ศีล ทาน ภาวนา อย่างไหนมีอนิสงส์มากกว่ากัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 30 กันยายน 2004.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,017
    ผู้ถาม "แล้วศีลกับทานอย่างไหนมีอนิสงส์มากกว่าคะ...?"

    หลวงพ่อ "อ้าวมันคนละคนนี่หนู ต่างคนต่างแก่ ต่างคนต่างกล้า ทานเขาก็ให้ผลไปอย่างหนึ่ง ศีลก็ให้ผลมีกำลังอย่างหนึ่ง แต่ว่าทั้งสองอย่างต้องรวมกันนะ ถ้าแยกตัวกันเมื่อไหร่ก็พังเมื่อนั้นแหละ เรามีแี่ทานอย่างเดียวแต่บกพร่องทั้งในศีล ๕ ข้อหรือข้อใดข้อหนึ่ง เราก็ตกนรก ต้องพ้นจากนรกมาก่อนแล้วจึงจะรวย ถ้าเรามีแต่ศีลอย่างเดียวไม่มีทานเกิดชาติหน้าอายุยืน หน้าตาสวย แต่อดตาย เอาสิเอาอย่างไหนหละ เอาไงดี....?"

    ผู้ถาม "คือได้ยินมาว่า ศีลสำคัญกว่าทาน ก็เลยสงสัยเลยถามหลวงพ่อ...."

    หลวงพ่อ "เอาหละ ปล่อยให้เขาเดินโทง ๆ อดไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหละ"

    ผู้ถาม "หมายความว่า ต้องทำคู่กันไปใช่ไหมค่ะ...?"

    หลวงพ่อ "ต้องทำคู่กันไปหนู หนูไม่มีข้าวกินมาที่นี่ได้ไหม....?"
    ร่างกายดี รูปร่างหน้าตาสวย เพราะศีลข้อที่ ๑
    รักษาศีลข้อที่ ๒ ได้ ทรัพย์สินไม่เสียหายเพราะไฟ เพราะน้ำ เพราะโจร
    รักษาศีลข้อที่ ๓ ได้ คนที่อยู่ในปกครองว่าง่ายสอนง่าย พวกที่มีลูกดื้อหลานดื้อ เพราะพลาดศีลข้อที่ ๓
    ถ้ารักษาศีลข้อที่ ๔ ได้ เป็นผู้มีวาจาไพเราะ พูดแล้วคนอื่นชอบฟัง
    ถ้ารักษาศีลข้อที่ ๕ ได้ไม่เป็นโรคประสาท ไม่เป็นโรคบ้า
    แต่ว่าอด ไม่มีข้าวจะกิน ไหวไหม ....? ดี ๕ อย่าง แต่ไม่มีอาหารที่จะกิน ไม่มีผ้าจะนุ่ง ดีหรือไม่ดี...?

    ผู้ถาม "ไม่ดีค่ะ"

    หลวงพ่อ "ฉันว่าดีนะ ไม่ต้องหนักตัว ไม่ต้องซักผ้า ทรงชุดวันเกิด สบายดี"

    ผู้ถาม (ยิ้ม)

    หลวงพ่อ "มันตองคู่กันหนู จะว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากันมันก็ไม่ควร ทาน ศีล ภาวนา เป็นบุญกิริยาวัตถุ และพระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่เข้าถึงเป็นบุญกุศลก็คือ
    ๑. การให้ทาน
    ๒.การรักษาศีล
    ๓.เจริญภาวนา ภาวนานี่หมายถึง สมถภาวนาหรือวิปัสนา คือใช้ปัญญาคิดอยู่

    ทาน นั้นเป็นปัจจัยตัดโลภะ ความโลภ เป็นก้าวหนึ่งที่จะถึงนิพพาน
    ศีล เป็นเหตุตัดโทสะ ความโกรธ เป็นก้าวที่สองที่จะทำให้ถึงนิพพาน
    ภาวนา เป็นตัวตัดกิเลสสำคัญ ทั้งใหญ่และเล็ก เป็นปัจจัยให้กิเลสหมดไปจริง เข้าถึงนิพพานแน่นอน

