พลังเอกภพยูเรอัส

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anumota, 17 มิถุนายน 2009.

  1. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ผมได้ซันสโตน หินพระอาทิตย์ มาลองใช้ดูครับ

    อาจารย์บอกว่า ลักษณะจะเป็นการกระจายพลังเป็นรัศมีโดยรอบแบบ 360 องศา พร้อมเขียนรูปอธิบายที่มาของการกระจายพลังด้วยครับ
     
  2. BuyJai

    BuyJai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +67
    ;ปรบมือว้าวส์ !! คุณจ๋าเอง แซวแบบ มีข้อมูลอ้างอิงด้วยนะเนี่ยะ :z16ชอบ ๆๆ ค่ะ



    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พรปู่ [​IMG]
    เรียนอาจารย์ครับ

    ส่งการบ้านแล้วครับในวันนี้ (||)(||)

    ในวันทำงาน งานยุ่งมาก จนอยากหายใจทางผิวหนังแล้วครับ (ถ้าทำได้) เลยส่งให้อาจารย์ในวันสุดท้ายเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2010
  3. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    การ เลือกหิน อาจารย์ท่าน จึง บอกว่า เรา ต้องเลือกเอง
    เป็นความชอบส่วนตัว บวก กับ เรื่องภายใน อีก หน่อย

    ยิ่ง ประเภท เห็น ปุ๊บ รัก ปั๊บ อย่างนี้ จะได้ อยุ่ กันนานๆ

    อย่างตัวผม เอง เมื่อ สัก สิบกว่าปี ก่อน เดิน เที่ยว อยู่แถว ตลาด... ใกล้ๆ ไนท์พลาซ่า เชียงใหม่
    เห็น ช่างเจียร เค้า เพิ่ง ตัดแต่ง หิน สีน้ำเงินๆ เสร็จมาวางบนตู้
    เห็น ปุ๊บ เข้า ท่า นะ ลาพิส เสียด้วย

    ถาม เท่าไร จ่าย ตัง
    เดินไป อีก ไม่ กี่ก้าว เจอ ร้านเพื่อนเก่า เค้าเป็น ช่าง ทำหนัง กระเป๋า เข็มขัด
    เค้า รับอาสา จะ นำไป ทำหัวเข็มขัดให้ เป็น เงิน แท้
    ทำเสร็จ ออกมา สไตร์ จิ๊กโก๋ หน่อยๆ ......สวย สะใจ เลย ละ

    ก็ ที่ ผม ใส่ อยุ่ มาจน ทุกวันนี้ แหละ ครับ เป็น หัวเข็มขัด ที่ ถูกใจมากที่ สุด
    หัว เป็น หิน ลาพิสลาซูรี่ สีน้ำเงิน เสียด้วย

    มัน ต้องรัก กัน จึง จะอยุ่ กันได้ นานๆ.......................... 55
     
  4. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    นอกจากหิน แล้ว ยัง มี วัตถุธาตุ ที่น่าสนใจ อีกหลายอย่าง

    อำพัน สีเหลืองๆ แข็ง เหมือนพลาสติก

    เป็นยางไม้ โบราณ สมัยเป็นนักเรียน คง เคยเห็นกันบ้าง
    ตั้งแต่ มีหนัง เรื่อง จุลสิตปาร์ค มานี่ ทำให้ คน หันมานิยม สะสม อำพัน กันมากขึ้น
    ราคา ก็ พอยสูงขึ้นตามไปด้วย

    ผม เคยพบ อำพัน ที่นครปฐม ตอน เค้า รื้อ กระเบื้อง รอบ องค์พระปฐมเจดีย์ ออก เพื่อซ่อมใหม่
    สมัยก่อน เค้า ไม่ มี ซีเมนต์ กาว สำหรับ ติดกระเบื้อง
    เค้า จึง หายางไม้ มาหยอด เป็นกาว ติดกระเบื้อง รอบองค์ ประเจดีย์
    วิธี ติด
    เจาะ ปูน ลงไป เป็นรู แล้ว ยอดกาวยางไม้ ลงไป จนเต็ม แล้ว นำกระเบื้องมาปิดทับ
    พอ ยางไม้ แห้งแข็งตัว ก็ จะยึดกระเบื้อง ติดกับ องค์พระเจดีย์ ได้ อย่างแน่นหนา

    จึง อยู่มาได้ นาน เป็นร้อย สองร้อยปี

    แท่งกาวยางไม้ ที่ว่านี้ อายุ นับร้อยปี กลายเป็นแท่งอำพัน สีเหลือง ไปแล้ว

    อยู่กับองค์พระเจดีย์ มานาน นับร้อย ปี
    ผ่าน พิธี กรรมทางศาสนา มานับครั้งไม่ ถ้วน

    ตอนผมได้ มาทีแรก ชิ้น เล็กๆ ยาวสัก ครึ่งนิ้ว
    แค่ เห็น ก็ วาบ เข้าตา แล้ว ละ
    อย่างอื่น ไม่ ต้องพูดถึง ..... รู้ ได้ เลย ละ ว่าไม่ ธรรมดา

    ตอนหลัง ก็ พยายาม หามาอีก ได้ อีกชิ้นเล็กๆ

    มาได้ เป็น แท่ง เต็มๆ ยาวเป็นคืบ ... ก็ อาศัย มี เส้นสาย หน่อย
    ฝาก คุณปรีดา เพื่อนเก่า แหละ
    เค้า มีลูกศิษย์ ที่ เดี๋ยวนี้ เป็นเซียนใหญ่ ในนครปฐม ไปแล้ว

    เค้า ไป บอกว่า พี่ ดาว อยากได้ แท่งอำพัน เต็มๆ แท่ง สวยๆ หน่อย หาได้ไหม

    เท่านั้น แหละ

    ก็ ได้ สวยๆ เต็มๆ แท่ง มา 1 ชิ้น

    ตอนนี้ เริ่มหายาก แล้ว เพราะ พวก นักท่องเที่ยว ต่างชาติ ที่มาซื้อไป
    กลับ มา ซื้อ อีก เหมา กันไป ทีละ หลายๆ ชิ้น
    ไม่รู้ ว่า ไป เจอ อะไร ดีๆ มา หรือเปล่า
    ทำให้ คนไทย เอง ... คง หาได้ ยากแล้วละ

    ในส่วนตัวผม เอง นะ
    หาก วัดพลัง โดยใช้ สเกล ของ อ.สามตา แบบวัดพลังพระเครื่อง
    ให้ คะแนน 20+ up up

