เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พระกรรมฐานดอทคอม

    พระกรรมฐานดอทคอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +2,242
    ผมเคยไปกราบ ล.พ.ฤาษีลิงดำและ ล.ป. ทองทิพย์มาแล้วตอนท่านยังอยู่นับถือทั้งสององค์อย่างมากครับ
     
  2. sakol_yok

    sakol_yok Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +54
    คุณ Aีีีunyasit ครับ
    พอดีผมทำงานอยู่ในภาคอีสานเลยอยากจะไปกราบนมัสการ หลวงพ่อทองแดง และวัดป่าสีดารามลักษณ์รัตนโคตร หรือวัดต่างๆที่คุณ aunyasit จะกรุณาแนะนำ ผมรบกวนขอที่อยู่วัดต่างๆด้วยได้มั้ยครับ
    ่ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่คุณอัญญาสิทธิ์ได้กระทำด้วยครับ
     
  3. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ sakol_yok

    วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร อยู่ที่ บ้านสังคมพัฒนา ต.สีกาย อ. เมือง จ. หนองคาย ทางไป อ. โพนพิสัย ประมาณ กม.ที่ 20 มีป้ายวัดอยู่ทางขวามือ ตรงเข้าไป จนเห็นต้นไม้สูงๆ อยู่กลางทุ่งนาทางขวามือ วัดอยู่ในป่าไม้นั้นครับ

    วัดป่าลาดทอง อยู่ ต. หนองไฮ อ. หนองแสง จ. อุดรธานี ประมาณ 30 กม. จาก จ.อุดรธานี
     
  4. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    ผมมีข้อสงสัยนึงอยากถามคุณอัญญาสิทธิ์ครับ

    เท่าที่ผมอ่านเรื่องราวทั้งหมดผมพอประมวลได้ พระศรีฯ หรือพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว ทั้งหมด ได้ผ่านภูมิอรหันต์แล้วทั้งสิ้น ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของพระโพธิสัตว์ แต่ที่ผมสงสัยก็คือ การผ่านภูมิอรหันต์แล้ว เมื่อไปเกิดในสมัยสุดท้าย จะมีการบำเพ็ญบารมีที่เป็นมหาทานโดยบริจาคลูกเมียของพระโพธิสัตว์ แสดงว่าพระโพธิสัตว์ จะต้องมีเมียและลูก

    ซึ่งจุดที่ผมสงสัยคือว่า ลำพังแค่ผ่านภูมิอนาคามี ก็ทำให้บุคคลผู้นั้นไม่มีจิตในเรื่องเพศเลย แล้วจะมีลูกเมียได้อย่างไร หรือหากมีเมียแต่ไม่มีการเสพกาม ก็จะไม่มีลูกเมีย หรือการมีลูกเมียของพระโพธิสัตว์จะมีความพิเศษหรือไม่อย่างไรครับ
     
  5. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ sahadham

    เรื่องการทำบารมีของพระมหาโพธิสัตว์นั้น การลำดับการทำปรมัตถบารมีนั้นแต่ละพระองค์จะแตกต่างกันครับ อย่างชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้าโคดมเป็นทานบารมีในการให้ทานลูกเมีย แต่ของพระศรีฯเป็นบารมีที่แตกต่างกัน ซึ่งชาติสุดท้ายจริงๆของพระศรีฯ ท่านลงมาทำบารมีสงเคราะห์โลกคือ การมาดูแลรักษาพระพุทธศาสนาและการมาเป็นพระยาธรรมมิราชหรือพระเจ้าจักรพรรดิ์ ซึ่งจะเป็นชาติเดียวกันและทำบารมีต่อเนื่องกัน โดยการละสังขารและกลับมาใหม่ในสภาพของโลกอุดรนั้น เป็นการปฏิบัติเพื่อบรรลุคุณธรรม 8 ประการ ที่พระมหาโพธิสัตว์บารมีสูงๆและพระมหาสาวกต้องผ่าน อย่างหลวงปู่ทวด หลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง สมเด็จโต หลวงปู่เณรคำใหญ่ เณรคำกลาง เณรคำเล็ก และเณรคำน้อย และครูบาอาจารย์หลายๆรูป นี่ก็บรรลุธรรมข้อนี้กันทั้งนั้น

    ซึ่งธรรมขั้นของโลกอุดรนี่จะเข้าใจยาก เนื่องจากเป็นธรรมของผู้ที่ท่านปรารนาจะไปทำหน้าที่ในยุคของพระศรีฯ ท่านปฏิบัติกันและไม่มีในตำราที่เราๆจะหาอ่านกัน หากพื้นฐานจิตเดิมไม่มีบารมีมาทางนี้ก็จะไม่เข้าใจ แม้กระทั่งการถอดจิต ไปทำโน่น ทำนี่ในโลกทิพย์ นี่ก็ยังยากที่จะเข้าใจสำหรับคนทั่วไป การถอดจิตที่กล่าวถึงคือการถอดกายทิพย์ไปเรียนรู้ศีลธรรมในโลกภายใน รวมทั้งไปผ่านการทดสอบต่างๆนาๆ ตามภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละคน

    ส่วนเรื่องการผ่านภูมิอรหันต์นั้นการเกิดมาในแต่ละชาติระบบศีลธรรมภายในเขาจะปิดบังไม่ให้รู้ตัวเองว่าผ่านภูมิอะไรมาบ้าง ต้องเริ่มปฏิบัติใหม่ จนกระทั่งปฏิบัติธรรมถึงกาลเวลา เมื่อผ่านการทำบารมีนั้นๆไปแล้วเขาจึงจะเปิดให้รู้ตัวเองว่าปรารถนาอะไรมา มาทำบารมีอะไร ซึ่งก็มีบ้างเหมือนกันที่บางท่านอธิษฐานต่อบารมีโดยการกำหนดแยกจิตไปเกิด ก่อนที่จะตาย อย่างหลวงปู่สีทัตย์ เป็นต้น แต่เมื่อเกิดใหม่ก็ต้องปฏิบัติใหม่อีก ไม่สามารถมีคุณสมบัติทางด้านญาณรู้ศีลธรรม หรือไม่สามารถทำฤทธิ์อภิญญาได้ จนกว่าจะปฏิบัติจนถึงระดับนั้นๆ ดังนั้นเราจะสังเกตว่านักปฏิบัติทั่วๆไปมีน้อยคนนัก ที่จะรู้ตัวเองว่าตัวเองเกิดมาจากไหน มาทำหน้าที่อะไร เป็นต้น นั่นคือต้องปฏิบัติจนมีอภิญญา ได้อตีตังสญาณแจ่มใส ปฏิบัติถึงโลกของศีลธรรมภายใน แล้วจึงจะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นการมีลูกเมีย ของพระมหาโพธิสัตว์ จึงเป็นเรื่องปกติ ที่เป็นไปตามวิถีการปฏิบัติหรือการทำบารมีของแต่ละท่าน

    และการปฏิบัตินั้นเรื่องของปัจจัตตังเป็นสิ่งสำคัญเพราะบางทีคนอื่นไม่รู้เห็นกับเราด้วย หากไม่ผ่านประสบการณ์ที่คล้ายๆกันมาก็ยากที่จะเข้าใจกัน เช่นหากว่าจะเอาประสบการณ์ทางจิตของเราตั้งแต่เล็กจนโต มาเล่าสู่กันฟัง ก็คงจะเล่ากันเป็นปีๆจึงจะหมด เอาเป็นว่าในการปฏิบัติช่วงหนึ่งจิตได้ถอดออกสู่โลกภายในไปเรียนรู้เรื่องต่างๆในโลกภายในเกือบทุกคืน คืนๆนึงไปเรียนรู้ได้ตั้งหลายเรื่อง จิตมันเป็นอย่างนี้มาเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 4 ปี คือเมื่อนั่งภาวนาเสร็จ ก็นอนภาวนาต่อพอใกล้ๆจะหลับ จิตก็ถอดออกไปสู่โลกภายในแล้ว ทีแรกก็พยายามให้มันหยุดออกไป ก็ทำไม่ได้ แม้แต้กลางวันก็เป็น บางทีช่วงเวลาสั้นๆจิตมันก็ออกไปแล้ว บางครั้งนอนอยู่บนรถยนต์หรือรถโดยสาร จิตก็ออกสำรวจภพภูมิแล้วครับ นานๆไปก็ควบคุมได้ก็เรียนรู้ศีลธรรมในขณะที่เปิดหูเปิดตานี่แหละ กว่าจะถึงนี่ได้ก็ต้องปฏิบัติมาสิบกว่าปีแล้ว และก็มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย หาที่สิ้นสุดยังไม่เจอ และเรื่องการละกิเลสนั้น หากจิตมันไม่ถึงขั้นก็ละได้ยากเช่นกันครับ

