ผลกรรมของหลวงพ่อจรัญ (พระภาวนาวิสุทธิคุณ)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย UFO99, 13 มิถุนายน 2006.

  1. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ผลกรรมของหลวงพ่อ
    พระภาวนาวิสุทธิคุณ
    </B> <CENTER></CENTER> อาตมามีประสบการณ์เกี่ยวกับกฎแห่งกรรมที่เราจะต้องรับใช้ เมื่อเรามีจิตมีปัญญาเกิดจะรู้กฎแห่งกรรมทันที จากการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน เวรกรรมตามสนองอาตมา จึงรู้บุญบาปเมื่อก่อนนี้อยู่กับยาย อาตมาไม่สนใจกับพระตลอดกาล เวลาไปวัดหาบของไปทำบุญที่วัด ยายก็ต้องให้เก็บเอาก้อนดินไปด้วยใส่กระบุงไปข้างละ 3 ก้อน ไปถึงวัดแล้วให้ไปโยนไว้ที่มันเป็นบ่อเป็นหลุมอยู่ในวัด ยายบอกได้บุญ อาตมาบอกว่าคนอื่นเขาไม่หาบดินไปวัดกันหรอก มีบ้านเราบ้านเดียวอายเขาตาย ยายบอกว่าเราไปวัดเหยียบดินติดเท้ามานี่เป็นกรรมนะ เป็นบาป ใช้หนี้สงฆ์เป็นหนี้สงฆ์มากเป็นบาปเป็นกรรม แต่แกก็ไม่ได้อธิบาย เขาเล่ากันมาอย่างนี้ แกก็จำมาอย่างนี้ก็ทำมาอย่างนี้ ไม่เหมือนคนเดี๋ยวนี้ว่าไม่บาป บาปได้ยังไงเหยียบแค่นิดเดียว พระก็ถมเอาเองซินี่คนรุ่นใหม่เข้าใจอย่างนี้ แต่คนรุ่นเก่าถือนักถือเชื่อเข้าไว้ก่อนมันมีประโยชน์มันได้กำไรชีวิต คือเชื่อกฎแห่งกรรม
    อาตมาเป็นเด็ก เมื่อมาบวชใหม่ๆ ไปบ้านญาติที่เขาเป็นนักเลง เป็นโจร เป็นเสือ เขากินเหล้ากัน พอเห็นพระมาเขาเก็บแก้วหมดเลย เอาเหล้าแอบเลย ยังกลัวบาปนะ เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง กินต่อหน้าพระเลยสบายมาก แถมงานศพเล่นไพ่หน้าศพอุทิศส่วนกุศลแล้วพระก็สวดไป ไม่ได้เกรงกลัวต่อบาปกรรมแต่ประการใดเขาว่าบาปกรรมไม่มี แน่นอนเข้าใจอย่างนี้
    สร้างกรรม-กินอาหารที่ยายถวายพระ
    ตอนอยู่ที่โรงเรียนมัธยม ยังอยู่กะยาย ยายให้เอาอาหารไปถวายพระ แล้วเราก็เอาไปทานเสียเองทั้งคาว ทั้งหวาน แล้วก็บอกว่าไปถวายสมภาร เดินจากบ้านไปไม่มีรถหรอก เดินไปเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร อาตมาไปก็ไปเจอเพื่อนนักเรียนที่สร้างความดีมาด้วยกัน หนีโรงเรียนกันสะบัด เพื่อนบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเลย เราก็นึกเลยว่าจะเอาไปให้พระทำไม เราก็ยังไม่ได้กินเลย พรรคพวก 4-5 คนด้วยกัน ก็เห็นด้วย เลยตั้งวงกินกันเสียเลยเรียบร้อยล้างปิ่นโตเสร็จกลับบ้าน ยายถาม ไปวัดเจอสมภารไหมล่ะ บอกยายว่าผมไม่ได้ขึ้นกุฏิหรอกให้เด็กมันถ่ายปิ่นโตให้แล้วผมก็มา ยายบอกว่าต่อนี้ไปต้องรับพรด้วยนะ รับพรสมภารมาแล้วก็มาบอกยาย ยายจะได้ชื่นใจแล้วบอกท่านด้วยว่ายายให้เอาอาหารมาถวาย
