เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    จอมมารน้อย สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ใช้หรอก ท่านมีบุญญฤทธิ์ด้วยบุญญาบารมี 30 ทัศน์ ท่านไม่จำเป็นต้องใช้หรอก

    แต่เรายังไม่ดีขนาดนั้น เราจึงจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้ไง เราถวายสิ่งเหล่านี้เพื่อแปลเป็นสมบัติภายใน เอาไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น

    จอมมารน้อย เคยถวายพระพุทธรูปไว้ในพุทธศาสนาไม๊ล่ะ ถ้าหากเคยถวาย จอมมารน้อยเข้าใจไหมว่า ผู้คนเขาถวายพระพุทธรูปกันทำไม และพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ในพระไตรปิฎกตรงไหนอ่ะ

    ว่างๆก็หัดปฏิบัติด้วยตัวเอง ไปรู้เห็นด้วยตัวเองบ้างนะ ไม่งั้นก็ไม่สมปรารถนาของการเป็นมารหรอก "เฮ็ดจั๋งใด๋ ได้จั่งซั่น เฮ็ดไฮ่ถึง"

    นี่ก็เทศกาลงานบุญออกพรรษาแล้วนะ ไปทำบุญทำทานซะบ้าง จิตจะได้ไม่ต้องมืดมน อนธกาล แบบนี้

    สิ่งที่เราทำนั้นครูบาอาจารย์ท่านสอนมาทั้งสิ้นแหละ เราไปทำบุญก่อนนะ กลับมาแล้วค่อยเสวนากันใหม่
     
  2. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    ถวายอาวุธ เนี๊ยนะ
     
  3. kasin84000

    kasin84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +997
    ผมอยากรู้แค่เรื่องเดียวว่า
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
    ท่านเคยเสด็จไปหา หลวงปู่ทองทิพย์ วัดป่าสีดารามลักษณ์รัตนโคตร
    อ.เมือง จ.หนองคาย หรือเปล่าครับ
    ไม่มีใครตอบเลย
    ถ้าในหลวงไม่เคยไป ก็แสดงว่า.....................................................................................................
     
  4. JK

    JK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +16
    ถึงคุณ Aunyasit ครับ
    ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ และมีความสนใจ อยากรู้เรื่อวราวเกี่ยวกับ ท้าวเวสสุวรรณ และ ท้าวสกาพรหมมากครับ คือ ผมเป็นเพียงคนธรรมดา และยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติกรรมฐานตามแนวทางใด เนื่องจาก มีภาระและกิเลสทางโลกอยู่มาก เหตุที่อยากทราบเรื่องราวต่างๆนั้น เป็นเพราะว่า ผมได้พบกับประสบการณ์จริงกับชีวิตตนเอง ในเรื่องกฏแห่งกรรม และความอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา ลูกชายวัย 1 ขวบของผมป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ และเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อย่างถูกต้องที่ รพ. ชั้นนำแทบทุกแห่ง แต่ไม่มีที่ใด จะสามารถให้การรักษา หรือหาสาเหตุได้เลย จนผมได้พบ และกราบนมัสการ พระภิกษุรูปหนึ่งตามคำแนะนำของน้า ที่ศรัทธาหลวงพ่อรูปนี้มาเป็น 20 ปี หลวงพ่อท่านบอกว่า อาการป่วยนั้นเป็นผลจากกรรมที่ติดตัวลูกชายมาแต่ชาติปางก่อน และเจ้ากรรมนายเวร ท่านมาพบและกำลังทำการทรมานลูกชายอยู่ ท่านได้เรียก เจ้ากรรมมาถามไถ่ ผ่านร่างทรงที่เป็นนายทหารที่เคร่งในกรรมฐานท่านหนึ่ง และได้แนะนำให้ผมทำการยกสังฆฐาน และส่งให้กับเจ้ากรรมนายเวรเพื่อให้ท่านยอมอโหสิกรรม และปล่อย ลูกชาย ขณะนั้น ลูกชายของผมเกิดอาการชอคแบบไม่คาดฝัน และถูกส่งเข้าห้อง ICU และคุณหมอ บอกว่า ทางช่วยนั้นน้อยมาก เพราะร่างกายปฏิเสธการช่วยเหลือทางการแพทย์ทั้งหมด ผมรีบจัดการทำพิธียกสังฆทาน และหลวงพ่อ ท่านทำการส่งต่อให้เจ้ากรรมท่านมารับไป ปรากฏว่า หลังทำพิธี เจ้ากรรมได้มาประทับที่ร่างทรง และขอให้อโหสิให้ท่านเช่นกับ อีกทั้งยังบอกให้ผมกับไปรับลูกออกจากโรงพยาบาลเสีย เนื่องจากได้ปล่อยลูกชายแล้ว ผมโทรกลับไปที่ รพ. ปรากฏว่า อาการลูกชายดีขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ และคุณหมอกำลังจะถอดเครื่องช่วยหายใจให้อยู่พอดี ยังมีเรื่องราวอัศจรรย์อีกมากมายที่เกิดขึ้นกับผม แต่ขออนุญาตยังไม่ขอเล่าในคราวนี้
    เหตุที่อยากทราบเรื่องท้าวเวสสุวรรณ และท้าวสกาพรหมนั้น เนื่องจาก ในช่วงที่หลวงพ่อ ท่านได้เชิญเจ้ากรรมมาพูดคุยนั้น ท้าวเวสสุวรรณ และท่านท้าวสกาพรหม ได้ลงมาประทับที่ร่างทรงด้วย เพื่อทูลเรื่องราวต่างๆให้กับหลวงพ่อ.
    หลวงพ่อ ท่านยังได้ให้ รูปท้าวเวสสุวรรณ ที่ท่านลงอัคระให้กับผม และครอบครัว มาบูชา และกำชับให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และอย่าห่างไกลพระพุทธศาสนา และให้หมั่นทำบุญ ให้ทานอยู่เสมอ จึงอยากทราบเรื่องราวของท่านท้าวเวสสุวรรณ เพื่อการบูชาที่ถูกต้องและเหมาะสมครับ.
     