    ดังนั้นเราสรุปว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ของใครของมันครับ ปฏิบัติกันเอาเอง อย่างการทำทานนั้น แต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน ใครชอบหรือถนัดแบบไหนก็ว่ากันไปตามนั้นครับ
     
  6. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ khomeraya

    การปฏิบัติครั้งแรกผมใช้แนวทางของหลวงปู่ด่อน วัดถ้าเจีย อ.ปากคาด จ. หนองคาย ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่สีทัตย์ วัดพระพุทธบาทบัวบก หากใครศึกษาประวัติของท่านจะพบว่าหลวงป่ศรีทัตย์นี่ มีบุญญฤทธิ์ทางอภิญญาสูงมาก มีบุญญฤทธิ์ อัศจรรย์แบบหลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง เป็นประเภท ดำดิน บินบน ท่านทำฤทธิ์ได้ทุกแนว ลูกศิษย์หลวงปู่สีทัตย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันก็คือ หลวงปู่สุภา สำนักสงฆ์เขารัง ที่ จ.ภูเก็ต
    สำหรับหลวงปู่ด่อน ท่านก็มีฤทธิ์อภิญญาขั้นสูงเช่นกัน ประเภทว่าจะข้ามฝั่งโขงนี่ท่านก็อธิษฐานสะพานเงินสะพานทองมารับ พริบตาเดียวท่านก็ไปยืนอยู่ฝั่งลาวแล้ว ลูกศิษย์ที่ไปด้วยท่านให้หลับตาจึงจะข้ามไปด้วยกับท่านได้ เวลาท่านลงเมืองพญานาค อย่างที่คำชะโนด น้ำก็แยกออก กลายเป็นทางเดินให้ท่านเดินลงไปเมืองนาค เป็นต้น
    สำหรับวิธีการฝึกปฏิบัติในสายของหลวงปู่ด่อน ท่านให้เพ่งกสิณเหลือง คือเพ่งพระพุทธรูป ภาวนาพุทโธ ทำวัตรสวดมนต์หลายบท บทสำคัญก็คือบุญญาบารมี 30 ทัศน์กับยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก เมื่อบุญญาบารมี 30 ทัศน์ลงคลุมร่างก็เหมือนร่างในมีครอบแก้ว หากทำทานบารมีมากๆแล้วก็ทำสมาธิภาวนาไปเรื่อยๆ ใครสร้างสมมาแบบไหนก็จะค่อยๆรู้ของตัวเองไป ก็เริ่มปฏิบัติกันหลายคนแต่ก็เอาจริงเอาจัง ได้แค่คนสองคน เพราะระบบศีลธรรมจะทดสอบทุกรูปแบบและกรรมทุกประเภทจะหลั่งไหลกันมาเยี่ยม บางครั้งก็ป่วยแทบเป็นแทบตาย บางทีหนักๆเข้าก็เลยลองตายดูซะเลย แต่ก็โชคดียังฟื้นกลับมาได้อีก บางทีก็แยกไม่ออกระหว่างการถอดจิตกับการตาย แต่เท่าที่สังเกต การที่จิตออกจากร่างในลักษณะของการถอดจิตนี่เบาสบาย แต่ถ้าเป็นลักษณะของการตายนี่อึดอัดทรมานแล้วจิตก็จะกระเด็นไปอยู่นอกตัว ความรู้สึกจะบอกว่าอ๋อเราตายแล้วนี่ แต่ก็ไม่กังวลอะไร จิตมันก็ไปท่องเที่ยวเหมือนเดิม เช้าๆขึ้นมาบางทีรู้สึกตัวขึ้นมาก็ลังเลว่าเราเป็นหรือตาย

    อาการตายบางลักษณะจิตจะเข้มข้นมากคือจิตมันรู้ว่าตัวเองอึดอัด หายใจไม่ออก แล้วก็มืดมากๆ จิตมันรวมแล้วก็มองเห็นพระแก้วมรกตลอยมาหา จิตมันก็คิดว่าตายแล้วไปอยู่กับพระก็ดีเหมือนกัน มันก็พุ่งออกจากตัว แล้วก็เห็นร่างตัวเองนอนแน่นิ่งเลยแต่จิตมันไม่เคยห่วงร่างสักครั้งเลย พอเห็นร่างนอนอยู่มันก็ไปทางอื่น เข้ามิติภพภูมิไปเลย

    จากนั้นก็มาปฏิบัติต่อเรื่องการทำบารมีกับหลวงปู่ทองทิพย์ ก็ทำมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะใช้หลักของความสำเร็จ จะทำสิ่งใดหากว่าลั่นวาจาไปแล้ว หรือรับสัจจะครูบาอาจารย์มาแล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จตามนั้น การทำทานบารมีนี่ที่จริงมีเรื่องของกาลเวลามาเกี่ยวข้องด้วยมาก เช่น บางอย่างต้องทำให้เสร็จและถวายในกาลหนึ่ง กาลต่อมาก็ต้องทำสิ่งอื่นๆอีก ทานบารมีบางอย่างต้องทำต่อเนื่อง 5 ปี 10 ปี จึงจะได้อานิสงส์ของบารมีที่จะไปต่อทานบารมีอื่นๆ หากไม่ทำฐานบารมีมาเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนก็จะไม่สามารถทำทานบารมีในขั้นต่อๆไปได้ และก็ต้องสู้มารทั้งภายนอกและภายในให้ได้ด้วย

    ฟังจากครูบาอาจารย์บางท่านแล้วท่านทำมามากกว่าเราตั้งเยอะ อย่างหลวงปู่ทองฤทธิ์(หลวงปู่เณรคำกลาง) ท่านสร้างวัดมาแล้วตั้ง 30 กว่าวัด สร้างเสร็จแล้วท่านก็ยกให้พระลูกศิษย์อยู่ แล้วท่านก็ออกธุดงค์ สั่งสอนพระปฏิบัติ หาสร้างวัดต่อไปเรื่อยๆ ครองธรรมท่านเป็นแบบนั้น อย่างหลวงปู่ทองทิพย์ ท่านสร้างวัดมามากมายทั่วประเทศไทย แต่วิธีการของท่านนั้นใช้ญาณศีลธรรมภายในไปสงเคราะห์พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไปช่วยบารมีภายใน ในการส่งเสริมการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านก็ใช้วิธีแบบนี้ เช่นกัน

    อย่างหลวงปู่ยี ท่านจะบอกเสมอว่าสิ่งต่างๆที่ท่านทำได้อัศจรรย์นั้น เป็นเพราะอาจารย์ของท่านช่วยทำให้ หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเคยปรารภว่า ปู่ยีนี้เป็นคน 200 ปี และเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีพระสงฆ์รูปหนึ่งมาที่วัดป่าสีดาฯ มาตามหาหลวงปู่ใหญ่ ท่านบอกว่าหลวงปู่ใหญ่ไปสอนธรรมท่านที่ในป่าลึก แล้วพระรูปนั้นก็ถามว่าถ้าต่อไปจะไปหาหลวงปู่ใหญ่จะไปหาได้ที่ไหน หลวงปู่ใหญ่ท่านบอกว่าให้มาหาที่วัดป่าสีดาฯ เมื่อพระรูปนั้นมาที่วัด ก็หาหลวงปู่ใหญ่ไม่เจอ ก็ในวัดมีแต่หลวงปู่ทองทิพย์แหละ เรารับฟังเรื่องราวแล้วก็ได้แต่ยิ้มๆ ก็เลยคิดว่า การรู้นอกแต่ไมรู้ในนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ

    ที่วัดหลวงปู่ทองทิพย์มีอะไรแปลกๆเยอะ เช่นสมัยก่อนมีพระรูปหนึ่งมาที่วัดชื่อหลวงพ่อไท ท่านเป็นพระรูปร่างผอมๆหลวงพ่อไทนี้ท่านเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระวาจาสิทธิ์ บอกหวยแม่น ท่านสร้างวัดมามากมายเช่นกัน วัดป่าลาดทอง ที่หลวงพ่อทองแดงอยู่ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อไทท่านก็สร้างวัดนี้มาก่อนแล้วก็ยกให้หลวงพ่อทองแดงดูแลต่อ หลวงพ่อไท ท่านสร้างวัดโดยการบอกหวยญาตฺโยมอย่างเดียว ปัจจุบันนี้คนในคณะของเราหลายคนก็พลอยได้อานิสงส์จากความศักดิ์สิทธิ์ของท่านด้วย เวลาที่หลวงพ่อไท ท่านฉันอาหารนั้น ท่านให้เอาอาหารมาวาง แล้วท่านก็นั่งมองๆดู ไม่เห็นท่านตักอะไรสักช้อนนึง สักพักท่านก็บอกว่าให้ยกกลับได้ท่านอื่มแล้ว ก็อัศจรรย์ไปอีกแบบนึง มาในระยะหลังหลวงปู่ทองทิพย์ท่านบอกว่าหลวงพ่อไทตายแล้ว ต่อมาต้นปีนี้หลวงพ่อไท ท่านก็มาที่วัดป่าสีดาฯ แต่มาในร่างใหม่ ชื่อใหม่ แล้วเมื่อไม่นานมานี้ท่านก็บอกเราว่า ท่านคือหลวงพ่อไท ก็เลยถึงบางอ้อว่า โลกอุดร เขาเป็นกันอย่างนี้เอง เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นร่างโน้น ร่างนี้ ชื่อนั้น ชื่อนี้ แต่ภายในก็คือพระสงฆ์องค์เดิมแหละ เอาไว้โอกาสดีๆจะถามท่านเรื่องการเปลี่ยนร่าง ว่าท่านปฏิบัติหรืออธิษฐานอย่างไร จึงทำจากแก่เป็นหนุ่ม จากหนุ่มเป็นแก่ได้

    เรื่องหลวงปู่ไท นี้เล่าสู่กันฟังอย่างเดียวนะครับ ห้ามถามว่าท่านอยู่ที่ไหน หากใครปฏิบัติมาในสายโลกอุดร เมื่อถึงเวลาท่านก็คงจะโปรดเองแหละครับ ท่านอุตส่าห์ลงทุนเปลี่ยนร่างเปลี่ยนชื่อ เราจะไปเปิดเผยเรื่องท่านก็ไม่สมควร เดี๋ยวท่านเปลี่ยนร่างเปลี่ยนชื่อใหม่อีกรอบ ทีนี้ก็จะหาตัวท่านไม่เจอ เราก็อดทำบุญกุศลกับเนื้อนาบุญดีๆ ท่านเปิดเผยกับเราคนเดียวก็ขอเก็บไว้คนเดียวก็แล้วกันนะครับ
     
  7. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    สาธุและขออนุโมทนาครับคุณ Aunyasit _/\_
     
  8. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    ที่กล่าวว่า บันทึกที่พุทธคยาเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพระศรีฯ หลังปี 2,500 เป็นอย่างไรครับ เล่าให้ฟังหน่อยนะครับ คุณ Aunyasit
     
  9. sakol_yok

    sakol_yok Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +54
    คุณอัญญาสิทธิ์ครับ
    ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาผมได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อทองแดง และไปกราบศพหลวงปู่ทองทิพย์ และหลวงปู่เณรคำ ที่คำตากล้า วัดบ้านตาด (ไม่รู้องค์เดียวกันกับ เณรคำที่คุณอัญญาสิทธิ์พูดถึงหรือเปล่า) ที่วัดป่าสีดาเราคลาดกันนิดเดียวไม่งั้นคงจะได้เจอกัน ที่วัดป่าลาดทองมีสิ่งศักสิทธิ์ เยอะมาก ทั้ง รอยพระพุทธบาท โดยมีพญานาค 7 เศียร และพ่อปู่ฤษีดูแลอยู่ ผมได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อทองแดงเป็นเวลาหลายชั่วโมง ได้ถามถึงเรื่องราวต่างๆ ที่คุณอัญญาสิทธิ์ เขียนไว้ในเวบไซด์ เช่น เรื่องภัยพิบัติต่างๆ แต่หลวงพ่อบอกผมว่า ไม่มีอะไรมากมายไม่ต้องกังวล แถมหลวงพ่อยังดูดวงให้ผมด้วย สาธุ ขอให้แม่นเถอะ หลวงพ่อยังเมตาให้วัตถุมงคลเป็นพระผง และรูปของหลวงพ่อมาด้วย หลวงพ่อยังแนะนำพระสงฆ์ที่ควรไปกราบนมัสการ ที่ท่านเจอกันในสมาธิเป็นประจำให้ด้วย ได้แก่ 1.หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน 2.หลวงพ่อขาว(ครูบาต้นบุญ) จ.สกลนคร 3.ครูบากฤษณะ วังน้ำเขียว โคราช 4.หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ 5.หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่ 6.ครูบาน้อย เชียงใหม่ 7. ครูบาคุ้ม กาญจนบุรี ผมถามอายุหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อบอกว่าจำไม่ได้ คุณอัญญาสิทธิ์ช่วยเล่าเรื่องราวของหลวงพ่ออย่างละเอียดให้ด้วยได้มั้ยครับ
    ส่วนที่วัดป่าสีดา ผมจำชื่อเจ้าอาวาสไม่ได้แต่ยังหนุ่มมาก และท่านก็ได้พูดถึงเรื่องราวต่างๆที่จะเกิดขึ้นเหมือนที่คุณอัญญาสิทธิ์พูดไว้ แต่ผมสนทนากับท่านได้ไม่นาน รบกวนคุณอัญญาสิทธิ์ช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2006
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ sakol_yok

    เรื่องของภัยพิบัตินั้น เป็นเรื่องเฉพาะของครูบาอาจารย์ที่ท่านทำบารมีเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงครับ เช่น หากหลวงปู่ทองทิพย์ท่านพูดอะไรไว้เกี่ยวกับโลกหรือเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆบนโลก ก็จะเป็นไปตามนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ครับ

    ตัวหลวงพ่อทองแดงเองก็เป็นไปตามคำพูดของหลวงปู่ทองทิพย์ ที่ท่านเคยพูดไว้ เกี่ยวกับตัวหลวงพ่อทองแดง ว่าต่อไปหลวงพ่อทองแดงจะทำหน้าที่อะไรในพุทธศาสนา เป็นต้น สำหรับหลวงพ่อทองแดงท่านอยู่ในลักษณะของผู้แจกแจงธรรมในแขนงต่างๆ ท่านแตกฉานในอรรถในธรรม ญาณรู้ท่านแจ่มใส ท่านมีวิชาหมอดูของพระยาพิเภก รวมทั้งวิชาจับยามสามตา ด้วย


    หากมีโอกาสก็ให้คุณ sakol_yok ไปกราบคารวะครูบาอาจารย์ ตามที่หลวงพ่อทองแดงแนะนำ ก็จะดีมากครับ

    สำหรับประวัติของหลวงพ่อทองแดงนั้น ท่านเป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ ท่านเกิดประมาณปี 2484 แต่ก่อนท่านเป็นพระธุดงค์ ท่านสร้างวัดมาหลายวัดแล้วเช่นกัน แต่ท่านก็ยกวัดให้คนอื่นไป แล้วท่านก็เดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆเรื่อยมา จนมาถึงที่วัดป่าลาดทอง ท่านก็ได้อยู่ปฏิบัติธรรมและสร้างวัด ดูแลวัดต่อจากหลวงปู่ไท ที่ท่านเคยสร้างวัดนี้มาก่อน

    เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสแวะไปที่วัดพระธาตุสามหมื่อน ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่สีทัตย์ท่านสร้าง สัมผัสรู้ว่ามีศีลธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก

    สิ่งสำคัญในวันสงกรานต์สำหรับผมก็คือการได้นำเอาหัวน้ำหอมจำนวน 9 ปอนด์ ไปสรงสรีระครูบาอาจารย์และนำผ้าไตรไหมแท้สำหรับผลัดเปลี่ยนให้กับสรีระของท่าน

    สำหรับปีนี้เป็นปีครบรอบ มรณภาพ 5 ปี ของหลวงปู่ทองทิพย์ ทางคณะจึงได้จัดทำ "หน้าทองคำ" ถวายบูชาท่าน ซึ่งถือเป็นสิ่งมงคลยิ่งสำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และลำดับต่อไปก็จะทำเป็น "มงกุฏทองคำ" ประกอบเข้ากับหน้าทองคำ เพื่อถวายบูชาท่านในวันออกพรรษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Jadee1.JPG
      Jadee1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      120
    • Mask1.JPG
      Mask1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      24.3 KB
      เปิดดู:
      122
  11. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หลวงปู่ทองทิพย์ เทศนาธรรมเรื่อง พระพุทธเจ้าสมณโคดมเสด็จโปรดสัตว์ในแคว้นสุวรรณภูมิ