    วันหลังเอาอีกแล้ว ให้ไปอีกก็เจอเพื่อนอีก โรงเรียนปิดก็แบบเดิม กินเสร็จแล้วไปตีผึ้งต่อ ยายถามว่า" เจอสมภารมั้ย"เจอครับรับพรเสร็จผมก็มา แท้ ๆ สมภารดันมาอยู่บนบ้านเรามาไม่บอกเราเลย มานั่ง นั่งตั้งนานล้ว วันนั้นสมภารไปฉันบ้านใต้ ฉันเสร็จแล้วก็มานั่งคุยกับยาย แวะมาเยี่ยมยาย เราไม่รู้ไม่บอกเรา เราไม่ทันแหงนดูบนบ้าน สมภารนั่งยิ้ม ยายเป็นคนใจบุญ พระชอบมาเยี่ยม แต่อาตมารำคาญ พอสมภารกลับไปแล้วโดนหนัก บอกว่าบาป ถามว่านี่กี่เที่ยวแล้ว เราบอกว่า 2 เที่ยวแล้วครับ ยายบอกว่า นี่ต้องเป็นเปรต ปากเท่ารูเข็ม กินข้าวไม่ลงเราก็ถามว่าเปรตสูงกว่าต้นตาลมั้ย ยายบอกว่าไม่เห็น เราไม่เชื่อหรอก ว่าหลอกเรา แต่เราไม่พูด เถียงไม่ได้
    โกงค่าหรือจ้าง
    ในเวลากาลต่อมาไปโรงเรียนต้องนั่งเรือจ้างข้ามฟาก เดือนละ 25 สตางค์ อาตมาโกงค่าหรือจ้างไม่ให้ค่าหรือจ้าง กิน ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย แถมเลี้ยงเพื่อนด้วยนะ ก็โกงค่าก๋วยเตี๋ยวเขาอีก
    ยิงนก-หักคอ-หักขานก
    ในเวลาต่อมา โรงเรียนปิดหลายวันเทอมสุดท้ายแล้วครูใหญ่โรงเรียนประชาบาลเขามาขอแรงอาตมาไปยิงปืน ไปยิงนก เราก็ไม่รู้บุญบาปมันมีจริงอย่างไร สนุกดีก็เอาปืนลูกซองดาวกระจาย 5 นัด บอกกับโยมว่าจะไปติววิชาตอนโรงเรียนปิดอยู่สัก 7 วัน จะกลับมา ขอสตางค์สัก 100 แม่ก็ให้ตังไป เราจะเอาปืนไปได้ยังไง ก็เอาที่นอนไปด้วยเอาเสื่อออกมาเอาปืนไว้ข้างใน เช้ากินข้าวแล้วก็ออกตามทุ่งตามหนองยิงนกเป็ดนกกระสา พอยิงได้จับหักคอใส่ตะข้อง พอนกมันจิก จิกก็ถลกหนังเลย ทรมานหลือเกิน เราไม่ทราบว่ามันจะมีบาปกรรมแต่ประการใดล่วงมาอีกวันหนึ่ง ก็ไปยิงนกกระสาถูกปีกมันหัก แล้วมันบินไม่ได้เราก็จับมัน เหนื่อยมากแล้วก็จับได้ ทำไง หักขาเลย นกก็ดิ้นร้องไห้ตาย สรุปให้ฟังที่อาตมาทำบาปกรรม
    ต่อมาได้มาบวชในพระพุทธศาสนา พ่อแม่ให้บวช โดยไม่ได้เลื่อมใสไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่อย่างนี้ ก่อนที่จะบวชก็ไปเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ ไปอยู่โรงเรียนหลายโรงเรียนอยู่วัดก็ตั้งหลายวัด พอเสร็จจากเรียนหนังสือก็มาบวชกะว่าจะบวชสักพรรษาเดียว ท่องเรียนหนังสือไปจนจบหลักสูตรก็ไปเจริญพระกัมมัฏฐานออกป่าดงพงไพร
     
  2. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ใช้หนี้ค่าก๋วยเตี๋ยว
    เริ่มรักษาการเจ้าอาวาสที่วัดนี้ เมื่อ พ.ศ.2499 ปี พ.ศ.2500ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นี่ ก็เริ่มใช้กรรมมาตามลำดับโดยที่ว่าในปีต่อมาใช้เรื่องก๋วยเตี๋ยวก่อน เรามานั่งสมาธิของเรามันก็เกิดไปเข้าญาณวิถีของเขาชื่อว่า นางกลุ่ม นางกลุ่มมีสามีชื่อตากิ๊ม เขาไม่รู้ว่าเราโกงก๋วยเตี๋ยวเขา แม่กลุ่มกับตากิ๊ม เกิดฝันพร้อมกัน ฝันว่าเทวดามาบอกว่าถ้าต้องการให้ลูกชายหายเกเรแล้วกลับมาเรียนหนังสือละก้อ ให้ไปตามลูกชายมาแล้วให้ไปบวชเณรที่วัดอัมพวันรับรองแก้ได้แน่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว โยมกลุ่มก็เอาลูกมา ตากิ๊มมาด้วย อาตมก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาเดินขึ้นมาสามคน บอกว่าจะเอาลูกมาฝากบวชเณรอาตมาก็ถามว่าทำไมไม่บวชที่วัดอื่น โยมกลุ่มก็เลยเล่าให้ฟังว่าที่พาลูกมานี่เพราะว่าไปว่าเทวดามาบอกว่าให้มาบวชที่นี่ ช่วยรับไว้หน่อย