  5. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ถึง Kasin84000 บารมีระดับพระเจ้าอยู่หัวนั้น พระองค์ท่านสามารถเสด็จไปโดยไม่ต้องใช้ธาตุสี่ไป ก็ได้ หากต้องการรู้จริงๆละก็ ปฏิบัติให้ถึงขั้นโทรจิต หรือไม่ก็ถอดจิตไปถามพระองค์เองไม่ดีกว่ารึ เท่าที่ผมทราบ พระองค์จะทรงกรรมฐานเวลาประมาณ ตีสองเป็นต้นไปครับ


    ถึง คุณ JK เรื่องกฏแห่งกรรมนั้น เป็นของจริงที่พิสูจน์ได้ตลอดเวลาครับ สำหรับท้าวเวสสุวรรณ ท่านเป็นพระโสดาบัน เป็นหัวหน้าของจตุโลบาลทั้ง 4 และท่านก็เป็นหัวหน้ายักษ์ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย

    สำหรับสิ่งที่จะบูชาท้าวเวสสุวรรณ ให้ใช้ ขันธ์ห้า อันประกอบด้วยเทียนขี้ผึ้งแท้ 10 เล่ม ธูป 10 ดอก ควรจะใช้เทียน(หนักเล่มละ 1 บาท) ดอกบัวสด 10 ดอก หมาก 5 คำ บุหรี่ 5 มวน นอกจากนั้นก็มี หัวหมูต้ม 1 หัว (พร้อมหางและขา 4 ขา) ไก่ต้ม 1 ตัว(พร้อมเครื่องใน) พริกขี้หนู 1 ถ้วย เกลือ 1 ถ้วย น้ำ 1 ขวด เหล้า 1 ขวด(เหล้าขาว หรือ แม่โขง หรือ แสงโสม ฯลฯ ให้รินใส่แก้วสักค่อนแก้ว ที่เหลือในขวดก็เปิดฝาไว้)

    นอกจากนั้นก็มี ผลไม้ เช่น มะม่วง ขนุน ฯลฯ ขนมต่างๆ รวมกัน สักถาดนึง ครับ

    เวลาอธิษฐานให้จุดธูปสักการะ แล้วยกขันธ์ห้าขึ้น เมื่ออธิฐานเสร็จแล้ว ก็วางขันธ์ห้าไว้ ใกล้ๆหัวหมู ส่วนธูป ให้ปักบนหัวหมู ไก่ ผลไม้ ครับ
     
  6. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ ถือว่าได้ขออนุญาต สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งด้วยพระเมตตา บารมีอันหาสุดที่เปรียบมิได้ (หลวงพ่อฤาษีฯ) แล้ว
    ผู้ที่ใช้จิตติดต่อกับท่านหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใด สถานที่นั้นจะอยู่แสนไกลจากผู้ที่ใช้จิตติดต่อกับท่านมากเพียงใด ท่านหลวงพ่อก็จะไปพบทุกที่
    ขอยืนยันว่าท่านเข้าสู่แดนนิพพานแล้ว ณ ขณะนี้ และถ้าท่านจะต้องการไปโปรดเมตตาธรรมกับใครที่ใด ท่านก็สามารถไปได้ทุกที่
    แต่ก่อนที่ท่านจะยินยอมเข้าสู่แดนนิพพาน ทำไมต้องใช้คำว่ายินยอม ก็เพราะด้วยจิตที่เปรมด้วยเมตตาธรรมของท่าน เมื่อท่านทราบว่านรกภูมิได้รับทุกข์เวทนาและปรารถนาให้ผู้มีบารมีเมตตาธรรมไปช่วยเหลือ ท่านกับไม่ยินยอมเข้าสู่แดนนิพพาน
    สุดท้ายองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็มีวิถีทางของท่านโดยได้มอบหมายให้ผู้ที่สมควรไปดูแลนรกภูมิ ท่านหลวงพ่อจึงเข้าสู่แดนนิพพานจนปัจจุบันนี้
     
