ถ้าทุกคนบวชเป็นพระกันหมด พระจะฉันอะไรเหรอครับ

ถ้าเก็บพืชผักผลไม้ในป่าคงไม่เพียงพอแน่ๆ ปลูกพืชปลูกผักเองจะทำได้หรือเปล่า

 

ถ้าสามารถทำให้ทุกคนคิดจะบวชพระเหมือนกัน ก็คงมีวันนั้น
ว่าแต่ว่าคนเราต่างจิตต่างใจนะครับ คงเป็นไปได้ยาก
แต่ถึงบวชแล้ว บวชเพื่อมรรคผลนิพพาน เรื่องการขบฉันคงไม่ใช่เรื่องหลัก
โลกก็เป็นเช่นนี้แล
อนุโมทนาสาธุ

 

ไม่ลองทำแล้วจะรู้หรอ ว่าผลมันเป็นยังไง

ถ้าเป็นพระกันหมดแล้ว ก็ไม่มีคนอะดิ เหลือแต่ ...ทิพย์

เดี๋ยวเค้า... ก็หาของมาถวายให้เอง ดีกว่าหาเองใช้เอง อีกนะ

ไม่เชื่อดูพระ สมัยนี้ดิ...ผ้ากาสาวพัฒน์ เป็นของสูง

มาอาศัยแล้วปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่ต้องกลัวจะไม่มี

แต่ถ้ามาอาศัยแล้วไม่ปฏิบัติดี ไม่ปฏิบัติชอบ

แม้แต่ตัวและจิตวิญญาณ ก็อาจจะไม่มี

 

ฉัน แฮมเอบร์เกอร์กระมังครับ

เพราะ หากคนไทยบวชหมด คาดว่า ฟรั่งมังค่าคงปิติยินดี แล้วอย่างน้อย
ต้องมาหาที่ทำกิน และพอเห็นสมณะ ก็ต้องเลื่อมใสบ้างแหละนา

 

จริงๆคนเรากินแค่ใบไม้ใบหญ้ามันก็อยู่ได้แล้ว อีกอย่างพอได้วิชาอาคมชั้นสูงไม่ต้องฉันท์เลยก็ยังอยู่ได้

 

คำถามนี้ผู้ถามคงรู้อยู่แล้วว่า....ว่าเป็นไปไม่ได้เลย
เป็นพระนั้นยากยิ่ง เป็นพระที่ประเสริฐพร้อมยากยิ่งกว่า
การตัดสินใจบวชตลอดการณ์นั้นเป็นการ ตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว
ซึ่งคนยุคปัจจุบันส่วนใหญ่นั้นยากที่จะทำแน่นอน..
ไม่งั้นผู้คนที่เห็นธรรมมาบ้าง ก็คงไปบวชเป็นพระกันหมดแล้ว มังครับ
บนโลกกลมๆ มีนักบวชอยู่กี่รูป
แล้วคนทั่วไปที่ใช้ชีวิตไปตามใจของตนนั้น จำนวนมากมาย เกลื่อนเมือง
เทียบไม่ได้เลยกับ นักบวช ที่มีเพียงหยิบมือเดียว.....สาธุครับ

 

สาธุ
มองได้ลึกซึ้งดี

 

ไม่ต้องคิดต่อหรอกครับ
เพราะเหตุผลว่า
เป็นไปไม่ได้
เปรียบเช่น
1.เข็นครกขึ้นภูเขา (ยากเหนื่อยใช้ความพยายามมาก)>>>เป็นพระ
2.เข็นครกลงภูเขา (สบายกว่าใช้ความพยายามน้อย)>>>เป็นฆราวาส

คนทุกคน(100%)ไม่มีทางจะเลือกเข็นครกขึ้นภูเขาทั้งหมด

 

คนเป็นพระกันหมดก็ปลูกผักกินกันจิ อย่างสมัยก่อนพระนิกานเซนยี่ปุ่นงัย แบบในอิกคิวซังอะ

 

ถ้าเป็นพระกันทั้งโลก ก็ปลูกผัก ฉันได้ครับ เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ถ้าไม่มีคนใส่บาตร อย่างในป่าในเขา ถ้าไม่มีใครใส่บาต ก็เก็บพืชผัก ฉันประทังชีวิตได้

