ข่าวเด่น-ข่าวเศร้าแวดวงสงฆ์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 30 ธันวาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    ข่าวเด่น-ข่าวเศร้าแวดวงสงฆ์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ตั้งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ รูปใหม่

    กลายเป็นปัญหาเกิดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจาก "พระพรหมสุธี" รักษาการวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หมดวาระลงเมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบ 5 ปี และมีข่าวแว่วออกมา พระผู้ใหญ่จะแต่งตั้งพระวัดอื่นข้ามห้วยมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน

    ทำให้พระภิกษุและสามเณรหลายร้อยรูปรวมตัวประท้วงการแต่งตั้งเจ้าอาวาสทันที

    ทั้งนี้ พระเทพปัญญาเมธี เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เสนอชื่อ "พระพิพิธกิจจาภิวัฒน์" เจ้าอาวาสวัดท่าสะอ้าน และเจ้าคณะอำเภอบาง ปะกง อายุ 84 ปี มาเป็นเจ้าอาวาสคนใหม่ และเตรียมนำชื่อเข้าเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ 10 พ.ย. แต่คณะสงฆ์วัดโสธรฯ ไม่เห็นด้วยกับการเสนอของเจ้าคณะจังหวัด

    เช้าวันที่ 10 พ.ย. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม คณะสงฆ์และชาวบ้าน จำนวนกว่า 2,000 คน เดินทางด้วยรถประจำทางและรถทัวร์ รวมตัวกัน ณ บริเวณรอบหอสมุดสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

    โดยกลุ่มผู้มาชุมนุม ได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านการแต่งตั้งพระพิพิธกิจจาภิวัฒน์ เป็นเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ คนใหม่

    ร้อนถึง สำนักพุทธฯ ต้องจัดขอกำลังเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัยให้กรรมการมหาเถรฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.พุทธมณฑล จำนวนกว่า 250 นาย และพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) กว่า 100 รูป เข้ามาดูแลรักษาความสงบ

    เนื่องจากทั้งสองฝ่าย ได้นำเครื่องขยายเสียงและโทรโข่งออกมากล่าวปราศรัย ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มส่งเสียงโห่ร้องไม่พอใจและตะโกนด่าทอโต้ตอบกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด จนหวิดจะเกิดการตะลุมบอนชกต่อยกัน เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาห้ามปราม

    ส่วนการประชุมมหาเถรฯ ได้ดำเนินการไปตามวาระปกติ เป็นเวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

    เวลา 15.00 น. นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ แถลงผลการประชุมมหาเถรสมาคม มีมติ

    แต่งตั้งพระพิพิธกิจจาภิวัฒน์ (ประยงค์ ปิยวัณโณ) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามราชวรวิหารอย่างเป็นทางการ

    เรื่องราวจึงสงบลง



    ปฏิบัติธรรมพิสดาร

    อยู่กับงูเหลือม


    สํานักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านสะพานยาว ม.11 ต.เนินมะกอก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร จัดฝึกอบรมปฏิบัติธรรมแบบพิสดาร ให้นักเรียนชายหญิง นุ่งขาวห่มขาวนั่งปฏิบัติธรรมกลางคืน และให้เด็กนักเรียนเลือกนอนในโลงศพหรือให้อยู่กับงูเหลือม ก่อนนำผ้าปิดตานักเรียนที่มาเข้าค่ายแล้วให้นอนกับงูเหลือมในกรง

    ปรากฏว่า น.ส.รติรถ ต๊ะผัด อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนบางมูลนากภูมิวิทยาคม อ.บางมูลนาก ถูกงูรัดลำตัวและคอ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะมีอาการผื่นขึ้นตามตัว ใบหน้าบวม และมีเส้นเลือดฝอยแตกในตาทั้งสองข้าง

    หลังเกิดเหตุ นายอำเภอและเจ้าคณะอำเภอบางมูล นาก ได้เข้าไปตวรจสอบสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวทันที พร้อมกำชับให้เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม งดเว้นหลักสูตรปฏิบัติธรรมในส่วนของการนั่งสมาธิในโลงศพ หรือนอน ในกรงกับงูไปก่อน โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียน

    ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้มีคำสั่งยุบสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านสะพานยาว

    จากเหตุการณ์ครั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สำรวจจำนวนสำนักสงฆ์ทั่วประเทศ พบว่า มี สำนักปฏิบัติธรรมมากถึง 3,000 แห่ง ที่เปิดดำเนินการโดยไม่ได้มีการจดทะเบียน



    เปิดพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ

    วันที่ 14 ตุลาคม 2552 เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งของชาวเมืองโคราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ณ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุน ทด จ.นครราชสีมา <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.เปิดพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ

    2. สมเด็จพระวันรัต

    3.สมเด็จพระมหามุนีวงศ์

    4.พระปางพยาบาล

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลังจากทรงประกอบพิธี เปิด พิพิธภัณฑ์พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ จากนั้นเสด็จฯ ทอดพระเนตรภายในพิพิธภัณฑ์ ทรงลงพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา และทอดพระเนตรนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง

    พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ (หลังเดิม) ณ วัดบ้านไร่ จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ ตั้งแต่เยาว์วัย การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ วัตรปฏิบัติในสมณเพศที่ถือสันโดษและเป็นพระนักพัฒนา แรงศรัทธามหาชนที่มีต่อหลวงพ่อคูณ รวมทั้งการบริจาคทานจำนวนมหาศาล เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศและบางส่วนในต่างประเทศ

    การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ได้สะท้อนเรื่องราวต่างๆ ของหลวงพ่อคูณ ผ่านภาพจิตรกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้น บอกเล่าภาพชีวิตในอดีต สิ่งของเครื่องใช้จำนวนมากมาย ซึ่งผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย อัฐบริขารและเครื่องใช้จำเป็นในการครองสมณเพศ ประติมากรรมที่สื่อถึงผลบุญของการให้ทานอันเป็นวัตรปฏิบัติสำคัญของหลวงพ่อ มหาทานของหลวงพ่อคูณที่ได้บริจาคเงินจำนวนมหาศาล เพื่อ สาธารณประโยชน์

    พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ อนุสรณ์สถานและอุทยานธรรมแก่อนุชนคนรุ่นหลัง ได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติและศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาสืบไป



    ตั้ง 2 สมเด็จพระราชาคณะรูปใหม่

    เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนม พรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 2 รูป คือ

    1. พระพรหมมุนี (จุนท์ พรหมคุตโต) วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏที่ สมเด็จพระวันรัต

    2. พระสาสนโสภณ (อัมพร อัมพโร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้รับพระมหากรุณา ธิคุณโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏที่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์

    กล่าวได้ว่า พระพรหมมุนี และพระสาสนโสภณ เป็นพระเถระผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นผู้รับสนองธุระและปฏิบัติงานคณะสงฆ์อย่างมิขาดตกบกพร่อง รับแบ่งเบาภาระ ช่วยผ่อนงานพระเดชพระคุณสมเด็จพระสังฆราชให้เบาลง

    ปัจจุบัน พระพรหมมุนี สิริอายุ 73 พรรษา 53 ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต, กรรมการมหาเถรสมาคม, แม่กองธรรมสนามหลวง, ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ, ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัด มกุฏกษัตริยาราม ฯลฯ

    ส่วน พระสาสนโสภณ สิริอายุ 82 พรรษา 61 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) และกรรมการมหาเถรสมาคม





    พระปางพยาบาล-พระปางเรียกรับโชค

    วัดขนอนเหนือ ริมถนนสายเอเซีย หลัก ก.ม.12 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระ นครศรีอยุธยา ได้ปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาล จนเป็นที่ฮือฮาของนักท่องเที่ยวนั้น

    พระพุทธรูปดังกล่าว ตั้งอยู่ด้านข้างอุโบสถของวัด ลักษณะของพระพุทธรูปปางพยาบาลอยู่ในท่านั่งเข่าขวาตั้งชัน สูงประมาณ 2 เมตร ไว้ผมมวย มีลักษณะพระพักตร์อ่อนหวานคล้ายกับเจ้าแม่กวนอิม ในอุ้งมือมีรูปปั้นพระสงฆ์นอนอยู่ในลักษณะคล้ายกับอาพาธหรือนอนป่วย ที่ฐานชุกชีด้านหน้า เขียนข้อความเป็นปูนปั้นว่า "พระพุทธจริยาปางพยาบาลภิกษุอาพาธ" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.พระราชวรญาณมุนี

    2. หลวงปู่ทิม อัตตสันโต

    3.หลวงพ่อตัด

    4.พระธรรมญาณมุนี

    5.หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ

    6.สมเด็จพระญาณวโรดม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ส่วนวัดบ้านหว้า ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ปั้นพระพุทธรูปปางเรียกรับโชค นำไปตั้งประดิษฐานไว้ที่ปากทางเข้าวัดบ้านหว้า พระพุทธรูปมีลักษณะกวักมือเรียกเข้าหาตัว ส่วนมือซ้ายปั้นในลักษณะแบมือรับโชค หรืออุ้มโชคไว้ องค์พระอยู่ในท่ายืนสงบนิ่ง สูงรวม 2 เมตร