    เรานึกแล้วว่าจะต้องได้ใช้หนี้ค่าก๋วยเตี๋ยวเขาแน่ แต่ไม่บอกก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ แล้วก็จัดการส่งโยมทั้งสองกลับแล้วก็จัดแจงโกนหัวเลย เรามีเรือยนต์ลำหนึ่งก็วิ่งไปตามพระอุปัชฌาย์ซื้อผ้าไตร ซึ้อรองเท้า ซื้อเสื่ออ่อน ซื้อบาตร ซึ้อร่ม ทั้งหมด200 บาท แล้ววิ่งไปหาอุปัชฌาย์บอกเอาเด็กมาบวชเณรครับบวชเสร็จแล้วกกลับมาให้นั่งกัมมัฏฐานเดินจงกรม
    พอได้ 7 วัน ก็เลยเล่าเรื่องเก่าของอาตมาให้เณรฟังว่าอาตมานี่โกงค่าก๋วยเตี๋ยวแม่เจ้า แม่เจ้าก็ไม่รู้ แล้วไอ้ผ้าไตรนี่นะอะไรต่ออะไร 200 นี่ กระซิบบอกแม่นะบอกว่าเจ๊ากันไปนะไม่ต้องเอามาให้ ถือว่าให้ค่าก๋วยเตี๋ยวกันไป พอเล่าเสร็จแล้วเณรบอกว่าผมเกิดศรัทธาเสียแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติ
    ต่อมาก็ขอสึกว่าจะไปเรียนหนังสือแล้ว ก็สอบได้ในปีนั้น แล้วไปเป็นทหารอากาศต่อมาก็ได้เลื่อนเป็นนายทหารอากาศไปเลย
    นี่คือใช้หนี้ค่าก๋วยเตี๋ยว ถ้าไม่ได้ใช้ในชาตินี้ก็ต้องใช้ดอก ชาติหน้านะ กฎแห่งกรรมมีจริง แต่กฏแห่งกรรมที่อาตมาประเมินผลและได้ประสบการณ์มารู้ล่วงหน้าได้ เพราะใช้สติระลึกก่อนเป็นตัวรู้ล่วงหน้า ตัวสัมปชัญญะตัวผลักดันทำให้แก้ไขเหตุการณ์ได้ทันเฉพาะหน้า เรียกว่า ตัวสัมปชัญญะ ที่อาตมารู้นี้ก็เนื่องจากว่าเราเจริญสมาธิ เจริญสติอยู่ตลอดเวลา ขอให้ท่านไปพิจารณาด้วยตนเอง ด้วยเจริญกุศลภาวนาไปเรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องมีเวลาว่าง เวลาที่ท่านทำงานก็ภาวนาไปหูได้ยินเสียภาวนาไว้เขียนหนังสือภาวนาไว้ ตั้งสติไว้ตลอดกาล
    กัมมัฏฐานมีความสำคัญต่อหน้าที่การงาน
    ในเวลาต่อมา อาตมาก็นั่งเจริญภาวนาโดยไม่ได้ขาดแล้วก็มีการอโหสิกรรม และแผ่เมตตาขอให้ท่านเอาไปใช้กันทุกท่านก่อนที่จะแผ่เมตตาออกไปต้องอโหสิกรรมก่อนนะ ถ้าไม่อโหสิกรรมก่อนท่านจะแผ่ไม่ออก อโหสิกรรมให้ใจสบาย ไม่โกรธใคร ไม่เกลียดใคร ไม่อิจฉาริษยาใคร แผ่เดี๋ยวนั้นถึงดี๋ยวนั้นแล้วก็มีการรับตอบด้วยนะ อันนี้มันเป็นของใครของมัน อาตมาจะบอกกรรมวิธีแบบวิชาการนั้นคงไม่ได้ เพียงแต่แนะนำวิธีปฏิบัติเท่านั้น จากอำนาจของจิตด้วยการใช้สตินั่นเอง มันอยู่ในวงแคบของการปฎิบัติกว้างเข้ามาหาแคบโดยวิธีนี้
    ในเวลาต่อมาที่อาตมามาอยู่ที่นี่แล้วก็เจริญภาวนาและก็แผ่เมตตา แต่ควรจะมีหลักการแผ่เมตตาแล้วก็อโหสิกรรมให้ได้ที่เราทำวัตรสวดมนต์นั่นมีความหมายมาก กาเยนะวาจา ทั้งกายวาจา ใจ ขออโหสิกรรมต่อคุณพระศรีรัตนตรัย ที่หมิ่นเหม่ต่อคุณพระศรีรัตนตรัยกำหนดอโหสิกรรม แล้วแผ่ออกไปได้ผลแน่
    ใช้หนี้ค่าหรือจ้างตาก้อย
