การกราบไหว้บูชาพระ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย suthapm, 6 มกราคม 2006.

  1. suthapm

    suthapm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +14
    การกราบไหว้บูชาพระ
    เมื่อท่านจะบูชาพระพุทธรูป โดยมีดอกไม้ ธูปเทียน หรือจะไปพบพระโดยมี ดอกไม้ ธูป เทียน ก็เช่นเดียวกันให้ยกดอกไม้ ธูป เทียน นั้นพนมขึ้น "นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัม พุทธัสสะ" 3 ครั้ง แล้วกล่าว "พุทธังบูชามิ ธัมมังบูชามิ สังฆังบูชามิ" แล้วนำดอกไม้ ธูป เทียน บูชาพระพุทธรูปหรือถวายพระ กราบ 3 ครั้ง (ให้บูชาด้วยจิต)
    ถ้าไม่มีดอกไม้ ธูป เทียน ให้กล่าวคำเหล่านี้ต่อท้ายว่า "ลูกขอถวายสักการะบูชาพระองค์ด้วย กาย วาจา ใจ ของลูกนี้" กราบ 3 ครั้ง(กล่าวด้วยจิต)
    การใช้กรรมและการสร้างบารมีนั้นต้องมีจิตมั่นคง มีศิลบริสุทธิ์ ย่อมจะทำเหตุ 2 ประการนี้สัมฤทธิ์ผลได้แน่ ก่อนอื่นต้องเชื่อพระพุทธเจ้าว่า เทพ เทวดา มีจริง ไม่สงสัย มีความเพียรด้วยจิตอันบริสุทธิ์เพื่อใช้หนี้กรรม แม้ชีวิตของตนเองก็ยอมเพื่อหมดกรรม ถึงการสร้างบารมีก็เช่นเดียวกัน ต้องมีเมตตาจิตแผ่กุศลบารมีที่สร้าง ใส่บาตรก็ดี สวดมนต์ก็ดี สร้างกุศลใด ๆ ด้วยปัจจัย 4 ก็ดี แผ่กุศลบารมีนั้น ๆ ให้ทุกเวไนยสัตว์(ด้วยจิต)การใช้หนี้กรรมนั้น ส่วนมากจะใช้หนี้กรรมด้วยวิธีทำบุญกรวดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวร หรือมิฉะนั้นก็ถวายสังฆทาน การกระทำเช่นนั้นขอให้พิจารณาดู เป็นการหยุดความชั่วขณะ เหมือนการกู้เงินธนาคารไม่ส่งต้น ส่งแต่ดอกเบี้ย เพราะทำแต่ละครั้งหยุดไม่นาน โดยคิดว่าได้กระทำใช้หนี้กรรมแล้ว กรรมจะหมดได้ก็ต้องใช้กรรมเบื้องต้น (ด้วยจิต) เหมือนกับการส่งเงินต้นคืนธนาคารโดยผ่อนส่งเรื่อยไปจนกว่าจะหมดหนี้ ก่อนจะใส่บาตร ก่อนจะสวดมนต์ ก่อนจะสร้างกุศลใดก็ตาม ให้ตั้งจิตให้มั่นคง เชิญเจ้ากรรรมนายเวรมารับการชดใช้หนี้กรรมและอโหสิกรรม ความบริสุทธิ์นี้จะช่วยลดกรรมได้ด้วย ตั้งจิต ขอให้โยมทั้งหลายพิสูจน์ด้วยตนเองเถิด
    การกราบไหว้เพื่อขอสิ่งที่ตนเองอยากได้บนบาน กราบไหว้ เทพ เทวดา เจ้าที่เจ้าทางทุกที่ทุกทางให้ตนได้สมปรารถนา ขอให้มีเมตตาตนนั้น จะถวายสิ่งนั้น สิ่งนี้ ตามที่ตนคิดจะให้เมื่อสิ่งที่ต้องการได้ผลแล้ว ถ้าไม่ได้ผลก็อด ไม่ถวาย นี่แหละความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ขาดความเมตตา แม้แต่เทพ เทวดาที่รักษาตนอยู่ก็ลืม ไม่นึกถึง