ทำไมนั่งสมาธิแล้วกลายเป็นคนเสียสติคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย artty, 9 สิงหาคม 2006.

  1. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    คนนั่งสมาธิแล้วบ้าเกิดจากหลายกรณีที่หลายท่านโพสต์มา ผู้ที่จะเริ่มฝึกควรจะต้องมีหลักการศึกษาให้เข้าใจก่อน ควรจะไปสมาทานพระกรรมฐานกับครูอาจารย์ก่อน พยายามทำความเข้าใจให้มาก และให้รู้ข้อปฏิบัติต่างๆ เช่น ก่อนออกจากสมาธิอย่าลืมตาทันที่ ไม่ว่าจะถูกรบกวนจากภายนอกหรือภายใน ให้ขยับมือ บีบมือ หายใจลึกๆ 3 - 4 ครั้ง เพื่อให้รู้สึกตัวเตรียมพร้อมก่อนออกจากสมาธิ เพราะการออกจากสมธิแบบฉับพลัน คือลืมตาทันที่ทันใด ระบบประสาทของเราจะได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้มีอาการปวดหัวมึนงง ซึ้งอาจจะทำให้เป็นโรคประสาทได้ มันเหมือนการขับรถมาอย่างเร็วแล้วเบรค
    อย่างกระทันหันทันที่ รถก็หมุนเลยพลิกควำ
     
  2. kan227

    kan227 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +4
    การนั่งสมาธิโดยการใช้อาปานณสติ มีside effect น้อยที่สุดครับ
    ในกรรมฐาน 40 ดังนั้น ใครอยากฝึกไม่ต้องกังวลให้เกินกว่าเหตุ ใช้วิธีอาราธนาศีล และ เจริญพุทธานุสติร่วมด้วยได้
    ส่วนเรื่องเจ้ากรรมให้ใช้พรหมวิหารสี่ และ แผ่เมตตาครับ
    เรื่องคุณไสย หากยังไม่มั่นใจให้ใช้คาถาป้องกันฝ่ายพุทธบทใดที่คุณศรัทธา
    ซึ่งมีหลายบทที่เป็นที่นิยมครับ เช่น พระคาถาชินบัญชร พระพุทธเจ้า5 พระองค์
    ที่สำคัญไม่ควรหลงไปกับนิมิตมากเกินสมควร
    เกรงว่าคนที่ฝึกใหม่อ่านแล้วเกิดท้อถอย หรือเกรงกลัว ในการสร้างบารมีจะกลายเป็นมิจฉาทิฐฐิมีผลบาปใหญ่ครับ
     
  3. angus

    angus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +2,725
    คุณ คณานันท์ ตอบได้ครอบคลุมจริงๆค่ะ ดิฉันเคยได้ยินพระและครูท่านพูดแบบนี้ไว้เหมือนกัน ถ้าไม่หนักนัก คือเริ่มเป้นยังพอแก้ได้ทัน โดยไปหาครูบาอาจารย์ พระท่านช่วย ท่านจะนำฝึกและแก้ไข แต่ถ้าเป็นมาก ไม่แน่ใจว่าจะแก้ได้ไหมนะค่ะ นอกจากที่วัดธรรมกายแล้ว ขอแนะนำให้ไปที่
    1. หลวงพ่อแสวง วัดยานนาวา ( สายสุขวิปัสโกนะ )
    2. หลวงปู่เจือ
    ถ้าอยากได้เบอร์ PM เข้ามานะค่ะ โทษทีไม่กล้าลง
     
  4. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    ดูน่ากลัวจังเลยค่ะ ใจฝ่อเลย หัดนั่งเองเหมือนกันค่ะ ประมาณเดือนนึงแล้ว ตอนนี้คิดไม่ตกเลยว่าจะหัดเองต่อดีหรือเปล่า ไม่มีเวลาไปฝึกที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมน่ะค่ะ ...
    แล้วถ้าเราได้ลองไปฝึกกับอาจารย์แค่ครั้งเดียวแต่หลังจากนั้นฝึกเองจะได้ไม๊คะ
     
  5. moomzaa

    moomzaa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +19
    ตอ้งขอโทษดว้ยครับหากข้อความของผมทำให้ทุกคนกังวลใจ แต่จำเป็นมากครับเพราะอยากได้คำแนะนำและความช่วยเหลือครับ ขอโทษจริงๆ แต่การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดีครับ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติและทำให้ถูกวิธี ไม่ตอ้งกังวล หรือลังเลที่จะทำครับขอให้ตั้งใจ แค่นี้ก็ดีแล้วครับ ขอให้พระคุ้มครองทุกคนครับ
     
  6. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ....

