เว็บพลังจิต จะเปิดห้องใหม่ รับดูดวงโดยหมอดูมืออาชีพ ? ขอถามความคิดเห็นของสมาชิก

เห็นด้วยค่ะ

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เพื่อว่าช่วงไหนอยากหาที่พึ่ง จะได้เลือกเข้าไปดูตามข้อมูลที่สมาชิกให้ไว้ได้โดยตรงไม่ต้องหาข้อมูลนาน ๆ นะค่ะ

 

เห็นด้วยค่ะ ส่งเสริมรายได้ให้กับสมาชิกอีกทางนึงด้วย

เพราะเว็บเราคนเก่งๆเยอะ ช่วยสกรีนคนให้กับบุคคลทั่วไปได้ข้อมูลได้ดีที่สุด

เเถมสะดวกกับการเดินทางไม่ต้องฝ่ารถติดไปหาหมอดูไกลๆ

เเค่โอนเงินเเล้วได้คำทำนายออนไลน์ รวดเร็วทันใจ เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันจริงๆค่ะ

เห็นชาวพลังจิตเสียค่าเช่าบูท เเละ ไปหากันลำบากเพราะอยู่คนละจังหวัด

สมัครเป็นสมาชิก 900 เผลอๆ ได้ลูกค้าออนไลน์ขาประจำได้เงินค่าดูมากกว่าที่เช่าบูทตามห้างซะอีก

เสีย รายปีเเค่นี้ คุ้มเเสนคุ้ม เวลาบอกปากต่อปาก ทางอินเตอร์เน็ต เร็วกว่าเป็นไหนๆ

เเถมบุคคลทั่วไปสามารถเช็คว่า หมอดูคนนี้คนนั้น ดูดวงเเม่นหรือไม่เเม่นจากเร็ตติ้งของคนในกระทู้ได้อีกด้วย

ตั้งเป็นห้องกันไปเลยดีเเล้ว จะได้โปร่งใส คนอื่นจะได้ไม่นินทาลับหลังอีกต่อไปค่ะ

ส่วนเรื่อง เสียค่าดู กับ ไม่เสียค่าดู ก็เเล้วเเต่วิจารณญาณของสมาชิกเอง

ถ้าคุณไปขอดูดวงฟรีเเล้วเขาขอเก็บเงินก็อยู่ที่วิจารณญาณของคุณเองผู้เดียว

ถ้าคุณอยากได้ของดีคุณก็ต้องมีน้ำจิตน้ำใจตอบเเทน ไม่ใช่อยากจะเอาเเต่ฝ่ายเดียว

เท่าที่รู้บางคนตั้งกระทู้เหมือนจะให้ฟรี เเต่พอเจอตัวกันจริงๆ ขอเก็บค่าครูพันสองพัน

เพราะได้ชื่อว่า เว็บพลังจิตยกกระทู้เป็นกระทู้เเนะนำ

คนทั่วไปก็นึกว่า เก่งสุดยอดก็เลยยอมเสียเงินมากมายไปโดยปริยาย

ตั้งห้องเเบบนี้ไปเลย ตัดไฟตั้งเเต่ต้นลมวัดกันที่ฝีมือ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า นะเอย นะเอย

 

สนับสนุนค่ะ

 

เห็นด้วยค่ะ จะได้ไม่โดนหลอก

 

เห็นด้วยคนครับ

 

เห็นด้วยค่ะ

 

เห็นด้วยครับ

 

ก็ดีครับเห็นด้วยเพราะจะได้คัดกรองให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะห้องดูดวงกะทู้หลากหลายมากทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับดูดวงที่สำคัญป้องกันหมอดูแอบแฝงที่ไม่ดีและไร้จรรยาบรรณได้ในระดับหนึ่ง

 

ผมเห็นว่า ไม่ควรจำกัดค่าครู เนื่องจาก บางวิชา หรือสำนัก อาจเรียกไม่เท่ากัน

ตลอดจนภาระ และค่าใช้จ่ายทางบ้าน ในการดูแลครอบครัวของหมอดูเอง

ซึ่งบางท่านอาจจะมีรายได้จากการดูดวงอย่างเดีียว ยิ่งเราๆท่านๆ ชอบของดีราคาถูกซะด้วย