    "...เมื่อกาลครั้งนั้น พระศรีศากยะมุนี พระโคดมบรมครูได้เป็นโคอุสุภราช พระองค์ได้เลี้ยงชีพอยู่ ณ ชาติหนึ่งสมัยนั้น เป็นยุคของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มาเลี่ยงลัดตรัสเป็นพระพุทธเจ้า จึงมาเป็นชาติเชื้อสัตว์เดรัจฉานชื่อว่าพระมหาสัตว์ เพราะฉะนั้นพระองค์เมื่อได้คำรบ จบถ้วนบริบวนบารมีทั้ง 30 ทัศน์ ได้เลี่ยงลัดตรัสเป็นพระพุทธเจ้าศรีศากยะมุนี พระโคดมบรมครู มีอายุ 80 ปี พระองค์ก็รีบในการประกาศพระศาสนา คือส่วนหนึ่งคำสั่งสอนนั้นให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์และเทพยดาไป

    พระองค์ก็ได้ปลงอายุสังขารอยู่เมืองปาวาพระเจดีย์ ณ วันนั้นเป็นวันที่ เดือน 3 เพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ที่รับขันธ์พญามาร หันพระพักตร์เข้าสู่ปรินิพพาน สามเดือนตามเยี่ยงอย่างพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระองค์ได้ไหว้พระธาตุพระบาทเจดีย์ ตามระยะช่วงสามเดือนนั้น พระองค์ได้เสด็จมาแคว้นสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นโปรดพุทธบริษัทหรือญาติทั้งหลาย หรือสัตว์โลกทั้งหลายผู้ที่มีบุญและกุศล จะเป็นนาคพิภพ จะเป็นเทวดาก็ตาม หรือเป็นมนุษย์ก็ตาม ช่วงนั้นเป็นมนุษย์ก็อาศัยแต่ว่าพระยาศรีโคตรบูรณ์ พระองค์นี้นับว่าเป็นเชื้อโคตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ได้ใส่บาตรให้พระองค์ที่ในเมืองมารุกขานคร ที่ปากเซบั้งไฟไหลตก ณ วันนั้นขึ้นเดือน 3 แรม 5 ค่ำ ได้ทรงใส่บาตรให้พระพุทธเจ้าของเรา ส่วนหัตถีนาค ได้ใส่บาตรพระพุทธเจ้าของเรา ณ เดือน 3 แรม 4 ค่ำ พระองค์ก็เสด็จมาพักแรมหนึ่งคืนอยู่ภูกำพร้า พระธาตุพนม ฉันใดนี้ก็ดี ตามที่ประวัติของพระพุทธเจ้าของเรา อันเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมา ผู้ที่ยังไม่เห็นก็มี เทวดาปรารถนาจะเห็นหน้าพระพุทธองค์ของเราก็ยังไม่พบ"


    " เมื่อฉันใด ก็คำสั่งสอนส่วนหนึ่งของพระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเทวดาหรือนาคพิภพขวนขวาย ทั้งทุกสถานก็อาศัยว่า ทาน ศีล ภาวนานั้นได้ไปเป็นเทวดา นาคก็เหมือนกันอันจะเป็นผู้มีฤทธิ์และอำนาจ ทรงกรรมและเวรได้เป็นเดรัจฉานก็ตามที่ ก็อาศัยคุณงามความดีของที่มีฤทธิ์และเดชอานุภาพ เทวดาก็ตามก็อาศัย ทาน ศีล ภาวนานั้นเอง อาศัยว่าส่วนหนึ่ง คำสอนพระพุทธเจ้าก็จะอุตสาหะพยายาม อันเป็นเทวดาอยู่ตามภูมิสถานนั้นๆหรือนาคก็ตามก็อาศัยจะเอา คุณงามความดี มารวมกับมวลมนุษย์ที่เกิดมา ผู้ที่มีบุญวาสนา จะเป็น พระเจ้า พระสงฆ์ องค์สามเณร ผู้ใดใครผู้หนึ่งก็ตาม จะให้คุณงามความดีหรือสนับสนุนอุปนิสัย จิตใจคอของเขา อันเขาได้ประสบพบกับคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมา ณ ชาติไหนแล้วก็ตาม เขาทั้งหลายเหล่านั้นอาจจะเป็นคนชาติเชื้อใครแล้วก็ยังไม่รู้ บางรายก็อาจจะเป็นเชื้อชาติของนาคพิภพก็ได้ หรือเป็นเชื้อของเทวดาก็ได้ เพราะฉะนั้นจะสับเปลี่ยนวนกันไปหรือเวียนกันไป อันนี้เรียกว่า สงสารวัฏ เปลี่ยนกันตาย เปลี่ยนกันเกิด หรือเปลี่ยนกันไปบรรจุตำแหน่ง อาจเป็น เทวดา อินทร์ พรหม ร่ำไป หรือเป็นมนุษย์ร่ำไป
    จะว่าสิ้นสุดเมื่อไร อันจะว่าหมดกิเลส อันได้ความสุข ความเจริญ จนอิ่มหนำสำราญอยู่ในชนชั้นบริวาร อยู่ในภพนั้นๆจนไม่อยากเกิด จนไม่อยากอยู่ในภพนั้น เบื่อความเกิดหรือเบื่อความแก่ เบื่อความตายแล้วถือว่า มนุษย์นั้นหรือเทวดานั้น นาคนั้น อาจะทำความเพียร อาศัยว่าเอาคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นมาประดับในจิตใจ ฉันใดอันจะได้ไปสู่ถึงโลกอันที่แล้วสุดคือยอดพระนิพพาน อันนี้ให้รู้ เพราะฉะนั้นก็ดีเทวดาในสถานที่นี้ อันเป็นภูมิสถานรักษาอะไรก็ตาม ของกายสิทธิ์หรือของโบรมโบราณใดๆ อันเป็นเชื้อหรือจะให้ทำความดีร่วมมือกับมนุษย์ที่จะสร้างพุทธศาสนาให้เป็นฐานะที่เคารพบูชา กุลบุตรสุดท้ายภายหลังหรือปัจจุบันนี้ตามที่เชื้อมนุษย์ที่เกิดอยู่ตามแถบๆแม่น้ำชี และตามทุกหมู่บ้านและบ้านบุ้งข่านี้ก็ตาม อาจเกิดมา โบรมโบราณาจารย์ หรือคนที่ได้ทำ ทาน ศีล ภาวนา ได้เป็นภูมิเทวดาหรือบางรายก็อาจจะเป็นนาคพิภพ หรืออยู่ตามลำธารแม่น้ำชีนี้ จดใต้ถึงเหนืออันจะไปถึงแม่น้ำมูลหรือส่งไปถึงแม่น้ำโขง ส่งไปถึงทะเล อันนี้ก็ถือว่า อันอยู่ตามภูมิของตนอันนั้นตามวาสนา"


    "เพราะฉะนั้นก็อาศัยว่าจะพึ่งบารมีคำสั่งสอน พระรัตนตรัย มีพระพุทธเจ้าที่พระองค์ปรินิพพานไป อันตัวแทนของพระองค์นั้นคือคำสั่งสอนนั้นๆ ทั้งคุณพระอรหันต์ อริยะสงฆ์ หรือสงฆ์สมมติก็ตาม คือสงฆ์ที่หวังเอาคุณงามความดีที่จะฟาดฟัน หรือใช้ความเพียรเรียนพระกรรมฐาน แสวงหาผลการงานที่จะให้เกิดขึ้นในสันดานของสงฆ์นั้นๆ อันที่เป็นสงฆ์ในยุคปัจจุบันก็ตามผู้ปรารถนาดี ย่อมเทวดานั้นอาจจะสนับสนุนให้คุณงามความดี ทั้งทายก ทายิกา ผู้ชายหรือผู้หญิง ผู้อุ้มชูพระศาสนา ที่ตามระดับที่มุ่ง หวังทาน หวังศีล หวังภาวนาให้เจริญก้าวหน้าในชาติและภพของเขา และขอให้เทวดานั้นอาจจะเหลียวแล หรือภูมิสถานหรือนาคพิภพ ที่ตามแม่น้ำชีนี้ถึงใต้และเหนือ ตลอดที่ล่วงมาถึงที่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่แม่น้ำชีจะไหลมาจากปากน้ำโพ ดังนั้นอาจที่จะส่งถึงเลยถึงที่แม่น้ำมูล ส่งลงไปที่แม่น้ำโขง โขงจะส่งลงไปที่ทะเลสาป ดังนั้นใต้เวียดนามใต้ ล้วนแต่องค์พระจอมไตรของเราได้เสด็จโปรดถึงเวียดนามใต้ พระองค์ก็เสด็จกลับ ฉันใดเทวดาหรือส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย อันยังอยู่ทั่วไป จงให้ความร่วมมือ ณ วันนี้ เพื่อมาพักพาอาศัยหรือประสงค์อะไรก็ตามที่ด้านจิตใจ หวังที่จะให้เป็นประโยชน์ต่อตนและบุคคลอื่น สร้างคุณงามความดีเพื่อประทับจิตใจหมู่สัตว์ พุทธบริษัททั้งหลายในภพชาติที่เกิด คนเราอันจะประสบกับความสุขความเจริญของโลกหรือของศาสนา

