เมื่อมุสลิมเค้านำพระไตรปิฎกไปเปรียบเทียบ

นึกว่าอะไร

เอาปัญญาโง่ๆๆ ของตัวเอง เปรียบเทียบ นี้เอง

 

ช่างเค้าเถอะคับ

เอาง่ายๆแค่ ธาตุ เค้ายังไม่รู้จักเลย
จขกท.ไม่มีภูมิความรู้ ในธรรมของพระพุทธเจ้าเลยคับ

ไร้ความเข้าใจ อย่างเก่งคงจะแค่สักแต่อ่านๆ จำอย่างเดียว
พอเห็นว่าข้อความนี้ ขัดแย้งตามความคิดของตนเอง ก็แปลว่าผิด

ขนาดธาตุ ที่แทนสภาวะ ของสสาร ยังเข้าใจผิด
เข้าใจว่าดินก็คือดิน
น้ำก็คือน้ำจริงๆ ตลกคับ
เข้าใจได้แค่นี้ก็ไม่ต้องคุยกันละคับ ไปศึกษาให้ถ่องแท้เข้าใจเจตนารมณ์ของ
พระพุทธเจ้าก่อน ค่อยมาแย้งก็ไม่สาย

เอ้อแปลกคนดีนะ เอาเถอะนานๆทีจะมีคนมาแย้ง และก็มีท่านผู้รู้มาชี้แจงแล้ว
สังคมประชาธิปไตยก็แบบนี้แหละท่าน

สุดท้าย จขกท.
จงไปอยู่ในที่ๆของท่านเถิด
พุทธภูมิไม่เหมาะสมกับท่าน

หากท่านเห็นว่าสววรค์เป็นที่ๆดีแล้วเหมาะสมแล้วที่จะไปอยู่
ก็จงทำตามคำสอนของ ศาสดาท่านเถิด
อย่าได้มาทะเลาะ กันอีกเลย
คิดดี ทำดี ก่อนตายให้คิดถึงแต่สิ่งดีๆ (พระพุทธเจ้า หรือศาสดาต่าง หรือสิ่งที่อิ่มอกอิ่มใจ)
ท่านก็ได้ไปสววรค์แล้ว ง่ายๆ

 

แมร่ง สูตรที่บอกว่าโลกกลมก็ไม่เอามาเปรียบเทียบ
ที่บอกว่าอาทิตย์อยู่ศูนย์กลางก็ไม่เอามา
ที่บอกว่าสุดแสงรัศมีอาทิตย์ส่องเป็นหนึ่งระบบก็ไม่เอามา
พวกปรัมปราเอ๋ย - -
มันจะทำการอุบาทว์ชัดๆ
ไปเรียนเรื่องโผฏฐัพพะให้ดีก่อนไป
น้ำ คือแรงดึงดูด
ดิน คือสสาร
ไฟ คืออุณหภูมิ
ลม คือการเคลื่อนไหว
ไปวิเคราะห์ซะ เจ้าเด็กน้อย
สสารที่รวมกันเป็นดาวตั้งอยู่โดยแรงดึงดูดใช่หรือไม่?
แรงดึงดูดสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวใช่หรือไม่?
อุณหภูมิมีผลต่อการเคลื่อนไหวใช่หรือไม่?
อากาศธาตุคือความว่างเปล่าโดยละเอียด
แล้วสรรพสิ่งตั้งอยู่ในความเวิ้งว้างนั้นใช่หรือไม่?

