เจาะลึกละครผี สาปภูษา ตระการตา"ผ้าไหม"โบราณ

​

เจองานหินเมื่อได้รับมอบหมายให้กำกับละคร "สาปภูษา" ทางช่อง 3 ที่นำแสดงโดย "ธัญญ่า"ธัญญาเรศ เองตระกูล, "เอ๊ะ"อิศริยา สายสนั่น, "น้ำผึ้ง"ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์, "อ๋อม"สกาวใจ พูลสวัสดิ์, "ชาย" ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ, "อั๋น"วิทยา วสุไกรไพศาล ฯลฯ สำหรับผู้กำกับฯฝีมือดี "หมี"โชติรัตน์ รักเริ่มวงศ์ โดยเขาเล่าถึงการทำงานให้ฟังว่า

"ละครสาปภูษา เป็นพีเรียด 3 สมัย รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และปัจจุบัน เราต้องรีเสิร์ชข้อมูลให้ถูกต้องและสมจริง อย่างข้อมูลสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคนั้นมีภาพถ่าย เราก็เอาภาพถ่ายเหล่านั้นมาเป็นแบบในการตัดชุด อย่างชุด ฝ่ายชายมีหลายชุด มีชุด ทำงานราชการ, ชุดตำรวจหลวง, ชุดเข้าเฝ้าฯเสด็จ, ชุดแต่งงาน ส่วนชุดผู้หญิงก็จะมี ชุดอยู่บ้าน, ชุดเข้าเฝ้าฯ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นสไบและผ้าแถบ"

"ส่วนยุครัชกาลที่ 6 การแต่งกายเริ่มเป็นสากล จะอิงตามยุคสมัย ยิ่งรัชกาลที่ 7 ก็เป็นสากลนุ่งกาง เกงกันแล้ว ส่วนผู้หญิงมีไว้ทรงผมใหม่และมีใส่หมวก แต่เนื้อเรื่องจะไปหนักที่รัชกาลที่ 5 ส่วนช่วงรัชกาลที่ 6-7 มันเหมือนตัวเจ้าสีเกด(ธัญญาเรศ)เป็นวิญญาณตามมาแก้แค้น"

​

และเพราะเป็นละครผี แน่นอนย่อมมีสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ "อย่างฉากผีออกอาละวาดจะเกิดลมพายุเราต้องใช้พัดลมเหมือนพัดลมคอปเตอร์มา หมุน เพื่อให้ต้นไม้ไหว พอเริ่มมีฉากวิญญาณออกอาละวาดจะเหนื่อยทุกฉากเลย หรือฉากวิญญาณเข้าสิงบางครั้งต้องถ่ายทำสองครั้งแล้วเอามาแมตช์กัน"

แต่สำหรับฉากที่ยาก ทำเอาผู้กำกับฯหนักใจ นั่นคือฉากหัวใจของเรื่อง เป็นฉากที่เจ้าสีเกดสาปแช่งลงในผ้าตาดทองที่เธอปัก

"ตรงนี้ต้องได้อารมณ์เศร้า ความดุดัน และความแค้น พอปักเสร็จก็ผูกคอตาย ฉากนี้ถ่ายตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง ที่ถ่ายทำนานเพราะอยากให้ทุกอย่างสวยงาม ทั้งมุมกล้องและอารมณ์ อยากให้คนดูเชื่อถึงความเจ็บปวด มันมีเหตุผลของความผูกพยาบาท ทำให้คนดูเข้าใจและสงสาร ผมชอบฉากนี้มากมันสื่ออารมณ์หลายๆ อย่าง ทั้งรัก เสียใจ และแค้น และตรงคอนเซ็ปต์เรื่อง คือ สาปภูษา ที่มาของคำสาป"

​

"นอกจากนี้ยังมีฉากหินคือ ฉากแต่งงานของชายกับน้ำผึ้ง ซึ่งจะแต่งหลายยุคมาก โดยมีฉากนึงที่วิญญาณเจ้าสีเกดตามมาขัดขวาง แล้วลากน้ำผึ้งไปที่บึง ผลักตกน้ำในสระบัวและจับกดน้ำให้ตาย ฉากนี้เราหาบึงได้ที่พุทธมณฑลสาย 7 แต่ไม่มีบัว ก็ขอเจ้าของปลูก ถ่ายเสร็จก็ต้องรื้อถอนอีกเพราะเจ้าของไม่อยากได้บัวในบึงนั้น ช่วงถ่ายทำให้ตัวน้ำผึ้งลอยก็ต้องเอาโฟมรองหลังน้ำผึ้งแล้วเอาสะลิงดึง สะลิงก็ต้องดึงใต้น้ำ แล้วธัญญ่าเป็นผีก็ต้องอยู่ในน้ำคอยกด ตอนนั้นถ่ายหน้าหนาวด้วยน้ำเย็นมาก"