แล้วจะไปขอจากที่อื่น ใครจะให้แก่เรา ในเมื่อเกิดมามีกรรมเป็นของตน ก็คิดว่าไม่เคยสร้างกรรมในชาติปัจจุบัน กรรมเก่าฉันไม่รู้ สร้างกุศลก็ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความเจริญ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีลาภ ยศฐาบรรดาศักดิ์จงมีแก่ข้าพเจ้าเถิด พิจารณาดูเกิดมนุษย์เห็นแก่ตัวไหม ไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า ให้ประพฤติปฏิบัติ ให้ใช้หนี้กรรม และสร้างบารมีในโลกนี้ สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเพื่อใช้กรรม มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จะเกิดมาจากเปรต อสูรกาย เดียรฉาน เทวดา ก็ผลแห่งกรรมทั้งสิ้น อีกอย่างหนึ่งซึ่งมนุษย์อยากรู้ว่าตนมีสถานที่ก่อนเกิดมาจากไหน อาตมาให้ดูที่ตนเองนั่นแหละ มีความต้องการจะทำบุญใส่บาตร สร้างกุศลให้ตนเองและให้ผู้อื่นมีสุขนั่นแหละเกิดจากเทวดา แม้มีแต่ความคิดจะ สวดมนต์ ไหว้พระ ก็ยังมีความละอายกลัวว่าผู้อื่นจะหาว่างมงาย เหล่านี้อยู่ที่กรรมของผู้นั้น อาตมาเห็นจะพูดเรื่อยเปื่อยตามใจตนเองมากเกินไปแล้ว ขอวกเข้ามานำญาติโยมผู้ที่หวังผลในการใช้กรรม และสร้างบารมี ในขณะเดียวกันคือ ใช้กรรมก่อน สร้างบารมีทีหลัง ตามขั้นตอนที่อาตมาจะแนะนำให้ "ทุกอย่างสำเร็จด้วยจิต" พระพุทธเจ้าสอนไว้ก่อนจะเมตตาผู้อื่นต้องเมตตาตนเองก่อน ถึงจะเมตตาช่วยผู้อื่น
    การปฏิบัติ
    ประการแรก ต้องมั่นคงในความกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด สามารถรับกรรมและตายแทนได้
    ประการที่สอง ต้องมีเมตตาต่อเทพ เทวาที่รักษาตน และเมตตาต่อเทพเทวา เจ้าที่เจ้าทางที่เราอาศัยสถานที่อยู่ (ทุกสถานที่มีเทพเทวาเจ้าที่เจ้าทางรักษา)
    ประการที่สาม เมตตาตัวเองในการที่จะใช้กรรมของตนเองด้วยความพร้อม (เชิญเจ้ากรรมนายเวรรับใช้หนี้)
    ประการที่สี่ ขออัญเชิญบารมี พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นเกราะแก้วคุ้มภัย เป็นแสงสว่างให้เห็นทางแห่งปัญญา ใช้หนี้กรรมและสร้างบารมี (ลืมบารมีพระพุทธเจ้า จะทำอะไรสำเร็จได้อย่างไร)
    ประการที่ห้า สร้างกุศลใด เช่น ใส่บาตร สวดมนต์ แล้วแผ่กุศลสร้างบารมี ส่งให้ทุกเวไนยสัตว์ได้รับ (ทุกเวไนยสัตว์รวมถึง สัตว์เล็กสัตว์น้อย ญาติพี่น้อง อินทร์ พรหม ยม ยักษ์) ต้องใช้จิตเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องออกเสียงด้วย "ทุกเวไนยสัตว์จงรับกุศลจากข้าพเจ้า"
     

แชร์หน้านี้

Loading...