    อย่าไปกังวลเลยครับ

    .... ถ้าตั้งกระทู้ใหม่ ขึ้นมาว่า "ทำไมเดินอยู่เฉยๆ แล้วโดนเครื่องบินหล่นทับตายคะ" แบบนี้..จะกล้าเดินกันอ่ะป่าวครับ???

    ของมันง่ายๆ แต่โดนเบี่ยงประเด็นนิดเดียว ก็เข้าป่าเข้าพงกันหมดแล้ว ...

    เราจะทำสิ่งใดๆ ก็ให้เสียสละไว้เถอะครับ ...
     
  7. penney

    penney เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ทางสายกลาง
    ไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป

    คราวนี้ไม่บ้าแน่ๆ

    เพราะเราก็ไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม
    เกือบทุกต้นเดือน ญาติของเพื่อนที่ชวนไปด้วย
    เขาก็บอกเพื่อนว่า ให้ดูเราด้วยนะ
    ประมาณว่าดูอาการ เดี๊ยวจะบ้าไปซะก่อน
    เราก็ได้แต่ยิ้มและอธิบายให้เพื่อนฟัง

    คนที่ไม่ได้ฝึกก็จะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร

    แต่ที่แน่ๆใครจะว่าอะไรเรา เราไม่สน
    เพราะว่าเรารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่


    ป.ล.ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิอ่ะค่ะ
    แต่จะ ภาวนามากกว่า เวลานั่งรถ
    ก็จับลมหายใจเข้าออก วันละนิดละหน่อยก็ยังดีค่ะ

    ใครจะว่าเราบ้าก็ให้เขาว่าไป แต่เราบ้าที่จะทำดี
    บ้าที่จะเป็นคนดี แบบนี้คงไม่ทำให้ใครเดือดร้อนใช่ไหม๊คะ
     
  8. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ยังหวันถ้ามันเป็นมาก กลัวจัง กลัวหลงผิด ดันไม่มีครูด้วยงะ
     
  9. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    -สติๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  10. ปล่อยวาง

    ปล่อยวาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +39
    ปล่อยวาง........
     
  11. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    เป็นกรรมของเค้ามั้ง
     
  12. nakrak

    nakrak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
  13. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เพราะ"เก่งเกินครูบาอาจารย์ครับ" หลือ "พวกคิดเองเออเอง" อาศัยอ่านตำรามากแล้วเอาไปทำเอง ไม่มีครูบาอาจารย์หลือผู้รู้"จริงๆ"มาให้คำชี้แนะ ตั้งแต่เป็นลูกศิษท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ เห็นคนที่ทำเกินครูบาอ.จแล้ว"เพี้ยนๆ"มามากมายเสียผู้เสียคน...ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรทั้งทางโลกทางธรรม(พวกหัวดื้อ คนพวกนี้สังเกตุดูง่ายๆจะเป็นพวกชอบอ่านหนังสือที่ครูบาอ.จเขียนเอาไว้จะรู้หมดทุกตอน พวกนี้รู้มามากตอนฝึกจริงๆเลยเกิด"อุปาทาน"เพราะไปรู้คำตอบมาแล้วเลยจินตนาการกันไปใหญ่เป็นตุเป็นแตะ) แต่ก็เห็นมามากที่ได้ดิบได้ดีเป็นคุณหมอน.พ เป็นศาสดาจารย์ที่เป็นจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงจริงๆ ซึ่งโตรู้จักดี คนที่ได้ดีส่วนใหญ่จะเป็นคนผูดน้อยแต่มีความรู้จริง ไม่เคยจะประกาศตัวว่า"ทำได้" แต่ท่านเหล่านั้นจะใช้ความรู้ที่ได้จากครูบาอาจารย์ใช้เฉพาะตัวในหน้าที่การงานของตัวเองและในการประครองตัวและครอบครัวจนได้ดิบได้ดี หลือบางคนเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็มีมาก เป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคมก็มีมากมาย ทุกๆคนจะมี"limit"ในตัวเอง ไม่ทำอะไรเกินคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ เพราะครูบาอาจารย์สอนให้เป็นคนฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรม ค่อยๆทำ"บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น" เมื่อไหล่ที่"บุญกุศลรวมตัว"เมื่อนั้นก็จะได้สมหวังทั้งทางโลกทางธรรมเองตามบุญ ตามวาสนาที่ได้บำเพ็ญมา....