  7. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ ถือว่าได้ขออนุญาต สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งด้วยพระเมตตา บารมีอันหาสุดที่เปรียบมิได้ (หลวงพ่อฤาษีฯ) แล้ว
    ผู้ที่ใช้จิตติดต่อกับท่านหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใด สถานที่นั้นจะอยู่แสนไกลจากผู้ที่ใช้จิตติดต่อกับท่านมากเพียงใด ท่านหลวงพ่อก็จะไปพบทุกที่
    ขอยืนยันว่าท่านเข้าสู่แดนนิพพานแล้ว ณ ขณะนี้ และถ้าท่านจะต้องการไปโปรดเมตตาธรรมกับใครที่ใด ท่านก็สามารถไปได้ทุกที่
    แต่ก่อนที่ท่านจะยินยอมเข้าสู่แดนนิพพาน ทำไมต้องใช้คำว่ายินยอม ก็เพราะด้วยจิตที่เปรมด้วยเมตตาธรรมของท่าน เมื่อท่านทราบว่านรกภูมิได้รับทุกข์เวทนาและปรารถนาให้ผู้มีบารมีเมตตาธรรมไปช่วยเหลือ ท่านกับไม่ยินยอมเข้าสู่แดนนิพพาน
    สุดท้ายองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็มีวิถีทางของท่านโดยได้มอบหมายให้ผู้ที่สมควรไปดูแลนรกภูมิ ท่านหลวงพ่อจึงเข้าสู่แดนนิพพานจนปัจจุบันนี้
     
  8. 123456789

    123456789 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +4
    หลอน!!!
     
  9. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    น่าสนใจมากครับ
     
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ปีที่แล้วผมเคยถามพ่อพระอินทร์เรื่องของหลวงพ่อฤษีลิงดำ ว่าท่านอยู่ที่ไหน พ่อพระอินทร์ท่านบอกว่าหลวงพ่อฤษีลิงดำอยู่ที่ "แดนทิพย์แดนธรรม" และสิ่งที่กระแสจิตผมรับรู้ก็คือ แดนทิพย์แดนธรรมนี่ยังไม่ใช่พระนิพพาน ครับ แล้ว ผมก็โดนพ่อพระอินทร์ดุนิดหน่อยว่า ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจะสนใจไปทำไม

    แต่ถ้าคุณ TANTAN ปฏิบัติไปแล้ว พบว่าท่านอยู่ที่พระนิพพานและยังออกจากพระนิพพานมาสงเคราะห์คนได้อีก ก็ควรจะเชื่อแบบนั้นครับ

    อย่างไรก็ตามผมก็ยังเชื่อตามที่ครูบาอาจารย์ของผมสอนมาว่า ผู้ที่เข้าพระนิพพานแล้วนั้นจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับสังสารวัฏอีกแล้ว และมีสิ่งหนึ่งที่อยากให้พิจารณาดูก็คือว่า "จิตกับศีลธรรมภายใน" นั้นแตกต่างกันอย่างไร บางทีเราไปพบเจอศีลธรรมภายในเข้า เราก็คิดไปว่านั่นคือจิตของผู้นั้นผู้นี้ ซึ่งหากศึกษาให้ลึกและละเอียดลงไปจนสามารถแยกออกระหว่างจิตกับศีลธรรมภายใน ก็สามารถจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่ไปรู้เห็นภายในได้มากขึ้น

    เอาเป็นว่า ผมเป็นคนที่เชื่ออะไรยาก หากรู้เห็นอะไรขึ้นมา จะทดสอบดูก่อนเสมอ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะบางทีมารก็ปรุงแต่งหลอกจิตเราได้ บางทีจิตเราเองยังปรุงสิ่งต่างๆหลอกเราได้เลย ครับ

    ปฏิบัติจากภายนอกไปสู่ภายใน ปฏิบัติจากภายในไปสู่ภายนอก ที่สำคัญก็คือให้รู้ทั้งในและรู้ทั้งนอก และต้องมีผลเชิงประจักษ์ออกมาภายนอกได้ด้วย นอกจากนั้นต้องมีผู้ที่ปฏิบัติอยู่ในผ้าเหลืองทั้งภายนอกและภายใน เขารับรองผลการปฏิบัติของเราด้วย ถึงจะมั่นใจว่าเราไปได้ถูกทาง
     
