มาอีกแล้ววววว...พี่น้อง!! พระสมเด็จฯ กรุวัดพระแก้ว :-)

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย kontee2449, 23 พฤษภาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kontee2449

    kontee2449 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +62
    [​IMG] [​IMG]

    หนังสือ 2 เล่มนี้ ผุ้แต่งใช้นามปากกาว่า "อุบาสก"
    และมีการกล่าวถึง คุณปู่ (อ.ประถม อาจสาคร) อยู่หลายครา
    และพระเครื่องบางองค์ คุณปู่ก็เป็นผู้มอบให้ผู้แต่งหนังสือ นำภาพถ่ายมาลง
    ไว้เป็นกรณีศึกษา


    สาเหตุที่ผมโพสกระทู้นี้ ก็เพราะ โชคดีได้รู้จักผู้ที่ครอบครองพระฯ กรุวัดพระแก้ว
    ไว้หลายองค์ และบางองค์ก็ดันไปตรงกับพระที่ลงในหนังสือ 2 เล่มนี้โดยบังเอิญ


    ท้าวความนิดนึงก่อน...
    พระฯที่นำมาลงคราวนี้ ผู้เป็นเจ้าของเล่าว่า
    "ประมาณปี 2527-2528 ช่วงบูรณะวัดพระแก้ ว(ถ้าจำปีคลาดเคลื่อน โปรดอภัยด้วยครับ เพราะพระนี้ไม่ใช่ของผม
    แต่เจ้าของ อนุญาติให้ผมนำออกมาโชว์ครับ/โดยผ่านคนกลางอีกทอดหนึ่ง รายละเอียดข้อมูลอาจตกหล่นไปบ้าง)
    ...สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงโปรดเกล้าให้นำพระวังหน้าส่วนหนึ่ง ออกมาให้
    ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญในการนี้ ตอนนั้น...ทำบุญ 1,000 - 3,000 บาท แล้วจะมอบพระ 1 องค์..."

    ...เชิญทัศนากันได้เลยครับ

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

     
  2. kontee2449

    kontee2449 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +62
    ขออ้างอิงจากหนังสือเล่มนี้นิดนึงครับ...

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    งานนี้ No Comment ครับ
    "ดูแต่ตา...มืออย่าต้อง...ของจะเสีย"
     