    คือ พลัง แรงมาก
    หากเปรียบเทียบกับ
    พระสมเด็จ บางขุนพรม ( ท่านสมเด็จโต สร้างไว้)
    หรือ พระวัดพลับ ที่ ท่านสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน (อ.สมเด็จโต)

    ก็ คง ไม่ น้อย กว่า กัน
    แถม มี ก็ พลัง คุ้มครอง ที่ ร้อนแรง มากๆ แบบ รู้สึกได้ ชัดๆ

    หากใคร มีโอกาส ไป พระปฐมเจดีย์ ลอง เดินหา หา ดู อาจจะได้ สักชิ้น
    มา บูชา


    [​IMG]

    องค์นี้ เป็นพิมพ์สังฆฏิ
    พระสมเด็จกรุวัดบางขุนพรหม กทม. ที่ ท่านสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านได้ สร้างบรรจุกรุไว้

    มีขี้กรุ ติดเยอะ เสียจน มองแทบไม่เห็นองค์พระ
    ส่งประกวดทีไร ก็ ได้ แต่ รางวัลชมเชย มา สามสี่งาน

    ความสวย สู้ เค้าไม่ได้ แต่ ได้ความแท้

    ก็ สมัยหนุ่มๆ เงินทองก็ไม่ค่อยมี เพิ่งเริ่มทำงาน กว่าจะหาเงินหมื่นได้ ก็ ต้องเก็บเงิน เป็นปี ปี ก็ ได้มาแค่นี้ แหละ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2010
  5. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    <CENTER>ส่งการบ้านครับ ชลวิทย์

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    [FONT=&quot]ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนพลังเอกภพยูเรอัส[/FONT]​

    [FONT=&quot]โดยปกติแล้วผมเป็นคนนึงที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับพลังและการฝึกสมาธิเมื่อมีเปิดสอนที่ไหนก็มีความสนใจที่จะไปศึกษาแล้วก็ได้ไปมาหลายที่แล้ว จากวันแรกที่ได้พบกับวิชาที่ชื่อพลังยูเรอัสจากพี่ [/FONT]mead [FONT=&quot]ซึ่งได้ตั้งกระทู้เอาไว้ก็ได้เกิดความสนใจขึ้นมา[/FONT] [FONT=&quot]วิชานี้เป็นยังไงก็อยากลองศึกษาดูแต่ใจนึงก็ลังเลว่าถ้าไปแล้วอาจจะเหมือนกับวิชาอื่นๆที่ๆเคยไปผ่านมาแต่มีสิ่งที่ดึงดูดอีกอย่างนึงคืออาจารย์ได้กล่าวถึงปิรามิคและประเทศอียิปซึ่งผมมีความสนใจอยู่ด้วยแล้ว ทำให้ตัดสินใจได้ว่าจะไป วันแรกที่ได้พบอาจารย์กิตติชัยและอาจารย์จิตราก็ได้รับความรู้มากมายเกี่ยววิธีการรักษาโรคด้วยพลังยูเรอัสและยังนำพลังนั้นไปใช้ในการรักษาตัวเองได้อีกด้วย เมื่อเป็นไข้หวัดก็จะหายอย่างรวดเร็วมาก แต่ก่อนหน้าที่จะได้เรียนจะเป็นโรคไข้หวัดบ่อยมากหลังจากเรียนแล้วรู้สึกสุขภาพตัวเองดีขึ้นมากไม่ป่วยบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยมีโรคอะไรมากนักจึงไม่ค่อยได้รักษาตัวเองเท่าไหร่ แต่ผมยังได้นำวิชานี้มารักษาแม่ของผมด้วยซื่งมีอาการปวดหลังทำให้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลยครับ[/FONT] [FONT=&quot]และเมื่อได้ไปเรียนยังได้รับความรู้เกี่ยวกับอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายที่สำคัญต่างๆ และความรู้เกี่ยวกับเรื่องหินและอื่นๆอีกมากมายที่เคยทราบมาก่อน<O>:p></O>:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]

    ประโยชน์ที่ผมได้รับจากการวิชานี้มากที่สุดคือทางด้านจิตวิญญาณและอุปนิสัยของผมที่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากจากเมื่อก่อน ซึ่งผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว มีสิ่งใดก็ไม่ค่อยได้ให้คนอื่นมีแต่รับมาอย่างเดียว ทำอะไรก็จะไม่ค่อยนึกถึงคนอื่น มารยาทก็ไม่ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หรือคนที่โตกว่า เมื่อได้รับคำสอนจากอาจารย์จิตราและอาจารย์กิตติชัยทางจริยธรรมซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ไม่เหมือนที่อื่นที่ผมพบเจอมาเพราะว่าที่อื่นจะไม่สอนเน้นทางจริยธรรมมากซึ่งคำพูดหลายๆคำของอาจารย์จิตราและอาจารย์กิตติชัยทำให้มองเห็นพฤติกรรมที่ไม่ดีของตัวเองชัดขึ้น แล้วรู้สึกผิดกับการกระทำที่ได้เคยทำมาทำให้คิดขึ้นมาได้ว่าถึงเวลาที่ต้องปรับปรุงตัวเองแล้ว ทำให้ปัจจุบันนี้ใจกว้างที่จะเสียสละยอมเปิดใจยอมรับฟังคนอื่นๆและรู้จักคำว่าการให้มากขึ้นมากกว่าที่จะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อนและปฏิบัติตัวตามกาลเทศะได้ดีมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะครับ[/FONT]
    [FONT=&quot]


    ประโยชน์อีกประการนึงคือเมื่อได้มาอบรมแต่ละครั้งก็จะมีข้อคิดและความเห็นของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองของแต่ละคนและมีการแลกเปลี่ยนประการณ์ในเรื่องต่างๆทั้งทางเรื่องการรักษาโรคและเทคนิคของแต่ละบุคคลซึ่งมีส่วนช่วยให้เราได้พัฒนาไปด้วยและทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้นเมื่อมีปัญหาอะไรก็จะได้ช่วยเหลือกันต่อไป<O>:p></O>:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]

    สรุป ประโยชน์ได้ที่ได้รับจากการเรียนวิชาพลังยูเรอัสตั้งแต่ได้เข้าอบรมมาทำให้มุ่งมองและอุปนิสัยของตัวผมได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อเห็นคนเป็นทุกข์ทางกายก็ได้นำวิชานี้ไปใช้รักษาคนครอบข้างซึ่งทำให้เกิดความเมตตาและทำให้เกิดความเข้าใจคำว่ารักมากขึ้นและยังนำคำสอนของอาจารย์มาใช้ในชีวิตประจำวันและช่วยให้คำแนะนำต่อคนที่เป็นทุกข์ทางใจได้ด้วย [/FONT]
    [FONT=&quot]สุดท้าย ขอขอบคุณอาจารย์กิตติชัย และ อาจารย์จิตราที่ช่วยอบรมสั่งสอนจิตวิญญาณของผมให้เป็นคนดีขึ้นและได้ถ่ายทอดวิชาพลังเอกภพยูเรอัสให้แก่ผมนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปครับ[/FONT]
     