    เพราะฉะนั้นจึงอุตสาหะพยายามที่จะติดตามไปที่สานุทิศทั้งปวง ขอให้คุณงามความดีของพระศาสนา อันดังกล่าวมาแล้วนี้ จงให้ประสบกับเพื่อนสัตว์ มนุษย์ทั้งหลาย พุทธบริษัทที่จะให้อยู่เย็นเป็นสุข หรือปราศจากโลกจากภัยไข้เจ็บหรืออันตรายนานาพิบัติ ทุกสิ่งทุกประการทั้งตัวข้าพเจ้าและให้ได้จิตแก้ว หรือได้คุณงามความดี จิตของพระรัตนตรัย จิตของพระธรรมคำสั่งสอน อันที่มีอยู่ในเทวดาหรืออยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ อาจมาประสิทธิ์ประสาทให้ จงได้รับคุณงามความดี ในกาย จิตใจให้สะอาด ปราศจากสิ่งที่ราคีมี โลภ โกรธ หลง เป็นต้นนั้น ออกไป ณ เพลานี้ จงให้ได้คุณงามความดี จตุพรของพระอริยะ อันที่ปรารถนาคือ อายุ วรรณะ สุข พละ โปรดมีทั้งมนุษย์และเทพยดา ถ้วนหน้าต่อไป สาธุ
     
  12. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หลวงปู่ทองทิพย์ เทศนาธรรมเรื่อง "วิชชาสามของโลกอุดร"

     
  13. พระกรรมฐานดอทคอม

    พระกรรมฐานดอทคอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +2,242
    ขออนุโมทนาสาธุกับคุณAunyasitที่ถวายหน้าทองคำกับหลวงปู่สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. พระกรรมฐานดอทคอม

    พระกรรมฐานดอทคอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +2,242
    ขอโมทนาสาธุกับคุณAunyasitกับหน้าทองคำที่ถวายหลวงปู่สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ไปทำธุระะที่จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แวะไปสักการะพระสังกัจจายน์ที่วัดสระทอง และไปสักการะกู่พระโกนา เป็นครั้งที่สอง


    สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ยังมีกระแสศีลธรรม อยู่ค่อนข้างหนาแน่น

    พระสังกัจจายน์เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดร้อยเอ็ด สร้างด้วยอิฐหินปูนโบราณ นั่งขัดสมาธิสูง หน้าตักกว้าง 90 นิ้ว สูง 101 นิ้ว

    ที่วัดกู่พระโกนา ได้สนทนากับหลวงพ่อกอง ยโสธโร ท่านเป็นพระกรรมฐานที่ค่อนข้างปกปิดตัวเอง กระแสศีลธรรมท่านดีมากทีเดียว เมื่อไปถึงก็ไปกราบท่าน ท่านบอกว่า ปกติท่านจะไม่ค่อยพูดกับใคร แต่ท่านก็ได้เมตตาสาธยายเรื่องการปฏิบัติพระกรรมฐานให้เราฟังป็นอย่างดี ประสบการณ์ในการปฏิบัติกรรมฐานของท่าน 56 พรรษา (อายุ 81 ปี)

    ท่านได้มาอยู่ที่กู่พระโกนา ตามนิมิตของท่าน ท่านบอกว่า เมื่อท่านมาถึงที่นี่ ท่านได้พบกับอาจารย์ชม ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน ซึ่งเป็นพระกรรมฐานอยู่ที่กู่พระโกนามาก่อน หลวงปู่ชมได้บอกหลวงพ่อกองว่าให้บวช หลวงพ่อกองท่านก็ตัดสินใจบวช แล้วท่านก็อยู่เฝ้าที่กู่พระโกนาตั้งแต่นั้นมา จนถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลาถึง 56 ปีแล้ว หลวงพ่อกองท่านเล่าว่า ผีนี่มีจริงๆนะ เป็นตัวๆนี่แหละ

    ท่านบอกว่าท่านเกิดที่ จ. อำนาจเจริญ แม่ของท่านมีลูกชายหลายคน แม่ของท่านเลี้ยงผีที่ทุ่งนา มันจึงมีอำนาจมาก สามารถออกมาเป็นตัว มาหาคนในบ้านของท่านได้ ท่านบอกว่าผีตัวนี้มันมาเอาชีวิตพี่ชายท่านไป 3 คน โดยจะตายปีเว้นปี ท่านบอกว่า เมื่อถึงเวลาที่พี่ชายท่านจะตาย ผีจะมาบอกให้พี่ชายท่านเตรียมตัวไปอยู่กับมัน มันจะเอาไปอยู่ด้วย ไม่นานพี่ชายท่านก็จะป่วยแล้วก็ตาย

    เมื่อท่านบวชแล้ว ท่านก็ได้นิมนต์ หลวงป่ชม ไปที่ทุ่งนาของครอบครัวท่าน หลังจากนั้นผีก็ไม่มายุ่งกับคนในครอบครัวท่านอีกเลย ท่านบอกว่าหลวงปู่ชม เป็นพระกรรมฐานที่เก่งมาก ผีจะกลัวมาก

    นอกจากนั้นหลวงพ่อกอง ท่านได้เมตตาเล่าประวัติคร่าวๆ ของกู่พระโกนาให้ฟังว่า กู่พระโกนานี้ เป็นสิ่งก่อสร้างสมัยพระชัยวรมันที่ 7 ก็เลยถึงบางอ้อ ทันทีว่า ที่เราได้มา ณ กู่พระโกนานี้ก็เพราะว่าสถานที่นี้เกี่ยวพันกับยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั่นเอง ก็เลยได้โอกาส อธิษฐานสะสางเรื่องราวเก่าๆทั้งในเรื่องของบุญบารมีและวิบากกรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X1.JPG
      X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.9 KB
      เปิดดู:
      116
    • X2.JPG
      X2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.6 KB
      เปิดดู:
      118
  16. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    ขอถามคุณอัญญาสิทธิ์นะครับ

    เคยอ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นประวัติและวิธีการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เส็ง ปุตโส ท่านเกิดในสมัยหลวงปู่มั่น และถือได้ว่าเป็นศิษย์ในสายหลวงปู่มั่นท่านนึง ท่านว่าท่านคือพระโพธิสัตว์ พระศรีอารยเมตไตร และเล่าอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติ ในช่วงที่ท่านธุดงค์ และวิชานึงที่ผมจำได้ คือ การควบคุมลมหายใจตามฐานต่างๆ เพื่อการควบคุบร่างกาย เหมือนกับวิชาลมเจ็ดฐานที่หลวงปู่พุทธอิสระ วัดอ้อน้อย นำมาสอน อยากถามคุณอัญญาสิทธิ์ครับ
    1. หลวงปู่เส็ง เป็นดังข้อความข้างต้นหรือไม่คับ ซึ่งเรื่องราวน่าจะเกี่ยวกับองค์พระศรีฯโดยตรง ที่คุณอัญญาสิทธิ์น่าจะรู้
    2. เป็นจริงหรือไม่ครับ ที่มีคำกล่าวว่า พุทธภูมิเนื้อแท้ มักมีการฝึกลมหายใจ ชำนาญมาก จนเป็นวิชาธรรมดาพื้นฐาน สามารถเข้าฌาณได้โดยง่ายด้วยการกำหนดลมหายใจ
    3. หลวงปู่พุทธอิสระ เป็นนิตยะโพธิสัตว์ไหม อยู่ในรายการ 10 คน ในคัมภีร์พุทธวงศ์ไหม
    4. นอกเรื่องหน่อย คือ ในคัมภีร์อนาคตวงศ์ ที่กล่าวถึงนิตยโพธิสัตว์ทั้งสิบองค์ ถัดไป เป็นเรื่องจริงที่มาจากพุทธพจน์ ไหมครับ หรือเป็นเรื่องราวที่แต่งมาจาก บุรพจารย์ รุ่นหลัง แล้วคุณอัญญาสิทธิ์ เชื่อถือมากขนาดไหน