    พอมาเจริญสมาธิ จิตสงบก็นึกขึ้นมาได้บอกรีบใช้หนี้ค่าเรือจ้าง นึกไปนึกมาถูกต้องที่เคยโกงเขามา อาตมาก็ไม่ได้ไปบ้านเขานาน จนมาบวชเป็นสมภารเจ้าวัด ก็เอานมไป เอาโอวัลตินไปเอาสตางค์ใส่ซอง 200 บาท ถือราคาก๋วยเตี๋ยวเป็นเกณฑ์ชื่อตาก้อย แก่แล้ว อาตมาเอาเรือจอดเขาก็ตกใจว่าพระมาทำไมแกเจ็บหนักเป็นอัมพาตจะตายแล้ว ก็เอาสตางค์ไปใส่มือกระซิบบอกที่หูว่าโยมก้อย อาตมาตอนเป็นเด็กเคยโกงค่าหรือจ้างโยมเดือนละ 30 สตางค์จำได้มั้ย แล้วเอานมโอวัลตินมาด้วย บอกลูกสาวว่าช่วยชงให้โยมด้วย อโหสินะโยมนะ อาตมาเป็นเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แหมบุญของเราเหลือเกินเขาแปลกใจกันว่าพระก็มาหลายวัดแล้วมีแต่มาบอกบุญ องค์นี้แปลกเอาสตางค์มาให้วันหลังลูกสาวเอาข้าวสารมาให้ที่วัดเรานี่ เรียกว่าบุญงอกได้คนที่มีจิตดีต้องมีมารต้องใช้หนี้ มีอุปสรรคตลอดเวลากาล คนที่มีความดีต้องมีอุปสรรคแน่นอนไม่ใช่ดีไปตลอดเราเข้าใจผิดคิดกันว่าเราสร้างกรรมดีเหมือนมีกรรมมาบังข้อเท็จจริงก็คือใช้เวรใช้กรรมเป็นความดีแล้ว
     
  3. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ใช้หนี้ค่าหรือจ้างยายนวม
    อยู่มาอีก 2-3 เดือน อาตมามานั่งสมาธิตั้งสติ นึกต่อกันไปได้ว่าเคยโกงค่าหรือจ้างยังอยู่อีกท่าหนึ่ง ชื่อยายนวม อาตมก็ไปแกก็จะตายเสียอีกแล้วขึ้นไปกระซิบที่หูบอกโยม อาตมาเมื่อเป็นเด็กเคยโกงค่าหรือโยม อาตมามาขอให้อโหสิกรรมอาตมาด้วยนะ เสร็จแล้วก็ให้ 200 บาท พร้อมกับนม โอวัลตินตามเดิมวันหลังเขาทำบุญ 7 วัน ยังเอาสตางค์มาถวายเราอีก ได้มากกว่า200 อีก พอกลับมาได้ 2 วัน โยมนวมก็ตาย อาตมาก็ได้ใช้หนี้ตลอด นี่มันเป็นบุญเป็นกรรมของเราโดยเฉพาะ
    เวลาผ่านมา พอดีจะไปเยี่ยมร้านเบ๊เต็กเส็งที่บางปะอินเคยแแวะไปกินอาหารบ่อย ๆ ต่อมาก็ไม่เอาสตางค์ เพราะทุกครั้งไปอาตมาก็จ่ายสตางค์ เขาบอกว่าตั้งแต่อาตมาไปฉันร้านเขานี่ทำให้ร้านเขาขายดีเลยไม่เอาสตางค์ ก็ชอบพอกันอยู่ด้วย มาตอนหลังมีคนไปผ่าท้องที่สุขศาลาอนามัยชั้น 1 บางปะอิน ที่ริมน้ำอาตมาก็ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมเขา
    พอดีคืนนั้นอาตมาก็แผ่เมตตาอโหสิกรรม สติบอกอีกแล้วว่าจะต้องไปใช้หนี้เต่า ที่รับจ้างต้มเต่าตัวละ 1 บาท ให้พวกขี้เมาปรากฏว่าเต่ามันมีความสามัคคี ดิ้นเสียจนหม้อดินแตกหนีเข้ากอไผ่ไปหมด กรรมเหล่านี้เราลืมไปหมดแล้ว สติอันหนึ่งก็บอกว่าระวังพรุ่งนี้อย่าเอาใครไป อาตมาก็ไปกับคนขับรถปิคอัพ ถ้าไปก็ตายหมดเลย ตายหมดแน่นอน อาตมาก็หาเรื่องเพทุบาย เขาก็โกรธอย่างร้ายแรงว่าไปชวนเขามาแล้วก็ไม่เอาเขาไป อาตมาก็บอกกะคนขับรถว่า ไปเยี่ยมเขานี่เจ้าคอยตั้งเวลาไว้ว่าแค่ 15 นาทีนะ คอยเตือนอาตมาให้รีบกลับด่วน โดยเราคิดแล้ว ถ้าไม่กลับตามเวลา 15 นาที รถจะคว่ำที่พระนครศรีอยุธยาและเราจะต้องตายเลยผลสุดท้ายไม่เอาใครไปเลย พอได้ 15 นาที ก็บอกเจ๊ชื่อศรีนวลร้านเบ๊เต็กเส็ง อาตมาขอลาละบอกมีธุระ รีบกลับ ขึ้นรถได้ก็บึ่งเลยความเร็วขนาด 120 กม./ชั่วโมง