อิอิ แล้วแต่ หมอดู และ คนดู เถอะคับ ว่าเขาจะตกลงดูกันเท่าไร ถ้าแพง แล้วแรงงจริงๆ

ยินยอมจ่ายคับ แต่ถ้าถูก แล้วเดาสุ่ม อาศัยจิตวิทยา ก็ไม่น่าดูคับผม


" จงรักเสียเมื่อเป็นเวลาแห่งรัก ไม่นานนักให้แสนรักก็ต้องลา "

 

เห็นด้วยครับ เก็บไปเลย 900 บาท

การดูดวง หรือ ตรวจดวงชะตา เขาเรียกผู้ที่ให้คำทำนายเรา 2 คำว่า หมอดู กับ นักโหราศาสตร์ ถ้าเป็นนักพยากรณ์มืออาชีพจะทราบดี ฉะนั้น ทั้งหมอดูหรือนักโหราศาสตร์ เวลาให้เขาเข้ามาลงทะเบียนแล้ว ช่วยแจ้งด้วยว่า ท่านนั้นเป็นหมอดูหรือนักโหราศาสตร์

การให้คำทำนายของศาสตร์พยากรณ์แต่ละท่านนั้น มีวิชาที่ร่ำเรียนมาไม่เหมือนกัน ดังนั้นขอให้ผู้ที่จะลงทะเบียนเสียเงิน 900 บาท ช่วยแจ้งด้วยว่าท่านใช้ศาสตร์ใดในการพยากรณ์ด้วย

และที่สำคัญที่สุด ท่านจะต้องแจ้งเพียงศาสตร์พยากรณ์เพียงศาสตร์เดียวเท่านั้น เช่น ใช้ศาสตร์พยากรณ์แบบ ไทย พม่า จีน ฝรั่ง หรือแบบทางจิต ทางเสียง กราฟ ไพ่ยิปซี เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อที่จะให้ผู้รับคำพยากรณ์จากท่านอาจารย์ ได้มีทางเลือกที่ตนเองคิดว่าเหมาะกับตนเองที่สุด และยังเป็นการตัดตอนมิให้อาจารย์บางท่านอวดสรรพคุณมากเกินไป อาจารย์จึงต้องแจ้งด้วยว่าท่านได้ใช้ศาสตร์ใดในการพยากรณ์ (บางท่านเรียนมาหลายศาสตร์พยากรณ์)

ผมคิดว่าในระยะเริ่มต้นอย่างนี้ สมควรจะ
1. ไม่น่าจะเก็บเงินค่าครูเกิน 200 บาท
2. ไม่มีการสะเดาะเคราะห์กับอาจารย์ใดๆ
3. รูปถ่ายของอาจารย์ผู้ให้คำทำนาย
4. ประวัติส่วนตัวโดยย่อๆ พอให้ทราบ

สำคัญที่สุดของที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฉะนั้น
- ไม่ควรให้มีการโพสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพยากรณ์ เพราะอาจมีการกลั่นแกล้งกันได้ว่า อาจารย์คนนั้นแม่น อาจารย์คนนี้ไม่แม่น อาจจะมีการใส่ร้ายกันได้นะครับ
- เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่าง ผู้ขอรับคำทำนาย กับ ผู้ให้คำทำนาย ไม่สมควรที่จะให้สาธารณะชนรับทราบ ไม่ว่าจะเป็น คำถาม คำตอบ วัน เดือน ปี เกิด