  6. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    ผมขอส่งการบ้าน เกี่ยวกับการได้มาเรียนพลังยูเรอัส ประโยชน์ที่ได้มีดังนี้คือ
    <O:p
    [FONT=&quot]ในส่วนของร่างกาย[/FONT]
    [FONT=&quot]จากแต่ก่อนจะชอบเป็นไข้หวัดบ่อยจนแฟนบ่นว่าเป็นคนขี้โรค(เป็นผู้ชายน่าจะแข็งแรง) ทุกๆปีจะต้องเป็นไข้หวัดใหญ่นอนซมสัก[/FONT] 1[FONT=&quot] สัปดาห์ นอกนั้นก็เป็นท้องเสีย ปวดท้องประจำ พอหลังจากเรียนแล้วก็ไม่เป็นอีกเลย บางทีพอรู้สึกตัวว่าจะเป็นแล้วก็กำหนดจักระเดินพลัง พอตอนเช้าก็หายเป็นปกติ อย่างเมื่อก่อนมีข่าวใหม่ๆว่าไข้หวัดนกน่ากลัวมาก ก็รู้สึกกลัวๆเหมือนกัน ไม่ค่อยกล้าไปเดินห้าง ไปดูหนังก็ใช้ผ้าปิดจมูกเอา แต่พอเรียนระดับ[/FONT] 4[FONT=&quot] และ [/FONT]5.1[FONT=&quot] แล้ว รู้สึกเฉยๆแล้ว มองเป็นเรื่องธรรมดาเลย และเมื่อปลายปีที่แล้วคุณพ่อป่วยหนักเข้า ร.พ. แบบว่าคุณแม่รู้สึกจะทำใจว่าสงสัยจะถึงเวลาไปแล้ว ผมได้ไปนอนเฝ้าไข้ท่าน พอดีเรียนจบระดับ[/FONT] 4[FONT=&quot] เลยลองใช้พลังใส่ในยาที่พยาบาลเอามาให้ทาน กำหนดให้เป็นยาอายุวัฒนะ หลังจากนั้น[/FONT] 1[FONT=&quot] สัปดาห์ท่านก็หายและออกจากโรงพยาบาลได้ จนบัดนี้ก็แข็งแรงปกติดี และรู้สึกดูหนุ่มขั้นกว่าก่อนด้วย[/FONT] [FONT=&quot]แล้วช่วงก่อนคุณพ่อจะหายดี ตอนเช้านั้นนอนเฝ้าอยู่บนโซฟา ได้รับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพลังจักรวาลอย่างรุนแรง เข้ามาทางระเบียงห้อง มีทั้งเสียงเครื่องจักรดังมาก ตาที่ลืมไม่ขึ้น ผงกหัวขึ้นไม่ได้ มาถึงวันนี้เข้าใจว่าเป็นพลังจากเบื้องบนที่ส่งมารักษาคุณพ่อแบบรุนแรง เพื่อจะรักษาชีวิตท่าน พอดีเราอยู่ข้างๆท่านเลยพลอยได้กระทบไปด้วย <O:p</O:p[/FONT]
    <O:p[FONT=&quot]ด้านจิตใจ[/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน เช่นเวลาขับรถถ้าใครมาปาดหน้าก็ไม่ชอบ จะต้องรีบเร่งไปดูหน้าคนขับ บางทีก็ขับแข่งกับเขาเลย ใครมาแซงขอทางก็ไม่อยากให้ และบีบแตรไล่ แต่ตอนนี้ ใครปาดหน้าก็ให้ใครจะขอทางเข้าก็ชะลอให้เขาเข้า (แปลกดีนะครับ พอตาเราจะขอเปลี่ยนเลนบ้างรถคันอื่นก็ให้เราเข้าเหมือนกัน ไม่มีใครบีบแต่ไล่ด้วย) รู้สึกมีความเมตตามากขึ้น ความเอื้ออาธรต่อกันมีน้ำใจแบ่งปัน ความรักต่อเพื่อนมนุษย์โลก และยังไม่เคยลืมความรู้สึกที่เคยเรียนในชั้นที่อาจารย์เคยสอนให้ทำหัวใจสีชมพูและส่งแผ่ออกไปเหมือนกับแสงอาทิตย์ส่องออกไปทั่วโลกให้คนทั่วโลกได้รับ พอทำแล้วรู้สึกใจเราเบิกบานดีมากเลย อีกเรื่องคือจิตใจของเราสามารถตั้งรับความกดดันทางอารมณ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ได้ยิน สิ่งที่เราเห็น ได้กลิ่น ที่ไม่ชอบ สามารถข่มใจให้ทนทานต่อสิ่งเหล่านั้นได้มากขึ้น มีความสงบนิ่งมากขึ้น และใจขณะที่ทำสมาธิก็เข้าถึงสมาธิได้เร็วขึ้น ลึกขึ้นกว่าแต่ก่อน บางครั้งรู้สึกร่างกายและจิตใจประสานเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลเบื้องบนได้ เหมือนมีสายเคเบิ้ลเชื่อมโยงกัน และสติก็มีมากขึ้น ความขี้หลงขี้ลืมก็น้อยลงไป ความคิดความอ่านปรู๊ดปราดดีขึ้น สรุปว่าเรียนแล้วมีแต่ผลดีไม่มีผลเสียเลย [/FONT]
    <O:p[FONT=&quot]อีกอย่างที่อยากบอกคือ เรื่องลูกสาว[/FONT] 3[FONT=&quot] เดือน (หนูน้อยคิตตี้) ที่ได้มีโอกาสมาเรียนตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง พอคลอดออกมาก็เป็นเด็กที่มีพัฒนาการที่ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น จากคำบอกเล่าจากอาม่าและคุณยายที่ช่วยเลี้ยงว่าไม่เคยเจอเด็กแบบนี้ เช่นเขาจะตั้งคอแข็งได้ไวกว่าเด็กทั่วไป ตามองเห็นเร็ว แขนขามีพลังแรงมาก ไปฉีดวัคซีนที่หมอบอกว่าเข็มนี้กลับมาจะเป็นไข้ให้ระวังนะ แต่เอาเข้าจริงแค่ตัวอุ่นๆ และยังยิ้มสบายอยู่ เป็นเด็กที่ร่าเริงอารมณ์ดีจะยิ้มตลอด มีครั้งหนึ่งผมไปนอนเฝ้าแทนแฟน ตอนกลางคืน และเอามือแตะที่ตัวเขา พอผมเคลิ้มๆจะหลับรู้สึก จักระวิ่งทั่วเลย ไม่ใช่แค่[/FONT] 7 [FONT=&quot]จุด แต่จักกะน้อยๆทั่วร่างก็วิ่งซู่ซ่าเลย เรากำหนดทำเองยังไม่ขนาดนี้เลยครับ[/FONT]
    <O:p
    [FONT=&quot]บทสรุปสุดท้าย การเรียนพลัง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งจะส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง รักษาตนเองได้ และนำไปรักษาคนอื่นได้ (ตามหลักการที่เอื้ออำนวยที่สามารถรักษาได้) ยกระดับและพัฒนาจิตใจของผู้เรียนยิ่งถ้าคนนั้นมีธรรมะประกอบด้วยจะยิ่งเพิ่มพูนความก้าวหน้าเป็นทวีคูณอย่างรวดเร็ว[/FONT]
    <O:p[FONT=&quot]ข้อความที่เรียบเรียงมานี้ เป็นรายงานที่รวบรวมจากสิ่งที่ประสบมาจากตนเอง ผิดถูกอย่างไรขออาจารย์ช่วยพิจารณาด้วยครับ[/FONT]

