"แพ้อาหาร" ความรู้ทางการแพทย์ และความเชื่อทางพระ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 2 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    [​IMG]



    "แพ้อาหาร" เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอาการได้หลายอย่าง คือ อาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น คันปาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย อาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม คันในจมูก คันคอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หอบ

    อาการทางผิวหนัง เช่น มีผื่นขึ้น อาจเป็นผื่นแผงๆ หรือผื่นแบบลมพิษ คันตามตัว
    คนเราปกติจะรับประทานอาหารหลายอย่าง ดังนั้นเป็นการยากที่จะบอกว่า แพ้อะไร เด็กอายุต่ำกว่า ๖ ขวบ อาจจะแพ้อาหารได้มากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ ไข่ นม และข้าวสาลี เมื่อโตขึ้น อาการแพ้อาจจะดีขึ้น

    สัญญาณเตือนและอาการแพ้อาหาร เช่น ปวดท้อง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ หรืออาเจียน เป็นลม เป็นลมพิษ ผิวหนังบวม หรือผิวหนังอักเสบ ออกผื่น (เอ๊คซีมา) ริมผีปาก ตา ใบหน้า ลิ้น และคอ บวม คัดจมูก และเป็นหืด

    ส่วนการดูแลรักษาตนเอง เช่น หลีกเลี่ยง คือการป้องกันที่ดีที่สุด เลือกกินอาหารชนิดอื่นที่ไม่แพ้ แต่ต้องได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วนเท่ากันด้วย

    ถ้าเคยมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอยาแก้แพ้ไว้ติดตัวยามฉุกเฉิน ติดแผ่นหรือป้ายชื่อบอกไว้ที่ข้อมือ หรือทำเป็นที่ห้อยคอ เพื่อให้คนช่วยเหลือได้ทัน เรียนรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้น และสอนให้เพื่อนและคนอื่นในครอบครัวได้รู้ด้วย

    ผศ.น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ และอิมมูโนวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) บอกว่า อาการที่พบบ่อย จะแสดงอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คัน บวมบริเวณริมฝีปาก บวมในช่องปาก ลำคอ อาจปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย ร่วมด้วย อาจมีอาการทางผิวหนัง เกิดลมพิษ ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ

    บางรายมีอาการจาม น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ในบางรายเป็นโรคหอบหืดอยู่เดิม อาจไปกระตุ้นให้โรคหอบหืดกำเริบได้ คนที่แพ้อาหารจะแสดงอาการออกมาใน ๒-๓ นาที จนถึง ๒-๓ ชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหาร ในบางรายที่แพ้มากๆ เพียงแค่การสัมผัส หรือได้กลิ่นอาหารชนิดที่แพ้ ก็เกิดอาการได้

    คนที่แพ้อาหาร เมื่อสอบถามจะพบว่า มีบิดาหรือมารดาเป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ เด็กหรือคนทั่วๆ ไปมีโอกาสแพ้อาหารมากกว่าเด็ก หรือคนในกลุ่มเดียวกันถึง ๒-๔ เท่า

    ในเด็กที่แพ้อาหาร ส่วนหนึ่งพบว่าแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสรต่างๆ ด้วย ในผู้ใหญ่ที่แพ้อาหาร ส่วนหนึ่งพบว่ามีอาการของโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจด้วย
    ทั้งนี้ การช็อกจากการแพ้อาหารพบได้บ้าง อาจมีอันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาการแพ้จะเกิดขึ้นรุนแรงและรวดเร็ว โดยมีอาการคัน ลมพิษ บวมที่หน้า ปาก แน่นในลำคอ หายใจไม่ออก ความดันโลหิตลดต่ำลง หมดความรู้สึก และถึงแก่ชีวิตได้ อาการแพ้อาหารในผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันไป



    แพ้อาหารเพราะกรรม

    พระอาจารยเกษมสุข เขมสุโข พระวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ และพระนักแต่งเพลงเทศน์เพลง ได้อธิบายไว้ว่า การทำบุญและทำบาป มีผลมากน้อยตามลำดับดังนี้
    ๑.ทำกับพระพุทธเจ้า ๒.พระปัจเจกพุทธเจ้า ๓. พระอรหันต์ ๔.พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีมาก ๕.พระอนาคามี ๖.พระสกิทาคามี ๗.พระโสดาบัน ๘.พระทรงอภิญญา ๙.พระทรงฌาน ๑๐.พระศีลบริสุทธิ์ และ ๑๑.พระธรรมดาทั่วไปมีย่อหย่อนบ้าง

    ขณะเดียวกัน หากทำบาปกับท่าน ก็ได้บาปมากเช่นกัน กล่าวคือ การทำบุญกับท่านไปแล้ว ต่อมาเสียดาย หรือทวงคืนทางใจภายหลัง "รู้งี้ไม่ทำบุญก็ดีแล้ว" หรือ "ไม่น่าทำบุญเลยเสียดาย" ผลของบาป คือ จะแพ้ทุกอย่างกินไม่ได้ ใช้ไม่ได้เลย


