เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

เรียนท่านผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลาย ถ้าท่านได้พยายามอ่านมาตั้งแต่หน้าที่1จะพบว่าการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในทางธรรม เป็นเรื่องที่ดี แต่บางเรื่องเป็นปัจจัตตัง การเคารพบูชาและศรัทธาในครูอาจารย์ของแต่ละฝ่ายก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ขอให้ทุกท่านคำนึงถึงหลักกาลามสูตรที่พระพุทธองค์ได้สอนไว้ด้วย ไม่อยากเห็นท่านผู้รู้ทั้งหลายทะเลาะกันครับ รบกวนศิษย์จากสำนักต่างๆช่วย ขยายความต่อให้ด้วยครับ หรือ เชิญคุณอัญญสิทธิ์ ช่วยอธิบายให้สมาชิกท่านอื่นได้ทราบด้วยดรับ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

ตะกี้ อ่านกระทู้อยู่ก็ ภาวนา พระศรีย์ในใจ ไม่ทันลมหายใจต่อไป ท่านก็มา ปรากฏใน จิต มา ลูบหัวผมครับ

โมทนา ครับ คุณAunyasit คุณAunyasitก็เช่นกัน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

ส่วนการไปพบหลวงปู่ทองทิพย์ด้วยภายนอก ก็แล้วแต่ บารมี ของผมหละครับต้องเพียรสร้างต่อไป

 

ผมไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ซอยสายลมเมื่อปี2534ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไปเกือบทุกเดือนที่ซอยสายลมจนถึงเดี๋ยวนี้และผมมีโอกาศไปกราบหลวงปู่ทองทิพย์ที่หนองคายประมาณสัก2-3ปีเห็นจะได้ก็ไปกราบท่านหลายครั้งอยู่จนท่านมรนะภาพ..ทั้งสององค์เป็นพระอริยะเจ้าทั้งสององค์ครับไม่ต้องสงสัยครับ..ในทางปฏิบัติแต่ละสายอาจสอนไม่ตรงกันแล้วแต่ครูบาอาจารย์แต่ละสายจะสอนมาผมรู้จักกับคุณอัญญาสิทธิ์หลายปีแล้ว..และก็เคยได้คุยกันหลายครั้งเจตนาของท่านบริสุทธิ์ครับทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ..ขออนุโมทนาสาธุๆๆ..ในการสร้างพระแก้วทั้ง5องค์ครั้งนี้ด้วยครับ

 

พี่อัญญาสิทธิ์บอกว่า หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้ว
คุณพรสิวลีมาบอกว่า ท่านเป็นพระอริยเจ้า
ตกลงองค์หลวงปู่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม หรือ พระอริยเจ้า กันแน่ครับ

 

อนุโมทนาครับ คุณวิปจิตัญญู ขอให้มีกำลังใจในการปฏิบัติดียิ่งๆขึ้นไปครับ ขอให้พบดวงแก้ว ขอให้แคล้วบ่วงมาร ขอให้พบหน้าพระศรีอาริย์ อยู่ ณ เบื้องหน้าเทอญ

อนุโมทนาในจิตกุศลครับ คุณพรสิวลี ขอให้เจริญในธรรมครับ

เมื่อวันเพ็ญ 15 ค่ำที่ผ่านมา หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านลงมาจากเบื้องบน ท่านกำหนดวันหล่อพระเจ้า 5 พระองค์ให้เป็นวันมาฆบูชาหรือวันพ็ญเดือน 3 ที่จะถึงนี้ครับ ก็ต้องเตรียมงานค่อนข้างเยอะ ก็คนเล็กทำงานใหญ่จะทำไงได้ ท่านบอกว่าถ้าเตรียมงานไม่ทันก็อนุญาตให้เลื่อนได้ แต่ผมเองไม่อยากเลื่อนเพราะวันบุญเดือน 3 นั้นเป็นวันสำคัญของหลวงปู่ใหญ่(ปู่ทองทิพย์)เพราะท่านเกิดในวันเพ็ญเดือน 3 เช่นกัน