    [FONT=&quot]ภัควัฒน์[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  7. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    ข้าพเจ้า ฉัฐพร เมชบุตร
    ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนวิชาพลังจักรภพยูเรอัสนั้นมากมายเหลือเกิน นอกจากการได้รู้จักท่านอาจารย์ที่มีเมตตามากมายทั้งสองท่านและเพื่อนๆที่น่ารักทุกท่านแล้ว ข้าพเจ้าขอแบ่งประโยชน์ออกเป็นด้านร่างกายและจิตใจ
    ทางด้านร่างกาย
    ร่างกายของข้าพเจ้าและคนในครอบครัวแข็งแรงขึ้นทุกคน โดยเฉพาะข้าพเจ้าแทบไม่เป็นหวัดเลยตลอดทั้งปี โรคเครียดนอนไม่หลับ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดเข่า นานๆจะเป็นที ก่อนเรียนวิชานี้จะเป็นทุกอาทิตย์

    ข้าพเจ้าทำกิจการมือถือเล็กๆ ในว้นอาทิตย์จะเป็นวันที่ต้องไปเดินซื้อของทั้งวัน เดินรวมๆกันแล้วน่าจะหลายกิโลเมตรอยู่ พอกลับถึงบ้านก็จะหมดสภาพ แต่เดี๋ยวนี้สบายมาก กลับถึงบ้านยังสดชื่นอยู่เลย เวลาทำงานก็ไม่เครียด ทำงานได้วันละ12ชม.โดยไม่เหน็ดเหนื่อย

    ลูกๆเรียนเก่งขึ้น เคยอ่านเจอพี่ดาวทะเลทรายโพสต์ไว้ว่าลูกแกเรียนเก่งขึ้นจนเหลือเชื่อ ตอนนั้นยังแอบนินทาพี่เค้าในใจว่าขี้โม้ ตอนนี้เกิดกับตนเอง ลูกชายคนเล็กจากเคยได้ที่โหล่ตอนนี้เขยิบมาอันดับต้นๆ ส่วนลูกสาวคนโตจากเรียนกลางๆค่อนไปทางแย่ ตอนนี้ท็อบหลายวิชา จนได้เป็นนักเรียนดีเด่นของห้อง

    เคยบอกลูกๆและสามีว่าเนี่ยคือผลจากการส่งพลังให้ลูก แต่โดนหาว่าบ้า งมงาย เลยเลิกพูดตั้งแต่วันนั้น ก็เหมือนที่อาจารย์สอนแหละว่าพวกเรามันพวก ปิดทองใต้ฐานพระพุทธรูป ไม่มีใครเห็น ไม่มีหลักฐาน ใครอยากเห็นทองที่เราปิดก็ต้องยกพระพุทธรูปออกก่อน ต้องรักทุกคนให้ได้และต้องรักอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย
    ไม่หวังผลตอบแทน คิดแค่ให้เค้าหายป่วยหรือมีความสุข แค่นี้จริงๆที่ต้องการ
    ด้านจิตใจ
    ด้านนี้จะเห็นผลมากกว่าด้านร่างกาย
    -รู้จักให้อภัย แม้แต่คนที่เราโกรธมาก เช่น ตอนปีใหม่ปี2552ตอนนั้นยังเรียนแค่ระดับต้นๆ ไปเที่ยวปีใหม่โจรงัดบ้าน กวาดมือถือไปทั้งร้าน ทองหยอง เรียกได้ว่าหมดตัวเลย และที่สำคัญคนที่ทำคือคนข้างบ้าน มันทำใจลำบากมากที่ยังต้องเจอกันอยู่ทุกวัน ตอนนั้นโกรธมากแต่ตอนนี้อภัยให้เค้าแล้วและส่งพลังให้เค้าด้วย คิดว่าเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา มาทวงของเค้าคืน
    -ไม่ค่อยโกรธ หรือโกรธก็หายเร็ว เวลาเจอลูกค้าประเภทชอบทำให้ไม่สบอารมณ์(มีมากซะด้วย)ก็พยายามคิดว่า มาอีกแล้วเจ้ากรรมนายเวร

    -ได้สัมผัสสิ่งลี้ลับยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้

    -ได้สัมผัสถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของอาจารย์ทั้งสองท่านเมตตาต่อพวกเราอย่างหาที่เปรียบมิได้ เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไขอย่างแท้จริง ทำให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสกับสิ่งที่พิเศษจริงๆ
    ข้าพเจ้านั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุ17แต่ไม่ได้มีอาจารย์สอนเป็นเรื่องเป็นราว ยี่สิบกว่าปีแล้วที่นั่งจนสงบนิ่งแล้วก็ออกจากสมาธิ เจออะไรกระทบจิตใจก็ไหลไปตามกระแส เดี๋ยวดีใจ เสียใจ กลุ้มใจฯลฯมีเรื่องทีก็หาที่นั่งสมาธิ พอออกจากสมาธิก็กลุ้มต่อ เหมือนเอาก้อนหินทับกอหญ้า มันจะตายไปพักนึง พอเอาหินออกมันก็งอกมาใหม่ ตั้งแต่เรียนวิชานี้มันเหมือนถอนต้นหญ้าทิ้งไปเลย มันแทบจะไม่มีเรื่องที่ทำให้กลุ้มได้ เรื่องและปัญหามันยังคงมีเหมือนเดิม แต่ข้าพเจ้าไม่เอาใจไปกลุ้มกับมัน
    -วิชานี้เหมือนเป็นการต่อยอดจากการทำสมาธิแบบเดิมๆของข้าพเจ้า มีการพัฒนาไปใช้รักษาตนเอง คนรอบข้าง สัตว์เลี้ยง คนแปลกหน้าและวิญญาณ
    นอกจากจะส่งให้คนแล้วข้าพเจ้ายังส่งพลังให้วิญญาณเจ้ากรรมฯ วิญญาณบรรพบุษ ทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียปูย่าตายายหรือคนที่รักไป เรายังคงมีเค้าอยู่เพราะเราส่งพลังไปเค้ายีงรับได้เลย

