สะสมบุญบารมีมากพอแล้วจะได้รับอานิสงส์ผลบุญนั้นๆ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 23 เมษายน 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    ดิฉันเคยบวชชีโกนผมมาแล้วครึ่งปี ในครั้งนั้นนับว่าเป็นบุญของดิฉันที่เริ่มหันหน้าเข้าวัด ซาบซึ้งในพระพุทธศาสนา ได้เรียนทางธรรมถึงขั้นได้สอบนักธรรมเอก พอสึกออกมาก็เริ่มลืมวัดข้อปฏิบัติ คือบวชวัดอโศการาม ที่สมุทรปราการ เป็นวัดธรรมยุต มีการสอนนั่งกรรมฐาน พอมีครอบครัวเริ่มมีกิจการของตัวเอง ก็เริ่มเหนื่อย สมาธิก็ไม่นั่ง งานการก็เริ่มติดขัดเปิดกิจการทำเสื้อส่งห้างใบหยก ทำอยู่ ๗ ปี มีหนี้สิน ๑ ล้านบาท ใช้หนี้ได้ ๓ ปี แล้วก็เลิกกิจการ

    ในเดือน ก.ค. พ.ศ.๒๕๔๐ ดิฉันไปกราบหลวงตาจันทา ถาวโร ที่วัดป่าเขาน้อย ตอนขากลับตกลงแวะวัดอัมพวัน และเพราะได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนชื่อ ธนกร คูหาทัศนดีกุล คนนี้ต้องจารึกชื่อเลย เพราะเป็นผู้พูดและพูดกับดิฉันบ่อยมากในเรื่องของหลวงพ่อจรัญ ทุกคนในรถวันนั้นจึงอยากชมบารมี หลวงพ่อ และเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ดิฉันเดินไปเดินมาอยู่ในวัดตั้งนานไม่รู้จะไปไหน เลยเดินไปชมพระอุโบสถ สายตาของดิฉันก็เหลือบไปเห็น ผู้ปฏิบัติธรรมสวมชุดขาวเต็มศาลาภาวนากรศรีทิพพา แต่ทำไมทุกคนถึงเงียบกริบ ทุกอย่างเรียบร้อยสวยงาม เพื่อดิฉันซึ่งเคยเป็นคนที่อาศัยวัดมาก่อน ถึงกับอุทานว่า หลวงพ่อต้องมีบุญบารมีไม่อย่างนั้นวัดไม่สะอาด เงียบ มีระเบียบ ทันใดนั้นดิฉันเห็นหลวงพ่อมา และเห็นทุกคนทำความเคารพ ดิฉันแน่ใจว่าต้องเป็นหลวงพ่อจรัญแน่ ดิฉันนั่งฟังหลวงพ่อพูดได้ ๕ นาที ก็ต้องสะดุ้งในคำพูดที่ว่า "ถ้าใครไม่มีบุญ ไม่ได้มาบวชวัดนี้" ดิฉันตอบเพื่อนทันทีว่า อยากมีบุญจะต้องมาวัดนี้ให้ได้ ในปลายเดือน สิงหาคม ๒๕๔๐ ดิฉันเข้ารับกรรมฐานเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญได้ ๗ วัน มีเพื่อนมาด้วย ๕ คน