หลวงปู่เณรคำน้อยท่านบอกว่าบทสวดที่จะใช้ในขณะทำพิธีหล่อพระนั้นไม่ได้ใช้บนโลกนี้มานานมากแล้ว หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านจะเป็นประธานในการหล่อให้ ท่านให้ผมคัดเลือกพระสงฆ์ที่จะมานั่งอธิษฐานจิตในขณะหล่อพระเอง ส่วนพระสงฆ์ที่จะสวดมนต์บทสำคัญในพิธีหล่อพระนั้นท่านจะแจ้งให้ทราบทีหลัง

ท่านบอกให้ผมจุดธูปอธิษฐานบอกเบื้องบนทุกภพภูมิเกี่ยวกับสัจจบารมีที่เราจะทำให้เขาแล้ว ท่านบอกว่าเดี๋ยวเบื้องบนเขาจะร้อนเอง และจะมีผู้มาช่วยเหลือในหลายรูปแบบ ตอนนี้ก็ต้องรีบหาโรงหล่อและวัดที่จะเป็นสถานที่หล่อพระ คาดว่าจะเป็นเขตจังหวัดนครปฐมเพราะเป็นพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เป็นพระแก้วองค์ปฐมที่หลายๆภพภูมิมาช่วยกันสร้างครับ

 

คนธรรมดาบารมีต่ำอย่างผมพอที่จะร่วมพิธีหล่อได้หรือเปล่าครับ. คือแบบว่าอยากได้วัตถุมงคลเป็นที่ระลึกน่ะครับ, แฮะๆๆ.

 

ก็ขอขอบคุณที่คุณkasin84000ที่ท้วงติงมาผมอาจจะใช้คำผิดไปครับต้องขอโทษด้วยเอาเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งสององค์เลยครับ

 

คุณ พรสีวลี

ครูบาอาจารย์ท่านมักจะใช้คำว่า พระอริยสาวก(ทรงภูมิธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป) กับ พระอริยโพธิสัตว์(ผ่านภูมิธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปในขั้นปรมัตถบารมีและได้รับพุทธทำนายแล้ว) ซึ่งหลวงพ่อฤษีลิงดำท่านเป็นพระอริยสาวก ส่วนหลวงปู่ทองทิพย์ ท่านเป็นพระอริยโพธิสัตว์ ดังนั้นคำว่าพระอริยะ จึงใช้ได้กับทั้งสองท่าน แต่มีความหมายคนละนัยยะกันครับ

คุณ kasin84000, คุณ Supernova

หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับพระอริยะบางรูป เช่น หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงปู่แหวน หลวงปู่มั่น นั้น ผู้ที่พูดว่าเป็นอย่างนั้นคือ หลวงปู่ทองทิพย์ ก็ถกเถียงกับท่านไปก็แล้วกันนะ

คุณ BiMode

ถ้าจะไปร่วมงานก็ควรจะวางจิตเพื่อไปแสวงหาบุญกุศลครับ หากวางจิตว่าจะไปเพื่อแสวงหาวัตถุมงคลนั้นจะได้อานิสงส์น้อยมากครับ

 

กระผมผู้น้อยมิบังอาจไปเถียงกับพระระดับหลวงปู่ทองทิพย์ท่านหรอกครับ
เพียงแต่ ผมสงสัยครับ เพราะหลักฐานปรากฎชัดอยู่
ผู้ที่อัฐิ หรือ สังขารจะแปรสภาพเป็นพระธาตุได้นั้น
ต้องเป็นท่านผู้ที่มีความบริสุทธิ์หมดจดสิ้นกิเลสอย่างแท้จริง
ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่มีได้เฉพาะแก่
พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระอรหันต์สาวกเท่านั้น
พระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิ์ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี
อัฐิกลายเป็นพระธาตุไม่ได้
ครูบาอาจารย์ของผม ท่านบอกมาเช่นนี้ครับ

 