    ปล.ตำราของครูบาอ.จหนะดีๆมากด้วยแต่ต้องอ่านอย่างมีสติ อ่านแล้วก็เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันให้มีประโยชน์"อย่างมีสติ".
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2006
  14. t_kanhachalee

    t_kanhachalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +124
    "อินทรีย์" แปลว่า ความเป็นใหญ่ เป็นอิสระในตัวในหน้าที่ จะมีธรรมะอยู่ 5 องค์คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
    ศรัทธา ก็ได้แก่ความเป็นใหญ่ในการเชื่อ การเลื่อมใส การน้อมใจยอมรับ *ถ้ามากจะออกไปทางงมงาย
    วิริยะ ได้แก่ความเป็นใหญ่ในการตามกำหนดสภาวะปรากฎการณ์ต่าง ๆ *ถ้ามากไปจะฟุ้งซ่าน
    สมาธิ ได้แก่ความเป็นใหญ่ในการนิ่งตั้งมั่น ปักดิ่งอยุ่กับอารมณ์ในอารมณ์หนิ่ง *ถ้ามากไปจะง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจและถ้าลึกไปๆ ก็จะเป็นอัปปนาไม่รับรู้สภาพการณ์ในปัจจุบัน
    ปัญญา ได้แก่ความเป็นใหญ่ในการรอบรู้เห็นอารมณ์และปรากฎการณ์ต่างๆในปัจจุบัน *ถ้ามากไปจะไม่เชื่อ วิพากษ์วิจารณ์เพ้อเจ้อฟุ้งซ่าน
    สติ ได้แก่ตัวกำหนดรู้ ความไม่หลงไม่เผลอ จะเป็นตัวกลางในการปรับอินทรีย์ โดยไม่ให้หลงเชื่อ หลงนิ่ง หลงเพียร หลงวิพาษ์ วิจารณ์
    ถ้าถามว่าทำไม่ต้องมีการปรับอินทรีย์ คำตอบก็คือเพื่อให้เกิดญาณ ได้แก่การเข้าไปเห็นรูปนารเบญจขันธ์ตามความเป็นจริง ถ้าอินทรีย์ไม่เสมอกัน ไม่สมดุลกัน ญาณหรือความรู้แจ้งในรูปนามเบญจขันธ์ตามความเป็นจริงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย จะเห็นแต่ธรรมะ 4 องค์คือ ศรัทธา ปัญญา สมาธิ และวิริยะ
    ++ในการปรับแต่งอินทรีย์นั้นแบ่งธรรมะออกเป็น 2 คู่ คือศรัทธากับปัญญาต้องสมดุลกันเสมอกัน สมาธิกับวิริยะต้องสมดุลกันเสมอกัน ส่วนสตินั้นเป็นตัวกลางทำหน้าที่คอยปรับแต่งให้ธรรม 2 คู่ มีกำลังเท่าๆ กัน ไม่เหลื่อมล้ำกัน ในการปรับนั้นสติต้องคอยกำหนดเมื่อใดตัวหนึ่งมีกำลังมากหรือล้นเกินไปเช่นพอศรัทธาล้นขึ้นมาก็กำหนดตัวศรัทธา พอปัญญาล้นขึ้นมา ก็กำหนดตัวปัญญา การกำหนดนั้นแหล่ะเป็นการปรับยื้อดึงไว้ไม่ให้ไหลไปเรื่อย
    ที่นี้ในการนั่งสมาธิจะได้วิริยะหนี่งส่วน สมาธิสามส่วน พอไปเดินจงกรมจะได้วิรยะสามส่วน สมาธิหนี่งส่วน
    ดังนั้นในการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานระบบนี้จึงจำเป็นต้องมีการเดินจงกรมและนั่งสมาธิสลับกันไปทุกๆ ครั้ง ในเวลาที่เท่าๆกันโดยประมาณ เพื่อให้สมาธิกับวิริยะในอินทรีย์มีกำลังเท่าๆ กัน เพือเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้พัฒนาปัญญาให้เห็นแจ้ง
    การปรับอินทรีย์นั้นเปรียบได้การควบคุมม้าเทียมรถของนายสารถีจะคอยควบคุมให้ม้าทั้ง 4 ตัวใช้กำลังในการวิ่งเท่าๆ กัน จะได้วิ่งไปตรงทางเพื่อถึงจุดหมายปลายทาง ม้า 4 ตัว ก็เปรียบเสมือนกับธรรมะ 4 องค์ คือศรัทธากับปัญญา และสมาธิกับวิริยะ ส่วนสติก็เปรียบได้กับนายสารถี
    (วิถีแห่งพุทธะ พระนวลจันทร์ กิตติปญโญ)
    **จะเห็นว่าตัว+สติ+สำคัญที่สุดครับ มีมากเท่าไหร่ยิ่งดี แต่อีก 4ตัว ศรัทธา วิริยะ สมาธิ ปัญญา ต้องปรับให้เสมอกัน
     