  11. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    การที่คนเราจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ยังยึดติดในการปฏิบัติก็ยากที่จะหลุดพ้น
    คงเป็นเพราะมีหน้าที่ต้องผดุงความถูกต้อง เนื่องจากชีวิตจริงเป็นนักกฎหมายมาหลายสิบปี เป็นคนค่อนข้างดื้อและถูกปลูกฝังมาว่าอย่าได้เชื่อสิ่งใดหากสิ่งนั้นพิสูจน์ไม่ได้
    แต่นะปัจจุบันศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแน่วแน่ เชื่อมั่นยึดมั่นในคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า หากทุกท่านพิจารณาจากคำสั่งสอนขององค์ท่านแหละไม่แปรคำสั่งสอนของท่านเข้าข้างฝ่ายตนเองก็จะทราบว่า พระองค์ท่านมีพระประสงค์ให้ผู้ปฏิบัติธรรมเดินสายกลาง นำธรรมชาติมาพิจารณา
    ใช่แล้ว..ผู้ใดปฏิบัติถึงขั้นใดก็ย่อมรู้อยู่แก่ตน เพราะสิ่งบางสิ่งเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน แต่บางครั้งอย่าลืมว่าหากเราพอทราบสิ่งใดที่ทำให้ผู้ที่ยังไม่ทราบได้รับรู้ถึงความถูกต้องก็ควรจะแจ้งให้เป็นวิทยาทานนะ
    ได้บุญดีออก..........
     
  12. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    กาลของพระจักรพรรดิ์ จะมาเร็วกว่าที่คิดมาก ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมยังทำไม่เสร็จอีกมาก ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อกาลของพระจักรพรรดิ์ใกล้เข้ามา หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เทวดาเขาจะทำฤทธิ์ โลกจะปั่นป่วนเท่าที่จำได้ ท่านบอกว่า "ประเทศอเมริกาจะเป็นเกาะเป็นแก่ง" ยุโรปต่อไปก็จะหายนะอยู่ไม่ได้ ต้องมาพึ่งแผ่นดินไทย (ต่อไป ไทยกับลาวจะกลับมารวมกัน) ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น หายไป ฯลฯ และประเทศไทยจะดีได้ ก็ต่อเมื่อ "เกิดเหตุใหญ่" เสียก่อน การเมืองไทยคนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ แต่ที่เป็นอยู่ทางภาคใต้ตอนนี้คิดว่ายังไม่ใช่เหตุการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ เคยถามท่านว่า "ไม่ให้เกิดไม่ได้หรือ" ท่านว่า "ปู่ยีเว่าไว้แล้ว ปานพระเจ้าเว่า เปลี่ยนแปลงไม่ได้"
    แง่ว ๆ ทำมั๊ย! ถึงต้องทำเช่นนั้นค่ะ ต้องการสั่งสอนหรือเตือนมนุษย์เหรอค่ะ
    คงจะสะสางอะไรสักอย่างเป็นแน่หรือเปล่าค่ะ - -!

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off"></TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เรียน คุณ Sao-wanee
    เรื่องของกาลพระจักรพรรดิ์นั้น เป็นยุคของการยกยอพระพุทธศาสนา เมื่อเหล่าเทวดาผู้ทำหน้าที่ดูแลโลกมนุษย์ มีพ่อพระอินทร์เป็นประธาน เล็งเห็นแล้วว่าศีลธรรมของมนุษย์ต่ำทรามลง ยากที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ครบ 5000 ปี เทวดาผู้ทำหน้าที่ทุกฝ่ายก็จะชำระล้างศีลธรรมมนุษย์เพื่อให้เหลือเฉพาะผู้มีบุญ ส่วนผู้ไม่มีบุญกุศลหรือไม่มีศีลธรรม ก็จะต้องตายไปเนื่องจากไม่บุญกุศลมากพอที่จะสามารถอยู่ในยุคพระจักรพรรดิ์ได้