  3. kontee2449

    kontee2449 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +62
    วัดชนะสงคราม เดิมชื่อ “วัดกลางนา”สร้าง มาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากรัชกาลที่ ๑ ทรงแต่งตั้งพระราชาคณะฝ่ายรามัญเป็นผู้ดูแล คนทั่วไปจึงเรียกตามภาษามอญว่า “วัดตองปุ”เมื่อ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงกรีฑาทัพกลับพระนคร หลังจากทรงมีชัยในสงคราม ๙ ทัพแล้ว ได้ทรงทำพิธีสรงน้ำ และเปลี่ยนเครื่องทรงตามพระราชพิธีโบราณที่วัดแห่งนี้ ก่อนเสด็จเข้าพระบรมมหาราชวัง ต่อมาจึงทรงโปรดฯ ให้บูรณะพระอารามใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๐ จากนั้นรัชกาลที่ ๑ ได้ทรงพระราชทานนามว่า “วัดชนะสงคราม”<o> </o> วัดชนะสงคราม เป็นชื่ออันเป็นมงคลยิ่ง บางท่านถือเคล็ดในวันปีใหม่ ทั้งของฝรั่งและของไทย หรือ ของจีน ก็จะแวะเวียนเข้าวัดเพื่อไหว้พระ เอาฤกษ์เอาชัย สร้างมงคลอุดมฤกษ์ให้กับตนเอง เพื่อให้มีชัยชนะในการทำมาหากิน ในการสอบแข่งขัน ในการกำหราบปรปักษ์ ฯลฯ<o></o>
    วัดชนะสงคราม เป็นแหล่งกำเนิดพระเครื่องที่ได้ชื่อว่า เป็นของดี ราคาเบา ถึง ๒ ชนิด อันดับแรกได้แก่ พระกรุวังหน้า ที่จะกล่าวถึงในครั้งนี้, อันดับสอง คือ พระผงน้ำมัน พิมพ์พระประจำวันทั้ง ๗ และพิมพ์พระสมเด็จ สร้างเมื่อปี ๒๔๙๓ มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังยุคนั้นร่วมปลุกเสกเป็นพิธีใหญ่<o></o>
    สำหรับ พระกรุวังหน้านั้น เมื่อ ๒๕ ปีก่อน ผู้คนยังรู้จักไม่มากนัก เพื่อนคนหนึ่งเคยเดินเก็บพระนี้อย่างเงียบ ๆ ในสนนราคาเบา ๆ วันหนึ่งเขาเอาออกมาอวด บอกว่าเป็นพระดีมาก นับเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้รู้จักพระกรุนี้ พระส่วนใหญ่เป็นพิมพ์เถาวัลย์เลื้อย ขัดสมาธิราบ ที่หายากจริง ๆ คือ ขัดสมาธิเพชรและ พระปิดตา ตอนนั้นราคาเช่าหาแค่หลักร้อยต้น และไม่ค่อยจะมีคนรู้ว่าเป็นพระอะไร ถ้าขยันเดินตลาดพระท่าพระจันทร์ หรือวัดราชนัดดา ตลอดจนแผงขาจรในงานประกวดพระเครื่อง รับรองว่าต้องได้แน่นอน<o></o>
    ตอน ที่เพื่อนผู้เขียนแนะนำให้รู้จักพระกรุนี้นั้น ผู้เขียนได้รับพระมาส่องด้วยแว่นขยาย เห็นว่าเป็นพระเนื้อละเอียด พิมพ์แม้จะตื้น แต่ก็มีความงดงามปราณีตมาก มีความชอบใจ คะเนว่าจะเป็นฝีมือช่างหลวงค่อนข้างแน่ จึงเกิดความสนใจอยากรู้ลึกมากกว่านั้น จึงเดินทางไปที่วัดชนะสงคราม เพื่อสืบเสาะประวัติ ก็ทราบว่า<o></o>
    พระ กรุวังหน้าแตกกรุออกมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ขณะนั้นพระธรรมทัศนาธร (ทองสุก สุทัสโส) เป็นเจ้าอาวาส ความเป็นมาคือ....วันหนึ่งในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๖ พระธรรมทัศนาธร ได้รับรายงานจากพระเณรและลูกศิษย์วัดว่า มีคนร้ายลักลอบขุดพระเจดีย์องค์เล็ก จึงได้ให้พระครูพิสิษฐ์วิหารการ (ศิริ อัตตาราโม) ไปตรวจดู พบว่าพระเจดีย์ถูกขุดทำลายไปจนถึงคอระฆัง คนร้ายขนเอาพระทองและเงินในกรุไป ทิ้งไว้แต่พระวัดตะไกรหน้าครุฑ พระหลวงพ่อโต บางกระทิง พระโคนสมอ พระชัย (พระงั่ง) และพระเนื้อชินอีกจำนวนหนึ่งเอาไว้<o></o>
    เมื่อ สำรวจดูพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่อยู่ใกล้กัน ก็ไม่พบว่ามีการขุดเจาะทำลาย แต่ทว่าเจดีย์องค์ใหญ่นี้มีสภาพผุพัง ยอดพระเจดีย์หัก จึงรายงานให้พระธรรมทัศนาธรทราบ ท่านไตร่ตรองแล้ว จึงได้ให้พระเณรช่วยกันเปิดกรุพระออก เพราะว่า ถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้ พวกมิจฉาชีพต้องมาลักลอบขุดแน่นอน ท่านได้แจ้งไปยังสถานีตำรวจท้องที่ ให้ส่งตำรวจคอยคุ้มครองขณะเปิดกรุ<o></o>
    เมื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงวัดแล้ว การเปิดพระเจดีย์ก็เริ่มขึ้น พบพระพิมพ์บรรจุอยู่กลางพระเจดีย์มากมายหลายพิมพ์ เมื่อทำการขนออกมา ก็นับจำนวนได้ ๘ ปี๊บ พร้อมทั้งลานทองจารึก แต่สภาพอักขระเลือนลาง อ่านไม่ได้ความชัดเจน จึงได้ขอไปยังกรมศิลปากร ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมพิสูจน์กำหนดอายุ<o></o>
    เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ ฯ แจ้งว่า เป็นพระพิมพ์ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ โดยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นผู้สร้างบรรจุเอาไว้<o></o>
    พระกรุวังหน้า มีขนาดราวปลายนิ้วก้อยผู้ใหญ่ มี ๑๑ พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์กลางคะแนน พิมพ์ปิดตา พิมพ์กลางมีประภามณฑล พิมพ์ขัดสมาธิเพชร พิมพ์กลางเครือเถา พิมพ์กลางหูบายศรี พิมพ์กลางฐานขีด พิมพ์เล็กหลังยันต์นะ พระที่พบส่วนใหญ่เป็นพิมพ์สมาธิราบ แต่พิมพ์ที่หายากที่สุด คือ พิมพ์ปิดตา และ พิมพ์ขัดสมาธิเพชร<o></o>
    ลักษณะเป็นพระเนื้อดินที่มีความละเอียดมาก ไม่มีกรวดทราย มีสองสี คือ สีแดงอมน้ำตาล เป็นเนื้อดินเผา กับ สีดำ ซึ่งเป็นพระเนื้อดินดิบผสมผงใบลาน พระบางองค์ลงรักปิดทองมาแต่ในกรุ<o></o>
    นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์พิเศษ เป็นพระเนื้อดินเผาลอยองค์นั่งขัดสมาธิ ฐานผ้าทิพย์ ลงรักปิดทองมาแต่ในกรุทุกองค์ ขนาดไม่ใหญ่มากสามารถนำมาห้อยคอได้พองาม มี ๒ พิมพ์คือ พิมพ์เศียรโล้น และ พิมพ์เศียรแหลม ที่วงการเรียกว่า “สมเด็จพระบัณฑูร” ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก ปัจจุบันหายากมาก ไม่ค่อยได้พบเห็นกันทั่วไป<o></o>
    ต่อ มาทางวัดนำพระที่พบในกรุพระเจดีย์ใหญ่ ออกมาให้ประชาชนเช่าบูชาที่คณะ ๖ เพื่อนำรายได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ปรากฎว่ามีผู้แห่ไปเช่าบูชาจากวัดเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๕ มีพระเหลือจำนวน ๒๐๐ องค์เศษ พอสิ้นปี พ.ศ.๒๕๑๕ พระกรุวังหน้าก็หมดไปจากวัด...

    ***มีต่อครับสนใจ...ไปตามนี้ สำนักโหรพลูโต แล้วสังเกตุชื่อคนที่เข้าไปฝากข้อความด้านซ้ายมือไว้ให้ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  4. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    สุดยอดครับ เห็นพี่ zen machine เค้าบ่นอยากได้ ครบทุกสีสำหรับห้อยทั้งเจ็ดวันครับ

    เเพงไหมครับพี่
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...