ข้อเสนอแนะหรือทางออกเรื่องนี้
- ถ้าอาจารย์เก่งจริงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยาก ก็ให้ท่านเหล่านั้นแสดงฝีมือโดย โพสสิ่งที่ตนเองได้คิดว่าหรือได้ดูแล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ในสัปดาห์หน้า ว่ากันไปเลยลองให้โพสสัก 2 สัปดาห์ ก็รู้แล้วว่าคนไหนเก่ง คนไหนไม่เก่ง ก็เหมือนกับดูดวงเมืองนั่นแหละครับ ถ้าขนาดดูดวงเมืองได้ ดวงคนไม่ใช่เรื่องยาก
- หรืออีกวิธีคือ ให้ทำนายหรือโพสบทความสั้นๆ เกี่ยวกับดวงคน เช่น คนที่เกินระหว่างวันที่ ... ถึงวันที่ ... เดือน ..... หรือราศรี .... เป็นคนลักษณะนิสัย การงาน การเงิน เพื่อเป็นตัวอย่างทางเลือกอีกวิธีหนึ่งให้กับผู้ที่จะตัดสินใจดูดวง
- ทั้ง 2 กรณีนี้ เราก็จะรู้ว่า ใครมืออาชีพ ใครสมัครเล่น ....... ท่านว่าจริงไหมครับ

 

เห็นด้วยครับสำหรับคนที่ดูเป็นอาชีพ(เรียกเก็บค่าดูไม่ว่าจะมากหรือน้อย) แต่ควรงดเว้นกับคนที่ดูฟรีจริงๆ(ไม่ใช่ดูฟรีกี่ข้อแล้วไปต่อกันหลังไมค์)ไม่เรียกเก็บหรือให้ทำบุญโดยเข้าบ/ช ของเวปหรือหน่วยงานการกุศลอื่นๆ ในส่วนของเงื่อนไขค่อยมากำหนดภายหลังว่าข้อมูลของคนที่เป็นหมอดูว่าควรเปิดเผยหรือให้ทางเวปทราบเท่านั้น ส่วนเรื่องการกำหนดค่าดูแล้วแต่หมอดูเองดีกว่าเพราะว่าถ้าเป็นของจริง ดีจริง ต่อให้แพงแค่ไหนคนก็ไปดูครับ แต่ถ้าไม่แน่จริงต่อให้ดูฟรียังไม่มีใครสนใจแล้วก็จะหายไปจากวงการเองครับ

 

เหมาะสม & เห็นด้วยค่ะ...

 

เห็นด้วยค่ะ เพราะผู้ดูจะได้ทราบข้อมูลของหมอดูเบื้องต้นบ้าง ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะทราบจากสมาชิกที่เคยไปดูมา แล้วมาเล่าให้ฟังอีกที ต้องสุ่มดูเองจึงจะรู้ว่าแม่นหรือไม่ ถ้าทางเวปคัดกรองมาแล้ว สมาชิกก็สบายใจไปส่วนหนึ่ง ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับผู้ดูกับหมอดู ว่าดวงสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงไร แม่นมากน้อยอย่างไร อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ

 

เห็นด้วยครับ จะไปบำรุงเวปให้อยู่นานๆ

 

เห็นด้วยค่ะ จะได้มีข้อมูลประกรอบการตัดสินใจก่อนดู ค้นหาสะดวกรวดเร็วทันใจ ส่วนหมอดูท่านไหนดูฟรี ก็ขอความรวมมือจากสมาชิก ที่โทรไปดูให้ช่วยบริจากให้เวบตามกำลัง ปีหนึ่งก็คงได้900บฺ หมอดูไม่ผิดสัจจะ ได้บุญสองต่อช่วยคนด้วยช่วยเวบด้วย ใครบริจากแล้วก็เขียนบอกในเวบจะได้รู้ยอดว่าครบแล้ว ส่วนสมาชิกที่อยู่ต่างประเทศก็ขอความร่วมมือร่วมใจให้บริจากต่อปีเลยเพราะ ถ้าส่งหนังสือมาจากเมืองไทยแพงกว่าไม่มีที่เก็บเพราะรับทุกเดือนย้ายบ้านก็หนักมากๆ ช่วยๆกันหน่อยค่ะปีล่ะ900-1000บาท ดูtvไทยผ่านคอมแบบเวบพลังจิตค่าสมาชิกปีล่ะ3000บ/ปีที่ต่างประเทศ ดูได้ที่ละเครื่องที่ละช่อง นี่ถ้าเราอยู่ต่างประเทศช่วยๆกันบริจากทุกๆคนก็เท่ากับเราได้ช่วยคืนสิ่งดีๆให้กับสังคมไทยและเราก็ได้รับกลับด้วยเช่นกัน

 

