ทริปปราสาทดินถ้ำวัวแดง ชัยภูมิ 19-22กพ.2553

โมทนาสาธุ กับธรรมะปฏบัติของทุกๆท่าน ......
เจริญยิ่งในธรรม สมปราถณาทุกสิ่งทุกประการในสิ่งที่ตั้งเจตนาไว้ชอบ สาธุ .....

 

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ไปทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ด้วยค่ะ ....สาธุ (||)

 

สวัสดีค่ะ เพิ่งกลับมาถึงบ้านค่ะ ;aa44
ตีห้ากว่าๆของวันนี้อ้อยนั่งรถทัวร์กลับมาถึงเชียงใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ ^_^ ขอบคุณพี่ลี พี่กุ้ง น้องอ้อย แม่ใหญ่ น้องวัชมากๆเลยนะคะที่โทรมาถามไถ่ค่ะ และ ต้องขอบใจน้องอ้อยนครปฐมมากๆเลยที่จูงมือพี่ถึงประตูรถ นั่งรถเสร็จ ห่วงน้องต่อ กลายเป็นว่าห่วงกันไปห่วงกันมา และต้องขอกราบขอบพระคุณพี่มารีนที่ใจดีด้วยนะคะที่กรุณามาส่งทั้งสองอ้อยที่รังสิตค่า

มาถึง อาบน้ำ ทานข้าวเสร็จ ชวนกัลยาณมิตรทางเชียงใหม่ไปกราบและถวายน้ำสำรอง ผ้าห่ม และปัจจัยมอบถวายแด่หลวงปู่สังข์ที่ อ.แม่แตง และไปสำรวจเส้นทางไปวัดสันป่าสัก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่คณะของพี่กบจะไปหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมกันด้วยค่ะ (เป็นพระชำระหนี้สงฆ์ค่ะ จะร่วมหล่อในวันที่ 4 เมษายน 2553 ที่จะถึงนี้ค่ะ)

ปล.(ในครั้งนี้พี่นุชและคุณหม่อมได้ร่วมทำบุญกับหลวงปู่สังข์มาด้วยค่ะ ^_^ ขออนุโมทนาด้วยนะคะ)
และขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านร่วมอนุโมทนาด้วยกันนะคะ

เดี๋ยวขอพักสักแปบก่อนนะคะ แล้วจะทยอยนำรูปมาโพสต์นะคะ

ทริปนี้มีความประทับใจประทับจิตมากค่ะ พี่ๆน้องๆหลายๆคนล้วนมีเมตตาธรรมและภูมิธรรมสูง ได้อะไรจากทริปนี้เยอะมาก และขอขอบพระคุณ อาจารย์เล็กเป็นอย่างสูงนะคะ

ปล. พี่ลี พี่ซัน พี่ ณ น้องอ้อยจ๋า กึดเติงหาแต้ๆเจ้า :'( จริงๆแล้ว คิดถึงทุกๆคนมากมายเลยค่ะ เหมือนผูกพันกันมานาน คิคิ

 

ขอมา Jam สรุปด้วยคนค่า

Trip นี้ได้เนื้อความมาว่าในภาวะอันใกล้จะเกิดภัยพิบัติขึ้นได้ทุกเมื่อนั้น

ขอให้ทุกท่าน พูด ทำ คิด โดยมี " สัมมาทิฐิ " เป็นที่ตั้งของทุกๆ วาระจิต

และต้องพากันรักษา " ศีล ๕ " ให้ได้เป็นอย่างน้อย และเป็นปกติตลอดเวลานะคะ

จะได้ช่วยบรรเทาและ " ล้างกระแสลบ " ที่เกิดขึ้นมากับโลกในขณะนี้ ให้เบาบางลงไปได้

นอกจากนี้ต้องขอให้ทุกท่าน" ใช้ความเมตตา โดยยึดสัมมาทิฐิเป็นที่ตั้ง " ทุกครั้งนะคะ


เหล่านี้ล้วนเป็นเนื้อความบางส่วนที่ข้าพเจ้าพึงระลึกได้ เท่านั้น เนื้อความทางธรรมมากไปกว่านี้