    อีกเรื่องนึงที่ผมถือว่าเป็นข้อสงสัยส่วนตัว
    คือหลวงปู่คง วัดเขาสมโภชน์ มีลูกศิษย์ใกล้ชิด กล่าวว่าท่านปรารถนาพุทธภูมิ แต่ลาพุทธภูมิแล้ว เข้าสู่นิพพานแล้ว เล่าว่าท่านเคยเกิดเป็นพระร่วง และเป็นผู้รจนาคัมภีร์ ไตรภูมิพระร่วง ผลบุญนี้เลยทำให้ท่านได้ค้นพบวิชาธรรมเปิดโลก ที่ผมสงสัยคือ
    1. ปัจจุบัน พบว่ามีผู้ที่ได้อ้างถึงอดีตชาติว่าเคยเกิดเป็นพระร่วงหลายต่อหลายคน ผมเลยสงสัยว่า จึงอยากถามใครคือของจริงกันแน่ครับ
    2. ตั้งแต่ผมเริ่มศึกษาธรรม พบว่า มีผู้ปรารถนาพุทธภูมิ แล้วลาพุทธภูมิ หลายท่านด้วยกัน เหมือนกับเป็นยุคของความเชื่อเหล่านี้ แม้ส่วนตัวจะเชื่อว่า หากได้รับการพยากรณ์แล้วไม่น่าจะลาพุทภูมิได้ และเคยอ่านพบในตำรามหายาน ที่ชื่อคัมภีร์สัทธรรมปุทริกสูตร ซึ่งกล่าวถึงการสร้างบารมี ภายหลังจากการบรรลุอรหันต์ ก็ยิ่งทำไห้ข้อสงสัยทั้งหมดมากขึ้น อยากถามคุณอัญญาสิทธิ์ว่า หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์(อาจารย์หลวงปู่มั่น) หลวงปู่คง ท่านเป็นอย่างไรในพุทธภูมิครับ

    เรื่องเหล่านี้แม้เป็นเรื่องของคนอื่นที่ไม่ควรรู้ แต่สำหรับผมมีความหมายครับ อย่างหลวงปู่คงผมใช้เป็นหลักในช่วงแรกของชาตินี้ที่ผมฝึกกรรมฐาน การอธิษฐานจิตและการสร้างตบะบารมีจากวิธีการของท่าน การ unlearn อาจจะยากกว่าการเรียนรู้ของใหม่ ธรรมดาจิตเราที่ยังยึดมั่นถือมั่น นั้นจะละวางอัตตา ที่ตนเองยึดมั่นมานานได้ยาก ผมอยากเข้าใจความจริงที่แท้จริง
     
  17. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หวัดดีครับ คุณsahadham

    1. หลวงปู่เส็ง ในสมัยนั้นเข้าใจว่ามีญาณศีลธรรมพระศรีฯสงเคราะห์ท่านครับ แต่ไม่ใช่องค์พระศรีฯครับ
    2. ผมเชื่อว่าพุทธภูมิเนื้อแท้ มักมีการฝึกลมหายใจ ชำนาญมาก จนเป็นวิชาธรรมดาพื้นฐาน สามารถเข้าฌาณได้โดยง่ายด้วยการกำหนดลมหายใจ ทั้งนี้เพราะท่านปฏิบัติสั่งสมบารมีกันมามากครับ
    3. หลวงปู่พุทธอิสระ เท่าที่ได้ฟังจากครูบาอาจารย์ ท่านยังไม่อยู่ในรายการ 10 คน ในคัมภีร์พุทธวงศ์ ครับ
    4. ในคัมภีร์อนาคตวงศ์ ที่กล่าวถึงนิตยโพธิสัตว์ทั้งสิบองค์ ถัดไป แม้ว่าเป็นเรื่องราวที่แต่งมาจากบุรพจารย์ผู้ทรงคุณรุ่นหลัง แต่ผมเองเชื่อถือครับ เพราะเท่าที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังในหลายวาระเนื้อหา เกิน 90 % ตรงกับเนื้อเรื่องในคัมภีร์อนาคตวงศ์ แต่ใครเป็นองค์ไหนนั้น ต้องศึกษาอย่างระมัดระวังครับ

    1. ที่มีผู้ได้อ้างถึงอดีตชาติว่าเคยเกิดเป็นพระร่วงหลายต่อหลายคนนั้น บางครั้งก็ใช่ บางครั้งก็ไม่ใช่ แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่า คำว่า "พระร่วง" นั้น วงศ์สุโขทัยยุคต้น มีท่านที่ยุคนั้นเขาเรียกกันว่า "พระร่วง" ถึง 5 องค์ด้วยกัน นับตั้งแต่องค์แรกคือพระร่วงอรุณราช พระร่วงปราบขอมดำดิน และองค์อื่นๆ ผมจำชื่อไม่ได้แล้วครับ รวม 5 องค์ ถ้าหากท่านไหนที่ท่านบอกว่าอดีตชาติท่านเป็นพระร่วง เราก็ต้องถามต่อไปว่า ท่านเป็นพระร่วงองค์ไหนกันแน่

    2. สำหรับผู้ปรารถนาพุทธภูมิ หากได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถจะลาพุทธภมิได้อีกแล้ว เป็นไปตามพุทธสัจจะเปลี่ยนไม่ได้ครับ

    ตามคัมภีร์สัทธรรมปุทริกสูตร ซึ่งกล่าวถึงการสร้างบารมีแบบพุทธภูมิ ภายหลังจากการบรรลุอรหันต์ นั้นเป็นขั้นของพระอริยโพธิสัตว์ครับ เป็นการผ่านภูมิธรรมพระอรหันต์ แล้วก็เริ่มสร้างบารมีใหม่ในขั้นของบารมีที่สูงขึ้น

    ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยกล่าวไว้

    หลวงปู่มั่น เป็นพุทธภูมิ องค์ที่ 8 ใน อนาคตวงศ์ หลวงปู่เสาร์ เข้าใจว่าปรารถนาเป็นพระปัจจเจก

    หลวงปู่คง ผมไม่ทราบว่าท่านปรารถนามาอย่างไร แต่ลูกศิษย์ท่านไปทำผิดยักษ์ ที่ภูเขาด้านหลังวัดท่าน ยักษ์จะลงโทษลูกศิษย์ท่าน ท่านขอรับแทน ท่านจึงมรณภาพกระทันหัน เขตแถวลพบุรีนั้น มียักษ์มีฤทธิ์หลายตน มีมาตั้งแต่ยุครามเกียรติ์แล้ว เมื่อนักปฏิบัติภายในสู้ยักษ์ไม่ได้ อำนาจยักษ์ก็จะเข้าครอบงำ เอาเป็นว่าวัดจำนวนมากมายในเมืองไทยที่ถูกอำนาจยักษ์ครอบงำ คือภายในผู้ปฏิบัติสู้ยักษ์ไม่ได้นั่นเอง หากปฏิบัติธรรมอยู่ในภูมิเขตนั้น ก็จะทำให้เข้าใจ ศีลธรรมผิดเพี้ยนไปจากธรรมะของพระพุทธองค์ ครับ

    เรื่องการปฏิบัติธรรมนั้นหากรู้ด้านสว่างอย่างเดียวอาจจะเอาตัวไม่รอด หากปฏิบัติภายในมองไม่เห็นยักษ์ ก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะแสดงว่ายักษ์มีอำนาจปิดบังเหนือเรา จึงไมสามารถมองเห็นเขาได้ ดังนั้นเขาสามารถปรุงแต่งภายในให้เราหลงทิศ หลงทางในการปฏิบัติได้อย่างง่ายๆครับ
     