ถามว่าละครต้องการนำเสนออะไร คำตอบคือ "แกนเรื่องเป็นความรักและความแค้น แสดงให้เห็นว่าความอาฆาตแค้นไม่เกิดผลดีกับใคร แม้กระทั่งตัววิญญาณเจ้า สีเกดก็มีแต่ความทุกข์ จนสุดท้ายมีคนมาคลายปมว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"

​

ทำ ละครมาหลายต่อหลายเรื่อง แต่ "สาปภูษา" ถือเป็นละครผีเรื่องแรก ที่เขากำกับฯ "เรื่องนี้ถือเป็นละครผีเรื่องแรกของผม ไม่เคยทำละครผี ซึ่งผมกลัวผี แต่มา กำกับฯเรื่องนี้ก็ต้องตัดความกลัวออกไป แต่เราก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ก่อนหน้าที่จะถ่ายแต่ละสถานที่ ผู้จัดจะให้ทีมงานตั้งเครื่องไหว้ทุกครั้ง ทำให้การทำงานราบรื่นครับ"

ตรงนี้แหละสำคัญ ถ้าไม่เชื่อแต่ก็อย่าลบหลู่



"สาปภูษา" เป็นนวนิยายผีที่ผู้จัด "หน่อง" อรุโณชา ภาณุพันธุ์ เลือกมาทำให้ มีชีวิตโลดแล่นเป็นละคร ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ทางช่อง 3 หลังข่าว ซึ่งเธอว่า

"เรื่องนี้เป็นผีแบบเต็มๆ จะตามตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน โดยเอาผ้าเป็นสื่อกลาง คนไทยสมัยก่อนมีฝีมือในการปักผ้าไทย เราเลยอยากนำเสนอการปักผ้าสไบที่เป็นตัวสื่อของเจ้าสีเกด(ธัญญาเรศ)ที่ปัก ผ้าสไบนี้ และแค้นที่หม่อมเจ้าทัต (ชาตโยดม) เอาผ้าผืนนั้นไปให้คนรักใหม่ในงานแต่ง เลยฝังความแค้นไว้ในผ้าด้วยการหยดเลือดลงไปตอนปักและสาปเอาไว้ว่าจะตามล้าง แค้นทุกชาติ"

​

ผู้จัดสาวยอมรับว่า ละคร "สาปภูษา" ถือเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะต้องทำเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในเวลาเดียวกัน ทั้งปัจจุบันและอดีต

"เหตุการณ์ในอดีตจะมีวังต่างๆ และผ้าต่างๆ ที่ต้องหามาเยอะมาก โดยเฉพาะ "ผ้าตาดทอง" ต้องปักขึ้นมา 2 ผืน เพื่อทำลายผืนนึง เรื่องนี้ทุ่มเสื้อผ้าเป็นอย่างมากต้องพิถีพิถันทำใหม่หมด โชว์ความสวยงามของผ้า เราจะสอดแทรกความรู้ในเรื่องผ้าให้คนดูได้รู้ด้วย และพอดีเราเองก็มีผ้าไหมผืนหนึ่งที่ทอด้วยเส้นทอง ก็เลยเอามาเข้าฉากด้วย" พูดจบ เจ๊หน่องก็อวดผ้าไหมลายสวยที่พูดถึง

​

"อดีต-ปัจจุบัน"ชัดเจน

เคยผ่านงานละครอย่าง อาญารัก, แต่ปางก่อน, และ แม่ค้าขนมหวาน ล่าสุด "ดวิษ โรจนกิจ" ได้ลงเป็นสไตลิสต์ละคร "สาปภูษา" ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า

"โจทย์ค่อนข้างยาก อย่างแรกคือ ถ้าทำตามบทประพันธ์ สิ่งที่อยู่ในหนังสือมันไม่มีเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน อย่างผ้าตาดทอง ซึ่งเป็นผ้าชั้นสูงสมัยก่อน แต่ปัจจุบันเป็นผ้าที่ใช้ผูกตามศาลพระภูมิ ถ้าเอามาทำแบบนั้นคงไม่ได้ ก็เลยคุยกับผู้เชี่ยวชาญอย่าง อ.เผ่าทอง ทองเจือ ซึ่งแนะนำว่าเปลี่ยนผ้าเลยดีกว่า และทำให้ผ้าชิ้นนั้นดูอลังการ มีการปักและฝีมือการเย็บที่ดี ก็เลยเอาผ้าไหมมาทำ ปักลายด้วยดิ้นทองดิ้นเงิน และตัวละครหลักจะมีการปักผ้า ฉะนั้นต้องเน้นไปที่ลายปัก ซึ่งดอกที่ปักจะเป็นตัวเดินเรื่อง เราก็ใช้ตัวดอกนี้เป็นตัวตั้งในการออกแบบแล้วค่อยๆ ไล่ลาย ผ้าเป็นสีชมพูและเดินดิ้นด้วยสีทอง"