    -ถึงแม้แนวการสอนของอาจารย์ทั้งสองจะแตกต่างกันมาก ข้าพเจ้าก็รับรู้ถึงความเมตตาของท่านทั้งสอง และข้าพเจ้าก็ชอบแนวการสอนของท่านทั้งสอง มันทะลุทะลวงเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ อาจารย์จิตราสอนแบบกระแทกหัวใจมาก เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ พวกเราส่วนใหญ่ก็อายุมากกันแล้ว ด้วยหน้าที่การงานและหลายๆอย่างทำให้เราลืมระเบียบวินัยอันเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต่อชีวิต และนานแล้วที่ไม่มีใครเตือนเราหรืออยากเตือนแต่ไม่กล้าเตือนก็ไม่รู้นะ อาจารย์จิตตราก็กรุณาเตือนเรา รู้สึกดีมากๆค่ะ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆที่ทำผิดแล้วโดนคุณครูดุ

    -บางช่วงก็รู้สึกเครียด เพราะรับความรู้จากอาจารย์มามากมายและคิดว่าทุกอย่างที่รับมาดีมากๆ พยายามจะทำทุกอย่างและทุกวัน แต่เวลามีไม่พอ จึงทำทุกอย่างด้วยความเร่งรีบ ผลที่ได้รับคือจิตใจที่ไม่สงบ อาจารย์ก็กรุณาตักเตือนว่า การปฏิบัติแบบข้าพเจ้าเปรียบเสมือนการรีบกินอาหารเพื่อให้ทันขึ้นขบวนรถไฟที่กำลังจะออกจากสถานี จึงไม่ได้ผลดี
    อาจารย์แนะนำให้เริ่มปฏิบัติใหม่ตั้งแต่ระดับ1และพยายามทำเท่าที่ทำได้ อย่าไปเครียด การปฏิบัติของข้าพเจ้าจึงก้าวหน้าทันเพื่อนๆ

    -นอกจากอาจารย์จะถ่ายทอดความรู้ให้แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาด้วย บางทีไม่รู้จะพูดกับใคร ว่าเราเจอเหตุการณ์แบบนั้นแบบนี้ คุยกับใครก็ไม่ได้ เค้าไม่เข้าใจ คุยไปก็หาว่าเราบ้าอีก อาจารย์ก็กรุณาแก้ปัญหาให้เราหายกลุ้มได้อีก

    -อาจารย์ย้ำว่า การเรียนวิชานี้ ต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หน้าที่ การงาน ถ้าเรายังนำไปใช้ไม่ได้ก็ถือว่าเรา สอบตก
    ตัวข้าพเจ้าเองน่าจะสอบผ่านนะ เพราะทุกอย่างที่อาจารย์สอนข้าพเจ้าได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น นิสัยที่ไม่ดีก็ได้รับการปรับปรุง ไม่มุ่งสะสมสมบัตินอกกาย รู้จักแบ่งปันและรักผู้อื่น มีความเชื่อมั่นในความดีและมีจิตใจผูกพันธ์อยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา ปิดหนทางแห่งความชั่วทุกประการ

    ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสองอย่างสูงที่เมตตาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติอย่างดีที่สุดค่ะ

    ฉัฐพร เมชบุตร
     
  8. Puiจ้า

    Puiจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +134
    เทศกาลตรุษจีน และ วัน Valentine ปีนี้ ขอให้พี่ๆ เพื่อนๆ และทุกๆคนมีความสุขกันนะคะ
    ไปเที่ยวทำบุญที่ไหน อย่าลืมนำบุญมาฝากด้วยนะคะ มาเล่าให้ฟังด้วยยิ่งดีใหญ่เลย ค้า...

    คิดถึงทุกคนคุุุุุ่ะ
     
  9. บัวสีขาว

    บัวสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +202
    ขอถามเพื่อความมั่นใจค่ะพี่พรปู่ มณีใต้น้ำ หรือมณีใต้ดินค่ะ

    สงสัยแบบมั่นใจว่าเป็นมณีใต้น้ำ นา .....คา black_pig
     
  10. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    ขอโทษครับ พิมพ์ผิด มณีใต้น้ำ ครับ

     
  11. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เรื่องการมองเห็น ของ เจ้าลูกชาย
    เจ้าลูกชาย ของผม เค้า มองเห็นด้วยตาที่สาม มาตั้งแต่ เล็กๆ

    จนเค้า เอง ก็ ไม่ ได้สนใจมัน เพราะ เห็นบ่อยขึ้นๆ จนเห็นเป็นปกติ

    ไปไหนมาไหน ก็เห็น
    จนบางครั้ง เค้ามาถามผม ว่า ทำไม่ ผี ถึง มี เยอะ นัก.........

    ไม่ ได้มี เยอะ หรอก ลุก. เพียงแต่ เค้า ก็ อยู่ ของเค้า เราไป เห็น เค้าเอง

    เค้ากับเรา ก็ อยู่ ซ้อน มิติ กัน

    จนบางครั้ง อยู่ ในที่ ที่เดียวกัน เวลา เดียวกัน ด้วยซ้ำไป

    [​IMG]

    ล่าสุด ปี นี้ เจ้าลูกชาย ไปฝึก ร.ด. ปี 3
    กลับมา ก็ มาเล่า เรื่อง ตอนที่อยู่ ใน เขาชนไก่ ไป ตั้ง 5 วัน
    วันแรก เลย ก็ ได้ดี ที่ กทม. เรา ร้อนจะ แย่
    ที่ เขาชนไก่ ฝนตกหนัก พวกนักศึกษาวิชาทหาร ปี3 ได้รับสิทธิพิเศษ นอนกางเต้น กลางสนาม
    ฝนตก ลงมา ยังกับพายุ อะไร จะเหลือ
    สรุปว่า คินแรก ไม่ต้องนอน กันละ