ขับเป็นการใหญ่ถนนเอเชียเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ฝนตกฟ้าร้องเป็นการใหญ่ มาถึงอ่างทอง ฝนก็หยุด ฝนที่อำเภอพรหมฯ มันยังตกอยู่ถิ่นมันลื่นตรงโค้งตรงวัดคู รถมาด้วยความเร็วก็หมุนเลย รถเสียหลักพวงมาลัยหลวมหมดเลย คว่ำ 8 รอบ ศีรษะโดนทั้งบนทั้งล่าง ล็อคประตูไว้จีวรขาด รถบี้ ถลอกปอกเปิดหมด ต้องมาปวดแสบปวดร้อนอยู่เป็นเวลาแรมเดือนอาตมาไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะอายเขารถบี้หมดต้องเอาชะแลงงัด พวกรถมาจอดดูเป็นแถว ดีว่ารถข้างหน้าไม่สวน ถ้าสวนก็คงตายหมด เสียค่าซ่อม 3 - 4 หมื่นบาทปวดแสบ ปวดร้อนไปทั้งตัวเลย มันถลอกหมด อันนี้ก็ได้ใช้หนี้เต่าแต่ยังใช้ไม่หมด
    ใช้หนี้หักคอนก
    ในเวลาต่อมา อาตมาก็นั่งสมาธิ 6 เดือนเศษที่จะถึงวาระแห่งความตายก็มีนิมิตบอกอาตมาให้ทราบว่า พระเดชพระคุณท่านวันที่ 14 ตุลาคม 2521 เที่ยงสี่สิบห้าต้องจากวัด ตายไปใช้หนี้นกที่หักคอ วันที่ 16 ตุลาคม ออกพรรษา อาตมาก็มานึกดูว่าเราต้องลาเขา ก็ประชุมสงฆ์มอบอัฐบริขาร เสียสละปลงบริขารให้หมด มอบให้องค์อื่น เงินวัดมีเท่าไรมอบให้มัคทายกแล้วก็องค์ไหนจะเป็นสมภารต่อไปก็มอบ อาตมาก็บอกให้พวกโยมผู้หญิงมานั่งกัมมัฏฐานคนละเดือน พอโยมหญิงกลับแล้ว เอาโยมผ้ายมานั่งแทน ต่อไปก็จะไม่มีคนสอนจะขอลาแน่นอน วันที่ 14 ตุลาคม
    นี่มันรู้ล่วงหน้าได้ มันมีประโยชน์มากนะ ท่านทั้งหลายถ้ารู้ล่วงหน้าไม่ได้ลำบากมาก สติตัวนี้เป็นการรวมผลงานสัมปชัญญะเป็นตัวคำนวณการ นี่สติสัมปชัญญะมันบอกได้ดังนี้อาตมาก็ขอลาเขาหมดแล้ว แบ่งงานแบ่งภาระหน้าที่แล้ว
    อาตมาก็คิดว่าตามหลักพระพุทธเจ้าสอนไหน ๆ เราจะตายแล้ว ก็ขอลาเขาเสีย แล้วคนที่มาเราก็บอกได้ คนที่ไม่มาจะทำยังไงเขาจึงจะรู้ได้ ก็เจริญกัมมัฏฐาณดินจงกรม นังกัมมัฏฐาน
    มีโยมท่านหนึ่งชื่อโยมชาญ กรศรีทิพา ที่รู้จักอาตมาเนื่องจากว่า บริษัทนายสุเมธ เตชะไพบูลย์ คุณชาญ กรศรีทิพาเขามีโรงงานน้ำตาลที่สิงห์บรี เขาก็ฝันว่ารัชกาลที่ 5 ไปเข้าฝันบอกให้เขามาที่วัดนี้ พระบรมฉายาลักษณ์ของท่านที่วัดนี้ เขาก็พูดลักษณะได้ถูกต้องโดยที่ ร. 5 เคยเสด็จทางชลมารคสมัยร.ศ. 125 และพระองคด้ถวายพระบรมฉายาลักษณ์ ตอนพระองค์ขึ้นเสวยราชย์ ในวันนั้นท่านสมภารก็อยู่ด้วย
    คุณชาญ พร้อมด้วยคุณสุเมธ ก็เดินเข้ามา อาตมาก็ไม่รู้จักบอกโยมมีธุรอะไร เมื่อทั้งสองมาเห็นรูปก็เลยเล่าเรื่องที่ฝันให้ฟังก็เลยรู้จักกันเป็นเวลาหลายปี ในเวลาต่อมาอาตมาเห็นว่าคนนี้มีประโยชน์ต่อวัด ถ้าหากเราจะเป็นอะไรไป เราต้องบอกเขาเสียก่อน อันนี้เอาไปให้ได้เวลาจะแผ่เมตตากระแสจิตนี้เป็นพลังงานอันหนึ่ง อาตมาพิสูจน์ได้ เช่น เอาผ้าขาวมากอง แล้วเราเอากระดาษสีมาทับ แล้วเอาพลังงานกระแสแดดหรือไฟฟ้าส่องจะทำให้กระแสนี้ไปติดผ้าขาวได้ เหมือนอย่างแผ่ส่วนกุศล ขอให้ท่านทำจิตดี ๆ ติดได้ แต่ก็หาคนทำไม่ได้ง่าย ๆ นักต้องทำจิตใจให้ได้ถึงก่อน
    ส่งกระแสจิตลาตายกลายเป็นตัวหนังสือ
    อาตมาก็เริ่มต้นว่าใกล้วันที่ 14 ตุลาคมแล้ว เราก็มาสวดมนต์ไหว้พระแล้วก็แผ่เมตตาบอกโยมชาญ ว่าโยมกับอาตมาก็ชอบกันมาหลายปีแล้ว อาตมาขอลานะ วันที่ 14 ตุลาคม อาตมาคอหักแน่ตายอยู่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ก็บอกเขาอย่างนั้น ขอลา ในเวลาต่อมาคุณชาญเขาก็ไปทำงานบริษัท ไปนั่งเขียนหนังสือ ไอ้ข้อความที่เราแผ่เมตตาไป ไปติดที่กระดาษเขา ลายมืออาตมาด้วยตามที่เราแผ่เมตตาตรงกับตัวหนังสือ
    วิธีการแผ่ส่วนกุศลท่านทั้งหลายจำตำรานี้ไว้ให้ดีสามารถทำเป็นตัวหนังสือได้สามารถติดที่โน่นที่นี่ได้
    ครั้นถึงวันที่ 14 ตุลาคม เที่ยงสี่สิบห้านาที อาตมาก็จำเป็นต้องไปประชุมที่วัดกวิศราราม จังหวัดลพบุรีในวันนั้นด้วยหลวงพ่อธรรมญาณ เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ท่านมีหนังสือมาว่าเขาจะประชุมเจ้าคณะอำเภอกันทั้งหมดที่จังหวัดลพบุรี พอดีวันนั้นนายแพทย์ศิริราชมาเลี้ยงเพลที่วัด พอเลี้ยงเพลเสร็จ อาตมาก็เตรียมตัว รู้แล้วว่าวันนี้เราไม่ได้กลับวัดแน่นอนตามที่เรามีสติรู้ล่วงหน้า 6 เดือนว่าเราต้องใช้หนี้นก จะใช้อย่างไรกันแน่ คงจะไม่ได้กลับ มอบหมายการงานเรียบร้อยแล้ว โยมผู้หญิงมานั่งกัมมัฏฐาน 1 เดือนแล้ว โยมผู้ชายด้วยมาแทนหลังจากโยมผู้หญิงกลับไปแล้ว โยมผู้ชายจะได้ช่วยกันเอาศพไปไว้วัดเตรียมงานครัวทำนอง นี้ เป็นต้น
    อาตมาก็ลาเขาหมดแล้วก็ขึ้นรถเที่ยงกว่าแล้ว จะตกเที่ยงสามสิบ เปลี่ยนจีวรใหม่หมดเตรียมหนังสือขึ้นรถ คิดว่าไม่ได้กลับแล้วมีนาวาตรีวาด เกษแก้ว ใส่เสื้อขาวกางเกงขาวก็อาศัยรถไปด้วยก็คงจะตายพร้อมกับอาตมาออกจากวัดเลี้ยวขวาเข้าลพบุรีถึงหลังตลาดปากบาง ตอนนั้นพอถึงปั๊มน้ำมันรถเขาก็เปิดไฟเลี้ยวขวารถตามหลังมา 3 คัน แซงซ้ายรถทัวร์ทันจิตออกจากปั๊มน้ำมันวิ่งเข้าชนทันที เที่ยงสี่สิบห้าพอดี นาวาตรีวาด เกษแก้วลอยขึ้นหลังรถทัวร์ไปเลย พวกตลาดนึกว่าหนังสือพิมพ์ลอยไปก็เนื่องจากแกใส่เสื้อขาวกางเกงขาวนี่หลังหัก
    อาตมาไหล่ชนเหล็กหักไปเลย แล้วกระจกครูดเอาหนังหัวไปอยู่ตรงท้ายทอยหมด หัวขาวเลย คอจับไปที่หน้าอก หมุนได้เลยเลือดเต็มจมูก กระจกมันบาดอาตมาก็บินออกไปแบบนก ออกห่างรถไปประมาณ 20 วา แต่เดชะบุญว่ามือดีอยู่มือนึงจับขึ้นมาอาตมาก็ลองคลำว่าเราคอหักไปหรือนี่ตาไม่สัมผัส หูไม่สัมผัสตายหมดแล้วทั้งตัว แต่มือดีสติดี แต่กลับไปหายใจได้ที่ท้องพองหนอ ยบหนอ ใช้ได้นะ ใครอยากจะรู้ว่าสะดือหายใจได้ลองไปคอหักดูนะ คนขับก็สลบ อาตมายังพูดได้เพราะสติดีอยู่ที่ลิ้นปี่จำไว้แล้วหายใจทางสะดือได้ ทำไมหายใจได้ นึกถึงในท้องได้เราอยู่ในท้องแม่กินอาหารทางสะดือแน่นอน หายใจได้ พองหนอยุบหนอ ตลอดเวลาเลยได้ตำราเพิ่มขึ้น แต่ต้องทำได้ก่อนนะต้องมาฝึกกันให้รู้สติ ตื่นมีสติ หลับมีสติ รู้แน่อาตมาก็พูดว่าโยมช่วยอุ้มหน่อย ไอ้พวกที่ไปมุงดูกันก็ไม่ยอมอุ้มหัวและแต่ยังพูดได้ที่เข้าใจว่าหัวเละเพราะหนังไม่มี จนตำรวจทางหลวงมาบอกว่าไม่ตาย ถ้าตำรวจไม่มาเราก็คงจะจมอยู่ตรงนั้น
     