หึหึหึหึหึ

 

กลางของธาตุทั้ง 4 น้ำ ดิน ไฟ ลม คือ อากาศธาตุ
กลางของอากาศธาตุ คือ วิญญาณธาตุ (ธาตุรู้)
ละเอียดลงจากวิญญาณธาตุ เป็นต้นธาตุธรรม3ฝ่าย
คือ กุศล อกุศล อัพยาตกา (โดยหยาบ) นี้คือแก่นสาระของผู้สร้าง
เขาคือมายาผู้ช่างสร้าง มีอวิชชาเป็นอาวุธโดยแท้
เขาพยายามมีอิทธิพลต่อเรา เขาปรุงแต่งจิตให้เรา
เขาปรุงแต่งสังขารให้เรา ตามกรรมวัฏฏะ
เขาทำวัฏฏสังสารให้เราเวียนว่ายเล่น เขาก็ชอบหลอกเราเล่นๆว่าตายแล้วสูญบ้าง
เกิดครั้งเดียวบ้าง เกิดเพราะบังเอิญบ้าง เกิดเพราะแผนทอยลูกเต๋าบ้าง หลายๆอย่าง
หลอกให้เราเมาสวรรค์บ้าง ปรุงกิเลสให้เรารู้สึกสุข ทุกข์ บ้าง
ฝ่ายโลกียะเขาเป็นใหญ่ แต่ฝ่ายโลกุตตระเขาล้ำเข้าไปไม่ได้
มารผู้เป็นคนคอยขัดขวางไม่ให้คนพ้นจากมายา ก็คอยก่อกวนต่างๆนานา
ดำเนินกลางของกลางแล้วจะปลอดภัยที่สุด
ในฝ่ายโลกียะเกือบทั้งมหาจักรวาล นอกจากกลางแล้ว ล้วนเป็นถิ่นของมารทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงมีผู้กล้าหาญ หันหลังให้เขา ไม่สู้กับเขา ไม่หนีเขา ไม่มองเขา เมินเขา
บำเพ็ญบารมีจนมีชัยชนะต่อมารและมายา สามารถชี้ทางสว่างแก่สัตว์โลก
ประกาศพรหมจรรย์(ศาสนา)แห่งสัทธรรมไว้ดีแล้ว ชัยชนะเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า:
นายช่างผู้ปลูกสร้างเรือน! เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว,เจ้าจักสร้างเรือน
ให้เราต่อไปอีก ไม่ได้, โครงเรือน (คือกิเลสที่เหลือเป็นเชื้อเกิดใหม่) ของเจ้า
เราหักเสียยับเยิน หมดแล้ว.ยอดเรือน (คืออวิชชา) เราขยี้เสียแล้ว, จิตของเรา
ถึงความเป็นธรรมชาติ ที่อารมณ์จะยุแหย่ยั่วเย้าไม่ได้เสียแล้ว มันได้ลุถึงความ
หมดอยากทุกอย่าง.

 

อัตตาอันอ่อนน้อม สะท้อนภาพราชันย์บนเวที

 