 

ธรรมชาติของมนุษย์มันจะต้องมีทั้งดีและเลวปนกันไปไม่งั้นพระพุทธเจ้าคงไม่แบ่งบัวเป็นสี่เหล่าหรอกครับ ถ้าไม่มีคนจนก็ไม่มีคนรวย ถ้าไม่มีคนข้าเหร่ก็ไม่มีคนสวย มนุษย์เกิดมาย่อมเป็นไปตามกรรมต่างจิตต่างใจ ถ้าจะให้ทุกคนบวชหมดมันก็ดูพิลึกกึกกืออยู่นะ มนุษย์มันก็ยังงี้แหละ คนที่เรียนหมอเรียนแพทย์ยังเกรดเฉลี่ยไม่เท่ากันเลย เราทุกคนก็เหมือนกันให้ไปเรียนหนังสือชั้นเดียวกันต้องมีคนสอบได้ที่โหล่ นั่นแสดงว่าประสิทธิภาพในการรับรู้ต่างกัน

 

โอกาสนั้นเป็น 0% หรือนอกจากจะพึ่งเทวดาอย่างเดียว เทวดาใส่บาตรมีแยอะแยะไปถ้าอ่านหนังสือพระธุดงก็จะรู้เองท่าน แต่เทวดาจะใส่บาตรเฉพราะพระอริยเท่านั้นสมุติสงฆ์เทวดาไม่ใส่ให้

 

พระปลูกข้าวฉันเองได้ครับ ผักหญ้าก็มี

เพียงแต่ห้ามฆ่าสัตว์ทำอาหารเฉยๆ

 

พระท่านทำเองไม่ได้หลายอย่างครับ
ถ้าผมจำไม่ผิด รบกวนผู้รู้พระวินัยแก้ให้ด้วยครับ
ยังไม่ต้องไปที่ว่าเป็นได้ไหม หรือ มีเทวดาใส่บาตรจริงไหม
ข้อแรก พระเด็ดพืชใบเขียวไม่ได้ ห้ามฉี่ใส่พืชใบเขียว พระก่อกองไฟไม่ได้
และตัดต้นไม้ก็ไม่ได้ เคยอ่านเจอว่าเทวดาที่อยู่ที่ต้นไม่ได้ฟ้องพระพุทธเจ้าว่าพระรบกวนเทวดาโดยการตัดฟันต้นไม้มาทำที่พัก พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติห้ามไว้
และจากข้อนี้ แสดงว่าการไม่กินเนื้อสัตว์แล้วไปกินผักแทนก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เบียดเบียนผู้อื่น การกินเจเป็นการแสดงเจตนาที่ดีของผู้ถือการกินเจและไม่ทำการผิดศีลข้อฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็นับว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้กินเจแล้ว
แต่ที่สุดยอดคือต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือเบียดเบียนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะหลีกเลี่ยงได้ และสุดท้ายก็คือ
การไม่กลับเกิดอีก
เพราะถ้าเกิดก็หลีกไม่พ้นที่จะต้องยังสังขารโดยการพึ่งพาผู้อื่นโดยการขอ(เป็นอย่างน้อย)

 

สาธุ
ข้อความนี้บอกได้ตรงประเด็นโดยเฉพาะ

การไม่กลับเกิดอีก
เพราะถ้าเกิดก็หลีกไม่พ้นที่จะต้องยังสังขารโดยการพึ่งพาผู้อื่นโดยการขอ(เป็นอย่างน้อย)

อนุโมทนาด้วย

 

3.เข็นครกดันภูเขาให้ทะลุเป็นรูยากที่สุดเปรียบเสมือน.....ไปคิดเอง

 

คิดไปได้นะ บวชหมด ญาติโยมที่ไหนจะมาถวายของเข้าวัดละจ๊ะ

รักนะแต่ตั้งกระทู้เรื่องอื่นน่าจะดีกว่า จุบๆ

 

ก็แค่สงสัยหนะครับ พระน่าจะมีหลักการพึ่งพาตัวเองบ้าง ถ้ารอของบิณฑบาตรอย่างเดียวมันคงจะไม่ดีมั๊งครับ

 

;aa19 พระทำมาหากินได้ นิ คับ ปกติ ต้องเปนเวลาว่าง