ต้องรบกวนอาศัยทุกท่านเข้ามาช่วยร่วมเติมเนื้อความในส่วนที่ขาดหายไปกันด้วยค่ะ


โอย Trip นี้ทำข้าพเจ้ามึนหัว เมารถเป็นไปได้ ("~~) แต่ว่าตอนนี้หายสนิทดีแล้วจ้า


ขอขอบคุณในทุกน้ำใจไมตรีอันดีงามที่เพื่อนๆ ร่วม Trip มีให้แก่กันและกันด้วยนะคะ ช่วยเหลือกันดีจริงๆ ค่ะ

 

ทริปวัดปราสาทดิน ถ้ำวัวแดง 19-22 ก.พ 53

คืนนี้ชมรูปไปพลางๆกันก่อนนะคะ หากใครว่างก็ขอเชิญมาโพสต์เล่าธรรมะดีๆที่พวกเราได้รับ และประสบการณ์ความประทับใจต่างๆด้วยกันนะคะ ^_^

นอกเหนือจากธรรมะดีๆจากเบื้องบน คือครูบาอาจารย์หลายๆองค์ และ
หลวงปู่ละมัย วัดใน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์
หลวงปู่บุญมา(ท่านเจ้าคุณศรี) วัดปราสาทดิน จ.ชัยภูมิ
พระอาจารย์วัดถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ

ยังได้รับการฝึกสมาธิจาก อาจารย์คณานันท์อีกด้วย
รวมถึงการรวมพลังจิตในการแผ่เมตตาทั่วทั้ง3ภพ
การรักษาโรคด้วยแผ่นทอง(เรียกไม่ถูกค่ะ ^^)
การสาธิตการใช้ใบไม้ตัดท่อนไม้
ความเมตตาสอนสิ่งที่ดีๆหลากหลายอย่างให้ทุกๆคน
ความมีน้ำใจระหว่างกัลยาณมิตรหลายๆท่าน
การรับรู้และการเตรียมการณ์ เตรียมใจเกี่ยวกับภัยพิบัติ
การรวมพลังความสามัคคี

และการบอกกล่าวเล่าถึงประสบการณ์ของหลายๆท่าน
และยังได้ร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆบุญกุศลของท่านกัลยาณมิตรด้วยค่ะ

เรียกได้ว่า ไปคราวนี้ ได้อะไรกลับมามาก คุ้มจริงๆเลยค่ะ ^_^
แต่คืนนี้เมมโมรี่ชักเลือนๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ อิอิ

และขอเรียนเชิญทุกๆท่านอนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ ^_^

 

พี่กบจ๋า อ้อยขออนุโมทนากับบุญใหญ่ที่พี่กบได้กรุณาส่งให้พวกเราทุกๆคนโมทนาร่วมกันด้วยนะเจ้า ^_^ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
และขอขอบพระคุณพี่กบอีกครั้งสำหรับขนมและเสบียงที่เตรียมมาฝากสำหรับพวกเราทุกคนด้วยค่ะ จุ๊บๆ

 

ขอสรุปธรรมที่ได้จากทริปอย่างย่อๆ

๑.การกราบพระให้น้อมถึงไตรสรณะ
๒.ณาน๔หยาบและละเอียด
๓.การใช้กสิณพิจรณาร่างกาย
๔.มโนมยินธิครึ่งกำลัง
๕. การทรงภาพพระ

งานที่พระท่านสั่ง (แล้วแต่บุคคล)

๑.ทำตัวเองให้ดีก่อน
๒.ทำให้ผู้อื่นเข้าถึง ศีล ๕
๓.สอนธรรมมะให้แก่ผู้อื่น (สร้างครู)
๔.ภัยพิบัติที่จะมาในเร็ววัน


หลงลืมตรงใหนเพิ่มให้ด้วยนะครับ

 

แรกออกจากกรุงเทพ เราไปกราบหลวงปู่ละมัย ที่สวนสมุนไพร วัด สิรินทาราม อำเภอชนแดน เพชรบูรณ์ครับ คุณเหล็กกรุณาขับรถมาจากตาก เพื่อพาขบวนรถพวกเราไป ไม่งั้นหาทางไปไม่เจอแน่ๆ
ในรูปจะเห็นท่านกับสัตว์เลี้ยงแสนรู้ของท่าน ท่านบอกว่า พันธุ์นี้หาที่อื่นไม่มี
ก่อนกลับท่านโชว์การขับรถปิคอัพให้พวกเราดูด้วย ท่านอายุ ๑๔๔ ปีแล้วนะครับ มีคนตาดีแอบจดหมายเลขทะเบียนรถมาซื้อหวยด้วย แต่ผมจำไม่ได้

 

