:กรรมเป็นสิ่งลี้ลับ:

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 22 เมษายน 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]กรรมเป็นสิ่งลี้ลับ[/FONT][/FONT] <HR noShade>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD>
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ก่อนเที่ยงวันหนึ่ง ที่โรงแรมแห่งหนึ่งอยู่ทางถนนราชดำเนิน เที่ยงวันนั้นเราได้พบพร้อมหน้าตามที่นัดหมายไว้ เมื่อเราได้กินอาหารและได้สนทนาอย่างกันเองเป็นที่สนุกสนาน สิ่งใดที่ทำให้เราสนุกสนานและสบายใจได้ สิ่งนั้นก็เห็นจะได้แก่การคุยกับเพื่อนฝูง มิตรสหายที่ถูกคอถูกนิสัย รู้จักรสนิยมเข้าใจกันดี รู้เรื่องและพูดเรื่องที่เกิดประโยชน์ได้รับความรู้เบิกบาน ทั้งผู้พูดเล่าเรื่องและผู้ฟังแกมขำขัน ทำให้อารมณ์เคร่งเครียดในการงานอย่างจำเจก็ผ่อนคลายลง เรื่องที่คุยกันทั้งมีสาระและไม่เป็นสาระหลายรส บางครั้งก็มีเรื่องทำให้เศร้า ตามปกติเราก็ชอบเรื่องสนุก ทุกครั้งเราได้มาร่วมกินอาหารและคุยกันส่วนมากมักจะเพลิดเพลิน ลืมเวลางานไปชั่วขณะหนึ่ง และมักจะออกจากห้องอาหารเป็นพวกสุดท้าย ที่โต๊ะอาหารนั้น เรามีทั้งผู้ที่เคยร่วมกินอาหารเป็นประจำ และมีบางท่านนาน ๆ จะได้โผล่มาร่วมกินอาหารด้วยสักครั้ง วันนั้นเราได้สนทนากันถึงเรื่องกรรม ความจริงที่เป็นเรื่องเศร้า ที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเราก็ควรรู้ไว้จะได้ไม่หลงลืมตัว พิจารณาถึงเรื่องกรรม เพื่อผู้เคยเป็นนายธนาคารมาแล้วได้กล่าวขึ้นว่า "ผมเล่าเรื่องกรรมเป็นความจริง ผมได้พบมาแล้ว เพราะมันไม่ใช่อื่นไกล ผู้นั้นเป็นเพื่อนที่รักสนิทสนมกับเพื่อนมาก เพราะเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมา หมอนี่เกลียดแมลงสาบเป็นที่สุดในชีวิต เห็นที่ไหนเป็นไม่ได้ต้องไล่ตีทำลายจนตายถึงจะสบายใจ ถ้ามีเวลาก็จะรื้อตามตู้ ตามลิ้นชักโต๊ะ พบเป็นฆ่าดะ คล้ายจะมีความอาฆาตพยาบาทติดในนิสัยสันดาน เป็นศัตรูคู่อริกับพวกแมลงสาบมาแต่อดีตชาติมาก่อน แปลกเหลือเกิน เพื่อนผู้นี้เป็นนักดื่มอย่างคอทองแดง ต่อมาก็ไม่พ้นหลักธรรมชาติ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่สุดก็ได้ป่วยไข้ได้ถึงแก่กรรมลง ในฐานะผู้เป็นเพื่อนที่รักสนิทสนมกันมาก เมื่อรู้ว่าเพื่อนตายก็เสียดายและมีความอาลัยรักอย่างมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย เพื่อได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมได้ช่วยงานเท่าที่ผมจะช่วยได้ การสวดศพจนที่สุดก็บรรจุศพ เพื่อคอยเวลาที่จะทำการฌาปนกิจในเวลาอันสมควร ต่อมาเมื่อใกล้ถึงกำหนดวันที่จะทำการฌาปนกิจศพก็จัดแจงไปเอาซากสังขารที่ใส่ไว้ใสโลง บรรจุไว้ในกุฎิศพซึ่ง โบกซีเมนต์ไว้ ก็ต้องใช้สัปเหร่อและผู้ช่วยกะเทาะปูนซีเมนต์ที่เปิดช่องกุฎิออก และก็ช่วยกันลากและยกโลงศพขึ้นมา