    ขณะนี้คณะผู้ทำบารมีได้สร้างหอพระจักรพรรดิ์ ก้าวหน้าไปมากแล้ว พญานาคหลายๆเขตเริ่มจะถูกเรียกกลับมารวมกันที่ในเขตของพระจักรพรรดิ์ ตอนนี้ที่รับเข้าไปแล้วก็คือ พญานาคเจ็ดเศียร พญามังกรหนองเรือคำ และที่กำลังจะเข้ามาก็คือ พญานาคหนองหาร สกลนคร เข้าใจว่าเป็นนาคตระกูลของนางไอ่ ในตำนานผาแดงนางไอ่ ที่ชาวเมืองถูกจมน้ำทั้งเมือง เข้าใจว่าไปเกิดเป็นพญานาคกันทั้งเมือง และนางไอ่คำก็วนเวียนอยู่แถวนั้น และเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ตอนขับรถกลับ กทมฯ และเกิดพลัดหลงเข้าไปในเส้นทางของหนองหาร สังเกตว่าท้องฟ้ามีอาการมืดครึ้ม ผิดปกติ ตรวจสอบดูแล้วพบว่าเป็นกระแสจากวิถีญาณของพญานาคจากหนองหาร ก็เลยเข้าใจว่ามีสิ่งที่ต้องทำในเขตนั้น จึงขับรถต่อไปจนถึงหนองหาร ไปถึงวัดธาตโข่ง (ตรงข้ามปากทางเข้าศาลนางไอ่) มีกระแสมาจากในวัดจึงเลี้ยวเข้าวัดไปตรวจสอบดู ปรากฏว่ากระแสมาจากพระธาตุโข่ง ก็เลยเข้าไปอธิษฐาน แผ่บุญกุศล ในเขตนั้น แต่ไม่มีเวลาตรวจสอบรายละเอียดมากนัก ทราบจากทางแม่ชี ว่าเป็นพระธาตุที่บรรจุสังขารของพระจีน สมัยโบราณ และได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในภายหลัง ซึ่งวัดนี้ ภูมิจะแรงมาก พระปฏิบัติไม่แข็งจะอยู่ไม่ได้ ปัจจุบันมีพระสงฆ์ แค่ 2 รูป และแม่ชี อีก 4 คน เท่าที่สังเกตดูพบว่า จะเปลี่ยนเจ้าอาวาสบ่อย สอบถามดูพบว่าพระเจ้าอาวาสจะตายบ่อย เดี๋ยวปอดทะลุตาย เดี๋ยวก็หัวใจวายตาย ซึ่งเข้าใจว่านอกเหนือจากกฏแห่งกรรมปกติแล้ว น่าจะมีสาเหตุมาจากภพภูมิแถบนั้นเขาไม่ยอม เขาทดสอบภายในแล้วไม่ผ่าน เลยโดนเล่นงานภายในจนตาย ตายแล้วก็ต้องไปเป็นลูกน้องภพภูมินั้นๆต่อไป

    จากนั้นก็ไปที่ศาลนางไอ่ ก็มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ก็เลยสื่อสนทนาสอบถามกันพักนึง (ไม่ขอเล่ารายละเอียดก็แล้วกัน เพราะเป็นเรื่องบารมีสัมพันธ์เฉพาะตน) พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็แผ่กุศลให้เขาเคลื่อนจากสถานที่ตรงนั้น แต่ก็จะต้องไปทำศาสตร์ให้กับส่วนที่เหลือใหม่ เพราะวันนั้นไปโดยบังเอิญ ไม่ได้เตรียมสิ่งของที่ต้องใช้ในการทำศาสตร์ไป และก็เข้าใจว่าต้องไปอีกหลายที่ โดยเฉพาะเขตของพญานาคตามที่ต่างๆ ที่รอเปลี่ยนภพภูมิจากการทำบารมีของเชื้อสายหรือญาติ

    ที่เล่ามานี้นั้นเป็นความรู้จากการปฏิบัติเฉพาะตน ผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้ว่าภพภูมิต่างๆ ที่กล่าวไว้ในพระพุทธศาสนานั้นมีอยู่จริง ครับ

