เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๘

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพทำบวงสรวงขออนุญาตในการรื้อถอนกุฏิในน้ำของวัดอุทยานและสร้างใหม่ ซึ่งต้องมีการโยกย้ายสถานที่เล็กน้อย เพื่อให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่ตั้งเอาไว้

หลังจากนั้นก็ได้มอบปัจจัยจำนวน ๗๕๐,๐๐๐ บาท ให้กับหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งท่านรับเป็นประธานในการบูรณะยอดพระบรมธาตุเชิงชุมส่วนที่ ๔ โดยที่กระผม/อาตมภาพได้รับปากกับท่านสุวรรณนาคราช และขอต่อท่านมณิอักขินาคราชผู้เป็นเจ้านายของท่านอีกครั้งหนึ่ง ในการทำงานร่วมกันครั้งนี้

หลังจากนั้นหลวงพ่อนิลก็ยังมีการถวายแบบวัตถุมงคล ซึ่งจะสร้างเพื่อหาทุนในการบูรณะยอดพระบรมธาตุเชิงชุมส่วนที่ ๔ เพิ่มเติม กระผม/อาตมภาพดูแบบแล้วยังรู้สึกว่าออกแบบได้อลังการมาก เพียงแต่ว่ารูปท่านสุวรรณนาคราชซึ่งหน้าตาออกจะใจดี แต่ว่างานนี้ออกแบบมาได้ขึงขังดุดันมาก อยู่ในลักษณะของการปกป้องคุ้มครองอย่างเต็มที่ ก็ต้องดูว่าเมื่อของจริงออกมาแล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร ?

ต่อด้วยการนำญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งไม่ทราบว่าไหลมาเทมาจากไหน ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ประจำเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ซึ่งถ้ากระผม/อาตมภาพจำไม่ผิด การภาวนาพระคาถาเงินล้านเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ นั้น น่าจะลงที่วัดอุทยานแห่งนี้ทั้งหมด ต้องขออนุญาตกลับไปเช็คตารางงานดูก่อนว่าใช่หรือไม่ ?

แต่วันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเจ้ากรรมนายเวรสบช่องกลั่นแกล้งกันแบบไหน จึงทำให้การเปิดเสียงภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งเคยใช้เป็นประจำนั้น ทั้ง ๆ ที่ซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ปรากฏว่าเปิดแล้วเสียงไม่ดัง จึงทำให้กระผม/อาตมภาพต้องอาศัยเสียงตนเอง โดยเฉพาะอาศัยเสียงของพระครูโก้ (พระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล) เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม จังหวัดชลบุรีเป็นเสียงหลักในการภาวนา

แม้ว่าตอนเริ่มภาวนาได้ขอให้ทางวัดปิดพัดลมสองตัวซึ่งอยู่ตรงที่กระผม/อาตมภาพนั่งไปแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเมตตาเกินประมาณ เปิดพัดลมส่องอยู่ทางด้านหลัง..!

ดังนั้น..กว่าที่จะภาวนาจบ กระผม/อาตมภาพก็ไข้ขึ้นได้ที่ แทบจะไม่มีเสียงในการนำอุทิศส่วนกุศลหลังจากภาวนาพระคาถาเงินล้านเลย จึงได้แจ้งต่อพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน เจ้าของงาน ซึ่งจะนิมนต์ให้กระผม/อาตมภาพปีนบันไดขึ้นไป เพื่อประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมที่หน้าจั่วอาคาร และปล่อยปลาหลังการภาวนาพระคาถาเงินล้าน รวมแล้วอีกสองงาน โดยแจ้งกับท่านว่าไม่ไหวแล้ว ขออนุญาตกลับไปพักก่อน ถ้าขืนเดินไปหน้างานอาจจะไปล้มให้ญาติโยมตกอกตกใจก็ได้..!