สำหรับเครื่องแต่งกายของแต่ละคน สไตลิสต์หนุ่มกล่าวว่า "ในบทประพันธ์เจ้าสีเกด(ธัญญาเรศ) จะมาจากทางลาว แต่ถ้าเป็นลาวก็กลัวเกิดความขัดแย้ง เลยปรับเป็นเจ้าจากต่างแดน ดีไซน์ชุดให้ค่อนข้างไปทางภาคเหนือ และให้เป็นแฟนตาซีนิดๆ อย่างผ้าซิ่นก็ทำใหม่ผสมเอาของพม่า ลาว และบวกแฟชั่นของไทยมาใช้ ในเมื่อไม่ได้ระบุว่าเจ้าสีเกดมาจากไหน เธอก็สามารถสวยได้ตามจินตนาการของเรา แต่ต้องสามารถจับต้องได้"

"ส่วนน้ำผึ้ง-ณัฐริกา, อ๋อม-สกาวใจ ด้วยความที่เป็นลูกมหาเศรษฐี ซึ่งสมัยนั้นมีการติดต่อกับพ่อค้าต่างแดน จะใส่ชุดอะไรก็ได้ที่มาจากต่างประเทศ เราก็ให้อ๋อมใส่ผ้าแพรจากเมืองจีน น้ำผึ้งใส่ผ้าจากอินเดีย และใช้สีที่ต่างกัน ลักษณะการนุ่งห่มจะนุ่งห่มสองชั้น เราถือว่าเป็นดีไซน์ที่เราคิดอะไรก็ได้ ไม่ได้ผิดประเพณีใส่ผิดยุคผิดสมัย เราใส่เหมือนเดิมแต่เติมจินตนาการลงไป สำหรับตัวละครยุคปัจจุบันอย่างเอ๊ะ-อิศริยา ในเรื่องชอบปักผ้าและเรียนด้านผ้ามาโดยตรง ฉะนั้นเสื้อผ้าที่ใส่จะมีรายละเอียดของการปักนิดๆ หน่อยๆ พอประมาณไม่ฟู่ฟ่า"

"ธัญญ่าในบทเจ้าสีเกดตอนเป็นภาคมีชีวิตก็จะสวยหวาน แต่พอเป็นผีจะออกดุดันร้อนแรง และตีความไปถึงว่าจะทำชุดผีชุดไหนขึ้นมาให้เขาใส่ เราสรุปตรงที่ว่าคนโบราณเวลาตายเขาจะใส่เต็มยศ และเจ้าสีเกดเป็นเจ้า ดังนั้นต้องใส่ทุกอย่างเต็มยศ ทั้งสไบ ผ้าซิ่น ทุกอย่างปักทอหมด รวมถึงใส่กำไลทอง สร้อย สังวาลย์ มวยผมจะมีเส้นทองที่หนากว่าปกติ แต่จะใช้สีแดงและดำสื่อความหมายให้ดูอาฆาต มีความแค้น"

"โทนการแต่งหน้าผีเจ้าสีเกด จะมีหลายสเต็ป ตั้งแต่ผีทั่วไป ผีโกรธ แต่ทั่วไปจะแต่งหน้าปกติคือแต่งซีดให้เห็นเส้นเลือด เวลาโกรธมากๆ ตาแดง แต่ปกติตาจะสีขาว ใช้เวลาแต่งหน้าธัญญ่า 3 ชั่วโมง เราไม่ได้ทำผีให้ดูน่ากลัว ผีสามารถจับต้องได้ และต้องการให้เห็นแอ๊กติ้งการแสดงออกของธัญญ่าด้วย"

"โดยรวมแล้วการแต่งหน้า ต้องแตกต่าง ซึ่งตัวละครแต่ละตัวมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน ทำให้เราวางไลน์ได้ชัดเจนมากขึ้น ที่สำคัญคือ อดีตก็ต้องอดีตที่ชัดเจน และสวยในพาร์ต อดีตที่ชัดเจน ปัจจุบันก็คือสวยในพาร์ตปัจจุบัน"



ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์

 

อนุโมทนา ช่วยปักตะไคร้ปักษ์ใต้ทีฝนกำลังตกหนัก สาธุ

 

คาถาห้ามฝน

ของสมเด็จพระศรีสมโพธิ์ราชครู ขรัวอีโต้ สวดตามกําลังวัน เช่นอาทิตย์ 6จบ จันทร์ 15จบ อังคาร 8จบ พุธกลางวัน 17จบ พุธกลางคืน 12จบ พฤหัสบดี 19จบ ศุกร์ 21จบ เสาร์ 10จบ