    ความจริงการปฏิบัติของหมู่คณะที่ผ่านมานั้นก็มีความจริงเชิงประจักษ์ ที่เป็นรูปธรรมก็มาก แต่ยังจะไม่ขอกล่าวในขณะนี้ จะขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังวันบุญเดือนสิบ(วันทำบุญข้าวประดับดิน ตามฮีตสิบสองครองสิบสี่) ที่บ้านหลังนึงอยู่ที่ท้ายหนองเรือคำ ใกล้ๆกับ อ. โพนพิสัย จ.หนองคาย มีผู้เฒ่าคนนึงเป็นน้องชายแท้ๆของลูกศิษย์ครูบาอาจารย์ มีอาชีพทำนาทำสวนอยู่ที่ท้ายหนองเรือคำ เขามีลูกชาย 1 คนซึ่งต้องการซื้อรถยนต์คันหนึ่งเพื่อเอาไว้ประกอบอาชีพค้าขาย รถยนต์ราคา 70,000 บาท แต่ผู้เฒ่ามีเงินอยู่เพียง 40,000 บาท จึงกลุ้มใจแทนลูกชาย ก็บ่นไปบ่นมาว่า ถ้าสิ่งศักสิทธิ์มีจริงก็ให้ช่วยบ้างเพราะตัวเองหมดปัญญาแล้ว (เข้าใจว่าผู้เฒ่าคงเป็นผู้มีศีลธรรมคนหนึ่ง) ปรากฏว่าในตอนบ่ายของวันต่อมามา ขณะที่ผู้เฒ่านอนเล่นไกวเปลอยู่ที่บ้าน ตอนกลางวัน มีคนนุ่งขาวห่มขาวมาหาที่บ้าน ในกำมือมีกบตัวใหญ่มาด้วย เข้ามาถามผู้เฒ่าว่า ต้องการกินกบไม๊ ผู้เฒ่าก็ตอบไปว่า กบในท้องนาก็มีเยอะ แต่ไม่อยากกินเพราะต้องฆ่ามัน เป็นบาป คนนุ่งขาวห่มขาวก็ถามว่า แล้วอยากได้ หน่อเงิน หน่อคำไม๊ล่ะ ผู้เฒ่าก็ตอบว่า ถ้ามีก็อยากได้แหละเพราะตอนนี้เดือดร้อนเรื่องเงิน คนนุ่งขาวห่มขาวบอกว่า ถ้าอยากได้ก็ให้แต่งขันธ์ห้า ใส่ดอกไม้ขาว ไปวางไว้ที่ชายหนองน้ำ แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยไปเอา จะให้หน่อคำมาทำทุน ผู้เฒ่าแกก็ทำตาม วันรุ่งขึ้นแกก็ไปดูที่ขันธ์ห้า เมื่อเข้าไปใกล้ๆหนองน้ำที่มีขันธ์ห้าวางอยู่ ก็มีลมหมุนพัดมาเป็นวงเหมือนลมบ้าหมู ผู้เฒ่าก็พูดว่า โอยจะให้ทั้งทีทำไมมันยากหลาย เมื่อลมหมุนพัดมาใกล้ๆ ผู้เฒ่าก็ใช้มือตะปบเอา ปรากฏว่ามีของแข็งมีน้ำหนักพอประมาณติดมือแกมา เมื่อพิจารณาดูแล้วปรากฏว่ามีลักษณะคล้ายกับแง่งขมิ้น สองแง่งซ้อนกัน จากนั้นแกก็กลับบ้านไปบอกที่บ้าน แล้วก็นำเอาก้อนทองคำไปชั่งน้ำหนักดู ได้น้ำหนัก 1.8 กก. ปัจจุบันนี้ก้อนทองคำนั้นมีผู้มาขอซื้อแล้วในราคา 1 ล้านบาท แต่เจ้าของเขาไม่ขาย เนื่องจากไม่รู้ว่าจะต้องขายราคาเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

    ระหว่างที่คุณตาพี่ชายของผู้เฒ่ากำลังเล่าเรื่องทองคำจากหนองเรือคำ อยู่ที่วัดป่าสีดาฯนั้น ปรากฏว่ามีกระแสจาก พญานาคหนองเรือคำมากระทบกระแสจิตผม ซึ่งก็พอจะรู้ได้ว่าเขาอยากให้ไปที่หนองเรือคำ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน เราก็ได้ชวนคุณตาที่เป็นพี่ชายของผู้เฒ่าที่ได้ทองคำไปด้วย พร้อมกับโยมอุปัฏฐากวัดป่าสีดาฯ และน้องอีกคนนึง กะว่าจะเลยไปบ้านผู้เฒ่าที่ได้ทองคำ จะถ่ายภาพเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก(แต่ปรากฏว่าเจ้าของบ้านออกไปทำธุระยังไม่กลับ) จากนั้นก็ได้เตรียมเครื่องสักการะเท่าที่จำเป็นไปด้วย กะว่าจะไปคารวะพญานาคเขาเฉยๆเนื่องจากที่หนองเรือคำนี้ ครูบาอาจารย์ท่านพาผมไปอธิษฐานปล่อยสัตว์ เช่น เต่า ปลาไหล และปลาต่างๆ หลายครั้ง รวมๆแล้ว น่าจะถึง 10,000ชีวิต ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า พญานาคนี้เป็นมหาเศรษฐีในสมัยพุทธกาล ในขณะที่เตรียมทำมหากฐินเพื่อถวายพระพุทธเจ้า อาหารเลี้ยงแขกมีไม่พอ ลูกน้องเศรษฐีจึงได้ฆ่าวัวตัวนึงเพื่อทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาในงาน ซึ่งมหาเศรษฐี ก็เพียงแต่รับรู้แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม ผลกรรมในครั้งนั้นจึงต้องมาเกิดเป็นพญานาคเพื่อชดใช้กรรม