    แล้วทั้งสามอย่างนี่ จะถืออะไรสำคัญกว่ากันไม่ได้เลย ต้องถือว่าสำคัญเท่ากัน ถ้าเราขาดอย่างใดอย่างหนึ่งเราจะถึงนิพพานไม่ได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อาหารการบริโภคมีความสำคัญในการครองชีพ ร่างกายเราจะทรงตัวได้เพราะศีล ถ้ารเรามีแต่อาหาร แต่ไม่มีร่างกายก็ไม่มีประโยชน์ ใช่ไหม เรามีร่างกายดี มีอาหารดี แต่ไร้ปัญญาก็เป็นเยื่อของคนฉลาด เพราะตัววิปัสสนาญาณและตัวภาวนาเป็นตัวทำให้เกิดปัญญา
    รวมความว่า ๑.เรามีอาหาร ๒.เรามีร่างกาย ๓.เรามีปัญญา ทั้งสามอย่างนี้ต้องประกอบกัน หนูจะเลือกเอาอย่างไหนโดยเฉพาะหละ? เอาแต่ปัญญาดี ไม่มีร่างกาย ไม่มีปัญญาดีไหม ? เอา ๓ อย่างเลยสบาย ๆ ใช่ไหม "

    (ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๑๘ หน้า ๖๖-๖๘)
     
  2. เณรน้อย

    เณรน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +27
    ไม่มี ศีล ก็เหมือน ขึ้น บันได แต่ ไม่มีฐาน นะ
    ศีล ไม่ มั่นคง จะปีน ขึ้นไปสูงๆ ก็ตกลง มา อยุ่ดีอ่า ฉนั้น ต้องให้ ฐาน
    แน่น ไว้เป็นดีหนา อิอิ
     
  3. casy99

    casy99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +449
    อย่ายึดติด

    ทำไม? เมื่อถามกันเรื่องทำบุ_ ทำทาน ทุกคนต่างก็หวังกันแต่เพียงว่าทำอะไร? ได้บุ_มากที่สุด น่าจะคิดสักนิดว่าพระพุทธองค์สอนอะไร? สอนสิ่งไหนและเพื่ออะไรมากกว่า ทำบุ_หวังสวรรค์ คงไปได้ยาก
     
  4. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ย่อๆเลยละกัน

    บุน = ทาน ศีล ภาวนา

    มรรคผล นิพพาน = ศีล สมาธิ ปันยา


    สังเกตได้ว่า "ศีล" นี่สำคันมาก ขาดไม่ได้
     
  5. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ทุกอย่าง รวมตัวที่ ภาวนา

    ทานศีล ครบ แล้ว ภาวนาต่อ

    ภาวนา สิ เพราะเกิดปันยา เข้าไกล้ นิพพานมากที่สุด ถ้าทำถูกนะ
     
  6. โมฆบุรุษ

    โมฆบุรุษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +6,023
    บุญจากการเจริญภาวนาหรือสมาธิมีอานิสงส์สูงสุดครับ
    แต่ทาน ศีล ภาวนาสำคัญเท่ากันครับ
     
  7. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    โมธนาสาธุครับ
    ขาดอะไรไม่ได้สักกะอย่างครับ สำคัญทุกอย่าง
     
  8. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    Palm want to return
     
  9. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    ทานเป็นสิ่งที่ทำได้งานที่สุดด้วยทรัพย์ที่เราหามาได้ค่ะ
    แต่ว่าถ้าเป็นศีล เรากระทำได้ด้วยตัวเราเอง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั่นเอง
    ภาวนาก็ต้องกระทำเหมือนกันโดยการนั่งสมาธิด้วยคือการเจริญภาวนา
     
  10. witt

    witt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +551
    ศีล เป็นเครื่องยึดให้เราทำความดี
    ทาน เป็นการชำระเบื้องนอก คือ ให้รู้จักการเสียสละ ประโยชน์ตัวให้แก่ผู้อื่น
    ภาวนา คือ การชำระเบื้องใน คือ การชำระจิตใจให้สะอาด ปราศจากมลทิล