  15. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    (b-oneeye) (verygood)


    เราไม่เชื่อนะว่า การนั่งสมาธิทำให้คนเป็นบ้า (ต่อให้จิตแพทย์ออกมาพูด เราก็ไม่เชื่อนะ เพราะ การนั่งสมาธิ คือการปล่อยวางทุกอย่าง ไม่ให้คิดอะไรในสมองเลย กำหนดจิตที่ลมหายใจอย่างเดียว แล้วมันจะเป็นบ้าได้ไง เราไม่เข้าใจ ในเมื่อการนั่งสมาธิก็เป็นผ่อนคลายจิต เป็นการบำบัดรักษาอาการทางจิต ของคนมีทุกข์ด้วยซ้ำไป)

    1. เราว่า เขาอาจจะไม่ใช่คนที่ ฝึกนั่งสมาธิมาแต่เด็ก หรือ เคยมีพระ / ครูฝึกสอนการนั่งที่ถูกวิธีให้ ทำให้ฝึกแล้วไม่ได้ผล แล้วไปโทษว่าการนั่งสมาธิไม่ดี

    (เป็นคนที่เริ่มมีอาการประสาทอยู่ก่อนแล้ว พอมาฝึกก็ไมได้ผล)

    บางทีร เขาอาจจะมีปัญหา ชีวิตที่หนักมาก จนอยากจะฆ่าตัวตาย ไม่ก็เครียดเรื่องเงินๆทองๆ เรื่องการเรียน การทำงาน --->>> แล้ว หันมาทางธรรมะ
    ช่วงที่นั่งสมาธิ จิตไม่สงบ แถมมี สภาวะจิตฟุ่งซ่าน หวั่นไหวง่าย เลยเกิดภาพหลอนไป จนอาการหนักกว่าเดิม เหมือนคนฝึกกำลังภายในแล้วธาตุไฟเข้าแทรก
    (f)

    2.ติดยาเสพติด จนประสาทหลอน(nogood)

    3.ติดยาลดน้ำหนัก มานานหลายเดือนจนเริ่มเบลอ มีการหูแว่ว

    4. เคยหกล้มแล้ว หัวกระแทรกพื้น อย่างรุนแรง ไม่ก็ มีการบาดเจ็บที่ศรีษะ

    5.เป็นไมเกรน เป็นโรคเครียด

    6.ผ่านการฝึกทหาร ที่หนักแล้วก็ ทารุณมาก่อน

    7.มีประสบการณ์เลวร้ายในชีวิต ที่คนทั่วไป ไม่เคยพบเจอ มาก่อน เช่นถูกข่มขืน ถูกลักพาตัว เจอตึกถล่ม แล้วหนีตายออกมา
     