    เมื่อไปถึงหนองเรือคำ ปรากฏว่ามีกระแสเข้ามารุนแรงมาก เข้าใจว่าเป็นพวกพญานาคเขาต้อนรับ และก็ได้ทำตามศาสตร์ที่เมื่อปฏิบัติกรรมฐานแล้ว ก็รู้ขึ้นมา ว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรและใช้อะไรบ้าง(ก็เข้าใจว่าครูบาอาจารย์ภายในท่านคงจับยัดวิชาเหล่านี้ให้ในจิตโดยที่เราไม่รู้ตัว) หลายๆอย่าง มันเกิดเองเป็นเอง ไม่ได้เรียนวิชาใดๆ แค่ทำทานบารมี และปฏิบัติกรรมฐานตามที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำไว้ จากนั้นก็กำหนดจิตเชื่อมกระแสเพื่อสนทนากับพญานาคหนองเรือคำ ท่านก็ยินดีที่เรามาหาท่านอีก และท่านก็จะไปอยู่วัดป่าสีดาฯกับเราด้วย จากนั้นในจิตเราเห็นท่านบอกให้มีผู้ทำหน้าที่แทน เป็นพญานาคสวมมงกุฏตนนึง เห็นชาวเมืองเขาเศร้าสร้อย เงียบสงัด จากนั้นเราก็ถามท่านว่า ท่านให้ทองคำแก่ผู้เฒ่าคนนึงที่ท้ายหนองหรือเปล่า ท่านบอกว่า ท่านไม่ได้ให้ด้วยตนเอง แต่บริวารท่านเอาไปให้เขาเพราะเป็นญาติกัน ผู้เฒ่านั้นก็เคยเป็นพญานาคที่หนองเรือคำมาก่อนและได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ เขาเป็นญาติกันจึงสงเคราะห์กันได้

    และครูบาอาจารย์เคยบอกไว้ว่าที่หนองเรือคำนี้ ในเมืองพญานาคมีเรือทองคำขนาดใหญ่อยู่ลำหนึ่งถ้าจำไม่ผิดท่านบอกว่า ขนาด 40 ขั้น ที่จังหวัดเลยมีลำนึง 30 ขั้น และลำที่ใหญ่สุดอยู่ที่วัดป่าสีดาฯ 80 ขั้น (ก็ไม่ได้ถามครูบาอาจารย์ว่าคำว่าขั้นของท่านนั้นหมายถึงอะไร)

    นี่เป็นตัวอย่างนึงของการปฏิบัติเพื่อโปรดภพภูมิ ส่วนหนึ่งของคณะผู้รับบัญชาลงมาทำหน้าที่เฉพาะ ซึ่งเป็นอะไรที่นักปฏิบัติทั่วๆไปเข้าใจได้ยาก เนื่องจากเป็นเรื่องของกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ถ้าแก้เหตุตรงนี้ไม่ได้ ก็ปฏิบัติจิตให้หลุดพ้นได้ยากเช่นกัน เพราะพันธุ-กรรม ซึ่งมีทั้งเรื่องของกรรมเก่าและสัญญาเก่าๆ ในภพชาติต่างๆ ซึ่งคอยเหนี่ยวรั้ง คอยดึงจิตนักปฏิบัติ ให้หมุนเวียนมาเกิดตามกรรม เมื่อรู้แล้วไม่แก้ไขก็ไม่ได้ หากแก้สิ่งเหล่านี้ได้ ก็ถือว่าเป็นการแก้ที่เหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดด้วย เมื่อกรรมเบาบาง ปฏิบัติก็ง่าย หากกุศลมากเข้าๆ จิตก็จะหลุดพ้นได้ง่ายขึ้น

    สรุปว่า ผลจากการปฏิบัติทานบารมีในปีนี้ทั้งปี สามารถโปรดญาติๆได้เพียงไม่กี่แห่ง ที่ได้สิทธิพิเศษขึ้นมาก็คือเรื่องของเทวดาที่ตามรักษามีมากขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยก็เพิ่มพญานาคและมังกรขึ้นมา และได้เรียนรู้การใช้จักร และได้ยานใหม่คือ ม้าแก้วมณีกาพย์และจักรเท่านั้นเอง หมดไปอีกแล้ว 1 ปี อายุก็สั้นลงอีก 1 ปี วงรอบปีใหม่นี้ก็ต้องเร่งปฏิบัติให้มากกว่าเดิมอีก

    อยากจะฝากคุณ TANTAN ไว้นิดนึงว่า คำสอนของพระพุทธองค์นั้นลึกซึ้งมาก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการนำธรรมชาติมาพิจารณานั้น คำว่า "ธรรมชาติ" ของแต่ละคนนั้น เข้าใจไม่ตรงกัน หากจะทำความเข้าใจธรรมชาติ กันจริงๆละก็ ควรปฏิบัติให้รู้และเข้าใจถึงธรรมชาติ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อด้วย เช่น ภพชาติ กรรม ภพภูมิ ฯลฯ หากจะเอาแค่ธรรมชาติที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้ออย่างเดียว ก็ถือว่ายังคับแคบจนเกินไปสำหรับคำว่าธรรมชาติ ที่เรากล่าวถึงกัน หรือแม้กระทั่งคำว่า "สายกลาง" เป็นนัยยะที่เป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกันครับ พระพุทธองค์สอนไม่ให้ประมาท ก็จงอย่าประมาทเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2005
  14. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    Aunyasit เป็นอะไรกับ jk หรือเปล่า
     