    [​IMG]


    ทั้งนี้พระอาจารย์เกษมสุข ได้ยกเรื่องในพระไตรปิฎก และอรรถกถาเล่ม ๕๙ หน้า ๑๖๑ อรรถกถามัยหกสกุณชาดก มาอธิบายให้ฟังว่า พระพุทธเจ้าประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหารในพระนครสาวัตถี ทรงตอบข้อสงสัยของพระราชา พระเจ้าปเสนทิโกศล สงสัยว่า อาคันตุกะเศรษฐีทำบุญอะไรมาในอดีตชาติ จึงร่ำรวยมหาศาลกว่าใครในแผ่นดิน อาคันตุกะมหาเศรษฐีตาย โดยไม่มีทายาทสืบสกุลตามกฎหมายทรัพย์สมบัติของเขาต้องตกเป็นของหลวงทั้งหมด พระราชาต้องใช้ทหารเป็นกองทัพขนทรัพย์สมบัติของอาคันตุกะมหาเศรษฐี ขน ๗ วันเต็มจึงหมด
    ทำบาปอะไร? จึงใช้ทรัพย์สมบัติของตนไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ของใช้ เสื้อผ้าที่นุ่งห่ม บ้านเรือนที่อาศัย ยานพาหนะ
    เขามีอาหารมากมาย เป็นของดีเลิศรสทั้งในเมือง และของดีเลิศต่างเมือง แต่อาคันตุกะเศรษฐีกินไม่ได้เลย กินได้แต่ปลายข้าวกับน้ำผักกาดดอง เท่านั้น

    ผ้าเนื้อดีเยี่ยม ทั้งในเมืองและผ้าเนื้อดีต่างเมือง เขามีมากมายมหาศาล แต่เอามานุ่งห่มไม่ได้เลย ต้องนุ่งห่มผ้าดิบเนื้อหยาบแข็งกระด้าง เพราะมีอาการแพ้เป็นผื่นไม่สบายกาย
    คฤหาสน์ใหญ่โต ตามประสามหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในเมือง ก็อยู่ไม่ได้ ต้องไปอยู่กระท่อมเล็กๆ มุงด้วยใบไม้ ถ้าอยู่ดีกว่านี้ จะไม่สบายตัว ปัจจุบันเรียกว่า อาการแพ้
    พาหนะอย่างหรู ราคาแพง ประดับด้วยอัญมณีผสมทองคำก็นั่งไม่ได้ มีอาการแพ้...มีฉัตรทองคำ สวยงามอย่างดีก็แพ้ ใช้ไม่ได้

    พระพุทธองค์ทรงเล่าอดีตชาติของอาคันตุกะมหาเศรษฐีว่า เขาทำทั้งบุญและบาปรวมกัน คือ ๑.ทำเหตุให้ได้บุญมาก จึงเกิดมาร่ำรวยมาก ๒.ทำบาปทำให้ไม่สามารถกินใช้ชีวิตอยู่อาศัยในทรัพย์สมบัติของตน ๓.ทำบาปเป็นเหตุให้ไม่มีบุตรสืบสกุล หรือรับทรัพย์มรดกของตน
    อาคันตุกะเศรษฐีได้ทำบุญและทำบาปกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ยังมีผลมากมายเพียงนี้...ถ้าได้ทำบุญและทำบาปกับพระพุทธเจ้าจะได้รับผลมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

    ส่วนคนที่แพ้อาหารบางอย่าง เช่น แพ้อาหารทะเล หรือแพ้กุ้ง แพ้ไข่ เป็นเพราะเคยใส่บาตร หรือ ทำบุญอาหารชนิดนั้น กับพระผู้มีบารมี มีฌานสมบัติ มีศีลบริสุทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อมาเสียดาย ทวงคืนทางใจ หรือน้อยใจที่พระท่านไม่ฉัน จึงต่อว่าในใจ "รู้งี้ไม่ทำบุญดีกว่า ไม่ยอมฉันของเรา ไปฉันของคนอื่น" องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ตรัสตอบข้อสงสัยของพระราชาว่า "ขอถวายพระพร มหาบพิตรอาคันตุกะเศรษฐีได้ทำเหตุไว้ คือทำเหตุให้ได้ทรัพย์ ๑ และทำเหตุให้ไม่สามารถจะใช้ทรัพย์นั้นอีก ๑ เหตุที่มีทรัพย์สมบัติมาก เพราะได้ถวายอาหารแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ที่ไม่อาจใช้ทรัพย์ของตนได้ เพราะเมื่อถวายไปแล้ว นึกเสียดายในภายหลัง"
    ไตรเทพ ไกรงู


    คมชัดลึก
     

แชร์หน้านี้

Loading...