อาการนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการสั่น เกิดจากอะไรครับ

ผมนั่งสมาธิ ที่บ้านอาการปกติ แต่พอมานั่งที่ทำงานตอนเช้าที่ห้องพระที่ทำงาน แล้วนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการสั่น ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรครับทุกทีไม่เคยสั่น (ผมยังไม่เคยรับขันธ์)

 

เป็นปีติ 1ใน5อย่างครับ
ให้เราจับ สิ่งที่เราจับต่อไป
เดี้ยวก็ผ่านไปเองครับ

 

สำหรับผม เวลานั่งสมาธิได้สักพักจะมีอาการกระตุก ที่เป็นหลายครั้งจะเป็นที่ขาครับ ตอนแรกนึกว่าเป็นอาการทางกายจากการนั่งนานๆ แต่สังเกตภายหลังจะเป็นทุกครั้งครับ

 

ที่แน่ๆ ตอนนี้คุณรับขันธ์แล้วครับ.....รับมาตั่งแต่เกิดแล้ว....คือขันธ์ 5 ครับ......ไอ่ถ้าจะไปรับมาเพิ่มนี่ผมไม่แนะนำนะครับ ทั้งขันธ์ 5 เพิ่มมา(ถ้าหลีกเลี่ยงได้) และไอ่พวกขันธ์เทพต่างๆ....<O</O
<O</O

อาการของคุณคือ ปิติ 1 ใน 5 ครับ คือ ปิติ ขนลุกแล้วมันเลยสั่น(แบบคล้ายๆหนาวอ่ะ) <O</O
ผมจะยกบทความที่หลวงพ่อกล่าวไว้ ใน วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตัวเองแบบง่ายๆ นะครับ

<TABLE width="45%" align=center border=1><TBODY><TR><TD>อาการและอารมณ์ของอุปจารสมาธิ​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

อาการของอุปจารสมาธิคือ ปีติได้แก่อารมณ์ความอิ่มใจเมื่อทำมาถึงตอนนี้อารมณ์
จะชุ่มชื่นมาก อารมณ์สะอาดเยือกเย็น มีความเป็นสุขอย่างยอดเยี่ยม ไม่เคยพบความสุข
อย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตอนนี้เวลาภาวนาลมหายใจจะเบากว่าปกติมาก อารมณ์เป็นสุข
ร่างกายของนักปฏิบัติที่เข้าถึงระดับนี้ ผิวหนังจะนวลขึ้นเพราะอารมณ์ที่มีความสุขแต่อาการ
ทางร่างกายนี่สิที่ทำให้นักปฏิบัติตกใจกันมากนั่นก็คือ
๑. อาการขนลุกซู่ซ่า เมื่อเกิดอาการอย่างนี้หรืออย่างอื่นที่กล่าวถึงต่อไปจะมีอารมณ์
ใจเป็นสุข ขอให้ทุกท่านปล่อยอาการอย่างนั้นไปตามสภาพของร่างกาย จงอย่าสนใจ เมื่อสมาธิ
สูงขึ้น หรือลดตัวลงต่ำกว่านั้น อาการอย่างนั้นก็จะหมดไปเอง อาการขนลุกพองถ้ามีขึ้นพึงควร
ภูมิใจว่า เราเข้าถึงอาการของปีติระดับหนึ่งแล้ว อย่ากังวลอาการของร่างกาย
๒. อาการของปีติขั้นที่ ๒ ได้แก่อาการน้ำตาไหล
๓. อาการของปีติขั้นที่ ๓ คือร่างกายโยกโคลง โยกไปข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้าง
บางคราวโยกแรง จนศีรษะใกล้ถึงพื้น
๔. อาการของปีติขั้นที่ ๔ ตามตำราท่านว่าตัวลอยขึ้นบนอากาศ แต่ผลของการปฏิบัติ
ไม่แน่นัก บางรายก็เต้นเหมือนปลุกตัว บางรายก็ตัวลอยขึ้นบนอากาศ เมื่อลอยไปแล้ว ถ้าสมาธิ
คลายตัวก็กลับมาที่เดิมเอง (อย่าตกใจ)
๕. อาการของปีติขั้นที่ ๕ คือ มีอาการแผ่ซ่านในร่างกายซู่ซ่าเหมือนมีลมไหลออก
ในที่สุดเหมือนตัวใหญ่และสูงขึ้น หน้าใหญ่แล้วมีอาการเหมือนลมไหลออกจากกาย ในที่สุด
ก็มีความรู้สึกว่าตัวหายไปเหลือแต่ท่อนหัว
อาการทั้งหมดนี้ เมื่อเกิดขึ้นอารมณ์ใจจะมีความสุข ฉะนั้น นักปฏิบัติให้ถืออารมณ์ใจ
เป็นสำคัญ อย่าตกใจในอาการตามที่กล่าวมาแล้วนั้น พอสมาธิสูงถึงระดับฌานก็จะสลายตัว
ไปเอง ปีตินี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วอารมณ์จะเป็นสุข คือถึงระดับที่สี่ ที่จะเข้าถึงปฐมฌาน ต่อไปก็
เป็นปฐมฌานเพราะอยู่ชิดกัน​