    ปรากฏว่าชาวบ้านให้ความสนใจเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมาก เพื่อขอบารมีโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น จนได้มีเศรษฐีถูกหวยรางวัลที่ 1 จังหวัดกำแพงเพชร

    ทั้งนี้ พอสร้างพระพุทธรูปปางรับโชคเสร็จ ได้ไม่นานทางวัดบ้านหว้าได้ก่อสร้างอุโบสถหลังใหญ่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทจนแล้วเสร็จเพียง ปีเศษ เพราะได้เงินเข้ามาวัดเป็นจำนวนมาก

    แต่งานนี้ ผู้ใหญ่ในมหาเถรฯ และนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ต่างมองว่าการสร้างพระพุทธรูปปางที่แตกต่างออกไปจากแบบที่เป็นทางการ เพื่อความสวยงามทางศิลปะ สามารถทำได้ แต่ต้องให้มีความเหมาะสมต่อสมณสารูปแห่งพระพุทธรูป คือ มีความสำรวมและงดงามตามหลักพุทธศิลป์





    ส่งท้ายปีวัว พ.ศ.2552 วงการผ้าเหลืองไทยได้สูญเสียพระสงฆ์เรืองนาม ผู้คร่ำหวอดหลากหลายด้าน ทั้งพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ พระสายปฏิบัติ พระเกจิดังมนต์ขลังเข้ม พระนักปกครองผู้มากด้วยประสบการณ์ พระนักเทศน์เผยแผ่พระธรรม เป็นเนื้อนาบุญใหญ่ของชาวพุทธ

    ล้วนแต่ได้ละสังขารไปตามวัฏจักรชีวิต ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และสร้างความเศร้าสลดใจแก่คณะศิษยานุศิษย์เป็นที่ยิ่ง



    อาลัย "พระราชวรญาณมุนี"

    พระราชวรญาณมุนี (สุจินต์ วิเสโส) เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดหนองบัวลำภู ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู (ธรรมยุต) และเจ้าอาวาสวัดพิศาลรัญญาวาส ต.หนองบัว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

    พระราชวรญาณมุนี ถือเป็นผู้บุกเบิกและเผยแผ่ธรรมะให้กระจายสู่พุทธศาสนิกชนในจังหวัดหนองบัวลำภู ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แม้กระทั่งในกรุงเทพฯ โดยทุกปีจะมี คณะศรัทธาจัดขบวนกฐินผ้าป่า ไปทอดถวายและร่วมแรงร่วมใจพัฒนาวัด จนมีความเจริญก้าวหน้ายิ่ง

    แต่ด้วยอายุขัยที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราภาพ บ่อยครั้งทำให้ท่านสุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม กระทั่งเกิดล้มป่วยอาพาธเป็นประจำ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง

    จนกระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 15.00 น. ท่านเจ้าคุณพระธรรมสิริชัย มีอาการไม่ดี หายใจเหนื่อยหอบ คณะศิษย์จึงนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ฯ จ.ขอนแก่น แต่อาการไม่ดีขึ้น

    ท้ายที่สุด ท่านเจ้าคุณพระราชวรญาณมุนีได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ



    "หลวงปู่ทิม อัตตสันโต" ละสังขาร

    เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 มีนาคม 2552 หลวงปู่ทิม อัตตสันโต หรือพระครูสังวรสมณกิจ พระเกจิดังได้มรณภาพอย่างสงบ ขณะเข้ารับการรักษาอาการป่วย ณ โรงพยาบาลโรคทรวงอก อ.เมือง จ.นนทบุรี สิริรวมอายุ 96 พรรษา 62

    หลวงปู่ทิม เป็นพระนักปฏิบัติ และชอบการปลีกวิเวกอยู่ในป่าช้า สมถะรักสันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ไม่จับต้องปัจจัยเงินทอง มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ มีความเมตตาต่อทุกคนที่ไปกราบไหว้โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ หรือคนรวยคนจน ท่านให้ความเสมอภาค

    หลวงปู่ทิม โดดเด่นด้านวัตถุมงคลประเภทพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ได้จัดสร้างและเสกวัตถุมงคลจนเลื่องชื่อ เป็นที่ต้องการของนักสะสมและลูกศิษย์ลูกหา โดยเฉพาะลูกอมชานหมาก