    ครั้งแรกในการปฏิบัตินั้น ไม่ได้เรื่องเท่าไรเพราะกรรมฐานเก่าที่ให้ภาวนา "พุทโธ" ตีกันในใจกับ "พองหนอ ยุบหนอ" เพราะพูดสลับกันจนหมด ๗ วัน วันกลับมาลาหลวงพ่อ ในบรรดาเพื่อนๆ ๕ คน หลวงพ่อชี้มาที่ดิฉัน แล้วพูดว่า "มาวัดอีกน่ะ" …"เจ้าค่ะ" ดิฉันรับปากทั้งๆ ที่ใจยังไม่หายเมื่อยเลย วันที่ ๓๑ ส.ค. ๒๕๔๐ เพื่อนชื่อพนมพร จารุกนก เป็นคนเหมารถพาดิฉันมาวัด เพราะดิฉันปวดศีรษะมาก เป็นเรื่องบังเอิญ ดิฉันพบหลวงพ่อที่บริเวณข้างทาง ริมศาลาภาวนากรศรีทิพพา ดิฉันนั่งลงกับพื้นกราบเรียนหลวงพ่อเรื่องปวดศีรษะ หลวงพ่อบอกว่าเอาศีรษะมาใกล้ๆ จะเป่าให้ พอหลวงพ่อเป่าเสร็จแล้วพูดว่า "กรรมเยอะต้องมาวัดอีกนะ"….."เจ้าค่ะ" ดิฉันรับคำ อีก ๓ เดือนต่อมาดิฉันก็ได้มาวัดอีก ๗ วันในเดือน พ.ย. ๔๐ ในครั้งที่สองนั่งได้เกือบชั่วโมง แล้วชอบลืมตาคือทนไม่ได้ พอวันพระหลวงพ่อลงเทศน์ว่า ใครก็ตามถ้าอดทนไม่ได้ ก็ใช้ไม่ได้ จะตายให้มันตาย พูดไว้ชั่วโมงต้องทำให้ได้ วันรุ่งขึ้นดิฉันนั่งได้เกือบชั่วโมงแล้ว และรู้สึกปวดจนตัวสั่น รู้แต่ว่าต้องสู้เอาจิตปักตรงที่ปวด เราต้องแก้ใขแล้วน่ะ ปวดหนออยู่ ๕ เที่ยว ก็ถอนจิตพูดพองหนอ ยุบหนอต่อ เป็นเหน็บอีกแล้ว ต้องช่วยตัวเองอีกที เอาจิตปักตรงเท้าที่ปวดหนอ ๕ ครั้ง แล้วทำพองยุบต่อไป สู้จนกริ่งช่วย ดิฉันบอกตัวเองทันทีว่าเราชนะแล้ว ๑ ชั่วโมง ทุกๆท่านที่อ่านถึงตรงนี้ ถ้าใครทำกรรมฐานถึงชั่วโมงแล้วผ่านตรงนี้ได้ ถือว่าด่านแรกผ่าน ไม่ใช่ตะโกนในใจว่า หลวงพ่อช่วยด้วยๆ ดิฉันเคยได้ยินหลวงพ่อเทศน์ มาเรียกให้หลวงพ่อช่วย จะช่วยได้อย่างไร ตัวเองยังไม่ช่วยตัวเองเลย


    ดิฉันได้กลับมาอีกเป็นครั้งที่สาม..ที่สี่..ที่ห้า พอปลายปี ๒๕๔๑ ดิฉันก็เกิดเรื่อง ถูกโกงเงิน ถูกโกงค่าแชร์ หนี้สินเริ่มมาก ดิฉันต้องเป็นแม่ค้าจำเป็นคือขายโจ๊ก ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ตอนเช้าขายโจ๊กเสร็จ ๑๐ โมงเช้ายกหม้อโจ๊กลงก็ตั้งตู้ขายลาบ น้ำตก ส้มตำ ตอนบ่ายลูกค้าว่างดิฉันก็รับตัดเสื้อ เก็บร้านตอนเย็นเสร็จ ต้องไปประชุมบรรยายให้กับบริษัทขายเครื่องสำอางค์แห่งหนึ่ง ทำงานมาก กรรมฐานก็เริ่มมีปัญหา ทำมั่ง ไม่ทำมั่ง ดิฉันนึกถึงหลวงพ่อ ได้เขียนจดหมายมากราบเรียนหลวงพ่อ ว่าดิฉันขอให้หลวงพ่อแผ่เมตตาให้ด้วย แบกภาระหนี้สินจะไม่ไหวแล้ว หลวงพ่อตอบกลับมาว่า สวดมนต์จิตต้องสงบ สวดให้เป็นสมาธิ แล้วแผ่เมตตาถึงได้ผล เสร็จแล้วให้นั่งกรรมฐานต่ออย่าได้ขาด แล้วหลวงพ่อจะแผ่เมตตาให้ ถ้าโยมนั่งกรรมฐานทุกวันโยมจะได้รับการแผ่เมตตาจากอาตมาทุกวัน เมื่อโยมสะสมบุญบารมีมากพอแล้ว จะได้อานิสงส์ผลบุญนั้นๆ ดิฉันได้แต่น้ำตาไหล เมื่อไหร่หนอบุญนั้นจะเต็ม วันที่ ๒๗ ก.ค. ๒๕๔๒ ดิฉันตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะปฏิบัติกรรมฐานวันละ ๒ ชั่วโมง ตลอดชีวิตของดิฉัน ดิฉันขออธิษฐานจิตว่า ขอให้ข้าพเจ้ารอดพ้นออกจากหนี้สิน เกิดชาติหน้าฉันใดคำว่า "ไม่มี" อย่าได้บังเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าอีกเลย ภพนี้ชาตินี้ข้าพเจ้าขอให้ปฏิบัติธรรมมีดวงตาเห็นธรรมให้จงได้