สามารถเข้าศึกษาได้เพิ่มเติมที่ http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=150 เลยนะครับ​

<O</O

 

อนุโมทนา สาธุ ขอบคุณค่ะ กับบทความที่นำมาเสริม

 

ลองเข้าไปดูลิงค์นี้นะครับ เป็นกระทู้เก่าของผมเอง ที่โพสถามเกี่ยวกับอาการสั่นเวลานั่งสมาธิ มีคำแนะนำจากเพื่อนสมาชิกหลายคนครับ ลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ

http://palungjit.org/showthread.php?t=158261

ขอให้เกษมจากโยคะครับ

 

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ ผมเคยเจอแต่อาการ ขนลุก แต่เมื่อเช้าออกอาการสั่น เลยไม่ทันได้ฉุกคิดเลยออกสมาธิก่อนกำหนด คราวนี้ผมคงได้รับความรู้แล้ว พอที่จะทำอย่างไรกับอาการเหล่านี้

 

ไม่ต้องตกใจ จะส้นก็สั่นไป ควบคุมให้ดี เป็นอาการของปิติค่ะ อนุโมทนา

 

ผมนั่งไป12ชัวโมงโดยไม่รู้ตัวรองใช้วิธีหาอะไรเป็นจุดกำเนิดจิตสิคับใจจะ
สงบผมใช้เพลงเบากับน้ำให้ไหลรดตัวกำหนดว่าจิตเป็นดังสายน้ำจิตจะสงบแต่ไม่รู้ผมอยู่ขั้นไหน

 

ขอถามนิดนึงครับ ผมนั่งสมาธิเป็นบ้างแต่ไม่ค่อยนาน พอสงบสัก 20-30นาทีก็เลิก แต่ปกติตอนนอนชอบภวานาว่าพุทโธจนหลับไป วันนี้รู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นรู้ตัวทุกอย่างเลยภวานาพุทโธในใจนึกถึงพระ แล้วใจก็นึกว่าอยากออกไปเที่ยวก็รู้สึกว่าตัวสั่นมากๆ แล้วก็พยายามจะลุกออกไปแต่ลุกยากนิดนึง แต่พอท่อนบนลุกมานั่งได้ครึ่งนึงก็เปลี่ยนใจเพราะกลัว ไม่แน่ใจว่าถ้าลุกไปแล้วกลับไม่ได้จะแย่ ก็เลยนอนลงเหมือนเดิม แต่ตอนที่จะค่อยๆนอนทับลงบนร่างเนี่ยรู้สึกทับลงไปยากมาก สั่นแรงและเจ็บตามลำตัว แล้วจึงค่อยๆสนิท พอสนิทเลยรีบตื่น ขอความเห็นด้วยครับมันคืออาการอย่างไร ขอบคุณครับ

 

ผมจะเล่าของผมให้ฟังครับ
ครั้ง แรกที่ผมได้ทำสมาธิ ผมเริ่มหายใจไม่ออก เพราะพยายามกำหนดลมหายใจ
พอหลังๆได้สมาธิดีขึ้นก็ไม่ได้ บังคับ แล้ว พอตอนนั้นแหละครับ
จับลมไปเรื่อยๆ จนเผลอไป ก็จะรู้สึกตัวอีกครั้ง นั่นคือการที่เราเข้าสมาธิอีกขั้นครับ
นีคือครั้งแรกที่พบ ต่อมาก็เห็นลมหายใจตัวเอง เป็นขาวๆไหลตามท่อลมหายใจ
ครั้งที่3 ก็จะเห็นภาพตัวเองตั้งแต่ปัจจุบัน จนถึง อดีตยันอยู่ในท้องแม่เลยครับ แต่ไม่เห็นชาติก่อน
ครั้งที่ 4ก็ รู้สึกอาการหมุนไปทั้งตัว
ครั้งที่5 รู้สึกว่าจิตหลุดไปจากกาย
ครั้งนี้ผมอยู่นานมากครับ ตอนนี้ ผมมีอาการเหมือนผีอำ ยังไม่ไปไหนเลยครับ
พยายามจับลมไปเรื่อยๆอยู่ครับ เล่าเป็นอุธาหรณ์ นะครับ เผื่อใครคล้ายหรือสงสัย มิได้อวดอุตรินะครับ เล่าเฉพาะในห้องนี้เท่านั้นครับ

 