  18. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    เรื่องราวที่อยากสนนาต่อคือ
    1. สำหรับเรื่องพระร่วงและหลวงปู่คง วัดเขาสมโภชน์ เห็นศิษย์เล่าว่า อดีตชาติท่าน เป็นพระร่วงองค์ที่ รจนา คัมภีร์เรื่องไตรภูมิพระร่วง ครับ ผมก็ไม่รู้ว่าองค์ไหน
    2. คัมภีร์สัทธรรมปุณพริกสูตร ที่ผมเคยอ่านจะกล่าวถึง อรหันตสาวก ทุกองค์ที่เข้านิพพานแล้วจะต้องบำเพ็ญเพียรต่อ เพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ นะครับ แม้แต่พระอานน ก็ต้องบำเพ็ญต่อไป ไม่แน่ใจว่าเป็นแบบเดียวกับที่คุณ อัญญาสิทธิ์ กล่าวถึงหรือไม่ เพราะตามที่ผมเข้าใจในชั้นแรกๆ คิดว่าคุณอัญญาสิทธิ์ หมายถึง เอาเฉพาะพระโพธิสัว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิเท่านั้น แต่ในคัมภีร์จะอ้างถึงทุกคนเลยนะครับที่บรรลุนิพพานแล้วต้องบำเพ็ญต่อ ซึ่งจะขัดแย้งกับความเชื่อตามแนว เถรวาท อย่างสิ้นเชิง
    3. ยักษ์ที่คุณอัญญาสิทธิ์กล่าวถึง มีฤทธิ์ร้ายแรง อย่างไร หรือครับ ลงอธิบายพอสังเขป ได้ไหม แล้วยักษ์ เหล่านี้ เป็น สัมมา หรือมิฉฉาทิฐิ ครับ เป็นหมู่เหล่าเดียวกับทศกัณฑ์ หรือป่าว
    4. ภพภูมิของยักษ์ เป็นอย่างไร มนุษย์สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าไหม มนุษญ์ ต้องมีฤทธิ์ ประมาณไหน จึงจะต่อกรกับยักษ์ได้ครับ
    5. การที่หลวงปู่มั่นท่านได้เป็นนิตย โพธิสัตว์ แล้ว แต่มีการตั้งใจลาพุทธภูมิ เพื่อมุ่งหวังพระนิพพาน (ตามที่ลูกศิษย์ท่านอ้างถึงนะ เพราะจริงๆ ผมไม่ทราบ) มีผลกระทบต่อการบำเพ็ญสัจจะ บารมี หรือบารมีข้ออื่นๆ หรือไม่ครับ เพราะเหมือนกับว่า มีความมุ่งมาดปรารถนา และได้รับการพยากรณ์แล้ว จนสำเร็จบารมี ในขั้นปรมัตแล้ว แต่ก็ยังคิดเปลี่ยนใจหรือเพื่อเปลี่ยนแนวทาง ให้เบี่ยงเบนจาก พุทธพยากรณ์ (ตามที่ผมเข้าใจคือ เมื่อสำเร็จขั้นปรมัตถะ แล้ว แม้ความคิดจะเลิกลาสักน้อยนิด ไม่น่าจะมีเลย) ขอความเห็นครับ
    6. ข้อนี้ประเด็นใหม่ครับ คือเคยได้ยินได้ฟังเรื่อง มหาภารตะ ของอินเดีย ที่เกี่ยวข้องกับการอวตารของพระนารายณ์มาเป็นพระกฤษณะ และช่วยร่วมรบกับพี่น้อง 5 คน ซึ่งเป็นเค้าโครงเรื่องที่น่าจะเป็นความเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับยุคสมัยก่อนพุทธกาลนี้ ซึ่งอาจเป็นนิทาน หรืออิงจะเรื่องจริงหรือไม่ผมไม่ทราบ คุณอัญญาสิทธิ์ พอทราบไหมครับว่า เนื้อเรื่องมีเค้าโครงจากการการบำเพ็ญบารมีของพระศรี หรือไม่อย่างไร เพราะเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับการอวตารของพระนารายณ์ กับเทพองค์สำคัญ ของอินเดีย แทบทั้งนั้น

    ไม่รู้มากไปไหม แต่อยากขอความเห็นครับ
     
  19. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หวัดดีครับ คุณสหธรรม

    1. สำหรับพระร่วงที่เป็นพระร่วงองค์ที่รจนา คัมภีร์เรื่องไตรภูมิพระร่วงนั้น ก็เป็นพระร่วงองค์หนึ่งในจำนวน 5 ห้าองค์แหละครับ


    2. คัมภีร์สัทธรรมปุณพริกสูตร ที่กล่าวถึง อรหันตสาวก ทุกองค์ที่เข้านิพพานแล้วจะต้องบำเพ็ญเพียรต่อ เพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณนั้น ถือว่าไม่ตรงกับที่ผมรับทราบมา เพราะการเป็นพระอรหันต์เข้าพระนิพพานนั้นถือว่าจบกิจการบำเพ็ญโดยสิ้นเชิง
    <O:p</O:p
    ที่ผมกล่าวถึงคือเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิเมื่อบำเพ็ญบารมี 10 ทัศน์เต็ม ซึ่งก็ถึงพร้อมหากท่านจะเป็นพระอรหันต์ หากท่านไม่ต้องการ ท่านก็อธิษฐานบำเพ็ญบารมีต่อไปในบารมีขั้นกลาง(อุปบารมี) และเมื่อท่านบำเพ็ญบารมี 20 ทัศน์เต็ม ซึ่งถึงพร้อมหากท่านจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อไม่ต้องการ ท่านก็บำเพ็ญบารมีในขั้นปลาย(ปรมัตถบารมี) เมื่อบารมีเต็ม 30 ทัศน์ ท่านก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในยุคใดยุคหนึ่งตามกาลของท่าน
    <O:p</O:p

    3. ยักษ์ที่ผมกล่าวถึง ที่มีฤทธิ์ร้ายแรงก็มีมาก หากดูในรามเกียรติ์ จะเห็นว่ามียักษ์หลายจำพวกและมักเป็นฝ่ายทศกัณฑ์ ซึ่งเป็นมิฉฉาทิฐิ อย่างท้าวกกขนาก ที่ในยุครามเกียรติ์พระรามแผลงศรมาปักอกตรึงไว้ ตอนนี้ก็นอนอยู่ตรงเขาวงพระจันทร์ ที่ จ.ลพบุรี จะมีไก่แก้วและลิงทิพย์เฝ้าอยู่ หากยักษ์ตนนี้เริ่มไหวตัว ไก่แก้ว(ไก่มีงา)ก็จะขันบอก พวกลิงทิพย์ก็จะมาช่วยกันตอกลูกศรปักอกยักษ์ให้กลับเข้าไปดังเดิม หากยักษ์ตัวนี้ไหวตัวได้ พิษของยักษ์ตนนี้จะทำให้เกิดโรคระบาด ผู้คนจะล้มตายมาก อย่างในสมัยรัชการที่ 4 ก็เคยมีปรากฏการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ที่มีโรคระบาดใหญ่
    <O:p</O:p
    หากต่อไปยักษ์ตนที่นอนอยู่นี้พลิกตัวได้ จะทำให้เกิดโรคระบาด ผู้คนจะล้มตายไปประมาณครึ่งโลก ก็คิดว่าไม่ช้าไม่นาน ยักษ์ตนนี้จะลุกขึ้นเพื่อไปรอรับการมาของพระจักรพรรดิ์ ก็ลองคิดดูก็แล้วกันว่าพิษยักษ์นั้นร้ายแรงขนาดไหน และพวกยักษ์นั้นทุกยุคทุกสมัยจะเป็นคู่ต่อกรกับพระพุทธเจ้า หรือกับผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นต้น ส่วนยักษ์ฝ่ายดีก็มีคือพวกที่เป็นฝ่ายของท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นฝ่ายพระพุทธศาสนา
    <O:p</O:p

    4. ภพภูมิของยักษ์ นั้นมนุษย์ไม่สามารถสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้แต่จะมีตาทิพย์ก็มิใช่ว่าจะเห็นได้ง่ายๆ เพราะพวกยักษ์เขามีฤทธิ์มาก เขามีมนต์ปิดบังหรือแปลงได้สารพัดแบบ นักปฏิบัติที่จะไปเห็นเขาได้นั้น ต้องมีของเก่ามาพอสมควร