กว่าจะไปถึง วัดปราสาทดิน อ.ภัคดีชุมพล จ. ชัยภูมิก็กำลังจะค่ำพอดีครับ ที่เห็นเด่นสง่าคือปราสาทสูง ๗ ชั้น เข้าใจว่าท่านเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปีมานี้เองละมัง รูปที่มืดหน่อยคือที่ถ่ายตอนเพิ่งมาถึง

 

รูปนี้ถ่ายตอนวันรุ่งขึ้น ออกมาทางซ้ายหน่อยครับ

 

ไปคืนแรก ทางวัดก็เตรียมอาหารไว้รอแล้ว หลวงปู่กลับมาตอนค่ำหน่อย พวกเราลงไปกราบตอนท่านลงมาจากรถ ท่านก็เมตตามาก บอกเจอกันอีกทีตอนทำวัตรเช้า (ตีสี่) หลังทำวัตรเช้า ท่านพาเดินจงกรมรอบปราสาท แล้วก็เข้าไปพานั่งเข้าสมาธิประมาณ ๑ ชั่วโมง ตามด้วย การออกกำลังกายดัดตัว เพื่อให้เป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (ดีมากเลยครับ รู้สึกตัวดี) ภาพที่โพสต์ ดูเหมือนพวกเรากำลังคุยกัน มี คุณนัทอันดามัน คุณโฟร์ คุณเหล็ก และอาจารย์คณานันท์ ตอนรอจะใส่บาตรหลวงปู่ตอนเจ็ดโมงเช้ากว่าๆ เพราะวันเสาร์อาทิตย์ พระวัดนี้จะไม่ออกไปบิณฑบาตข้างนอก ท่านกับพระจะรับบิณฑบาตรในประสาทดินชั้นล่างเลย ส่วนกับข้าว บางอย่างหลวงปู่ท่านลงมือทำกับข้าวเลี้ยงพระและญาติโยมให้เองเลย แล้วมีบางส่วนชาวบ้านเอามาถวาย ส่วนญาติโยมก็จะรับประทานอาหารในปราสาทดินหลังประเคนกับข้าวให้พระและท่านสวดให้พรแล้ว โดยพระท่านก็จะเอาข่้าวส่วนที่ท่านบิณฑบาตรได้มากเกินไปมาเทคืนให้เพื่อโยมจะได้เอาไปทานกัน

 

ตอนรอใส่บาตรภายในครับ ท่านในภาพ คือ พี่นุช และพี่หม่อมครับ มาจากออสเตรเลีย ท่านทางขวาคงไม่ต้องแนะนำอีก

 

ทางเข้าหน้าวัดถำ้วัวแดงด้านล่าง เพื่อข่้ามห้วยก่อนไปถึงเชิงบันไดขึ้นเขาครับ ใครเป็นใครดูเองนะครับ

 

อีก ๑๔๐๐ ขั้นบันไดต่อมา (หยุดพักหลายรอบมาก) ก็ถึงหน้าถ้ำ มีศาลา เราเข้าไปกราบพระอาจารย์ด้านใน ท่านให้พวกเราแนะนำชื่อแต่ละคนทีละคน เข้าใจว่าตอนนั้นท่านสแกนเราทีละคนๆ เรียบร้อยทั้ง ๓๐ กว่าคน ท่านพูดคุยกับพวกเราทั้งกลุ่มอย่างสนุกสนาน ร่วม ๓ ชั่วโมง ผมรู้สึกสงสัยตะหงิดๆว่าจิตท่านไม่ได้พูดเอง สุดท้าย มีโยมหน้าตื่นเข้ามาบอกว่า ไฟใหม้ป่า กำลังจะลามมาที่วัด พวกเราแตกฮือ ต้องออกไปเป็นพนักงานดับเพลิงกัน วันนั้นต้องไปเหนื่อยสองรอบ รอบแรกก่อนเข้าถ้ำ รอบสองหลังออกจากถ้ำ เพราะมันยังดับไม่หมด

 

ตอนนี้กำลังขึ้นไปดับไฟรอบสองครับ คนจากกลุ่มอื่นหายไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกเราพลังจิตครับ

 

เสร็จจากภารกิจผจญเพลิงสองรอบ ก็ลงเขากันครับ เพื่อกลับวัดปราสาทดินที่ห่างออกไปสักสามสี่กิโลเมตร (ตกค่ำนั้นยังมีพวกเราบางคนที่จะขึ้นบันไดมายังถ้ำเป็นรอบที่สองเพื่อปฏิบัติธรรมกับหลวงพี่ข้างบนอีกนะเนี่ย แรงดีจังเลย)