กำหนด ความรู้ศึก หายใจเข้า เกสา โลมา ณขา ทันตา ตะโจ หายใจออก ตะโจ ทันตา ณขา โลมา เกสา กับไปกับมา ได้สมาธิเร็วมากเลยครับ ไปอ่านหนังสือ เรื่องความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า ผมก็เลยลองทำดู เข้าบอก เรื่องญาณ 1-4 ว่า อาการเป็นยังไง ตอนผมนั่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ พอญาณ 2 ตัวจะสั่น ก่อนขึ้นญาณ 3 ญาณ 4 จะ ไม่พบลมหายใจ เพราะสมาธิ เริ่มละเอียดแล้ว หูก็จะไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่กลัวตอนญาณ 2 จะขึ้น 3 รู้สึกว่า ตัวจะลอยขึ้น ในหนังสือ บอกให้เร่งคำภาวนา ช่วงนี้ เพราะจะได้ ปิติที่ชื่อว่า อุเพงคาปิติ ปิติอันนี้เป็นกำลัง ให้ถึงญาณ 4 แต่ตอนนี้ยัง กลัวอยู่ครับ สงสัยจะไม่ได้ถือศีลห้า จิตเลยไม่มั่นคง คนที่เขียนหนังสือนี้เข้าบอกว่าถ้านั่งทุกวันประมาณ เดือนครึ่ง ก็ถอดจิตไปไหนมาไหนได้ ผมเคยนั่งสามวัน กว่าๆ รู้สึกว่าตัวลอยขึ้น อย่างที่เข้าว่าจริงๆ แต่ยังไม่พร้อมครับ ดำเนินชีวิตไปตามวัน เดินสายกลาง ค่อยๆฝึก ในหนังสือเข้ายังบอกวิธี ออกจากสมาธิด้วย ไม่งั้นจะติดญาณ ตัวอย่างถ้าเราอยู่ที่ ญาณ 2 -3 -4 ต้องค่อยๆถอนสมาธิลงมาครับ ห้ามลืมตา ออกจากสมาธิ ต้องค่อยๆปรับอารมณ์ลงมาเหมือนตอนเริ่มนั่ง ที่ต้องค่อยๆปรับอารมณ์ ขึ้นไป ไม่งั้น ติดญาณแล้ว จะไม่ค่อยพูดจากับใคร เบลอๆนิดๆไม่หิวข้าวชอบเก็บตัวเงียบๆ ง่วงนอน ซึมๆ ถ้าอาการหนัก ก็บ้าได้ ถ้าเรายังต้องออกจากสมาธิมาทำงานอยู่ ขอแนะนำนะครับให้ไปหาครูบาอาจารญ์ ช่วยสอน จะได้เข้าใจว่าควรจะเริ่มนั่งสมาธิ อย่างไง ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนะครับ ก็ ศึกษาเองบ้าง อ่านจาก www.palungjit.org บ้าง ที่web เข้าก็จะบอกตั้งแต่ ว่าเราจะฝึก แบบ ไหนชอบแบบไหน พระอรหันต์ สี่ อย่าง เริ่มต้นลอง ไปอ่านดูนะครับ อย่าลืมหัวใจพระพุทธศาสนานะครับ
ทำความดี คืดคิดดี ทำดี พูดดี ละเว้นความชั่ว เริ่มจากศีลห้า ถ้าชั่วอยู่อีกก็เพิ่ม ศีล แปด ถ้าพร้อมแล้วก็ ศีล 227 ข้อเลยครับ ทำจิตใจให้ผ่องใส ก็คือ การนั่งสมาธิ พอทำทั้งสามอย่างนี้ดีแล้ว เราก็จะพบความสุขที่แท้จริง พอเราพบความสุขที่แท้จริงแล้ว เราก็แบ่งความสุขให้ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง สังคม ที่ต้องทำ เพิ่ม อีกก็คือ ทำบุญทำทาน ให้มากๆ เพราะตายไป ก็มีความดี นี้แหละที่จะเอาไปได้ สาธุ ขอให้มีดวงตาเห็นธรรม ทุกๆคนนะครับ ส่วนตัวผมตอนนี้ ศีล ยัง ไม่เคร่งมาก นั่งสมาธิ ให้จิตใจแจ่มใสบ้าง ต้องหาครูบาอาจารญ์ หลวงปู่ หลวงพ่อ ช่วยสอน เวลา มีปัญหาไม่เข้าใจตอนนั่งสมาธิจะได้ถามผู้รู้ อย่าลืมนะครับหัวใจ พระพุทธศาสนา ถ้าจำไม่ผิด ภาษาบาลี ว่า โอวาทปาติโมก ไม่รู้ว่าเขียนถูกไหม แปลเป็นไทย ก็คือ อย่างที่บอกไปครับ คิดดี ทำดี พูดดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส สงบพบสุข แล้วก็ให้ทำบุญทำทาน สร้างบุญบารมี จะได้สุขไม่ต้องทุกข์อีก