyla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +106
    อืม....หลายคนก็ต่างความเห็นนะครับ
     
  20. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">อนุโมทนา</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...