​

ที่หมอดูไม่ดูฟรีให้ก็เพราะ กลัวอดตายค่ะ อิอิ
จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอกค่ะ pinkystar จะขอท้าวความนิดนึงนะคะ
ในโลกเรานี้มีหมอดูมากมาย แต่มีนักโหราศาสตร์ที่เก่งจริงนั้นน้อยมากค่ะ

แล้วเราจะแยกแยะลักษณะหมอดู กับหักโหราศาสตร์ออกได้ยังงัย ง่ายนิดดดดด เดียว
หมอดู : มีหลายแบบ หมอดูจะต้องใช้คำพูดหว่านล้อมให้เรายอมดูกับเค้าจะสังเกตุได้ว่าหน้าตาหมองคล้ำ เพราะกลัวไม่มีคนมาดูด้วย
หมอดูก็จะมีหลายแขนงเช่นพวกที่ดู ไพ่ต่างๆ และหมอดูเลข 7 ตัว ที่ฮิตกันในสมัยนี้เอง

โหร หรือนักโหราศาสตร์ : คนพวกนี้จะไม่เรียกตัวเองว่าหมอดู เพราะหมอดูคู่กับหมอเดา
แต่นักโหราศาสตร์ คือผู้ที่ศึกษาศาสตร์แห่งโหรมาอย่างยากลำบาก
มีครูบาอาจารย์น้อยคนเหลือเกินในโลกเราที่จะยอมถ่ายทอดศาสตร์อันลึกลับและ ยากแสนยากนี้ให้กันคนที่ไม่รู้คุณค่า

คุณจะเห็นได้ว่า หมอดูที่ฉลาดๆ จะเรียกตนเองว่าโหร แต่จะโหรจริงไม่จริง เราสามามารถพิสูจน์ได้ยากมากสำหรับคนธรรมดาทั่วไป

ทำไมถึงยากหล่ะ ???
ก็ จะไม่ให้ยากได้งัย คุณลองไปซื้อหนังสือโหราศาสตร์มาอ่านซัก 10 เล่มดูสิ
ถ้าคุณเข้าใจหมด แล้วทำนายได้ถูกต้อง 100% นั่นแหล่ะ
คุณจะสามารถแยกจำแนกประเภทของ หมอดู กับโหราศาสตร์ออกจากกันได้เป็นอย่างดีทีเดียว
แต่เตือนนะคะ อย่าไปซื้ออ่านเลยค่ะ เสียเวลาเปล่า อ่านไป ซัก 10 หน้าก็วางแล้ว
งงเป็นไก่ตาแตกไม่รู้ด้วย บางคนเรียนมาเป็น 10 ปียังไม่สามารถทำนายด้วยดวงดาวได้เลย เลี่ยงไปใช้ไพ่ยิปซีมั่ง เลข 7 ตัวก็เยอะ

ทุกวันนี้ นักโหราศาสตร์จริงๆ ในเมืองไทยก็ยังมีน้อยมากๆ น้อยจนนับจำนวนได้ถ้าพวกท่านทั้งหลายมารวมตัวกัน

แล้วทำไมต้องมีค่าครูหล่ะ ?? นั่นหน่ะสิ

ก็ไม่แปลกเลยเพราะโหราศาสตร์หน่ะ เรียนยากมากกกกกกกกกกกก
อัน นี้ pinkystar พิสูจน์มาแล้วด้วยตนเอง ตอนเรียนแรกๆ นักเรียนเต็มห้อง นับได้ 50 คน
เรียนๆ ไป ใกล้จะจบสัปดาห์นี้แล้ว เหลือนักเรียนแค่ 15 คนเองค่ะ

อ้าวคนหายไปไหนกันหมดหล่ะ ??
เค้าไปทำมาหากินกันแล้ว หน่ะสิคะ บางคนเรียน จบ 2 ครอสก็เริ่มพยากรณ์แล้ว ครอสที่พิ๊งกี้เรียน มีด้วยกัน 3 ครอสค่ะ
นักเรียนที่จบไปสามารถพยากรณ์ได้ทุกคน ยกเว้นคนที่หัวไม่ไปจริงๆ ถึงเลิกราไปเอง