 

กลับมาที่วัดปราสาทดิน หลวงพี่ใจดีสององค์ท่านอาสาให้บริการอบไอน้ำ (เซาน่า) สมุนไพรให้เรา เพื่อแก้ปวดเมื่อย และแถมดื่มน้ำสมุนไพรร้อนๆอีกต่างหาก มียาผสมอยู่หลายตัว จำได้อย่างเดียวคือ ม้่ากระทืบโรง ท่านบอกว่า ถ้าไม่อบ ไม่ดื่ม ลงเขามาวันพรุ่งนี้หมดแรงแน่

 

ห้องอบไอน้ำมีสองห้อง ของผู้ชาย และ ของผู้หญิง และมีบ่อซีเมนต์น่้ำเย็นให้แช่ด้วยอีกสองบ่อ พวกเราเลยสนองคำเสนอของหลวงพี่ เข้าไปอบไอน้ำสักครึ่งชั่วโมง ภายในกลิ่นสมุนไพรหอมตัวยาดีมาก สูดเข้าจนเต็มปอด ส่วนเหงื่อก็ออกมาเป็นลิตรละมัง พวกเราบางคนบอกว่าเขาถือโอกาสรีดไขมันจากพุงไปด้วย (อุ๊บส์ ไม่ได้หมายถึงคนในรูปนะครับ เป็นคนอื่นครับ ต้องขออภัย บังเอิญๆจริงๆ รูปซีนนี้ไม่มีเขา) หลังจากพวกเราทนความร้อนไม่ไหวก็วิ่งออกไปกระโจนลงบ่อน้ำเย็นทันที สยิว บรื๋อ หนาว แช่นานจนไม่อยากจะขึ้นมา

สมุนไพรยอดมากครับ คืนนั้นผมและหลายคนหลับสนิทเลย (คุณสุภาพสตรีห้องข้างๆแซวว่า แหมเสียงใครกรนดังอย่างกะโรงสี) ตื่นเช้ามาไม่เพลียไม่เมื่อย แต่ดูเหมือนคนที่ขึ้นเขาไปรอบสอง การอบไอน้ำกับดื่มสมุนไพรอาจจะไม่ได้ช่วยนักละมัง เห็นสลบสไลกันวันรุ่งขึ้น


พอวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ติดใจ พอหลวงพี่ชวนอบให้อีกวัน ก็ตกลง หลังทำวัตรเย็นก็ไปอบอีกรอบตอนค่ำๆ แม้วันนี้ไม่ขึ้นเขาก็ตาม มีคนแซวตัวเองด้วย พูดว่า พวกเรามาวัดปฏิบัติธรรมหรือมาทัวร์กันเนี่ย

 

โมทนากัยทุกท่านครับ

ผมแยกจากถ้ำวัวแดงแล้วเดินทางสู่ลำปาง จากนั้นเดินทางมาพักผ่อนและธรรมะที่บ้านพ่อญาติธรรม ที่เชียงใหม่

วันนี้เดินทางกลับคาดถึงกทมค่ำๆ

ใด้สร้างบุญตามวาระ ตั้งแผนว่าจะเดินทางบำเพ็ญที่วัดถ้ำเมืองนะ แต่ไม่ทันครับ โอกาสเหมาะที่ใด้คุย กับท่านพี่สล่า บุญตัน ช่างตีดาบเมืองหนึ่งที่ลำปาง พี่สล่า ท่านคุยสนุสมาก ทั้งเรื่องการปฏิบัติธรรม ช่วยงานของหลวงปู่ละมัย และการตีดาบแบบต่างๆครับ

 

มาทำงานแล้วจ๋า ...รอชมรูป ไม่ได้เอากล้องไป พี่มิ้งบอกเอาไปฝากไว้กับคนอื่นได้ อิอิ...
อนุโมทนาสาธุกับพี่กบด้วยนะคะ พี่อ้อยด้วยจ๋า ....
ธรรมจัดสรรจริง ๆ คะ วันลากันยังไม่อยากลาเลย อยู่ด้วยกันไม่นานแต่รู้สึกผูกพันธ์กันง่ายดายเสมือนหนึ่งเคยรู้จักกันมาอย่างดี