  4. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    กรรมต้มเต่ามาซ้ำ
    พอดีตรงนั้นเขาทำอิฐ เถ้าแก่เขาก็ขับรถมา อาตมามือยังดีอยู่อีกข้างก็เสยคางไว้ มันไม่มีความรู้สึก พอรถแล่นถึงวิทยาลัยเกษตรได้ยินเสียงแว่วแว่วมาแต่ไกล เสียงดังนี้ สมน้ำหน้า ๆได้ยืนมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวต้องซ้ำ ๆ คอหักแล้วยังไม่สงสารจะมาซ้ำสักประเดี๋ยวเห็นเต่า พอเห็นเต่าเท่านั้นแหละ ฝาหม้อน้ำรถอยู่ตรงนั้นหลุดพรวดลวกเอาเราคนเดียวตายจริงเปียกหมดเลยไอ้แขนยังดีอยู่ก็ร้อนนะซิ แล้วกระเด็นไปถูกคนขับ ไอ้คนที่ประคองอาตมาไปบอกว่าหยุด ๆ เดี๋ยวคนหลังจะตาย ไอ้เต่ามาซ้ำเราอีกสงสัยใช้หนี้ตอนนั้นยังไม่หมด รถไปถึงโรงพยาบาลน้ำแห้งพอดีหมดพอดีเลย
    อาตมาก็ขออธิษฐานว่าข้าพเจ้าขอให้ไปสบาย รู้แล้วเข้าใจแล้ว ขออโหสิกรรมทุกอย่างกับโลกมนุษย์ ในเมื่อข้าพเจ้ายังใช้หนี้ในโลกมนุษย์ไม่หมดขอให้ข้าพเจ้าไปใช้ในชาติต่อไปประการที่ 2 ถ้าข้าพเจ้าใช้หนี้ในโลกมนุษย์หมดแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าไป ณ บัดนี้ อย่าได้ทรมานต่อไป อธิษฐาน 2 ข้อ
    วันนั้นพอดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่อยู่ เขาไปบ้านเขาทางวัดเกษอยู่แต่นายแพทย์ใหญ่ หมอสมหมายก็วิ่งไปจากบ้านรู้ข่าวว่ารถชนอาตมาก็เอาเข้าห้องฉายเอกซเรย์ เขาพูดกันได้ยินแว่ว ๆ บอกไม่มีทางหมอใหญ่บอกไม่มีทาง หมอใหญ่สั่งให้อาตมานอนตรง ๆ บนรถ ซึ่งมีลูกล้อเล็ก ๆ ให้บุรุษพยาบาลเอาเข้าห้องไอ.ซี.ยู. โดยด่วน จัดการเย็บหนังที่มันถลกไปนี่ก่อน
    อาตมาก็อธิษฐานไปเรื่อย ๆ มือดียังมีอยู่อีกมือหนึ่งนอกนั้นตายหมดแล้ว แตย่งัหายใจไดทีท้องพองหนอ ยบหนอตMดก็แบ่งวาระบุรุษพยาบาล 2 คน ก็ไสรถเต็มที่ รถก็เกิดตกร่องประตูเหล็ก โครม ! ล้อพังหมดแพทย์อีกคนบอกตายเสียแล้วละมังหว่าเปล่าเลย คอลั่นกร๊วบเข้าที่เลย คือติดเลย ลืมตาเห็นเลยหายใจไN่ออก พอคอติด ปวดก้นแทบหลุด เลยทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีก 2 ข้อ ได้ความรู้ยังไง หมายความว่าถูกจุดประสาทประสาทคอกับประสาทกันเป็นเส้นเดียวกัน เข้าไปในห้องฉุกเฉินเขาก็เริ่มดึงหนังมาเย็บ หมอก็สงสัยว่าอาตมาจะเป็นอัมพาตไม่ดีขึ้นบุรุษพยาบาลบอกว่าเป็นเพราะอั๊วนะ ถ้าอั๊วไม่ไสรถตกร่องคอจะต่อติดหรือกลับมีบุญคุณเสียอีก อาตมาก็นึกว่าเราใช้เวรใช้กรรม ในเวลาต่อมาหมอไม่สามารถจะรักษาได้ เพราะมีแรงขาแข็งถีบได้ทั้งนั้น นางพยาบาล หมอ ก็ให้เราลองบีบมือ หากว่าเราจะไม่มีแรงอันนี้ก็เป็นบุญวาสนา
    พอรุ่งเช้า คุณชาญมา ถือหนังสือโทรจิตมาด้วย บอกนี่ท่านทำไมต้องเขียนหนังสือมาวันก่อนผมไปพบ ท่านทำไมไม่บอกผม ทำไมต้องเขียนหนังสือฝากเขาไป อาตมาบอกเปล่าว่าไม่ได้เขียน เขาว่านี่ไงละลายมือท่าน!
    ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรี ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน อาจารย์เขาคือหมอประดิษฐ์ ถามว่าหลวงพ่อองค์นี้คอหักแล้วไม่ตายทำไงดีหมอประดิษฐ์บอก ผมก็ไม่เคยเห็นขอให้เอาตัวมาดู
    รุ่งขึ้นเขาก็หามอาตมาขึ้นรถไปโรงพยาบาลเลิดสิน หามไปอาตมาพลิกไม่ได้ ยกแข้งยกขาได้ลุกไม่ได้ก็หามขึ้นไปชั้น 2หมอประดิษฐ์ก็มาตรวจเอาแพทย์มาวิจัยกันใหญ่หมอประดิษฐ์ก็บอกขอทำเอง ก็เอาผ้ามาแช่น้ำมาพันใส่เฝือก 15 นาที อาตมาเดิน ลุกขึ้นได้ ขากลับขึ้นรถกลับจังหวัดสิงห์บุรี มันก็แปลกดีแขกมาเยี่ยมกันมากมาย ต่างจังหวัดมากันเยอะ เขาลือกันว่าอาตมาคอหักไม่ตาย ขนมนมเนยเยอะแยะไปหมด อาตมานึก เวลากินได้ไม่มาเยี่ยม เวลาจะตายจะซึ้อมาทำไม รู้ว่ากินไม่ได้แก่เอามาให้กินคนกินได้ไม่ค่อยให้
    พอกลับมาวัดได้อาตมาก็คุยทั้งวัน เพราะมีคนมาเยี่ยมมากมาย หมอประดิษฐ์ก็สั่งมาบอกว่า อย่าให้คุยมาก คุยมากแล้วแผลจะหายช้า ให้ฉันยานอนหลับก็นอนไม่หลับ ฉีดยานอนหลับก็ไม่หลับ จนนางพยาบาลว่า หลวงพ่อสู้ยา หมอประดิษฐ์รู้สึกออกอุบายว่าให้เข้ามาโรงพยาบาลเลิดสินจะถอดเฝือกให้ อาตมาก็ดีใจรีบไป พอไปถึงเขาก็ถอดเฝือกให้จริง ๆ พอตัดเฝือกออกก็เลยเป็นลม ครั้นพอพักสักประเดี๋ยว หมอบอกหลวงพ่อเดี๋ยวใส่ใหม่ผมหลอกท่านมาไม่งั้นท่านไม่มาเลยใส่ใหม่เพิ่มอีก 4 กิโล พอใส่ได้สัก 15 นาที อ้าปากไม่ออกเป็นฤๅษีเลย
    เปรตปากเท่ารูเข็ม
    พอกลับไปถึงสิงบุรี เราก็จะแย่อ้าปากไม่ขึ้น ผลสุดท้ายก็หิวน้ำเหลือเกิน กินไม่ได้ต้องหยอดด้วยหลอดกาแฟ ต้องดูดดูดก็ไม่เข้า เวลาฉันเช้า ก็ใส่เข้าไปข้าง ๆ เลยมานึกในใจนึกถึงยายได้ เจ้าต้องเป็นเปรต ปากเท่ารู้เข็ม กินอะไรไม่ได้จริง ๆตั้ง 50 วัน นอกเหนือจากกินไม่ได้แล้ว พูดไม่ได้ด้วยพออ้าปากมาก ๆไอ้ข้างบนขบแล้วเลือดไหล เวลาฉันข้าวก็ต้องขยับเลือดไหลจะกินอะไรก็ต้องป้อนเราต้องมาทรมานเป็นเปรต ก็เลยนึกถึงคำยายว่าต้องเป็นเปรตเพราะไปกินข้าวที่ให้ไปถวายพระ
    หลังจากที่อาตมากลับจากโรงพยาบาลแล้ว 50 วันเท่านั้นกลับมานึกในใจว่า เราต้องใช้หนี้โลกมนุษย์ก็เริ่มถมดินรอบวัดก็เริ่มสร้างหอประชุมนี้ เพื่อจะอบรมต่อไป ตั้งใจไว้อย่างนั้นต้องใช้หนี้โลกมนุษย์ด้วยการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จะไม่ขอสร้างวัตถุต่อไปแล้ว ในที่สุด มีการทำบุญรับขวัญโยมก็มาทำบุญกันมาก ในครั้งสุดท้ายนางชาญ กรศรีทิพากับนายสุเมธ เตชะไพบูลย์ ทั้งสองท่านนี้ก็มาทำบุญรับขวัญให้อาตมา แล้วนำเอากระดานที่มีตัวหนังสือมาด้วย วันนั้นแกก็พับอย่างดีมา พอทำบุญเสร็จเรียบร้อยอุทิศกุศลเรียบร้อยดีแล้วแกก็เอากระดาษออกมาว่าจะเอามาอ่านให้เขาฟัง ปรากฏว่าตัวหนังสือไม่มี มีแต่กระดาษเปล่า เดี๋ยวนี้ก็ยังเก็บใส่กรอบไว้ดูเป็น ที่ ระลึก
    .......................................
    หวังว่าคงจะถูกใจผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านน๊ะครับ บาปกรรมมีจริงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...