    แต่ด้วยสภาพสังขารที่ร่วงโรยไปตามวัย ท่านย่อมไม่สามารถหลีกหนีสัจธรรมชีวิตไว้ได้เช่นกัน



    สิ้นเกจิเมืองเพชร"หลวงพ่อตัด"

    วงการพระเครื่องวัตถุมงคลและพุทธศาสนิกชนเมืองเพชรบุรี ได้ถึงวาระกาลสูญเสียพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ด้วย "หลวงพ่อตัด ปวโร" เจ้าอาวาสวัดชายนา หมู่ที่ 2 บ้านใน ต.หนองจอก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้มรณภาพด้วยวัยวุฒิ 78 ปี 58 พรรษา เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2552

    ภายหลังจากเกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก พระลูกวัดและคณะศิษย์ ได้รีบนำหลวงพ่อตัดส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลท่ายาง แต่ไม่ทันการณ์ หลวงพ่อตัดได้มรณภาพระหว่างนำส่งโรงพยาบาล โดยคณะแพทย์ลงความเห็นว่า ท่านมรณภาพด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

    สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง

    "พระพุทธวิริยากร" หรือหลวงพ่อตัด ปวโร เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะวัตถุมงคล ตะกรุดเนื้อตะกั่ว ที่มากด้วยพุทธคุณและประสบการณ์



    "พระธรรมญาณมุนี"มรณภาพ

    พระธรรมญาณมุนี (วรรณ มนุญโญ) เจ้าอาวาสวัดดุสิดารามวรวิหาร แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ, ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 17 และประธานคณะกรรมการสหภูมิภาคทักษิณ (14 จังหวัดภาคใต้) เป็นพระเถรานุเถระที่ชาวชุมชนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกเหนือปากคลองบางกอกน้อย ต่างประจักษ์ถึงผลงานและให้ความเลื่อมใสศรัทธายกย่องเชิดชูมากมาย

    ท่านโดดเด่นด้านการบริหารและด้านวิชาการ ตลอดจนเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจารวัตร งดงามด้วยการครองตน เปี่ยมไปด้วยเมตตาคุณและบริสุทธิคุณอย่างยิ่ง เป็นที่ยอม รับและเลื่อมใสศรัทธาแก่สาธุชนอย่างอเนกอนันต์

    เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 เวลา 20.19 น. พระธรรมญาณมุนี ได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบ ด้วยระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว สิริรวมอายุ 95 ปี 2 เดือน 22 วัน พรรษา 74



    "หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ"สิ้นใจสงบ

    ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 13 ก.ย. ที่โรงพยาบาลเปาโลเมโม เรียล กรุงเทพฯ "หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ" เจ้าอาวาสวัดเขาแหลม ต.วังทอง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคมะเร็งที่ลำคอและปอด สิริอายุ 92 ปี พรรษา 72

    หลวงปู่กาหลง หรือที่รู้จักกันในนาม หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว พระเถราจารย์หนึ่งเดียวที่มีเขี้ยวแก้วกลางเพดานปาก ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการสูง เป็นชาวเมืองเพชรบุรีโดยกำเนิด ท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมาย เป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ที่เคยเข้าร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลครั้งยิ่งใหญ่ พิธี 25 พุทธศตวรรษ ณ สนามหลวงและพระวิหารหลวงวัดสุทัศน์ เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ



    "สมเด็จวัดเทพศิรินทราวาส"จากไป

    เช้าวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2552 "สมเด็จพระญาณวโรดม" เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ได้ละสังขารอย่างสงบ ด้วยวัยวุฒิ 93 ปี พรรษา 72 ภายหลังจากเข้ารักษาอาการอาพาธ ด้วยอาการไอมีเสมหะ ก่อนหมดสติลง หัวใจหยุดเต้น คณะศิษย์ได้นำท่านส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แต่สุดความสามารถเยียวยาของคณะแพทย์ เนื่องจากสมเด็จฯ ชราภาพมาก ทำให้มรณภาพในที่สุด

    สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง

    "สมเด็จพระญาณวโรดม" เป็นพระนักเผยแผ่ธรรม ที่ธำรงวัตรปฏิบัติตามแบบพระสงฆ์สายคณะธรรมยุตแท้ๆ อีกรูปหนึ่ง

    เป็นสมณะผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง ด้วยมีวัตรปฏิบัติอันน่ายกย่องและศรัทธายิ่งของบรรดาศิษยานุศิษย์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สันตังกุโร) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร, กรรมการมหาเถรสมาคม และอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

    นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของคณะสงฆ์ไทยโดยแท้

    ˹ѧ
     

แชร์หน้านี้

Loading...