"บาป บุญ เวรกรรม" ของ... ปิยณัฐ วัชราภรณ์ อดีต รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย paang, 12 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    [​IMG]

    อุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตของ ส.ส.ปิยณัฐ วัชราภรณ์ อดีต รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะทำให้สูญเสียการมองเห็นด้วยตาเนื้อ แต่กลับทำให้เขามองเห็นและเข้าใจสัจธรรมชีวิต ที่ว่า

    "ไม่มีใครเป็นมิตรแท้เท่ากับตัวเอง เพราะเพื่อนพ้อง ที่เคยให้การ ช่วยเหลือ เหมือนใช้เราเป็นสะพานทอดไปมีความก้าวหน้า ต่างก็หมางเมินไปเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่สุด"

    ส.ส.ปิยณัฐ พูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือว่า "ผมเสียใจ เพราะวันนี้ไม่มีเพื่อนแท้ แต่ยังดีที่ว่ายังมีเพื่อนตายหลงเหลืออยู่บ้าง เพื่อนที่ยังไม่ทิ้งผม สิ่งที่เป็นลาภยศสรรเสริญ ผมก็คิดมานานแล้วเหมือนกันว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน ฉะนั้นเราอย่าไปติดยึดกับมัน เพราะเห็นชัดว่า ยามใดที่ผมเคยมีชื่อเสียง เพื่อนพ้องก็เต็มบ้านเต็มเมือง แต่วันนี้คนเคยสอพลอต่างก็หนีหน้าผมไปหมด"

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการมองไม่เห็นอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางบ้าง แต่หัวใจความเป็น นักต่อสู้เพื่อประชาชน ของ ส.ส.ปิยรัฐ ยังมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น บางครั้งจิตอาจจะเกิดคิดฟุ้งซ่านบ้าง เพราะไม่สามารถ ทำอะไรได้อย่างใจทุกอย่าง สิ่งหนึ่งที่เขาใช้เป็นทางออกเพื่อไม่ให้จิตคิดฟุ้งซ่านคือ ต้องสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำอยู่ในห้องพระ

    ส.ส.ปิยณัฐ เล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตายในครั้งนั้นให้ฟังว่า ก่อนจะประสบอุบัติเหตุ ได้ไปร่วมงานซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม ด้วยการรับบริจาคผ่านรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๙ กว่ารายการจะเสร็จ ทำให้ต้องเดินทางกลับบ้านย่านรามอินทราประมาณตีสอง วันรุ่งขึ้นก็ต้องเดินทางไป จ.ศรีษะเกษ และตามกำหนดการในวันนั้นจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทันที เพราะมีประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ มหานาค


    [​IMG]

    ขณะเดียวกัน ได้นอนประมาณสองชั่วโมงก็ต้องออกเดินทาง จากสนามบินเพื่อไปเปิดห้องสมุดให้กับโรงเรียนประจำอำเภอขุขันธ์ จ.ศรีษะเกษ ในวันนั้นจำได้ว่าตรงกับวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๐ ก็ได้อ่านข่าวเจ้าหญิงไดอาน่า แห่งเวลส์ อดีตพระชายาเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษทรงสิ้น พระชนม์จากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกำแพงอุโมงค์ลอดแม่น้ำเซน กลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยพระชนมายุเพียง ๓๖ ชันษา พร้อมด้วยนายโดดี อัล ฟาเอ็ด พระสหาย และคนขับรถ โดยไม่คิดว่าจะเป็นลางร้ายกับตัวเอง

    หลังจากเสร็จภารกิจเรียบร้อยแล้ว เวลา ๑๑.๐๐ น. ก็ออกเดินทางจาก อ.ขุขันธ์ ทันทีเพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ แม้ว่าช่วงนั้นจะเป็นรัฐมนตรีควบคุมการท่องเที่ยว ซึ่งต้องมีรถนำขบวน แต่ในวันนั้นไม่อยากให้ดูวุ่นวายจนเกินไป จึงได้ให้รถที่จะนำขบวนมาจอดรออยู่ที่ จ.สระบุรี ตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติภารกิจทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ที่ขับรถยนต์ให้ก็เป็นสมาชิกสภาจังหวัดและระหว่างเดินทางก็ได้แวะซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างริมทางใน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ เอาไว้รับประทานบนรถ

    เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อย ก็ได้กินข้าวเหนียวไก่ย่างอย่างมีความสุขบนรถ จากนั้นได้ขอพักสายตาบ้าง เพื่อว่าตื่นขึ้นมาจะได้ประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี ด้วยหน้าตา อันสดชื่น นอกจากนี้แล้วในช่วงเย็นจะต้องเดินทาง ไปร่วมงานยัง ประเทศสวีเดน ระหว่างทางหลับมาตลอด รู้สึกตัวเองอีกครั้ง ช่วงรถวิ่งเข้าปั๊มเติมน้ำมัน จึงได้เดินไปเข้าห้องน้ำ พอกลับออกมาพ่อค้าที่เป็นนักธุรกิจร่วมเดินทางมาด้วยกัน ขออาสาขับรถแทน เพื่อผลัดให้สมาชิกสภาจังหวัด ที่เป็นคนขับอยู่นั้นได้รับประทาน ข้าวเหนียวไก่ย่างแทนอาหารกลางวันไปพลางๆ


    [​IMG]

    เขา เล่าต่อว่า ประมาณเวลาบ่ายโมง รถยนต์ได้วิ่งออกจากสีคิ้ว ก็เห็นว่ามีเวลามากพอจึงได้เอนหลังแล้วก็หลับต่อ และเกือบจะเป็นการหลับครั้งสุดท้าย ระหว่างที่เกิดอุบัติเหตุนั้นไม่รู้สึกตัวอะไรเลย กว่าจะมีความรู้สึกตัวก็ต้องใช้เวลาหลายวัน เท่าที่รู้สึกก็พบว่ากำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ความทรงจำในตอนนั้นก็จำอะไรไม่ได้ และไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น รู้เพียงว่ามีการโต้ตอบกันด้วยการเขียนหนังสือ และมีสติเหมือนเป็นความฝัน แต่หากถามเรื่องงานจะสามารถตอบได้ทั้งหมด

    "ผมรอดตายมาได้ก็มองได้เป็นสองแง่สองมุม คือ ถ้าคิดในแง่ดีก็คือว่า ผมได้ทำความดีเอาไว้เยอะถึงได้ไม่ตาย แต่ถ้าคิดในทางร้ายก็คือ ทำความดีมามากทำไมถึงต้องมาประสบอุบัติเหตุ ทำให้ผม ไม่ค่อยเชื่อว่า ทำบุญเยอะๆ ทั้งทางตรงทางอ้อม สร้างโบสถ์สร้างวัด จะได้กุศลตอบแทน แต่ก็ไม่อยากคิดมาก ตามคำสอนของแนวพุทธ ทำบุญอย่าไปหวังผล แต่สิ่ง ที่ผมได้ช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม ผมช่วยเหลือ คนด้วยความบริสุทธิ์ใจ แท้จริง แล้วผมก็ยังมีกิเลสก็คืออยากได้คะแนนเสียง ผมคิดว่าตรงนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ใจผมไม่บริสุทธิ์" เขาพูดไว้อย่างน่าคิด

    เมื่อถามถึงพระเครื่อง ส.ส.ปิยนัฐ ยอมรับว่า ในอดีตเป็นคนที่ขาดพระเครื่องไม่ได้ ต้องมีพระเครื่องแขวนติดตัวอยู่ตลอดเวลา วันไหนลืมก็จะต้องขับรถกลับมาเอาพระที่บ้านทันที ส่วนหนึ่งอาจถูกสอนมาตั้งแต่เป็นเด็กว่า การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี มีพระก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นชาวพุทธ จึงมีพระเครื่องแขวนติดตัวหลายองค์ และพระเครื่องที่จำได้ก็จะมี พระซุ้มกอ กำแพงเพชร ฯลฯ แต่ในระยะหลังที่ประสบอุบัติเหตุจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้ไม่แขวนพระเครื่อง เพราะมีความรู้สึกน้อยใจอยู่ลึกๆ ว่าทำความดีมาตลอด ทำไมชีวิตถึงเป็นแบบนี้

    "ตามหลักพระพุทธศาสนาสอนว่า ทำบุญก็จะได้บุญ ทำกรรมก็จะได้กรรม ดังนั้น บุญหรือกรรม ใครจะมาก่อนกัน ขึ้นอยู่กับจิตของคนเราที่จะระลึกถึงอะไรก่อน ซึ่งถ้าทำกรรมอะไรไว้ ใจมันก็จะไปคิดถึง แต่สิ่งที่ไม่ดี ตรงนี้ก็นำพาเราไปสู่ภาวะที่เลวร้ายได้ ในทางกลับกันถ้าคิดถึงบุญที่ได้ทำเอาไว้ ก็จะนำพาไปถึงผลบุญที่ดีนั่นเอง" ส.ส.ปิยณัฐ กล่าวทิ้งท้าย


    ที่มา http://www.komchadluek.net
     
  2. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม

    เราท่านทั้งหลายล้วนมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่อาศัย เป็นทายาทแห่งกรรม
     
  3. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    รู้สึกว่าโมหะยังหนาอยู่นะครับ หนาแบบน่ากลัวทีเดียว
     
  4. akaliko

    akaliko Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +88
    แล้วนายกทักษิณ กับสมุนบริวาร จะมีจุดจบเปนเช่นไร?
     

แชร์หน้านี้

Loading...