ทำไมต้องคิดค่าครูหล่ะ ??
- วิชาความรู้ที่สืบทอดกันมามีครูบาอาจารย์ค่ะ เหล่านักโหราศาสตร์ต้องเคารพครูบาอาจารย์ ทำบุญให้ครูบาอาจารย์เป็นประจำ
- นักโหราศาสตร์ ก็หิวค่ะ เงินอีกส่วนก็ต้องแบ่งไปเพื่อเลี้ยงชีพอาตมา
- นักโหราศาสตร์ ก็มีพ่อแม่ ลูก เมียที่ต้องคอยดูแลค่ะ ต้องตอบแทนพระคุณพ่อแม่ เลี้ยงเมีย เลี้ยงลูกให้โตจึงต้องใช้เงินเช่นกันค่ะ
- นักโหราศาสตร์ต้องทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรม นายเวรของลูกศิษย์ที่ท่านไปเปิดดวงชะตาให้

ข้อนี้สำคัญมาก อ่านให้ดีๆ นะคะ
ถ้า คุณมีเคราะห์มาหาให้ท่านดูดวงให้ แล้วคุณไม่ให้ค่าครูท่าน
ท่านก็จะต้องเดือนร้อนเพราะท่านเปิดดวงคุณแล้วเหมือนไปฝืนลิขิตสวรรค์
แต่ถ้าถวายเงินถวายค่าบูชาครู ครูท่านจะรับเป็นธุระจัดการให้ ไม่ทำให้นักโหราศาสตร์ต้องประสปเคราะห์กรรมใดๆ ที่บังอาจไปฝืนลิขิตฟ้าค่ะ

อันนี้เป็นเหตุผลนึงที่นักโหราศาสตร์ หรือหมอดูต้องเรียกเก็บค่าครูค่ะ

อ้าวแล้วทำไมพิ๊งกี้ ดูฟรีหล่ะ ???
อ๋อ พิ๊งกี้ไม่ได้ดูฟรีนะคะ พิ๊งกี้จะเขียนไว้ท้ายคำพยากรณ์เสมอ ให้ท่านที่ต้องการดูดวงกับพิ้งกี้
ทำบุญให้กับครูบาอาจารย์ของพิ้งกี้ด้วย เพียงแต่เงินนั้นไม่มาถึงมือพิ๊งกี้เท่านั้นเอง
แต่เงินที่พวกคุณทำบุญให้กับครูบาอาจารย์ของพิ๊งกี้ก็ได้ช่วยเหลือเด็กๆ ยากจนด้วย เห็นมั๊ยคะว่า ได้บุญ 2 ต่อเลยค่ะ

นักโหราศาสตร์ที่ดี เค้าจะไม่ขึ้นค่าครูเกินจากที่ได้ตั้งค่ากำนนครูไว้ในวันไหว้ครู
เช่น ปีนี้ เดือนมีนาคม พิ๊งกี้จะตั้งค่ากำนนครูเป็นเงิน 500 บาท ถ้าพิ๊งกี้ ดูดวงให้ฟรี
พิ๊งกี้ก็ต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายเอง 500 บาทต่อคนทีเดียวเทียวค่ะ
เพราะนี้คือกฏค่ะ เราต้องบูชาครูค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้ว ตัวพิ๊งกี้เองอาจจะมีเคราะห์ร้ายมาถึงตัวเองได้

ป.ล. ตั้งค่ากำนนครูขึ้นอยู่กับตัวนักโหราศาสตร์เองค่ะ
ตั้งสูง ดูจริงๆ คิดต่ำไม่ได้
ตั้งไว้ต่ำ ไปเรียกเค้าสูงก็ไม่ได้ถือว่าผิดครูค่ะ
ดูเรื่องแย่งผัวแย่งเมียไม่ได้
ดูเรื่องเด็กไม่ได้
ดูเรื่องการเมืองไม่ได้
ห้ามออกมาพยากรณ์เรื่องการเมือง เรื่องภัยธรรมชาติ
ทั้งหมดถือว่าผิดครูค่ะ