ที่สำคัญน่ะ ผมว่า ปัจจัตตัง

ถ้า พระท่านบอกว่าเป็น อริยะ หรือ เป็น โพธิ

ตัวพระสงฆ์ท่านต้องรู้ตัวเองครับ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก มาย้ำ

มีคนเคยบอกว่า ถ้าเป็นสายโพธิ จะนับถือ หลวงปู่ทวด เพราะท่านเป็นพี่ใหญ่ครับ

ปู่ทวด ท่านมีชื่อที่เรียกอีกว่า สามีราโม พี่อัญยาเลยไปเหมาเอาว่าท่านเป็น ท่านรามะพุทธะ

แล้วไปเอา พระรามในรามเกียต์ร มาเป็น องค์ศรีอริยะ

แต่โดยส่วนเห็นสลับกันครับ

ปู่ทวดน่าจะเป็นองค์ศรีอริยะ

ในขณะที่พระราม น่าจะมาตรัสเป็นรามะพุทธะ

อันนี้ก็ไม่ยืนยันความเห็นเช่นกัน

 

หลวงปู่ทวด ท่านมีบารมีมาก มีความพิเศษมากจริงๆ
แต่ท่านก็ไม่ใช่พระศรีอาริย์
หลวงปู่ท่านได้ลาพุทธภูมิเป็นพระอรหันต์อยู่ที่พระนิพพานแล้วครับ
ขอยืนยันตามนี้ครับ

 

เอาเหอะน่า, ผมว่าใครจะเป็นอะไรระดับไหนและถูกต้องหรือไม่นั้นมันไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องสนใจสักเท่าไหร่เพราะนั่นเป็นเรื่องเฉพาะตนของคนๆนั้น. ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ท่านก็สอนให้ดูที่ตัวเองมากกว่าที่จะดูผู้อื่นมิใช่รึ?

 

ไม่ได้ขัดแย้งกับใครนี่ครับ

แค่เขียนในสิ่งที่ผมเชื่อ และรู้ ก็เท่านั้น

และที่สำคัญที่สุด แม้ตัวผมเองก็ยังไม่ยืนยันความรู้ของตัวเอง ว่าถูก คนอื่นผิด

แค่เขียนในสิ่งที่ต่างกัน ท่านยังว่าผมทะเลาะ

ถ้าเล่าทุกเรื่องที่ผมรู้ พวกคุณคงต้องว่าผมบ้าแน่เลย

เอาเป็นว่า คนล่ะตำรา ใครเชื่ออย่างไหนก็ไปอย่างนั้น

สวัสดี

 

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย อนุรุทธสูตรที่ ๒

[๕๗๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่
ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวว่า
ขอโอกาสเถิดท่านสารีบุตร
ผมตรวจดูตลอดพันโลกด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์
ก็ผมปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไม่หลงลืม
กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา
เออก็ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น

ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า
ดูกรท่านอนุรุทธะ การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า
เราตรวจดูตลอดพันโลก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ดังนี้
เป็นเพราะมานะของท่าน
การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า ก็เราปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน
ตั้งสติมั่นไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา ดังนี้
เป็นเพราะอุทธัจจะของท่าน
ถึงการที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เออก็ไฉนเล่า จิตของเรายังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ดังนี้
ก็เป็นเพราะกุกกุจจะของท่าน
เป็นความดีหนอ ท่านพระอนุรุทธะจงละธรรม ๓ อย่างนี้
ไม่ใส่ใจธรรม ๓ อย่างนี้ แล้วน้อมจิตไปในอมตธาตุ

ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะต่อมาได้ละธรรม ๓ อย่างนี้
ไม่ใส่ใจถึงธรรม ๓ อย่างนี้ น้อมจิตไปในอมตธาตุ
ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะ หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว
เป็นผู้ไม่ประมาท มีตนอันส่งไปอยู่
ไม่นานนัก ได้ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม
ที่กุลบุตรทั้งหลายออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องกันนั้น
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ก็แหละ ท่านพระอนุรุทธะ
ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ

========

สำหรับพระสูตรที่ 2 ที่ผมยกมานั้น
สะท้อนให้เห็นชัดแล้วว่า ขณะที่ท่านพระอนุรุทธ
ไปปรึกษาการปฏิบัติกับท่านพระสารีบุตรนั้น
ท่านพระอนุรุทธชำนาญในฌาน 4 แล้ว
ท่านจึงสามารถตรวจดูตลอดพันโลก
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์

เมื่อท่านพระอนุรุทธได้ฌาน 4 จนชำนาญ และได้ทิพยจักษุแล้ว
ท่านปฏิบัติธรรมด้วยการตรวจดูโลกตั้งพัน
เห็นความจุติ - อุบัติ ของสัตว์ทั้งปวงอยู่ตลอดเวลา
แต่ท่านก็ไม่บรรลุพระอรหันต์ จึงไปขอคำแนะนำจากท่านพระสารีบุตร

ท่านพระสารีบุตร แนะนำให้ท่านดูจิตตนเอง
คือดูให้รู้ทันกิเลสที่แฝงอยู่กับจิตใจของท่าน
ได้แก่ ความถือตัว ว่ามีทิพยจักษุเหนือคนอื่น
ความฟุ้งซ่าน ไปกับความคิดว่า เรามีความเพียร มีสติ มีกายสงบ มีจิตตั้งมั่น
และความรำคาญใจ ว่า ทำไมหนอจิตของเราไม่หลุดพ้นเสียที
เมื่อรู้ทันและจิตพ้นการครอบงำของกิเลสแล้ว
ท่านพระสารีบุตรก็แนะนำธรรมเพื่อการปฏิบัติที่สำคัญประการหนึ่งคือ
จงละธรรม ๓ อย่างนี้ ไม่ใส่ใจธรรม ๓ อย่างนี้
แล้วน้อมจิตไปในอมตธาตุ

ท่านพระอนุรุทธปฏิบัติตามที่ท่านพระสารีบุตรแนะนำ
จึงบรรลุพระอรหันต์
ก็จะไม่บรรลุได้อย่างไร เมื่อท่านสามารถรู้ทันกิเลสอย่างละเอียด
แล้วเข้าไปรู้ถึงธรรมชาติที่เหนือเกิดเหนือตายได้

 

เอามาจากลานธรรมอีกทีนะครับ
เห็นคุณอัญ ปรามาสว่าไม่มีพระอรหันต์หลังจากห้าหกร้อยปีหลังปรินิพพานก่อนแล้ว น่ากลัว ท่านจะเก่งแบบสุด ๆ จริง ๆ

 

แต่ผมเห็นว่าถ้าเห็นใคร หลงทางก็น่าจะช่วยเตือนให้เขารู้ตัวไม่ใช่ แกล้งยอกันแบบนี้เดี๋ยวเขาก็คิดว่าตนวิเศษจริง ๆ หรอก ก็เห็น ๆ กันอยู่น่าจะช่วยเตือนกัน นี่ยังไม่นับพวกที่งมงายตาม ก็อาจเกิดโทษกับผู้นั้นได้

 

อันตรายมากครับ
1.เป็นการปรามาสต่อพระพุทธพจน์วาจาของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงพยากรณ์ศาสนาของพระองค์ไว้ว่า จะมีพระอรหันต์ไปตลอดจนกว่าจะสิ้นอายุศาสนา 5000 ปี
2.เป็นการปรามาสต่อพระธรรมของพระพุทธเจ้าว่า ไม่มีผลต่อท่านผู้ปฏิบัติตามจริง
3.เป็นการปรามาสต่อพระอรหันต์ที่ยังทรงขันธ์ 5 อยู่ในยุคปัจจุบัน ที่มีอยู่มากมายหลายองค์

 

คุณ kasin84000, คุณ wawa

สิ่งที่ผมนำมาเล่านั้น "หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านเป็นคนบอกผมเอง" ท่านศึกษาจากพระไตรปิฏกที่เป็นของจริง ทุกตัวอักษรเป็นอักขระทองคำ ทันทึกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ขณะนี้เก็บรักษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ถ้าครูบาอาจารย์ท่านไหนศึกษาหรือปฏิบัติยังไม่ถึงตรงนี้ หรือไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ท่านก็จะไม่รู้เรื่องทำนองนี้