    จากนั้นทุกวัน ดิฉันจะนั่งกรรมฐาน ๑ ชั่วโมง เดิน ๑ ชั่วโมง ผลที่ได้รับอย่างแรกคือ สามีเปลี่ยนเป็นคนละคน จากไม่เคยช่วยงาน ก็หันมาช่วย เอื้ออาทรต่อกัน ตอนเช้าหลังจากขายโจ๊ก กลับเข้าบ้านล้างชามเสร็จสามีก็ทำกับข้าวไว้ให้ แล้วสามีก็ไปทำงานบริษัทต่อ เงินทองจากการแนะนำของหลวงพ่อก็ ทำให้ขายของดีขึ้น จากการขายครั้งแรกได้วันละร้อยกว่าบาท หลวงพ่อแนะนำให้แผ่เมตตาให้ลูกค้า ลูกหนี้ เจ้าหนี้ ไม่ให้อิจฉาริษยาใคร ถ้าใครจะขายดีกว่าก็ตาม ตอนนี้ขายได้วันละ ๘๐๐-๙๐๐ บาทต่อวัน ดิฉันขายโจ๊กแค่ ๓ ชั่วโมง ได้กำไรวันล่ะ ๓๐๐-๔๐๐ บาทต่อวัน แล้วดิฉันยังมีงานอื่นๆที่คอยอยู่อีก ลูกจากเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็เรียนเก่ง ดิฉันเป็นแม่แบบให้กับลูก ลูกจึงสวดอิติปิโสเกินอายุ ๑ จบทุกวัน และไม่ดื้ออีกด้วย

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตลอดเวลา ๔ เดือนเต็มที่แต่งชุดขาวปฏิบัติธรรมทุกครั้งเพราะหลวงพ่อบอกว่าเป็นมงคลแก่ตัวเอง ดิฉันสามารถเอาหนี้สิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทลงหมดได้เหมือนปาฏิหาริย์ ดิฉันมีโชคลาภโดยบังเอิญ ซึ่งก็ไม่ได้ยึดติดตรงนั้น นักกรรมฐานต้องผ่านตรงจุดนี้ให้ได้รวมถึงตัวดิฉันเองด้วย

    ดิฉันไม่เคยนิ่งดูดาย เพื่อบางคนเดินมาหาบอกมีทุกข์ ดิฉันจะสอนให้สวดมนต์ และได้ผลมีรายหนึ่งจะฆ่าตัวตายพร้อมลูกไม่เคยรู้จักดิฉันมาก่อน มาซื้อโจ๊กที่ร้าน แล้วพูดคุยกันก็รู้ว่าเขามีทุกข์ตกงาน เป็นผู้ดีตกยากถูกสามีโกง สวดมนต์ได้ ๑๐ วันก็ได้งานทำ หน้าตาแจ่มใส พาเพื่อนมาอีกคน แต่คนนี้บุกมาถึงวัดอัมพวัน ไปสมัครปฏิบัติกรรมฐานได้ ๓ วัน ดิฉันบอกบุญกับเพื่อๆ สวดมนต์เข้าวัดประมาณ ๕๐ คน แต่ในจำนวนนี้ มีดิฉันและเพื่อนที่ชื่อ พัชรศรัญ เรือนใจหลัก ที่ทำกรรมฐานต่อเนื่องทุกวัน เขาเป็นเพื่อที่ให้กำลังใจ และเป็นเพื่อนที่ผลักดันให้ดิฉันได้หลุดพ้นจากหนี้สิน เป็นเพื่อที่ดีเสมอมา