    แถม เจ้าลูกผม รับเวร กะกลางคืน ยืนถือปืนเฝ้าหน้า ห้องน้ำ... 55

    พักเดี๋ยว ไฟ ทะยอย ดับ แบบไม่ มีปี่ มีขุ่ย
    จาก กองพันที่ 3 , 2 , 1
    ตามลำดับมาเลย

    เจ้าขนุน ลูกชายผม ยืนยามอยู่ที่หน้าห้องน้ำ กองพัน 1
    พอไฟดับ ก็ เห็นหญิงสาวคน หนึ่ง เดินผ่านมา ... ก็ คิดว่า คงเป็น ลูกสาว พวก จ่าๆ ครูฝึก
    ผู้หญิง ที่ไหน จะมาเดิน ในกองพัน ตอนดึกๆ ไม่ เมีย จ่า ก็ ลูกจ่า แหละ

    เดินผ่านไป ก็ไม่ได้คิดอะไร

    จน เช้า ได้ยินเสีย พวกครูฝึก........ คุยกัน ตะโกนถาม

    เมื่อคืน พวก มึง เห็น อะไร บ้างหรือเปล่า... ( ทหาร เค้า พูดกันอย่างนี้ )
    พวก นักเรียน ที่ อยู่ กองพัน 3 ตอบ ก็ เห็น กัน ทั้งกองพัน แหละครับ
    มีผู้หญิง คนหนึ่ง เดินผ่าน มา แล้ว ไฟฟ้า ก็ ดับ
    เดินไป ถึง กองพัน 2 ไฟ ก็ ดับ อีก
    เดินไป ถึง กองพัน 1 กองพัน 1 ไฟ ก้ ดับ สงสัย ของ แรง.....55

    เพือนๆ ก็ มาถาม เจ้าลูกขนุน เอง .. เฝ้ายามอยุ่ เห้นไหม
    .... เห็น ซิ
    เดินผ่านหน้าไป ชัดๆ ............. บรื้อ.....

    เค้าไม่ ได้มา แบบ เล๊ะ ๆ ก็ หน้าเหมือน คน ดี ดี แหละ

    ลุกขนุน เค้า เห็น จน ชินแล้ว
    แต่ เค้า ไม่ ค่อย สนใจ คุย กับผี เห็นก้ เฉย

    ผม ยังเคยถาม ว่า ทำไม่ ไม่คุยกับเค้าบ้าง ละ
    ลูก มันตอบ ... ก็ ไม่ รู้ ว่าจะคุยอะไร ถามอะไร
    ถ้าเค้าเก่ง คง ไม่มาเป็นผีแล้ว.................. เออ ดู มัน

    มีอยู่ ครั้งหนึ่ง เมือปี ที่แล้ว
    เจ้าขนุน เค้า เจอผี แบบ จะจะ ผี คง อยากล้อเล่น ด้วย มั้ง
    แกล้ง ทำ หัว หลุด ออกมา
    เจ้า ขนุน มัน เลย ว่า ออกไป......... เป็นแค่ผี ยังจะมาแกล้งหลอกคน

    คิดว่า จะกลัว หรือ ... เดี๋ยว ก็ เอาหัว ไม่ ให้ คืน ซะ หรอก.....55

    แล้ว มาเล่าให้ผม ฟัง...............

    แถม บอกว่า ผี มันมี มวล แค่ 0.0008 เอง
    มีหน้า มาแกล้งคน เดี๋ยว เป่า แรงๆ ก็ กระเด็น ไปถึงไหนแล้ว..........

    มิเสีย แรง ที่ เรียน สาย วิทย์.........