หลังจากพิ๊งกี้ตั้งค่ากำนนครูแล้วพิ๊งกี้จะกันเงินส่วนหนึ่งไว้สร้างโรงเรียนให้กับเด็กยากจนในชนบทด้วยค่ะ
นี่เป็นปญิธาณที่พิ๊งกี้บอกกล่าวไว้กับครูบาอาจารย์ของพิ๊งกี้เองค่ะ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ค่ะ

แต่ ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังศึกษาอยู่จึงไม่ได้เรียกค่าครูอะไรมากมายนักค่ะ ยังงัย ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาฝากดวงไว้ให้พิ๊งกี้ได้ศึกษานะคะ

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี

ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=...16&action=view

 

โหรสว.ชี้ เรียน "หมอดู" อนาคตรุ่งได้



“ความ อยากรู้เรื่องอนาคตเป็นสิ่งไม่ผิด แต่ต้องอยากรู้โดยไม่ขาดปัญญา ชะตาที่รู้ล่วงหน้าไม่สามารถแก้ไขได้เพราะเราหนีกรรมไม่พ้น แต่สามารถทำกรรมดีให้กรรมเก่าเจือจางได้”

ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งผู้รู้ที่ศึกษาและสนใจด้านโหราศาสตร์มานานกว่า 20 ปี จนได้ฉายาจากกลุ่มการเมืองว่า “โหร สว.”

“พ่อ ผมเคยเป็นเด็กวัดที่พระตะบองจึงเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ผมจึงคุ้นเคยกับศาสตร์เหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเชื่อพ่อสักเท่าไหร่ เพราะผมจากบ้านมาเรียนหนังสือตั้งแต่อายุยังน้อย เราจึงห่างกันมาก แต่ประเด็นที่ทำให้กลับไปสนใจในเรื่องนี้อีกครั้ง คือ ตอนอายุประมาณ 38 เคยให้หมอดูทายว่าในอนาคตจะได้ตำแหน่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.)หรือไม่ กี่คนๆ ก็ทายว่าได้ แต่เรารู้ดีว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ตำแหน่งนี้ ผมจึงไปซื้อตำราหมอดูของอาจารย์เชย บัวก้านทอง มาศึกษาถึง 10 เล่ม อ่านตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึง ตี 4 จึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไรหมอดูถึงทายว่าเราจะได้ตำแหน่ง และสุดท้ายก็ได้จริงๆ มาตอนนี้ผมรู้สึกเสียดายตำราเก่าๆของคุณพ่อมาก เพราะนอกจากผมแล้ว พี่น้องคนอื่นๆไม่มีใครสืบทอดความรู้เหล่านี้ไว้เลย”

“ตอน ไปเรียนที่อเมริกา ผมเข้าห้องสมุด ถ่ายเอกสาร หนังสือเกี่ยวกับโหราศาสตร์ จน ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ แซวว่า... ผมว่าพี่บุญเลิศไม่ได้ดูตำราเรียนเลยนะเนี๊ย อ่านแต่ตำราหมอดู ผมมีตำราโหราศาสตร์ภาษาอังกฤษมากว่าภาษาไทย เพราะกวาดซื้อจากทุกๆ ประเทศที่เดินทางไปเยือน ผมยังรวบรวมและแปลคำทำนายของนอสตราดามุสจากภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อศึกษาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ปัจจุบันผมกำลังมีงานเขียนชิ้นใหม่ คือ หนังสือรู้เท่าทันหมอดู

ซึ่งแบ่งประเภทของการพยากรณ์ทั้งหลาย เป็น 6 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

กลุ่มที่ 1 การ พยากรณ์โดยอาศัยอิทธิพลทางอ้อมของพลังงานผ่านสื่อต่างๆ เช่น การทำนายโดย ไพ่ เซียมซี ปั่นติ้ว การเรียงตัวของหยดเทียนในน้ำมนต์ ฯลฯ คือ กลุ่มที่มีความเชื่อว่า คนที่จับจะมีพลังงานสอดคล้องหรือเป็นมิตรกับพลังงานในวัตถุที่ใช้ทำนาย ผมก็วิจารณ์ไว้ว่าถ้ามันแม่นจริงจับทุกครั้งต้องได้เหมือนเดิมทุกครั้ง มันถึงจะน่าเชื่อถือ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มพยากรณ์ที่แม่นยำน้อยที่สุด มันเป็นไปตามความน่าจะเป็นของหลังสถิติ เพราะฉะนั้นจงอย่าหลงงมงายกับมันมาก”

