เพ่งโทษพระสงฆ์..."ไม่เจริญในหน้าที่การงาน"

นอกจากการติฉินนินทาเบื้องสูงแล้ว การตำหนิพระสงฆ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนพุทธเรามักประมาทพลาดพลั้งเสมอ การตั้งแง่คิดไม่ดีกับพระภิกษุสงฆ์ก็เป็นบาปอยู่แล้ว ยิ่งไปตำหนิท่านก็ยิ่งเป็นบาปเข้าไปอีก พระศาสดาทรงสอนให้เราชาวพุทธอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

พระองค์ทรงสอนว่า อย่าได้ตั้งจิตเป็นศัตรูกับใครผู้ใดผู้หนึ่งในทิศทั้งสิบ ดังนั้นการตั้งจิตเพ่งโทษหรือคิดไม่ดีกับใครก็ตาม ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้ใจเราเองเดือดร้อนเป็นบาป ยิ่งกับพระภิกษุสงฆ์ด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นบาปมากกว่าบุคคลธรรมดาทั่วๆไป เพราะอย่างน้อยท่านก็ห่มครองผ้ากาสาวพักตร์อันเป็นเครื่องสมมติของความเป็นสงฆ์ ตราบเท่าที่ท่านอยู่ในเพศบรรพชิตนี้ เราไม่ควรที่จะคิดในทางเสื่อมเสียกับท่าน เพราะเป็นเวลาที่ท่านภาวนาบริกรรมพระคาถาอย่างหนึ่งอย่างใดอยู่ จะเป็นบาปมหันต์ต่อเราได้ทันที
<O</O
สิ่งนี้แม่ชีทศพรเน้นย้ำเสมอๆ เพราะท่านได้เห็นได้รู้ถึงวิบากกรรมจากการจาบจ้วงพระภิกษุสงฆ์ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มามากต่อมาก อย่างบางคนทำมาหากินไม่ขึ้น บ้างก็ถูกผู้อื่นระแวง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากกรรมที่เราไปตั้งแง่กับพระภิกษุสงฆ์ ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน จึงควรให้ความเคารพในพระสงฆ์ให้มากกว่านี้
<O</O
ยิ่งในสมัยปัจจุบันที่มีสื่ออย่างโทรทัศน์ หากเราเปิดโทรทัศน์ พบการเทศน์ของพระท่าน ควรยกมือไหว้เสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนช่อง เพราะเป็นการให้ความเคารพต่อพระสงฆ์และพระธรรมของพระพุทธเจ้า ใครที่ทำความเคารพก็ย่อมได้อานิสงส์ เช่น เป็นที่เคารพของบุคคลผู้อื่น เป็นที่เมตตาของคนทั้งหลาย แต่หากไม่ทำความเคารพ แถมยังนินทาท่านอีก ย่อมไม่พบกับความเจริญ เกิดอุปสรรคในการทำงาน เพื่อนร่วมงานไม่ให้ความร่วมมือ นี่คือกรรมจากการไม่เคารพพระภิกษุสงฆ์ จึงเป็นอีกสิ่งที่เราควรระมัดระวังสำรวมเอาไว้ให้มาก.
[b-wai] <O</O