    5. การที่หลวงปู่มั่นท่านได้เป็นนิตยโพธิสัตว์ได้รับการพยากรณ์แล้ว แต่มีการตั้งใจลาพุทธภูมิ เพื่อมุ่งหวังพระนิพพาน เข้าใจว่าไม่มีผลกระทบต่อการบำเพ็ญสัจจะบารมี หรือบารมีข้ออื่นๆ เนื่องจากว่าในระดับบารมีขั้นของท่านยังต้องศึกษาอีกหลายขั้น ซึ่งขั้นการรู้เรื่องราวต่างๆของพระมหาโพธิสัตว์นั้นจะเป็นลำดับขั้นไป กล่าวคือหากว่าตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่า ก็คือหลวงปู่มั่นเป็นพุทธภูมิประเภทปัญญาธิกะ เป็นองค์ที่ 8 นับจากพระศรีฯ เป็นองค์ที่ 1 หลวงปู่มั่นท่านยังต้องศึกษาเรื่องการเป็นพระพุทธเจ้าอีก 8 ขั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางเรื่องท่านอาจจะยังไม่ทราบแน่ชัด และท่านจะต้องบำเพ็ญบารมีไปรับรู้ด้วยตัวของท่านเอง หากท่านยังบำเพ็ญไม่ถึงขั้นนั้นๆ ก็จะยังไม่รู้ในบางเรื่อง ระบบศีลธรรมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ปัจจัตตังนั้นเป็นเรื่องของแต่ละคนไป ยิ่งเป็นเรื่องของพระมหาโพธิสัตว์ หากไม่ใช่บารมีมหาโพธิสัตว์ด้วยกันแล้วจะรู้ท่านได้ยาก เพราะการรู้เรื่องบารมีของผู้อื่นนั้น ผู้ที่จะไปรู้ผู้อื่นได้นั้นต้องบำเพ็ญบารมีผ่านบารมีนั้นๆมาก่อน
    <O:p</O:p
    อย่างในยุคหลวงปู่มั่นนั้น ก็ยังมีครูบาอาจารย์ที่ทางด้านศีลธรรมเก่งกว่าหลวงปู่มั่นมากๆก็มี คือหลวงปู่ทองรัตน์ วัดบ้านก่อ จ. อุบลราชธานี หากหลวงปู่มั่นท่านกำลังขึ้นธรรมมาสน์เทศนาธรรมอยู่ เมื่อหลวงปู่ทองรัตน์เดินผ่านมา หลวงปู่มั่นจะหยุดเทศน์ทันที ให้หลวงปู่รูปนี้ท่านเดินผ่านไปก่อนแล้วท่านจึงจะเทศน์ต่อ แต่หลวงปู่ทองรัตน์นี้ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะท่านเป็นพระกรรมฐาน อยู่เงียบๆ ไม่ค่อยแสดงตัว
    <O:p</O:p
    มาในยุคนี้ก็เช่นเดียวกันกับหลวงปู่ทองทิพย์ ที่ท่านปิดบังตัวเอง คนจึงไม่ค่อยรู้จัก เนื่องจากท่านมุ่งเดินตามครองของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว เช่น ปฏิบัติอยู่ตามโคนต้นไม้ ถือธุดงควัตรตลอดชีวิต ไม่สร้างวัตถุมงคลเพื่อเรี่ยไรปัจจัย ไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ทางโลก ฯลฯ หากถ้าจะเปรียบเทียบโดยบารมีและศีลธรรมแล้ว นับว่าพระทั้งโลกยังต้องกราบไว้ท่าน ซึ่งก็เข้าทำนองที่ท่านบอกว่า สำหรับองค์ท่านแล้ว “ดังบ่ดี ดีบ่ดัง” นั่นเอง สำหรับส่วนตัวผมแล้วถือว่าเป็นการดี ที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ดัง เพราะหากท่านดังแล้ว ผมคงจะเข้าไม่ถึงและก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทำบารมีกับท่าน
    <O:p</O:p

    6. สำหรับเรื่อง มหาภารตะ ที่เกี่ยวข้องกับการอวตารของพระนารายณ์มาเป็นพระกฤษณะ เป็นเรื่องก่อนยุคพุทธกาลจะอุบัติขึ้นบนโลกนี้ คือเป็นเรื่องของยุคตั้งโลก ก่อนพระพุทธเจ้ากกุสันโธจะอุบัติขึ้น ซึ่งในเรื่องนารายณ์สิบปางเป็นส่วนหนึ่งของการบำเพ็ญบารมีของพระศรีฯ บริวารของท่านและพระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ ที่จริงเรื่องของมหาเทพต่างๆนั้นเป็นสากลจักรวาล ไม่ใช่เทพของอินเดียแต่อย่างใด เพียงแต่ในอินเดียมีผู้นับถือมหาเทพสืบต่อๆกันมาและเล่าสู่กันมาจนถึงปัจจุบันนี้




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2006
  20. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    (ต่อครับ)
    อย่างในประเทศเขมรนั้นจะเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องของมหาภารตะยุทธ รวมทั้งเรื่องของพระนารายณ์สิบปางด้วย การจะศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ให้เข้าใจก็ต้องปฏิบัติจิตให้เข้าถึงระบบของภพภูมิจิตวิญญาณก่อน

    อย่างระบบที่ผมเที่ยวตระเวนแผ่บุญกุศล ตามปราสาทหินต่างๆนั้น จะเกี่ยวข้องกับนารายณ์บรรทมศิลป์ในสะดือทะเล ซึ่งจะเชื่อมโยงกับระบบจักรของพระเจ้าจักรพรรดิ์ด้วย ซึ่งเท่าที่ทราบจักรของพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้นปัจจุบันนี้อยู่ใต้ทะเล ซึ่งศูนย์พลังสำคัญแห่งหนึ่งบนโลกของระบบเทวะอยู่ที่ประเทศเขมร คือปราสาทนครวัด นครธม บันทายศรี ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ผมก็จะไปเชื่อมเอาศาสน์ศิลป์เดิมที่เคยได้ปฏิบัติมาตั้งแต่ยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เอามาใช้งานใหม่ มันก็เป็นเรื่องแปลกที่เมื่อเข้าไปทำศาสน์ศิลป์ในเขตของปราสาทหินชายแดนเขมร จิตจะหลั่งไหลภาษาเขมรออกมาผสมกับภาษากูโบส เพื่อสื่อกับระบบภพภูมิแถบนั้น


    อย่างแถวบ่อนคาสิโนที่ปอยเปตนั้น ใต้ดินล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งรวมของซากกระดูกและซากศพเกลื่อนไปหมด ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสข้ามไปเที่ยวปอยเปตแล้วนอนพักค้างคืน จิตออกไปสำรวจก็เจอแต่ซากศพและจิตวิญญาณที่รอการปลดปล่อยจำนวนมากมาย ก็ได้สงเคราะห์ไปเท่าที่จะทำได้
    <O:p</O:p
    หากพูดถึงเรื่องตำแหน่งศูนย์พลังของโลกทิพย์บนโลกมนุษย์แล้ว ก็ไม่อาจมองข้ามวัดป่าสีดาฯได้ เนื่องจากเป็นสถานที่ศูนย์รวมของพลังต่างๆมากมาย อย่างธาตุต่างๆที่อาถรรพณ์สูงๆ เมื่อเข้าไปในเขตวัด อาถรรพณ์ของวัตถุธาตุนั้นๆจะดับไปทันที เข้าใจว่าน่าจะมีสิ่งที่ดูดพลังอาถรรพณ์ ของวัตถุธาตุไปใช้ประโยชน์ และในทางตรงข้ามวัตถุธาตุบางอย่างแม้จะขนาดเล็กๆ เมื่อเข้าไปในเขตวัด วัตถุธาตุนั้นก็จะมีพลังมหาศาลได้เช่นกัน
    <O:p</O:p
    อย่างจักรทิพย์นั้นจะขับเคลื่อนโดยพลังของธาตุบางประเภท หากจิตเข้าไม่ถึงธาตุทิพย์ของวัตถุธาตุก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนจักรทิพย์ได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ มีรายละเอียดอีกมาก แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับบุคคลบางคนเท่านั้น และมีสถานที่เพียงแห่งเดียวบนโลกที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ อย่างแก้วในตระกูลแก้วจักรพรรดิ์ จะทำงานก็ต่อเมื่อไปอยู่ในเขตศูนย์พลัง ซึ่งต้องมีองค์ประกอบของความเป็นทิพย์ภายใน สัญลักษณ์ภายนอก วัตุธาตุที่เป็นพลังขับเคลื่อนและตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง

    ตัวอย่างวัตถุธาตุที่สามารถขับเคลื่อนจักรทิพย์ได้ แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หากอยู่ไม่ถูกที่ วัตถุธาตุเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X6.JPG
      X6.JPG
      ขนาดไฟล์:
      24.3 KB
      เปิดดู:
      107
    • X8.JPG
      X8.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.7 KB
      เปิดดู:
      96
    • X12.JPG
      X12.JPG
      ขนาดไฟล์:
      26.5 KB
      เปิดดู:
      99
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2006
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...