ภาคดำเขาชอบหาพวกครับ หลอกให้คนหลงในกับดักแห่งวัฏฏะเยอะๆ
เขาเป็นใหญ่ในโลกียะครับ ฉุดคร่าสัตว์ให้ต่ำลงเรื่อยๆ
และเขาก็ได้เปรียบเราด้วยนะ ที่สุดของเขา พระพุทธเจ้าบอกไว้ถึงภพภูมิโลกันตร์
ทุกข์สุดๆ เกิดดับบ่อยสุดๆ แต่ไม่ได้เป็นนิรันดร์
ส่วนพระนิพพานเป็นทางของฝ่ายขาว บริสุทธิ์เกินบริสุทธิ์
ไม่มีหลุดมาเกิดอีกแล้ว เพราะพ้นจากมารแล้ว ตัดสิ้นเยื่อไยแล้ว
ไม่มีจิตให้เวียนว่ายอีกแล้ว ไม่ใช่จิตเพราะละเอียดกว่าจิต ล้ำลึกสุดพรรณนา
แต่ตรงข้ามในของฝ่ายมารจะเสียเปรียบอยู่อย่าง ตรงที่ต้องใช้จิต
แม้เป็นจิตที่หยาบมากๆ (พวกมิจฉาทิฏฐิดิ่ง) แต่ก็ยังเป็นจิต
ยังหลุดออกมาภพภูมิอื่นได้ เทียบๆดูแล้ว โลกันตร์ก็คล้ายชั้นพรหมกลับด้านไปในทางมืด
ภาคมารไม่มีความเป็นสุดยอดเหมือนนิพพาน เขาทำได้แค่นั้น
ถึงจะทำได้แค่นั้น เขาก็ได้เปรียบ เพราะสรรพสัตว์หลงเขาเยอะมากๆ มากเหลือเกิน
ดังนั้นหน้าที่ของพุทธภูมิคือปราบมารครับ
สั่งสมบารมีเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งจะได้เปรียบมารในจักรวาลนั้นๆ
เช่น วิริยะธิกะบารมี สามารถขนสัตว์ได้หมดจักรวาลนั้นๆได้เลย ภาคมารแพ้เห็นๆ
ภาคมารจะยิ้มร่าในสูญญกัปป์ แต่จะร้อนรนในภัทรกัปป์ครับ
ในจักรวาลที่เราอาศัยอยู่มีพระพุทธเจ้ามาโปรดก็นับว่าเป็นบุญสุดๆแล้ว
ดีกว่าจักรวาลที่เป็นสูญญกัปป์ในตอนนี้ ภาคมารคงวิ่งกันเริงร่า หลอกสัตว์ให้ติดกับดักกันเป็นเล่น ภาคดำเขาคึกคักจริงๆ
ชอบไปหลอกคนอื่นว่าเป็น... ให้เขาหลงเชื่อ
ระดับมายาเขาไม่ทำหรอกครับ มีแต่พวกมารที่ทำ
เพราะระดับมายาเขาไม่ต้องวางแผนแล้ว
เขามีมารเป็นผู้ช่วยให้สรรพสัตว์ยังหลงอยู่
ส่วนภาคขาวเป็นผู้พาคนให้หลุดพ้นจากมายา

 

คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วหละ
สมัยนี้มีผู้มีบุญญาลงมาเกิดเพื่อปกป้องพระศาสนาเยอะ
ผมเคยแล้วปลื้มใจจริงๆ
ไอ้ผมมันก็คนธรรมดาคนนึง ที่ตั้งใจจะสานงานพระศาสนา
เห็นผู้มีปัญญามาช่วยสานงานพระศาสนาก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก
หวังว่าเมื่อผมเติบโตมีอายุมากกว่านี้ ผมจะเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนา
ไม่มากก็น้อย สาธุ ขอให้ผมได้ทำตามความตั้งใจเทอญ
สละชีวิตเพื่อพระศาสนา ผมก็ยอม

 

ไม่รู้ผมเป็นคนเดียวหรือเปล่า อ่านที่เจ้าของกระทู้เขียนมาไม่รู้เรื่อง

แยกไม่ออกว่าข้อความใดมาจาก Text อันใหนคือความคิดเห็น
และอันใหนคือของที่มุสลิมเขาเอาไปอิง และอันใหนที่เขาเชื่อ

พยายามอ่านมาหลายรอบแล้ว ไม่รู้เรื่องอยู่ดี

จริง ๆ ถ้าว่าตามการพัฒนาของความเชื่อตามหลักของ world religion ถ้าวิธีคิดของการกำเนิดโลกและพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตจะเหมือนหรือคล้าย ต่างกันบ้างก็ไม่แปลก เพราะในอดีต ก็ได้มีการสื่อสารข้ามชนเผ่าข้ามแผ่นดินกันอยู่บ้าง ย่อมมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาและความเชื่อกันบ้าง

ยกตัวอย่างเช่น ความเชื่อเรื่องมังกร พญานาค ที่มีเหมือน ๆ กันตามแหล่งวัฒนธรรมหลักของโลกตั้งแต่วัฒนธรรมมายา มาจนถึงตะวันออกไกล
หรือความเชื่อเรื่องพระเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า หรือพระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญู อะไรก็ตาม ก็สามารถเป็นไปได้ และโดยมากก็จะออกไปในทิศทางคล้าย ๆ กัน จากการแก้ปัญหาเรื่องสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ ความยิ่งใหญ่ของผู้อยู่เหนือธรรมชาติ และชีวิตหลังความตาย และการเกิดใหม่

คงเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามุสลิมเอง เกิดขึ้นหลังจากพระคริสต์อยู่นานโข เหมือนกับพุทธเองที่เกิดในดินแดนฮินดู อะไร ส่งอิทธิพลต่ออะไรบ้าง และอย่างไร ถ้าศึกษาอย่างเป็นกลางถึงวิธีคิด และประวัติศาสตร์ของการพัฒนาของวิธีคิดเหล่านี้ ก็จะเห็นแจ้งเอง

 

อีกไม่นานศาสนาทุกศาสนาในโลก
จำเป็นต้องมารวมกัน ศึกษาเปรียบ
เทียบไม่เห็นจะเสียหายอะไร ควรจะ
ภาคภูมิใจ และเปิดโอกาสให้คนต่าง
ศาสนาได้มาศึกษาศาสนาพุทธบ้าง

 

ลองเอาของเค้ามาเทียบกับของเราสิ หนาวเลยนะ พระพุทธศาสนาที่สุดแล้ว อย่าเทียบให้หน้าแตกเลย

 

ชาวพุทธเราจะไปว่าเขาก็ไม่ได้ ศาสนิกชนอื่นๆเขาก็ไม่ได้ศึกษาธรรมที่พระตถาคตสั่งสอนไว้อย่างถ่องแท้ แม้แต่ชาวพุทธอย่างเราๆเองก็ยังขาดการปฏิบัติกันอยู่มาก บางคนยังได้ใช้ชื่อพุทธไปปลุกเสกนู่นนี่กันอยู่เลย
ศาสตร์ที่พระตถาคตทรงสั่งสอนนั้นจะมาตีความมานึกคิดเอาตามใจมันก็ได้แต่ความนึกคิดเอาตามใจ มันต้องปฏิบัติพิจารณาลงไป ขอวอนศาสนิกชนอื่น หากอ่านพระไตรปิฎกหรือศึกษาก็ให้ใช้ใจอ่านอย่างเป็นกลางๆไม่นำศรัทธาความคิดตนเองมาปนเปเดี๋ยวมันจะมั่ว อีกอย่างถ้าท่านไม่ได้เชื่อถือคำสอนในพระไตรปิฎกท่านก้ควรเปิดไปดูกาลามสูตรด้วย เพราะพระตถาคตเองก็ไม่ได้เรียกร้องให้ใครมาเชื่อท่าน

 

เกิดมาเป็นคนถ้ามีบุญบารมีเสริมส่งมาด้วยก็ย่อมได้เปรียบ ย่อมคิดและรู้ในสิ่งที่คนธรรมดาสามัญไม่คิดมีคนหลายเปอร์เซ็นต์ในโลกใบนี้ที่ขาดการคิดในแบบองค์รวมเกือบทุกคนคิดแบบแยกเดี่ยวนั่นหมายถึงคิดแบบตัวกูของกูเป็นที่มาของความเห็นแก่ตัวในความเป็นจริงของธรรมะหรือธรรมชาติแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนต้องอิงแอบอาศัยซึงกันและกันขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เราต้องมีสติให้มากๆจะได้เกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงไม่ใช่รู้เห็นตามความเชื่อ เลิกบ้า เลิกโง่เสียบ้าง .ความเงียบเป็นเสียงอย่างหนึ่งที่มนุษย์ไม่เคยหยุดฟัง.ก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วตัวตนที่แท้จริงของเราคือสิ่งที่เราไม่เคยหยุดฟังนั่นเองเข้าใจมั้ย?อย่าเสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาเป็นคนอะไรที่ไม่รู้อย่าคิดและเชื่อตามๆเค้าไปใช้สติปัญญาของตัวเราเองปัญหาส่วนใหญ่ของคนคือเชื่อเพราะคิดไม่ใช่เพราะรู้