  16. v.mut

    v.mut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +274
    ทุกสิ่งย่อมมีคมสองด้าน อยู่ที่เจตนา หรือมีความไม่รู้ไม่เข้าใจ เป็นอวิชชา

    อันที่จริงสมาธิ มีมานาน ก่อนพุทธกาล พวกโยคี ฤษีชีไพรท่านก็ปฏิบัติสมาธิไปถึงขั่น อรูปญาณกันเสียด้วยซ่ำ แต่ ก็มิใช่หนทางแห่งการหลุดพ้น เพราะผลพลอยได้ แห่ง ฤทธิ จึงทำให้ท่านเล่านั้น ติดหลงฤทธิ

    สมาธิในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความตั่งมั่น สงบระงับจากนิวรธรรมทั่งหลายทั่งปวง จึงเป็นการปฏิบัติเพื่อให้จิตมีความตั่งมั่นหลุดพ้นทาง กิเลส เพื่อให้รู้ ให้ละ แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะก็ตาม การปฏิบัติสมาธิ ในทางสมาถะนั้น มักจะมีผลพลอยได้ จาก ญาณ ซึ่งเป็นโลกียญาณ เมือหลงเข้าไปติดมันเข้าก็แกะได้ยาก เพราะมนุษย์ปุถุชนที่ยังมีอนุสัยกิเลสนอนก้นอยู่ภายในจิตเป็นตัวนำพา ปรุงแต่ง หลงเข้าไปยึดถือเป็นตัวเป็นตน มันจึงเป็นสิ่งอันตราย หากไม่รู้เท่าทัน กิเลสที่ค่อยแอบชักใยอยู่ภายใต้จิตใจของเจ้าตัว

    กรรมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเอาไว้ ฉะนั้นผู้ที่ต้องการฝึกปฏิบัติตน ก็อย่าได้ละเลย หรือมุ่งจะเอาแต่ทำสมาธิ เห็นผู้คนทำสมาธิก็ ทำตามกันไป พึงสำรวจ และ กระทำ ทาน ศิล ให้บริสุทธิยิ่ง ๆขึ้นไปตามด้วย วันทั่งวัน มี 24 ชั่วโมง หากเพียงหวัง ว่า การนั่งหลับตา ทำสมาธิเพียง ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง แต่ อีก 23 ชั่วโมงที่เหลื่อในแต่ละวันกลับ หลง สติ หรือ ไปกระทำอะไรต่อมิอะไรมา แล้ว หวังว่า ทำสมาธิ แค่ ชั่วโมง สองชั่วโมง แล้ว จะหลุดพ้นได้หรือ ? หากสมาธิขาด สติ สัมปชัญญะแล้ว มันก็ยังเป็นมิจฉาสมาธิ มิได้เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น หรือระงับกิเลส แต่เป็นไปเพื่อสิ่งอื่น ซึ่ง ผล ก็ย่อมมาแต่ เหตุ ผู้ฝึก สมาธิ พร้อม กับ สติ ก็มิต้องกลัวการเสียจริตมากนัก

    อินทรี ห้า พละ ห้า เพิ่งทำให้เสมอกัน ก็จะเป็นการป้องกัน ภัยไปในตัว หรือ เจริญสติปัฏฐาน ให้มาก สมาธิก็ย่อมเกิดขึ้นได้ เองโดยมิต้องเน้นการนั่งหลับตาทำสมาธิให้มากนัก เว้นแต่ผู้มีจริตในทาง เจโตวิมุติ ก็สามารถเดินในแนวทาง สมาถะกรรมฐานเป็นบาทฐานในเบื่องตน แล้ว จึงเดินเข้าสู่วิปัสสนา แต่ การเดินในสายเจโตวิมุติ ก็เพิ่งจะมีครูบาอาจารย์ กัลญาณมิตรเอาไว้ เป็นการอุ่นใจ แต่ในปัจจุบัน ก็หาได้ไม่ง่ายนัก ฉะนั้นการจะนำไปสู่สำนักใด ๆ ในการปฏิบัติ ก็ต้องชั่งใจให้ดี ๆ ก็กันดี ๆ ศึกษากันให้ดี อย่าตามๆ หรือถูกชักจูงไป
    ศึกษาจาก ตำราครูบาอาจารย์ในแต่ละสายให้ดี ว่า ถูกจริตเรา หรือ ไม่ เอาความรู้สึกลึกๆ เราเป็นตัวตั่ง