ภรรยาของผู้ตายเกิดอยากดูหน้าของสามีครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกเผาไหม้ละลายไปในกองไฟ พวกสัปเหร่อและผู้ช่วยได้จัดการตามประสงค์ของเจ้าภาพ ผู้เป็นภรรยาของผู้ตายช่วยกันงัดฝาหีบศพ เมื่อฝาถูก"เปิดออกแล้ว ทำให้ทุกคนเห็นแล้วตื่นเต้นตกตะลึง ผู้หญิงก็ร้องกรี๊ด ผมเองเห็นแล้วก็งงเหมือนกัน นึกในใจว่านี่มันเป็นไปได้หรือ แทนที่จะเห็นศพแห้งตามสภาพของเลา และเสื้อผ้าที่สวมใส่กลับเห็นแมลงสาบบนับหมื่นนับแสนไต่ซ้อนกันยั้วเยี้ยอยู่ในโลงศพจนมองไม่เห็นร่างของซากศพ เมื่อเปิดฝาโลงออกได้รับแสงสว่างภายนอกพวกแมลงสาบมันก็วิ่งกันชุลมุน บางตัวก็บินออกจากโลง พวกผู้หญิงตกใจกลัวร้องโวยวายเอะอะ ทั้งขยะแขยงสะอิดสะเอียนกลัวพวกแมลงสาบในโลงจะบินมาเกาะหน้าเกาะตา คอยหลับตาเอาผ้าปัดอย่างโกลาหล บางคนที่สะอาดก็กลัวจะติดเชื้อโรค พากันหลบหนีออกให้ห่าง เมื่อพวกแมลงสาบหนีแยกออกไปแล้ว สิ่งที่เห็นในโลงซากศพเหลือเพียงกระดูกเรือนร่างขาวโพลน ไม่มีเสื้อผ้าหรือเนื้อหนังเหลือติดอยู่เลย พวกแมลงสาบคงแทะกินหมด ผมมานึกดูก็ประหลาดมากกว่า ทำไมเจ้าพวกแมลงสาบมันจึงเกิดขึ้นหรือไปอยู่ภายในหีบศพได้ เพราะนอกจากตอกตะปูปิดแน่นแล้ว อากาศก็เข้าไม่ได้ ยังยาด้วยชันไม่ให้มีกลิ่นรอดออกมาได้ ผมก็นึกไม่ออก นี่ก็เห็นจะเป็นกรรมตามสนอง หรือความอัศจรรย์ของกรรม" ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็คิดว่า กรรมเป็นสิ่งลี้ลับ ซึ่งหาเหตุผลไม่ได้ ย่อมจะเกิดขึ้นจากการสร้างบุญหรือบาปเป็นต้นเหตุ และประกอบด้วยอำนาจของจิตคิดผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรเป็นสื่อทำให้เกิดผลกรรม ท่านผู้ตายเป็นผู้มีพลังจิตเกลียดแค้นชิงชัง พยาบาทสูง มีต่อพวกแมลงสาบ จึงได้เกิดผลกรรมโต้ตอบตามสนองดังที่ได้เป็นไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้าเกิดคิดถึงเรื่องแพทย์ผู้หนึ่ง แม้จะเป็นเรื่องนานแล้วก็ดี แต่ก็คิดว่ายังไม่เก่าเกินไปที่จะนำมากล่าวไว้ในที่นี้ เพื่อจะได้มีโอกาสพิจารณาเปรียบเทียบเรื่องกรรม นานมาแล้ว ได้มีท่านผู้หนึ่งมาจากต่างจังหวัด ต้องการพบข้าพเจ้า เมื่อเราได้มีโอกาสสนทนากันแล้ว ท่านผู้นั้นก็ได้เล่าให้ฟังว่า จังหวัดที่ท่านอยู่นั้นมีแพทย์ผู้หนึ่งมีความชำนาญรักษาโรค ชาวบ้านทั่วไปแถบนั้นยกย่องว่าเป็นหมอเทวดา แม้ไข้หนักหมออื่นไม่รับแล้ว หากจะมาหาหมอนี้ถ้าได้รับปากว่า หายก็ไม่มีอะไรวิตก เจ้าของไข้ก็เป็นอันนอนใจเชื่อถือได้ว่าคนไข้ไม่ตายแน่ ฉะนั้น คนไข้และชาวบ้านเชื่อถือมาก หมอคนนี้มีเสียอย่างหนึ่ง คือ ค่ารักษาแพงมาก บางคนหายแล้วก็แทบจะหมดเนื้อหมดตัว ฉะนั้น ชาวบ้านไม่ชอบที่เป็นหมอขูดเลือดไม่ว่าคนมีคนจนหรือพระภิกษุ ไม่ยอมเห็นแก่ใครเป็นอันขาด ขาดความเมตตาเห็นอกเห็นใจ เหตุนี้แม้ความเก่งความสามารถของหมอจะมีผู้ยกย่องสรรเสริญว่าเหมือนหมอเทวดาก็ดี แต่ก็มีไม่น้อยที่สาปแช่งว่า ขูดเลือดขูดเนื้อ แม้คนยากจนไม่มีเงินก็ไม่รักษาให้ คนเจ็บกลัวตายก็ต้องวิ่งกู้หนี้ยืมสิน หรือผู้เพียงมีที่ดินที่นาหรืออะไร ก็ต้องจำนองจองจำมาให้ค่าหมอรักษาแทบจะหมดตัว ต่อมามีภิกษุสูงด้วยสมณศักดิ์อาวุโส เป็นที่เคารพของชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป ท่านได้เกิดป่วยขึ้นมีอาการมากมีคนแนะนำให้ท่านไปหาหมอผู้นี้ ท่านก็บอกว่าอาตมาไม่มีเงินจะให้ค่าหมอ เพราะเขาเป็นหมอเงินหมอทอง ไม่เห็นแก่หน้าใครเลย พวกลูกศิษย์ก็บอกว่า ท่านเป็นพระภิกษุที่ชาวบ้านชาวเมืองนับถือมาก บางทีหมอจะลดหย่อนผ่อนให้ก็ได้ ที่สุดท่านก็อุตส่าห์ตะเกียกตะกายพาสังขารไปหาหมอ คิดว่าถ้าเชิญหมอมากรักษาที่วัดทำให้เสียค่ารักษาก็จะสูงขึ้นมาอีก เมื่อได้ไปพบหมอบอกกับหมอไปตามความเป็นจริงว่า อาตมามีเงินไม่มากนักจะออกปากชาวบ้านก็เกรงใจ อยากจะทราบว่าอาตมาจะเสียเงินค่ารักษาเท่าใด อาตมาจะได้เตรียมไว้ให้ ถ้าขาดไม่มากก็จะขอร้องญาติโยมช่วยออกให้ หมอพูดให้กำลังใจว่า "สำหรับท่านไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไม่ต้องคิดก่อนก็ได้ ผมจะไม่คิดมาก รักษาให้หายดีเสียก่อนค่อยพูดกัน" พระรูปนั้นท่านก็คิดว่า ครั้นจะรบเร้าให้บอกราคาก็เกรงใจ ในเมื่อหมอได้บอกว่าจะไม่คิดมากคิดแพง ก็ต้องตกลงให้รักษาต่อมาท่านก็หายเป็นปกติ ท่านก็เตือนหมอให้เก็บค่ารักษา แล้วไม่ช้าหมอก็ได้ทำบิลให้คำนำมาส่งให้ท่าน เมื่อท่านได้เห็นตัวเลขจำนวนที่ตอ้งจ่ายในบิลแล้วก็ต้องตะลึงงงลมแทบจับ เพราะจำนวนเลข 4 ตัว แต่ตัวหน้าเป็นเลขแก่ ท่านบอกว่าเห็นบิลเท่านั้นเหงื่อท่วมตัว เพราะไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาให้หมอมากมายได้ นึกไม่ออกการที่จะขอลดกับหมอนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะหมอพูดคำเดียว เมื่อหมดทางท่านก็หาของในกุฎิ มีอะไรพอจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินก็จัดการ เก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสะสมไว้ใช้หนี้หมอที่ขาดอีกมากก็จำเป็นต้องอาศัยญาติโยม เพื่อช่วยกันสงเคราะห์ให้ท่านได้ใช้หนี้ พวกลูกศิษย์และผู้ที่เคารพเมื่อรู้เรื่องนี้ก็ได้พยายามไปพูดกับหมอขอความเห็นใจ แต่ทุกคนก็ผิดหวัง เพราะหมอไม่ยอมลดราวาศอก พวกชาวบ้านต่างก็ได้แต่สาปแช่งหมอหน้าเลือดไม่ยกเว้นแม้แต่พระสงฆ์ แล้วพวกชาวบ้านทั่วไปก็ได้ช่วยกันบริจาคคนละมากบ้างน้อยบ้าง แต่ไม่วายพากันสาปแช่งว่า "เมื่อไหร่ไฟนรกจะเผาผลาญหมอหน้าเลือดคนนี้นะ คิดค่ารักษาคนยากคนจนก็หนักอยู่แล้ว แต่นี่มาทำกับพระกับเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป" เมื่อชาวบ้านชาววัดรู้เรื่องถึงไหนก็สาปแช่งถึงนั่น ว่าเป็นคนไม่มีศาสนา เห็นเงินเป็นใหญ่ไม่รู้จักศีลธรรมบุญบาป ที่สุดก็ช่วยกันออกเงินตามมีตามเกิดจนถวายท่านได้ตามจำนวนนั้น มอบจ่ายค่ารักษาให้หมอไป ตามปกติหมอเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน มีสติไม่ประมาทระวังตัวอยู่เสมอ และเป็นคนมัธยัสถ์ เห็นจะเป็นเพราะถึงเวลาของกรรม ทำให้หมอเห็นผิดเป็นชอบ ขาดสติ เกิดความประมาท ก็คือ วันหนึ่งหมอเห็นปี๊บใส่แอลกอฮอล์ซึมรั่ว จึงเอาแอลกอฮอล์ในปี๊บมาถ่ายลงถัง เวลานั้นไม่มีไฟฟ้าใช้จึงต้องใช้แสงสว่างจากเทียนไขส่องอยู่ไกล ๆ จากที่สูงห่าง ๆ เมื่อแอลกอฮอล์ถ่ายจากปี๊บลงสู่ถัง จะเป็นเพราะผลกรรมถึงคราวที่จะตามสนอง ทำให้เทียนไขตั้งไว้บนหิ้งสูงหยดก้นเทียนติดไม่แน่น เกิดตกลงมาจากหิ้งพอดีแอลกอฮอล์เมื่ออยู่ใกล้ไฟ เทียนไขก็ไม่ดับเกิดเป็นเปลวไฟแลบลุกพรึบขึ้น ทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกลามรวดเร็วไวเกินที่หมอจะทันป้องกันหรือหลบหนีได้ ไฟลุกลามเข้าไปในปี๊บ ความอัดและความกดดันของแก๊ซแอลกอฮอล์ทำให้เกิดระเบิดขึ้น แอลกอฮอล์ก็กระจายไปท่วมตัวหมอแล้วไฟก็ติดขึ้นทันที เสียงระเบิดได้ทำให้ผู้คนญาติพี่น้องตกใจ ภรรยาวิ่งมาเห็นไฟกำลังลุกท่วมหมอกำลังทุรนทุราย ไม่สามารถจะช่วยตัวเองได้ ภรรยาเห็นตกใจแทบสิ้นสติ ไม่ช้าชาวบ้านใกล้เรือนเคียงวิ่งมาช่วยกันดับ และหมอก็ล้มพับกลิ้งลงไปนอนกับบนพื้นห้องแถวนั้น ร้องครวญครางด้วยพิษไฟปวดแสบปวดร้อน ญาติเห็นอาการไม่ดีหนักมากเพราะเนื้อรอบนอกสุก หมอต้องทนทุกข์ทรมานมาก จึงได้รับจัดส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ความทุรนทุรายด้วยพิษร้อนของไฟเผาผลาญร่างกายนั้น เป็นเรื่องที่เจ็บปวดเจ็บแสบเหลือที่จะทรมานต่อไปได้ หมอถึงแก่กรรมลงในโรงพยาบาลกรุงเทพฯ ชาวบ้านชาวเมืองเคยด่าเคยแช่งหมอมาก่อน แต่พอรู้ว่าหมอถูกเผาทั้งเป็น และได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วต่างก็พากันเสียใจเศร้าสลด เสียดายที่ต้องเสียหมอที่เก่งในทางรักษาคนไข้ที่ยกย่องเป็นเทวดา ที่ได้เคยรักษาคนจวนตายให้รอดชีวิตมาได้ไม่น้อย ความโกรธแค้นของทุกคนหายไปสิ้น มีความรักความอาลัยเสียดายที่หมอดี ๆ ในทางรักษาต้องตายจากไป แม้จะเป็นผู้ที่ขูดเลือดขูดเนื้อบ้าง คนก็อยากให้หมอมีชีวิตอยู่เพื่อความอุ่นใจ ก็ยังดีกว่าไม่มีหมออยู่เลย ทุกคนเมื่อรู้ข่าวก็ไม่เว้นที่จะสงสารและอาลัยครั้งใดที่มีคนป่วยหนักญาติพี่น้องก็จะพากันบ่นคิดถึงหมอเทวดา แต่สิ่งเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปเป็นอดีตแล้ว จะไม่กลับมาเป็นปัจจุบันอีกเหลือไว้แต่ความหลังที่ในจังหวัดเคยมีหมอเทวดา ที่สามารถรักษาคนที่จวนจะตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ บัดนี้ได้ผ่านไปแล้ว และไม่ช้าก็จะค่อย ๆ ลืม ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่ว คงเหลือไว้แต่ "กรรม" ซึ่งเป็นสิ่งลี้ลับไม่สามารถจะมองเห็นได้ คอยติดตามสนองแก่ผู้สร้างกรรมดีหรือกรรมชั่วต่อไป[/FONT]​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา : vithi.com
     
  2. dany

    dany สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +17

แชร์หน้านี้

Loading...