    เจอผี มัน ยัง คำนวน เลย..................55
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    [FONT=&quot]ในโลกใบนี้ คงไม่มีใครอยากจะเจ็บป่วยหรือไม่สบายทั้งกายและใจ แต่เราทุกคนก็ไม่สามารถบังคับไม่ให้มันเกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนที่เรารักได้ ความทุกข์ทางกายและทางใจจึงเป็นของคู่กับทุกชีวิตเสมอมา เมื่อใดที่เราป่วยกายไม่นานใจก็จะป่วยตามท้อแท้สิ้นหวังเหนื่อยหน่ายกับชิวิต เช่นเดียวกันเมื่อไรที่เราป่วยใจร่างกายของเราก็จะทรุดโทรมอย่างรวดเร็วเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะกายและใจมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน สำหรับคนทั่วไปส่วนใหญ่มักเป็นทั้งสองแบบ ตัวหนึ่งเองก็เคยท้อแท้เบื่อหน่ายกับชีวิตแบบเดิมที่มีแต่ความทุกข์ทั้งทางกายและทางใจ เพราะเดิมทีเป็นคนร่างกายอ่อนแอประเภทสามวันดีสี่วันไข้ ทำงานอะไรหนักก็ไม่ได้เรี่ยวแรงไม่มี หาหมอเท่าไรก็เหมือนแค่บรรเทาจากหนักมากให้เบาลงเหลือแค่หนัก(จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาเป็นความเคยชิน) และผลพลอยได้ของความทุกข์ทางกายก็ได้สร้างการสะสมของความทุกข์ทางใจทีละน้อยๆ ใจที่ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย เบื่อหน่าย และสิ้นหวังกับการมีชีวิตอยู่เหมือนต้นไม้ที่ขึ้นบนผืนแผ่นดินที่แห้งแล้งปราศจากน้ำและแสงแดด มีเพียงหน้าที่ของลูกที่ไม่ควรสร้างความทุกข์ใดๆให้กับพ่อแม่ และความสุขเล็กน้อยจากการทำเพื่อคนอื่นเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตมาจนกระทั่งก่อนที่จะเรียนพลังยูเรอัสไม่นาน ความบังเอิญที่อาจจะไม่บังเอิญก็ได้นำพาแสงแห่งธรรมะสาดเข้ามาในใจที่แห้งแล้งมืดมนดวงนี้ ทำให้กล้าเดินออกจากไปจากจุดเดิมพบมุมมองต่างๆมากมายจากที่เราไม่เคยรู้มาก่อน[/FONT][FONT=&quot]ชีวิตที่เริ่มดีขึ้นไม่นานก็มีบางสิ่งบางอย่างชักนำเรามาสู่การเรียนรู้ศาสตร์ของพลังจนกระทั่งมาถึงพลังยูเรอัสซึ่งทำให้ชีวิตของตัวเองต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อก่อนนี้[/FONT][FONT=&quot](อาจจะเป็นความชอบและความสนใจส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือพลังอะไรลากจูงมาตามทางเดิมที่เคยเดินหรืออะไรซักอย่าง) การเรียนรู้พลังยูเรอัสได้เปลี่ยนใจที่มืดมนให้สว่างไสวขึ้นเรื่อยๆด้วยแรงของความปรารถนาดีและการต้องการช่วยเหลือผู้อื่นที่แรงกล้าขึ้น แม้จะมีอุปสรรคมาขัดขวางเสมอมาตั้งแต่เริ่มเรียนก็จะมีอะไรมาขวางไม่ให้ได้เรียนตลอด พอเริ่มจะรักษาคนอื่นก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าพลังออกบ้าง ตรวจโรคไม่ได้บ้าง ไม่รู้จะบอกเขาว่าจะช่วยอย่างไรดีบ้าง แต่ก็อดทนมาจนกระทั่งได้เรียนระดับ[/FONT][FONT=&quot] 5 [/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเป็นระดับที่รอคอยมานานเพราะคิดว่าเมื่อเราได้เรียนระดับนี้แล้วพลังคงเพิ่มขึ้น อาจจะรับรู้ถึงพลังได้แบบเดิมหรืออาจจะดีกว่าเดิมเหมือนคนอื่นๆที่เขาเป็นกันและอีกอย่างก็จะพ้นขอบเขตของการรักษาแบบเดิมที่ต้องอาศัยการแตะสัมผัสจึงจะช่วยได้ แต่พอเรียนระดับนี้ไปจริงๆแล้วกลับมีเรื่องมาทดสอบที่หนักกว่าเดิมอีกคือ ไม่รู้สึกถึงพลังอีกเลย ไม่รู้สึกซักนิดว่าพลังไหลเข้าหรือออกไม๊ เมื่อก่อนเคยสัมผัสได้กระทั่งพลังจากหิน อัญมณี พระเครื่อง หรืออื่นๆที่มีพลังประจุไว้ แรกๆก็ท้อแท้ใจว่าเราจะรักษาคนอื่นได้ยังไงล่ะ ขนาดใช้มือไปสัมผัสผู้ป่วยยังไม่รู้สึกซักนิดว่ามีพลังไหลออกไป เป็นแบบนี้อยู่เกือบปี แรกๆก็พอทนแต่หลังๆมันเริ่มท้อแท้ใจ อาจารย์ก็บอกเสมอว่าหลายคนจะเป็นแบบนี้ และในใจเราก็คิดเสมอว่าเดี๋ยวคงดีขึ้นแบบที่อาจารย์บอก ใจลึกๆก็ยังแอบคิดในใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิเบื้องบนอาจจะกำลังทดสอบจิตใจของเราก็เป็นได้ว่าพร้อมและเหมาะสมเพียงพอหรือเปล่า แต่เดือนแล้วเดือนเล่าที่เฝ้าอดนทนไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นตรงไหน มีแต่นานวันยิ่งหายหนักขึ้นเรื่อยๆ จักระที่เคยนั่งหมุนอยู่ทุกวันก็เหมือนแทบไร้ความรู้สึกว่ามันหมุน จนในที่สุด วันหนึ่ง..ใจมันก็บอกตัวเองว่า ไม่เอาละ ช่างมันเหอะ จะเอาอะไรไปเพื่ออะไรล่ะ จะเอาพลังเยอะๆไปเพื่ออะไร ของแบบนั้นมันนอกกายไม่ใช่ของเราตั้งแต่ต้นอยู่แล้วจะมัวมาเฝ้ารอให้มันกลับคืนมาทำไมกันล่ะ ไม่เห็นได้อะไรกลับมาเลยนอกความท้อแท้ใจเท่านั้นเอง กลับมาเป็นตัวเราดีกว่า..ยังมีสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่เราลืมไปเพราะมัวแต่อยากได้พลัง พลัง และพลัง สิ่งนั้นก็คือหัวใจ หัวใจที่อยากช่วยเหลือคนอื่นอย่างแท้จริง หลังจากวันนั้นมาตัวของหนึ่งเองก็ไม่สนใจอีกว่าพลังจะมีหรือไม่ จะรับรู้ถึงพลังได้หรือไม่ เราจะรักษาคนอื่นแบบนี้แหละ แบบไม่ต้องรู้สึกถึงพลังอะไรเลยนี่แหละ ให้มันรู้กันไปว่าจิตใจที่คงมั่นอยากช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแรงกล้าจะแบบนี้จะไม่สามารถช่วยอะไรใครได้เลยจริงเหรอ หนึ่งทำแบบนี้มาเรื่อยๆ เริ่มต้นที่คนแรกๆที่รักษาก็ไม่มีคนไหนหายจากโรคที่เราพยายามส่งพลังไปช่วยเลย หลังๆมาแม้จะยังคงไม่รู้สึกถึงพลังที่ไหลออกไป แม้จะไม่ได้ผลก็ไม่เคยลดละความพยายามที่จะลองรักษาไปเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน..ใจมันกลับมีแรงฮึดขึ้นมาเป็นระยะๆว่า เอาสิ[/FONT][FONT=&quot]![/FONT][FONT=&quot] ให้มันรู้กันไปว่าเราจะเป็นคนเดียวที่เรียนพลังมาเหมือนๆคนอื่นเขาแล้วเอาไปช่วยอะไรใครไม่ได้เลยซักนิด ให้มันรู้กันไปว่าเราทำไม่ได้จริงๆ ชีวิตของเรามีอีกแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตราบใดที่ยังมีชิวิตยังมีลมหายใจอยู่ก็จะลองพยายามดูสักทีจะเป็นอะไรไป วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปบางครั้งก็ถามคนไข้บ้างไม่ถามบ้างว่าอาการป่วยเป็นอย่างไร จนมาวันนึงเรารักษาแล้วตะล่อมๆถามดูกลับได้ผลที่ชัดเจนขึ้นมาว่าเค้าหายจากโรคบางโรคที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสภายในข้ามคืน ตอนนั้นเป็นปลื้มสุดๆ เป็นความดีใจแบบที่บอกไม่ถูกว่าดีใจขนาดไหน เหมือนกับว่าการรอคอยกับความพยายามที่ทำมามันไม่เสียเปล่า มันเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่หลั่งไหลเข้ามาหลังจากเจอศึกหนักกับการต่อสู้กับความท้อแท้และความอดทนอันยาวนาน(ในความรู้สึกเหล่านั้น) มาถึงตอนนี้จึงไม่มีข้อข้องใจเรื่องพลังอีกแล้ว ไม่พะวงอีกแล้วว่าจะต้องเก่งเหมือนคนอื่นๆเขา จะต้องตรวจโรคได้เหมือนคนอื่นเขา จะต้องดึงพลังลงมาสู่ตัวเราได้อย่างมากมาย หรือจะต้องดึงโรคจากตัวคนไข้มาสู้เราเพื่อถ่ายออกไป ตอนนี้สำหรับตัวของหนึ่งเองไม่มีคำเหล่านี้อีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องเหนือใคร ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใครๆ ไม่จำเป็นต้องทำได้แบบใครเขา เพราะสิ่งที่ได้มาจากการเรียนพลังยูเรอัสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ลูกศิษย์คนนี้รับรู้ได้เป็นหัวใจล้วนๆ [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หัวใจและความปรารถนาอันแรงกล้าจะนำพาทุกอย่างได้[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot] <O:p</O:p[/FONT]
    [FONT=&quot]<O:p[/FONT]
    [FONT=&quot]ขอขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านที่เฝ้าอบรมสั่งสอนและทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าคำว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หัวใจ[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot] อย่างแท้จริง [/FONT][FONT=&quot]<O:p[/FONT]
    [FONT=&quot]ลูกศิษย์คนนี้คงไม่มีสิ่งใดจะนำตอบแทนพระคุณของอาจารย์ทั้งสองได้ นอกจากจะขอใช้ [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หัวใจ[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot] ดวงน้อยๆดวงนี้สุดความสามารถที่มีตราบจนสิ้นลมหายใจไป [/FONT]

