สร้างทุกข์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 31 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    เรื่องนี้ถึงเหตุการณ์จะเกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์อันหนึ่งสำหรับอนุชนรุ่นหลัง ในทางที่จะช่วยยับยั้งจิตใจของผู้ที่กำลังประสบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับเรื่องนี้ มิให้ต้องตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ ดังที่ข้าพเจ้าได้พบและบรรยายต่อไปนี้

    ณ วันหนึ่งก่อนสงครามโลกครั้งที่แล้ว ข้าพเจ้าได้บัตรเชิญไปทานอาหารในงานมงคลสมรสของบ่าวสาว ซึ่งได้จัดให้มีขึ้น ณ ภัตตาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ครั้นถึงวันกำหนดในตอนเช้า ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะออกจากบ้านไปทำงาน ข้าพเจ้าก็ตั้งใจไว้ว่า วันนี้ต้องจัดเอาของขวัญชิ้นหนึ่ง เพื่อไปในงานสมรสที่ได้รับเชิญในคืนนี้

    แต่ยังไม่ทันที่จะออกจากบ้าน เจ้าบ่าวกับพวกอื่นๆ ก็มาหาที่บ้านขอร้องให้ไปงานสมรสคืนนี้ให้ได้ เพราะเขานับถือข้าพเจ้าเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เขามากำชับเตือนเพราะกลัวว่าจะลืม ข้าพเจ้าก็รับปากว่าคืนนี้ต้องไปแน่เพราะคุ้นเคยสนิทสนมกับบิดาของเขาดีและแม่เจ้าบ่าวก็นับถือเรียกข้าพเจ้าว่าอา

    เย็นวันนั้น ข้าพเจ้าก็ตรงไปภัตตาคารตามเวลาที่แจ้งไว้ในบัตรเชิญ เมื่อขึ้นไปชั้นบนที่เขาจัดเลี้ยงอาหารก็เห็นผู้คนมาในงานมากมาย ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าภาพและถูกเชิญไปนั่งโต๊ะมุมหนึ่ง ซึ่งมีผู้ใหญ่นั่งอยู่หลายท่านจึงร่วมวงสนทนากัน

    ข้าพเจ้าสังเกตดูรู้สึกว่าการจัดงานคราวนี้เป็นงานที่มโหฬารใหญ่โต โต๊ะอาหารพร้อมด้วยสุราต่างประเทศอย่างดี จัดตั้งเรียงรายไว้สำหรับบรรดาแขกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีดนตรีและเครื่องขยายเสียง นักร้องหญิงชายมีชื่อเสียงออกมาครวญเพลงด้วยเสียงอันไพเราะ และมีพวกหนุ่มๆ สมัครออกมาร้องเพลงทั้งไทยและเทศตามที่ถนัด

    บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน รื่นเริงน่าเพลิดเพลินสำหรับชีวิตหนุ่มสาวยิ่งนัก ข้าพเจ้านึกชมอยู่ในใจว่าเจ้าภาพฝ่ายเจ้าบ่าว ช่างจัดงานได้หรูหราถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่ฐานะก็ไม่ได้มั่งมีมากมายอะไรเลย ฐานะของเจ้าสาวก็มีสภาพเช่นเดียวกัน หลังอาหารมีการให้ศีลให้พรคู่บ่าวสาว และเจ้าภาพก็ได้แสดงความขอบคุณแขกที่มาในงาน เมื่อสมควรแก่เวลาแล้วข้าพเจ้าก็ลากลับ จากระยะเวลานั้นไม่นานนักข้าพเจ้าก็ลืมงานสมรสอันหรูหรานั้นสิ้น

    นับจากคืนวันนั้นเป็นเวลา ๑ ปีกว่า ข้าพเจ้าได้ไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าไป ก็เห็นชายผู้หนึ่งกำลังรับประทานอาหารอยู่กับเพื่อนหลายคน ชายผู้นั้นคือเจ้าบ่าวที่ข้าพเจ้าไปในงานสมรสของเขาเมื่อปีที่แล้วนั้นเอง รู้สึกว่าเขาดีใจมากที่เห็นข้าพเจ้า รีบขึ้นจากโต๊ะตรงเข้ามาหา และเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าไปร่วมโต๊ะกับเขา แต่ข้าพเจ้าบอกว่าข้าพเจ้ามากับเพื่อนหลายคน พลางชี้ไปที่เพื่อนๆ ที่เดินนำหน้าไปก่อน และถือโอกาสถามเขาว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...