“กลุ่มที่ 2 การพยากรณ์จากอิทธิพลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านร่างทรง อาจเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือ ภูตผี ต่างๆ โดย ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า พวกร่างทรงไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เพราะไม่รู้ว่าผีจริงหรือผีปลอม และผีในที่นี่มีความฉลาดพอที่จะหยั่งรู้เรื่องของใครต่อใครได้หรือไม่ ถ้าเราไม่มั่นใจว่าทรงจริง หรือ ทรงหลอกก็อย่าไปใช้บริการ จงอย่างมงายโดยไม่พิสูจน์ด้วยตนเองตามหลักกาลามสูตร 10 ประการของพระพุทธศาสนา มิฉะนั้นเราจะตกเป็นเหยื่อของหมอดู”

“กลุ่มที่ 3 การพยากรณ์จากอิทธิพลของอำนาจจิตในรูปแบบต่างๆ เช่น ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติ ทายใจคน หรือที่หมอบางคนใช้คำว่าเอ็กซเรย์ แม้ พระพุทธศาสนาจะบอกไว้ว่าอำนาจจิตอาจได้มาด้วยการทำทาน ถือศีล สวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาจนได้ฌานสูงถึงขั้นปัญญาญาณ แต่เราก็เป็นปุถุชนธรรมดาที่สามารถถูกต้มตุ๋นได้ เพราะเราพิสูจน์ได้ไม่ว่าหมอดูในกลุ่มนี้มีอำนาจจิตจริงหรือไม่ เราต้องอาศัยคนที่มีปัญญาญาณมาพิสูจน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องยากมาก”

“กลุ่มที่ 4 การ พยากรณ์โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของเจ้าชะตา เช่น พยากรณ์จากตัวอักษร ลายเซ็น การเปลี่ยนชื่อ สกุล การดูฮวงจุ้ย เลือกทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยให้เกิดโชคลาภ จัดสถานที่ให้สอดคล้องกับการเคลื่อนตัวของพลังงานที่ให้คุณ กลุ่มนี้ไม่มีหลักประกันว่ามนุษย์ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แล้วจะโชคดีเสมอไป เพราะเรายังมีวิบากกรรมที่เคยสร้างไว้ในอดีตชาติตามมาเล่นงาน เว้นแต่เราจะทำความดี ถือศีล ทำทานเพื่ออโหสิกรรมให้กัน

“กลุ่มที่ 5 การพยากรณ์จากร่องรอยอิทธิพลของพลังงานจากดวงดาวที่มาประทับบนร่างกาย ใบหน้า และปรากฏในลำตัว อวัยวะบางส่วนของมนุษย์ เช่น ลายมือ ลายเท้า โหงวเฮ้งบนใบหน้า ฯลฯ กลุ่มนี้เป็นการพยากรณ์ที่เริ่มมีความเม่นยำขึ้น เพราะมีร่องรอยปรากฏอยู่ให้เห็น แต่การทำนายในลักษณะนี้จะมองอนาคตได้ไม่ไกลมากนักเพราะต้องรอดวงดาวมาประทับ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอวัยวะ”

“กลุ่มที่ 6 การพยากรณ์โดยใช้วิชาโหราศาสตร์ เป็น พยากรณ์ที่สามารถทำนายการเปลี่ยนแปลงได้ทุกๆ วันตามดวงดาวที่เคลื่อนตัว ทุกองศา ทุกลิปดา ของดวงดาวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนโลก การผูกดวงจึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจทางดาราศาสตร์ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ บริสุทธิ์ที่สามารถตอบคำถามหรือให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงดาวและเทหวัตถุบน ท้องฟ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม การพยากรณ์กลุ่มนี้จึงละเอียดที่สุด”