ตั้งนะโม3จบ ว่าไตรสรณาคมน์ แล้วว่าคาถา

สิทธิ พุทธะ จะ อุตตะมะ สิทธิ ธัมมา เทวะ สังฆา สัพพะ มหาวิชา คาถา สิทธิสาวัง" พุทธัง ประสิทธิเม ธัมมัง ประสิทธิเม สังฆัง ประสิทธิเม สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ราชครู ประสิทธิเม พระขรัวอีโต้ประสิทธิเม





<CENTER></CENTER>



ส่วนพิธีการไล่ฝน ยอดฮิต...คงไม่พ้น การปักตะไคร้ไล่ฝน

ปักตะไคร้ ไล่ฝน บางคนอาจจะงง ว่า ปักตะไคร้ทำไม
แต่อธิบายสั้น ๆ ก็คือ การปักตะไคร้เพื่อห้ามฝน เป็นความเชื่อของคนไทยหลายกลุ่มที่ว่า ถ้าให้สาวบริสุทธิ์ไปปักตะไคร้แล้ว จะทำให้ฝนไม่ตกได้ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่ตรงข้ามกับแห่นางแมว





<CENTER></CENTER>

การปักตะใคร้ไล่ฝนนั้น เป็นความเชื่อที่มีกันมาแต่ครั้งไหนก็ไม่ทราบ อาจจะมาจากกระเหรี่ยง เพราะได้ยินมาว่า แม้แต่การโล้ชิงช้าของพราหมณ์ ยังมีนักปราชญ์ ออกมาให้ความเห็นว่า เรารับพิธีโล้ชิงช้ามาจากกระเหรี่ยง




http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=offway&month=06-2008&date=04&group=25&gblog=25

 

โห เจอของจริงเข้าแล้วไง อิอิ

 

สาธุครับ.....

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่.....อิ...อิ

 

เป็นคนดีมากครับ

 

5555 โบราณกาลคนเฒ่าคนเก่าคนแก่เขาสอนสั่ง
จะกลั้นใจปักตะไคร็ห้ามฝนนั้น จะต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม
งานบุญ งานราษฎร์ไปห้ามลมห้ามฝนตกได้จะมาต้องไปเสียคืนภายหลังและหนักด้วย
ที่สำคัญการปักตะไคร้นั้น...จะต้องใช้สาวบริสุทธ์ผุดผ่องจะ..ดาราไม่แน่ใจนะครับ

 

ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

 

หุหุ
แล้วหนุ่มบริสุทธิ์นี่ใช้แทนสาว ๆ ได้ไหมครับเนี่ย
เผื่อผมจะไปช่วยปักมั่ง
หุหุ

 

ชื่นชมในการครองตัวของคุณเอ๊ะค่ะ

 

คำว่า ไม่เชื่อแต่อย่ารบหลู่

ทำให้ประเทศไทยมีเอกราชถึงปัจจุบัน...

อิอิ

 

5555++

 

ใครจะเป็นชายผู้โชคดี ^^

 

เป็นความเชื่อมาแต่โบราณใช้ได้จริง แต่คนที่อยู่ทุกวันนี้ ปักไปแล้วไม่แก้ให้เหมือนเดิม ทำให้ก็แปรปรวน ก่อนจะปักก็ควรรู้วิธีแก้ด้วย

 

มีเรื่องขำเกี่ยวกับปักตะไคร้..
ไปเที่ยวเมืองจีน แวะฮ่องกง มรสุมเข้า กรมอุตุฯทำนายว่า ฝนจะตกในระดับ 8
คือ เข้าข่ายมรสุม พวกเราก็ เอ๊า...ทำไง อดช้อปปิ้งดิ ก็ว่า ใครช่วยไปปักตะไคร้
ที เพื่อนๆก็ถามกันใหญ่ เรื่องจริงเหรอ เราก็ว่า จริงๆๆ แต่ต้องสาวบริสุทธิ์นะ คือ
ไปกัน 12 คน เป็นชายสูงอายุ 7 คน หญิงสูงอายุมีบุตรแล้ว 5 คน เอ่อ...แล้ว
ใครจะปักตะไคร้ล่ะ แล้วมันจะได้ผลมั๊ยว
ผลก็คือ.....ฝนตกทั้งวันทั้งคืน พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ฝนหยุด
สรุป .... นั่งแกร่วกันอยู่ในโรงแรมอย่างเดียวเลย

 

พายุมาโน่นเเล้วเห็นไหม อยากรู้ใครเป็นคนปักตะไคร้

เอ๊ะไงเป็นคนหยุดฝน ไม่ต้องหาใครมาปักตะไคร้แล้วนี่ เอิ๊กๆๆๆๆ

 

5555555555555ซิ่งอยู่ถึงปักได้55