    ทั้ง 3 เป็นสิางที่ต้องใช้ควบคู่กันจะขาดสิ่งไดไปไม่ได้ เหมือนเวลากินข้าง ต้องมีน้ำ มีกับข้าว มีถ้วย จานช้อนส้อม
    เครื่องเคียง แต่จะใช้อะไรมาก อะไรน้อยตามที่พิจรณากันเอง
     
  11. ดาวประกาย

    ดาวประกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +216
    ตามความเห็น เราว่า ทานเป็นปัจจัยเบื้องต้นที่ทำง่ายที่สุด เมื่อเราทำทาน
    เท่ากับละความโลภ เป็นการสร้างความเมตตา กรุณาขึ้นในจิตใจ เป็นบันไดขั้นแรก
    เมื่อจิตใจได้รับการปูพื้นฐานดีแล้ว เราจะเกิดศรัทธา ในการชำระจิตใจให้สะอาดขึ้นไปอีกขั้น
    คือ รักษาศีล เมื่อศีลบริสุทธิ์ บริบูรณ์ จิตใจจะถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น เพื่อการภาวนาที่เต็มไปด้วย ความเมตตา กรุณา และดวงจิตบริสุทธิ์ที่เราผ่านการฝึกฝนมาจากเบื้องต้น

    หากข้ามขั้น ก็กระทำได้ แต่มักระท่อนกระท่อน เช่น จู่ๆ อยากภาวนาเลย
    ก็ทำได้ แต่คงเปรียบไม่ได้กับการกระทำตามขั้นต่างๆ ที่กล่าวมา เพราะเรา
    ยังไม่ได้ลดละ กิเลสให้เบาบาง ยังติดยึดกับสภาพอารมณ์อยู่เยอะ จิตมักไม่ค่อยสงบ

    หรือ หากไม่เคยทำทาน การรักษาศีล ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะต้องควบคุม
    กาย วาจา ใจ หากไม่ตัดความโลภ(อยากมี อยากได้) ด้วยการรู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน
    ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยทางจิตคือ ความเมตตา กรุณา (อยากให้ผู้อื่นเป็นสุข อยากให้ผู้อื่น
    พ้นทุกข์) ศีลก็คงกระท่อนกระแท่น ปฏิบัติได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางทีก็ไม่ได้เลย
    สาเหตุเพราะตัวจิต ยังไม่อยู่ในสภาวะ และปัจจัยแห่งความพร้อมนั่นเอง

    หากแต่น่าจะมีอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับสภาพจิตใจให้พร้อมเร็วขึ้น คือการหัด แผ่เมตตา
    เริ่มจากแผ่ให้ตัวเอง บิดามารดาและผู้มีพระคุณ ที่เรารัก นับถือ ต่อๆไป ก็หัดแผ่ให้คนที่เรา
    ไม่ชอบ หรือศัตรู หรือใครก็ตามที่เราไม่ถูกชะตา หรือเขาไม่ถูกชะตาเรา ทำไปเรื่อยๆจนสามารถแผ่ให้แบบไม่จำกัด เป็นอัปปมาน ทุกดวงจิต ดวงวิญญาณ จิตของเราจะค่อยๆ
    คลายความยึดมั่น ถือมั่นลง
     
  12. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ทาน - การให้
    ศีล - อยู่ในกรอบแห่งความดี
    ภาวนา - ใช้ปัญญาทะลุสิ่งต่างๆ

    ********* เป็นปัจจัยแต่ละอย่างที่ขาดไม่ได้.... แบบหลวงพ่อว่าดีแล้ว .... เด้ออ
     
  13. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ในกระทู้แสดงความคิดเห็นใดๆ
    เมื่อมีผู้อัญเชิญคำสอนของพระอริยะหรือพุทธพจน์เข้ามา
    เราก็พึงสลายตัวกันเถอะ
    ด้วยความหวังดีจริงๆนะเนี่ย
     

แชร์หน้านี้

Loading...