    <O:p</O:p
    [FONT=&quot]ขอบคุณค่ะ[/FONT]

    เพ็ญนภา พุธธังกูร (หนึ่ง) (Noonung 13)

    "สิ่งที่เห็นผลได้มากที่สุดในการเรียนวิชานี้สำหรับตัวของหนึ่งเองก็คือ หัวใจและความสุขใจที่ได้ช่วย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2010
  13. Mr.Lawrence

    Mr.Lawrence เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,520
    ค่าพลัง:
    +3,542
    พี่ดาวทะเลทราย นู๋มาแร้วค๊าาา
    รายงานตัว ๆๆ ก่อน
    :z1
     
  14. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    มาแล้ว ก็ ดี
    ลองอ่าน ดู ในกระทู้ นี้ มีเรื่องราว ของ พลังเอกภพยูเรอัส อยู่ พอประมาณ
    น่าจะได้ประโยชน์ นะ
     
  15. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    เปิดอบรม กิริยาโยคะวันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ (09.00-16.30 น.) ขอเชิญผู้สนใจทุกท่านที่มีพื้นฐานและไม่เคยเรียนมาก่อน เข้าปฏิบัติ
    ค่าอบรม 500 บาท

    หมายเหตุ วิชานี้เป็นภาคปฏิบัติของการทำสมาธิ ที่ง่ายมาก เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถทำจิตให้หยุดนิ่งแม้แต่วินาทีได้ หรือผู้ที่ไม่เคยทำสมาธิได้เลยสักครั้งเดียว

    ผู้สนใจเข้าอบรมขอเชิญลงชื่อได้

    1. คุณวันเพ็ญ .................. 1 ที่
    2. คุณภัทรพล .................. 1 ที่
    3. คุณ Liquidpaper ......... 1 ที่
    4. คุณสมภพ ................... 1 ที่
    5. คุณมงคล .................... 1 ที่
    6. คุณชัยยศ .................... 1 ที่
    7.
    8.
    9.
    10.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2010
  16. liquidpaper

    liquidpaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,423
    ไปด้วย 1 ที่ค่ะ
     
  17. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    ภาพมหาอวตารบาบาจิและมหาคุรุกิริยาโยคะ

    ขอแนะนำให้ท่านที่เข้ามาอ่าน กรุณาทำสมาธิ

    จะหลับตาหรือลืมตาต่อหน้าพระรูปนี้สักระยะหนึ่ง

    ท่านอาจได้รับการสัมผัสบางอย่าง ???<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. 777book777

    777book777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +327
    วันนี้ทั้งเมื่อยและปวดหลัง จากการขนดินขึ้นดาดฟ้า กำลังปลูกผักกินเอง เป็นการไล่ตามความฝันของตัวเองแบบเล็กๆ

    ทำให้รู้ว่า ชาวนา ชาวสวน นี่ลำบากจริงๆ กว่าจะได้ข้าวและพืชผักผลไม้ ต้องลงทุนลงแรงมากมาย ต้องตากแดดตากลมหน้าตาดำเกรียม พวกเราสิสบาย อยากกินอะไรก็ไปซื้อในตลาดเยอะแยะ

    นี่แค่ปลูกผักบนดาดฟ้าไม่กี่ตารางเมตร ยังระบมไปหมดทั้งตัวถ้าเป็นชาวนาชาวสวนเต็มตัวจะขนาดไหน สงสัยความฝันจะเป็นจริงยาก

    มันเมื่อยจนต้องนั่งพัก ระหว่างนั้นก็ ขอพลัง
    ด้วยความเมื่อยและปวดหลัง จึงนั่งตัวงอเป็นกุ้ง พลังก็เข้าทุกจักระดีแต่นั่งตัวตรงไม่ได้ เลยนึกถึงการทำ ตัวแซท

    ได้ผลเกินคาด เมื่อถึงจุดนึง กระดูกสันหลังที่นั่งงอๆอยู่จะเด้งขึ้นมาตรงโดยอัตโนมัติ ที่ปวดเมื่อยอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง(เหมือนโม้นะ)

    ลองทำเองละกัน
     
  19. Puiจ้า

    Puiจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +134
    พี่ปุ๊ก (777book777) เก่งจังเลยค่ะ
    ดีนะเนี่ยที่หาย ไม่งั้นระบมแน่เลย ...
     
  20. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    กิริยาโยคะขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ฝึกปฏิบัติทุกคนได้แก่ การกำหนดจิตตั้งไว้ที่ฐานสะดือ ผู้ฝึกใหม่ควรปฏิบัติทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ควรฝึกบ่อยๆ จนให้จิตจับอารมณ์อยู่ที่ท้องเสมอๆ
    <O:p
    หมายเหตุ 1. หากผู้นั้นเคยเรียนรู้เรื่องพลังมาก่อน หากรู้สึกการรวมของพลังที่ท้องมากเกินขนาดให้หยุดพักไว้ก่อน<O:p</O:p
    2. หากไม่รู้สึกถึงพลังที่ท้อง ให้กำหนดจิตอยู่ที่สะดืออย่างน้อยวันละ 15-30 นาที<O:p</O:p
    3. การทำสมาธิที่ถูกต้องคือให้จิตนิ่งอยู่ที่บริเวณสะดือไม่คิดเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่คือบางส่วนของการปฏิบัติขั้นต้น<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...