 

ท่านใดถ้าไม่เคยสวดมนต์ ๒ ชั่วโมงต่อเนื่องกัน ก็คงจะไม่ทราบว่าเหนื่อยขนาดไหน ?! แล้วในขณะเดียวกัน คนแก่แถมยังไข้จับอีกต่างหาก เรี่ยวแรงหายหมด เกือบจะเดินไม่ถึงกุฏิที่พัก หลังจากฉันเพลแล้วจึงสลบไสลยาวไปยันบ่าย ๒ โมงกว่าที่จะลืมตาขึ้นมาดูโลก ยังสงสัยเหมือนกันว่าจะลืมตาขึ้นมาทำไม ? ไปเสียให้หมดเรื่องหมดราวไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ?!

ในระหว่างงานนั้น ท่านพระครูโก้ก็ได้เมตตาประชาสัมพันธ์ เรื่องที่กระผม/อาตมภาพจะเดินทางไปร่วมงานฉลองวิหารและหล่อสมเด็จองค์ปฐม ๓ กษัตริย์ที่วัดท่าช้าง แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งตอนแรกลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเติมเต็มทราเวลบอกว่ารับได้แค่ ๒๒ คน แต่ตอนนี้ได้ยินว่าเหลือแค่ ๑๐ กว่าคนเท่านั้น..!

ท่านใดที่อยากจะไปร่วมสร้างบุญครั้งประวัติศาสตร์ ในการปลดปล่อยพญานาคราช ซึ่งท่านเคยกระทำบางอย่างผิดพลาด แล้วโดนปิดผนึกเอาไว้เป็นการลงโทษ ถ้าเป็นคนก็ประมาณว่าติดคุกติดตารางชดใช้กรรมของตน เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยโดยตรง หากแต่ว่าสร้างบุญกุศลส่งให้ท่าน เมื่อถึงเวลาบุคคลสำคัญซึ่งรับหน้าที่ปลดปล่อยมาถึง ท่านก็จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าเดิม

จะว่าไปแล้ว เรื่องของพญานาคราชนั้นแม้ว่าจะจัดอยู่ในภูมิสัตว์เดรัจฉาน แต่ว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานในภูมิทิพย์ มีฤทธิ์มีเดชมากมายมหาศาล และหลายท่านถ้าหากว่าดีก็ดีใจหาย ถ้าหากว่าร้ายก็ร้ายใจขาด ก็ย่อมต้องมีการประพฤติปฏิบัติที่ผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา เมื่อได้รับการลงโทษและชดเชยความผิดนั้นไปแล้ว เราเองก็ควรที่จะร่วมด้วยช่วยกัน อยู่ในลักษณะที่ว่าช่วยให้ท่านขึ้นสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น มีฤทธิ์มีอำนาจมากขึ้น คือถ้าท่านไม่สามารถที่จะไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ก็จะมีทิพย์สมบัติและฤทธิ์อำนาจมากขึ้น ถึงเวลาขอความช่วยเหลืออะไร ท่านก็จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ได้มากกว่าปกติ

กระผม/อาตมภาพความจริงทำงานประเภทนี้ไว้มาก แต่ว่าไม่ค่อยได้เปิดเผยให้ใครได้ทราบ ยกเว้นบางท่านที่ติดตามบันทึกการเดินทางของกระผม/อาตมภาพตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นว่าไปที่โน่นอุทิศส่วนกุศลให้ใครบ้าง ไปที่นี่อุทิศส่วนกุศลให้ใครบ้าง เหมือนอย่างกับเราไปมอบต้นทุนเพิ่มเติมให้กับชีวิตของแต่ละท่านแต่ละตน ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วมีความกตัญญูเป็นปกติ เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากใครก็คอยที่จะตอบแทนบุญคุณอยู่เสมอ

 

หลายท่านที่กลายเป็น เทวดา นางฟ้า พรหม ไปแล้ว ถึงเวลาก็ยังอุตส่าห์เมตตา ช่วยติดตามรักษา กลายเป็นส่วนหนึ่งของ "เทวดาประจำตัว" ของเราไปเลย หลายท่านที่เป็นใหญ่ในเขตใดเขตหนึ่ง เมื่อมีทิพย์สมบัติมากขึ้น มีฤทธิ์อำนาจมากขึ้น ครั้นเราไปถึงท่านก็ช่วยกันดูแลปกป้องรักษา อำนวยความสะดวกให้กับพวกเราและคณะมาโดยตลอด เรื่องพวกนี้บางอย่างพูดไปก็กลายเป็นความเพ้อเจ้อ แต่ว่าหลายท่านที่มีความเชื่อถือและประสบการณ์ทางด้านนี้อยู่ พอได้ฟังก็จะทราบทันทีว่า กระผม/อาตมภาพพูดถึงเรื่องอะไร ?