“ทุกคนเรียนโหราศาสตร์ได้หมด แต่ควรมีอิทธิบาท 4 เป็นคุณสมบัติติดตัว คือ 1.ฉันทะ ต้องรักที่อยากจะรู้ อยากจะศึกษา 2. วิริยะ คือ ต้องมีความเพียรพยายามที่จะใช้เวลาศึกษาตำราอย่างจริงจัง 3.จิต ตะ ต้องใช้เหตุใช้ผลตรวจตราสังเกตดาวดวงที่เคลื่อนตัวอยู่ในราศีต่างๆ เพื่อหาเหตุผลว่าดวงดาวเหล่านี้ทำให้เกิดอะไรกับบุคคลบนพื้นโลก 4.วิมังสา ต้องใช้ปัญญา และฉลาดพอที่จะทำนายท้องฟ้าว่างเปล่าได้ รวมถึงสามารถใช้ปัญญาในการคำนวณ จดจำข้อมูลดวงดาวได้”

“หาก ถามผมว่าคนที่สนใจเรียนโหราศาสตร์จำเป็นต้องมีสัมผัสที่หกหรือไม่ ผมว่าก็มีส่วนนะ เพราะผู้บังคับบัญชาของผมเคยหยิบยืมตำราอาจารย์เชยไปศึกษาถึง 3 เดือน สุดท้ายก็ต้องนำกลับมาคืนเพราะท่านบอกว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของความรักและความสนใจมากกว่า เราต้องให้ความใส่ใจ เข้าใจมันอย่างจริงจัง ถ้าดวงชะตาของผู้ศึกษามีดาวพุธและดาวพฤหัสอยู่ในตำแหน่งที่ดีก็น่าจะเรียน รู้โหราศาสตร์ได้ดี เพราะดาวพุธเป็นดาวของนักปราชญ์ ส่วนดาวพฤหัสเป็นดาวเจ้าปัญญา ดาวคุณธรรม ซึ่งการทำนายแต่ละครั้งต้องใช้ปัญญาในการจดจำข้อมูล และใช้คุณธรรมในการทายทัก ผู้เรียนคนใดไม่มีคุณธรรมก็เป็นได้แค่ซาตาน ไม่ใช่หมอดู ”

“ใน เมืองไทยคนที่สนใจโหราศาสตร์มักจะถูกดูถูกว่างมงาย เพราะคนพูดไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง หมอดูในเมืองไทยรายได้ดี เพราะมีคนอยากรู้อนาคตเยอะแยะ อย่างหมอฟันธง ทำนายครั้งละ 2,500 บาท หมอคอนเฟิร์ม พอเริ่มดังก็ขยับราคาจากหลักร้อย ไต่ระดับจนเท่าหมอฟันธง จากสถิติในสหรัฐอเมริกา คนอเมริกาใช้เงินไปกับการปรึกษาหมอดูมากกว่าเงินที่ใช้ในโรงพยาบาล ทุกรัฐของอเมริกาจะมีสมาคมโหราศาสตร์ตั้งอยู่ อเมริกามีการเปิดสอนโหราศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 และปัจจุบันมีการเรียนการสอนถึงขั้นปริญญาโท ”

“ความ อยากรู้เรื่องอนาคตเป็นสิ่งไม่ผิด แต่ต้องอยากรู้โดยไม่ขาดปัญญา ชะตาที่รู้ล่วงหน้าไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสะเดาะเคราะห์ เพราะวิธีนี้เป็นเดรฉานวิชาที่ไม่นำไปสู่การหลุดพ้น เราหนีกรรมไม่ได้เพราะเราต้องใช้กรรมเก่าจากอดีตชาติ กรรมเปรียบเหมือนเกลือที่อยู่ในแก้ว ถ้าเติมน้ำน้อยมันก็เค็มมาก เติมน้ำมากความเค็มก็เค็มน้อย เกลือยังมีเท่าเดิมไม่หายไปไหน แต่ความเค็มจะเจือจางด้วยกรรมดีที่เติมลงไป”

##################

รับหนังสือ eduzones journal ฉบับ "คู่มือ..สอบตรง" และ ล่าสุด "อยากเป็นหมอ..ไม่ต้องรอชาติหน้า" ฟรี ดูที่ http://blog.eduzones.com/magazine/25088


ที่มา http://edunews.eduzones.com/magazine/30400