    สำหรับผู้ที่ฝึกเอง ในความคิดเห็นส่วนตัว แล้ว ความเสียจริตคงจะไม่เกิดง่ายๆ หลอกครับ มันไม่ได้เป็นบ้ากันได้ง่าย ๆ อย่างที่ฟังๆ กันมาหรอก เว้นแต่มีแนวโน้ม่ที่จะเสียจริตอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่คนที่จะเสียสติมักจะอยู่ในโลกของตัวเอง มีโลกของตนเอง ปรุงแต่งไปต่างๆ นานา

    อินทรี 5 หาก อันใดอันหนึ่งมีมากเกินก็มักจะมีผลเสีย เว้น แต่ ตัวสติ ที่มีมาก เจริญให้มากเท่าไร กับ เป็นผลดี และ เป็นเครื่องนำพาให้เดินถูกทาง

    ศรัทธา หากมีมาก ก็จะมีความหลง เชื่อมากเกิดเหตุ หลงเชื่อถือโชคลาง หลงในคำสอนต่าง ๆ นานา ฉะนั้น การปรับอินทรี ของศรัทธา ก็ต้อง
    เจริญปัญญา เพื่อปรับสมดุล โดยมีโยนิโสมนัสิการในสิ่งต่างๆ

    วิริยะ หากมีมาก เกินเหตุ ก็มักจะเกิดอาการฟุ่งซ่าน ขาดการจดจ่อสำรวมระวัง ก็เพิ่งต้องปรับสมดุล โดยความมีสมาธิตั่งมั่นต่อสิ่งนั้น เปรียบเหมือนคนขยั่นทำงานทั่งวันแต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะอันโน้นก็จะทำอันนี้ก็ต้องทำ

    สติ เพิ่งเจริญให้มาก มีให้มาก ควบคู่กับ สัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่งพร้อม ใน เป้าหมายความมุ่งหมาย ในการกระทำ ในระหว่าง และ ในกาล

    สมาธิ หากมีมากเกิน ก็จะซึม ปิดโลก กลายเป็นไม่เอาอะไรเลย ไม่รับรู้สิ่งภายนอก ไม่ควรแก่การงานทั่งปวง

    ปัญญา หากมากเกิน ก็จะเป็นความแข็งกระด้าง ขาดความอ่อนน้อม ไปจนถึงความยึดมั่น ไม่เชื่อ มีทิฐิในตัวตนเองจนเกินความพอดี จึงต้องปรับ ด้วย ศรัทธาอินทรีย์

    เจริญธรรมครับ
     
  17. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    เป็นกรรมของแต่ละคนนะครับ...ที่เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ยอมให้อภัย...
    ลองคิดกันดูนะครับขนาดบวชเป็นพระแล้วว่าปลอดภัย...ไปทำบุญทอดกฐินผ้าป่ารถยังคว่ำตายกันก็มีมากเลยครับ...เจ้ากรรมนายเวรเขาได้อาญาสิทธิ์ติดตามเราไปทุกภพทุกชาติละครับ...เขาจะทำอะไรเราเมื่อไรก็ได้ทุกเวลา...

    เพราะฉะนั้นนะครับการถวายสังฆทาน...การถือศีล...ทำสมาธิปฏิบัติภาวนา...
    อาจจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรใจอ่อนลงมาบ้าง...
    แต่การนั่งสมาธิปฏิบัติภาวนานั้นก็ควรที่จะมีครูบาอาจารย์แนะนำจะดีกว่า...
    แล้วก็มานั่งปฏิบัติที่บ้านก็ได้...ไม่ควรทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์คอยแนะนำนะครับเพราะ...
    อาจจะโดนลองดีได้จากสิ่งทางตาเนื้อไม่เห็น...ดังเช่นตัวอย่างจากกระทู้ที่โพสต์มาได้ครับ...