ดังนั้น..ถ้าท่านใดที่ตั้งใจจะไปร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ที่ประเทศลาวด้วยกัน ก็ให้รีบจองการเดินทางได้ที่เติมเต็มทราเวล ซึ่งกระผม/อาตมภาพเพิ่งกลับมาจากเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยน้ำหนักตัวที่ขึ้นมา ๓ กิโลกรัม พูดง่าย ๆ ก็คือไป ๖ วันได้น้ำหนักมาวันละครึ่งกิโลกรัม..!

เนื่องเพราะว่าทางเติมเต็มทราเวลนั้น แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงกว่าที่อื่น แต่ว่ากินหรูอยู่สบายดีมาก ไม่เหมือนกับทัวร์อื่น ๆ ซึ่งจัดไปเมืองฮาร์บิน ซึ่งจัดไปด้วยราคาต่ำ บางทีต่ำจนถึงขนาดหมื่นกว่าไม่ถึงสองหมื่นบาทก็มี แล้วก็ไป "ด่ากันเช็ด" อยู่ที่หน้างานให้เข้าหูกระผม/อาตมภาพด้วย..!

เนื่องเพราะว่าในเมื่อจ่ายราคาต่ำ สิ่งที่ได้รับก็คุณภาพต่ำไปด้วย จะไปต่อว่าทางบริษัททัวร์ก็ไม่ได้ แต่ว่าที่กระผม/อาตมภาพเจอมาและใช้บริการประจำ ไม่ว่าจะเป็นเอ็นซีทัวร์ของคุณนวลจันทร์ เพียรธรรมก็ดี ทางด้านเติมเต็มทราเวลของลูกกิฟท์ก็ตาม ทั้งสองที่นี้ราคาจะสูงกว่าที่อื่นอยู่สักหน่อย แต่รับประกันเรื่องความสะดวกคล่องตัวในการกินการอยู่ของพวกเราได้เลย

ในเรื่องของการเดินทางนั้น ถ้าหากว่ากินอิ่มนอนหลับ เรื่องอื่นก็ไม่เกินกว่าที่เราจะรับกันไหว ถ้ากินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ แถมบริการอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ไปแล้วหงุดหงิด ก็มีแต่คนจะเข็ดกันไปตลอดชีวิต และยังได้ยินว่าทัวร์ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งท้าย ๆ ของกระผม/อาตมภาพแล้วด้วย..!

ดังนั้น..ผู้ที่ติดตามไปก็ต้องถือว่า เราเดินทางร่วมกันไปสร้างกุศลด้วยกัน ไปดูความเจริญก้าวหน้าของบ้านพี่เมืองน้องของเรากัน ถ้าหากว่ามีโอกาสแวะที่ร้านหัตถกรรมผ้าพื้นเมืองแถวบ้านผานมก็จะเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก เนื่องเพราะว่าจะมีผ้าทอพื้นเมือง ซึ่งเปรียบเทียบราคาเป็นไทยแล้วไม่แพงมาก มีวางขายต่อนักท่องเที่ยวมากมายเต็มไปหมด ใครที่เป็นขาช็อปปิ้ง ถ้าหากว่าถึงตรงจุดนี้ น่าจะต้องการเวลาเป็นชั่วโมง ๆ ในการเลือกสินค้าเลยทีเดียว

กระผม/อาตมภาพเองบางทีก็ต้องนั่งรอ อ่านหนังสือหมดไปครึ่งค่อนเล่ม กว่าที่บรรดาญาติโยมจะช็อปปิ้งกันเสร็จ ถึงเวลาเดินทางกลับ กระเป๋าก็งอกเพิ่มขึ้นมาเป็น ๒ ใบ ๓ ใบ..! ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าตอนมาไม่เห็นมี ทำไมตอนกลับถึงโผล่ขึ้นมาได้ ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)