    ทุกวันนี้ดิฉันจากที่เคยเป็นคนใจร้อนเป็นกลับเป็นคนใจเย็น ใครด่าก็ไม่เถียง ใครเกลียดก็ทำไม่เห็น ใครมาซื้อโจ๊กไม่ค่อยมีสตางค์ก็ให้กินฟรี สามีบอกว่าให้เป็นทาน เมื่อเรารอดแล้วเราก็ต้องเมตตาคนอื่นต่อ ครั้งล่าสุดไปเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวัน ๗ วัน ไปรายงานเรื่องพ้นทุกข์ทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อให้ดิฉันรับปากว่า ให้ส่งลูกให้ถึงดอกเตอร์ได้ไหม ดิฉันเคยได้ยิน และเชื่อในคำพูดของหลวงพ่อว่าทักใครแล้วต้องเป็นจริง ดิฉันรับปากหลวงพ่อ และหลวงพ่อยังแนะนำให้ดิฉันปฏิบัติกรรมฐานวันละ ๒ ชั่วโมงให้ได้ตลอดทุกวัน และให้พรว่าโยมจะได้เป็นมหาเศรษฐี ดิฉันขอน้อมรับคำหลวงพ่อ และจำปฏิบัติตามสัจจะที่ให้กับหลวงพ่อตลอดชีวิตของดิฉัน


    วรวรรณ พลายงาม
    ๑๒๗๙ ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง
    จังหวัดสมุทรปราการ


    ที่มา...ของหนังสือกฎแห่งกรรม
     
  2. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    หนูอ่านแล้วก็งงๆค่ะ กลายเป็นว่ามาฝึกกรรมฐานเพื่อใช้หนี้หรืออย่างไรคะ งงมาก หรือมาฝึกกรรมฐานเพื่อจะได้เป็นเศรษฐีหรือคะ

    ตามที่หนูเข้าใจ กรรมฐาน (สติปัฏฐาน4) มีไว้เพื่อให้สัตว์โลกหลุดพ้นออกจาก วัฏสงสาร เข้าสู่นิพพาน ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกนี่นา

    ซึ่งผู้ที่จะฝึก กรรมฐาน (สติปัฏฐาน4) จะต้องพิจารณา รูป-นาม ว่าเป็น อนิจจัง+ทุกขัง+อนัตตา จนจิตปล่อยวางทั้งหมด (สุญตา) ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ในทุกๆสิ่งที่มากระทบ อายัตตนะ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

    แต่พออ่านกระทู้นี้ กลับกลายเป็นว่า ไปฝึกกรรมฐานเพื่อใช้หนี้ เพื่อจะได้รวยๆ ถ้ายังติดข้องกับ ทรัพย์สิน เงินทอง อย่าไปฝึกกรรมฐานเลยนะคะ เพราะ กรรมฐานมีไว้เพื่อปล่อยวาง (ปล่อยวาง โลภะ โทสะ โมหะ) เพื่อความหลุดพ้น ไม่ใช่เพื่อ ความรวย (โลภ หรือ โลภะ)

    จิตที่มีพื้นฐาน โลภะ ตายจากโลกนี้ จะไปปฏิสนธิใน "เปรตภูมิ" ค่ะ หนูอยากให้ชาวพุทธเข้าใจวัตถุประสงค์ของ กรรมฐาน ให้ดีก่อนจะปฏิบัติค่ะ

    ถ้าอยากรวยก็ต้องให้ทาน (วัตถุทาน, วิหารทาน)
    แต่ถ้าอยากหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้านิพพาน ก็ต้องฝึก กรรมฐาน (สติปัฏฐาน4)ค่ะ
    ไม่ใช่มาฝึก กรรมฐาน เพื่ออยากรวย มันคนละเรื่องอ่ะค่ะ ชาวพุทธหนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2009
  3. พิศลย์

    พิศลย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    คุณกาละมังครับ ลองอ่านใหม่ดีๆนะ เขาไม่ได้นั่งกรรมฐานอย่างเดียวแล้วรวย
    อ่านใหม่ครับลองดูว่าเขากรรมฐาน สวดมนต์เพื่ออะไรและจากนั้นเขาบำเพ็ญอะไรต่อ แล้วเขาทำยังไงถึงชำระหนี้ได้หมด น้อมจิตลงหาพระสงฆ์องค์เจ้าก่อน แล้วจึงอ่านใหม่ สู้ๆครับ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2009
  4. kongtag

    kongtag สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3

    เห็นด้วยจ๊ะ อ่านโดยรวมแล้ว ไม่ได้หมายความว่าฝึกกรรมฐานเพื่อปลดหนี้จ๊ะ เขาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายอย่างมากเลย รวมทั้งทำความเพียรด้วยนะจ๊ะ(ขยันมากๆด้วย) สู้ต่อไป เพื่อความดีอยู่คู่โลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...