    สำหรับคนใหม่ๆ เลยที่ต้องการจะทำสมาธิก็ไม่ต้องกลัวนะครับเมื่ออ่านแล้วจะไม่กล้านั่งทำสมาธิ...มอบตัวเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันแค่นี้กำลังใจก็มาเยอะแล้วครับ...อย่าคิดมากเลยเดี๋ยวหมดชาตินี้ก็จะกลายเป็น...โมฆะบุรุษไปเสียก่อน...ขออนุโมทนาครับ...สาธุ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ไปที่ โรงงานทำวิชชา วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพครับ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของบุพกรรมเก่าครับ และเรื่องนี้ใครไม่เคยเจอเองไม่รู้หรอกครับ ว่าทุกข์แค่ไหน บางคนตั้งใจดี ทำถูกต้อง มีครูบาอาจารย์ เมื่อถึงวาระกรรมให้ผลก็โดนครับ แนะนำที่นี่ไม่ใช่วัดพระธรรมกายครับ ที่แนะนำเพราะ เคยพาคนไปรักษาแล้วหายได้ผล เห็นกับตาตนเองทั้งสองรายครับ รายแรกเป็นพระถูกผีพม่า เข้าสิง ประมาณ ห้าตน ผลัดกันมาเข้า เป็นผู้หญิง พม่าและพ่อผู้หญิงพม่า และเจ้ากรรมนายเวรอื่นเป็นฤาษีอีกหนึ่งทั้งหมดเป็นเจ้ากรรมนายเวร ของพระรูปนั้น ไล่อย่างไร รักษาอย่างไรก็ไม่ไป ไม่ออก ได้แต่ทำให้ดีขึ้น ป่วยเป็นเดือนๆครับ สุดท้ายให้ท่านแม่ชีท่านเดินวิชชาธรรมกายรักษาให้หายครับ ส่วนอีกรายเป็นผู้หญิงไปเที่ยวงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ถูกใครไม่รู้ปล่อยของใส่ ไม่ทราบว่าท่านอยากลองวิชา หรืออยากทำเสน่หเลห์กลก็ตาม แต่ผู้หญิงมีอาการ ตาขวางผิดปรกติ ให้ไปกินน้ำมนต์ที่วัดปทุมก็ไม่หาย สุดท้าย พาไปที่โรงงานทำวิชชา ที่วัดปากน้ำ แม่ชีท่านให้ผมรักษาเอง โดยท่านบอกและให้ผมเดินวิชชาธรรมกายตามท่าน ก็ปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้งมีอาการเหมือนเพิ่งตื่นนอนจะจำเรื่องต่างๆไ ม่ได้ ผมมีประสบการณ์แล้วจึงแนะนำครับ และแม่ชีท่านก็ไม่ได้เรียกร้องเงินทองใดๆแม้แต่บาทเดียวครับ ผมจึงศรัทธาว่าท่านรักษาได้จริงครับ
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การปฏิบัตฺธรรมนั้น ทฤษฏีและปฏิบัติจริง ได้จริง แตกต่างกันมากครับ
    เช่นเดียวกับความรู้จากการอ่านหนังสือแล้วคิด และความรู้จากปัญญาญาณทัศนะก็มีความลึกซึ้งต่างกันมากครับ
    ขอให้กำลังใจท่านผู้ปฏิบัติธรรม และตั้งใจทำความดีต่อไปครับ ความดีจะมากหรือน้อย ก็คือความดีครับ
     
  20. khag

    khag สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +17
    ต้องมีพระรัตนตรัย และครูบาอาจารย์คุ้มครองก่อน เพราะอาจจะเจอเจ้ากรรมและนายเวรเล่นงานเอาได้ แล้วรับมาฝึกปฏิบัติเอง จะได้ผลดีและปฏิบัติได้ถูกทาง ตามแนวพุทธวิถี ขององค์สมเด็จสัมมาพระพุทธเจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...