  15. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หอพระจักรพรรดิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X7.JPG
      X7.JPG
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      202
    • X11.JPG
      X11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27.1 KB
      เปิดดู:
      212
    • X5.JPG
      X5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      24.7 KB
      เปิดดู:
      189
    • X13.JPG
      X13.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.8 KB
      เปิดดู:
      169
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2005
  16. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    รบกวนคุณAUNYASIT ช่วยให้ความกระจ่างเรื่อง ธรรมชาติ และ สายกลาง ด้วย
    เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ท่านสมาชิกและ TANTAN ขอบคุณล่วงหน้า
     
  17. มหาธาตุ

    มหาธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +524
    ข้อนี้ไม่สงสัยในความสามารถ ของในหลวง
    แต่ที่คุณ Kasin84000 ถามเขาต้องการทราบที่ในหลวงเสด็จเอาพระองค์เป็น ๆ ไป อย่างที่ไปหาหลวงตาบัว หรือหลวงพ่อฤาษีฯ หรือหลวงพ่อเกษม เขมโก น่ะครับ เคยเสด็จไปบ้างหรือไม่
     
  18. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เรียน คุณ TANTAN สำหรับเรื่อง ธรรมชาติกับทางสายกลาง ขอต๊ะไว้ก่อนนะครับ เนื่องจากช่วงนี้งานยุ่งมาก ขอสะสางงานก่อนนะ แล้วค่อยเสวนากันใหม่ครับ
     
  19. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์ สนทนาธรรมกับลูกศิษย์

    ช่วงนี้ไม่มีเวลามาเสวนา เลยขอให้น้องๆเขาถอดเทปที่ครูบาอาจารย์เทศน์ไว้มาให้พิจารณากันครับ


    "ยุคพระศรีฯนั้น อายุ 80,000 ปี แม้ ชนทโลกนั้นใบหน้าใบตาเสมอกัน หญิงเสมอกัน ไม่ว่าชาติไหนภาษาไหน เสมอกันราว 14-15 ปี ผู้ชาย 16 ปี ............ บารมีของพระอชิตะภิกขุนี้จะได้เป็นพระเมตตรัย อนาคต คนสุดท้ายนะเนี่ย ศรีอริยเมตตรัยนี้เอาไป 3 ส่วน ทิ้งไว้ส่วนเดียว กกุสันโธ เอาไปครึ่ง ทิ้งไว้ ครึ่ง โกนาคม องค์ที่ 2 เอาไป 3 /2 ส่วน ทิ้ง 1/2 ส่วน กัสสโป ก็เช่นกัน ส่วนตถาคตของเราเอาไปเพียงส่วนเดียว ทิ้งไว้ 3 ส่วน เพราะทำบารมีน้อย เมตตรัยโย นี่เอาไป 3 ส่วน ทิ้งไว้ส่วนหนึ่งส่วนที่เป็น พุทธภูมิ ปัจเจกภูมินั้นๆ สาวกนั้นๆ คอยอยู่กับพระพุทธเจ้า คอยให้พระองค์นั้นๆโปรดเอา ถ้าพระพุทธเจ้าไม่อยู่ก็พระอินทร์ช่วย พระอินทร์อยู่บนสวรรค์ เพราะฉะนั้นท่านจึงว่าให้เรานี้พาเพียรไป รักษาศีล ภาวนาไป ถึงจะทุกข์ยากลำบาก เป็นยังไงก็ตาม ไม่ว่าเล่น ไม่ว่าดังเขาว่า ประชาธิปไตย อันนี้เขาว่าเล่นเฉยๆ แต่ทำไม่เป็น ไม่เป็นประชาธิปไตยเลย ทำแล้วก็ยังที่ว่าเหลวไหลเนี่ย อันนี้ไม่ใช่ ถ้าจะทำให้เป็นประชาธิปไตย ทำให้เขารู้เห็นว่าดีเลย ดีไปเลย อันนี้ทำไม่เป็นพูดเป็นอย่างเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย ทำไม ก็คนเป็นคนกิเลส จะเป็นได้ยังไง เป็นกิเลส อันว่าคนกิเลส มีโลภ โกรธ หลงมาก เห็นอะไรก็อยากได้ เป็นอย่างนี้ ................................
     
  20. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว....สิ่งประเสิรฐสุดในโลก คือพระรัตนตรัย.....
    เริ่มต้นด้วย..ทาน..ศีล ..ภาวนา..ลองทำไปก่อนเรื่อย ๆ แล้วจะค่อย ๆ เห็น....แต่บุคคลมี4เหล่าบางพวก ท่านว่า.. ยังว่ายากสอนยาก สอนไป มันก็ไม่เข้าใจ
    ดูหมิ่นพระรัตนตรัย...ฟังและอ่านจากผู้รู้ท่านว่า...รับกรรมหนัก...กว่าจะตั้งตัวได้ก็คงนานทีเดียว.............
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...