มีลูกศิษย์ฆราวาสคนหนึ่งของหลวงปู่ทองทิพย์ เมื่อตาย เผาเสร็จกระดูกเป็นพระธาตุ มีคนเขามาถามหลวงปู่ทองทิพย์ ท่านบอกว่าเขาได้ฌานโลกีย์ กระดูกจึงเป็นพระธาตุ ดังนั้นผู้ที่กระดูกเป็นพระธาตุไม่ได้บ่งบอกถึงภูมิธรรม แต่เป็นการบ่งบอกว่าบุคคลผู้นั้นเคยได้ฌานโลกีย์ ที่จริงครูบาอาจารย์ท่านที่กระดูกเป็นพระธาตุนั้นเป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติจิตของท่านเท่านั้นเอง

คุณ kasin84000 อยากฝึกให้กระดูกเป็นพระธาตุไม๊ ถ้าอยากจะทำให้กระดูกเป็นพระธาตุ มีวิธีอีกวิธีหนึ่งก็คือฝึกให้ได้ฌานแล้วใช้จิตฟอกธาตุไปเรื่อยๆเดี๋ยวเวลาตายไปกระดูกก็เป็นพระธาตุเองแหละ

 

กระทู้นี้ยาวดีจังเลยครับ อ่านมาข้ามปี
โปรดใช้ภูมิธรรมของตัวเองที่มี หรือใช้วิจารณญาณคัดเลือกในเรื่องที่ดีมีประโยชน์เท่านั้น อันไหนที่เรายังไม่รู้ก็ไม่ควรไปแย้งครับ

ธรรมะทุกอย่างเป็นปัจจัตตัง รู้ได้ด้วยเฉพาะตนจริงๆ
ไม่รู้ใครหลงไม่หลง
และไม่ควรปรามาสซึ่งกันและกันครับ
ทุกท่านก็มีหน้าที่มาต่างกัน
ขอให้ทุกท่านบารมีเต็มเร็วๆ นะครับ

ถ้าเรายังไม่ได้มรรคได้ผลแล้ว
เราก็ยังเลวอยู่กันทุกคนครับ
คนอื่นก็ยังเลว เราเองก็เลว มาแก้ที่ตัวเองดีกว่านะครับ
อันไหนเห็นว่าดีก็น้อมนำมาใส่ตัว อันไหนไม่ดีก็ปล่อยทิ้งไป
วางอุเบกขาให้จงได้
กระผมไม่มีเจตนาจะกระทบท่านใดๆ นะครับ
ผิดคนอื่นยังไกลตัวนักครับ
เรามาแก้ตัวเองกันดีกว่า
ขอโมทนากับทุกข้อความที่ดีๆๆ ด้วยนะครับ

 

เรียน คุณ Aunyasit

กระผมอยากจะเตือนท่านซักอย่าง คือเรื่องสติ สิ่งที่คุณกล่าวมาเป็นการกล่าวถึง หลวงปู่ทองทิพย์ ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าท่านบรรลุธรรมขั้นใด และไม่มีเจตนาปรามาสท่านใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่คุณ Aunyasit ได้กล่าวมานั้น ได้ผ่านการใช้สติพิจารณาธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลองไปดู กาลมาสูตร 10 อย่างดูครับ จะเชื่ออะไรก็ตามแต่ ต้องพิจารณาธรรมด้วยที่เป็นข้อธรรมหลักๆนะครับ
สิ่งที่ผมเห็นจากคุณ Aunyasit คือ ความคิดของข้าพเจ้าที่ได้รับมาถูกเสมอ อยากให้ คุณ Aunyasit พิจารณาข้อธรรมต่างๆนะครับ ก่อนที่จะปรามาสพระอรหันต์หลายท่านๆที่เคยกล่าวมา
ส่วนกรณี พระธาตุผมไม่มีความรู้จริงๆครับ ไม่มีข้อเสนอแนะใดๆ