โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

#นิมิตเห็นหลวงปู่พิศดูทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน.. (ตอน 2)
ผมได้รับฟังประสบการณ์นี้จากปากผู้มีประสบการณ์ตรง ท่านนี้ชื่อ คุณลุงฐา
หลังจากที่คุณลุงฐาได้พบพระลึกลับในนิมิต ที่ท่านมาอยู่กับพระอาจารย์น้องแล้ว พระอาจารย์น้องก็ได้พาลุงฐา ธุดงค์มุ่งหน้าสู่ จ.จันทบุรี เพื่อไปกราบนมัสการหลวงปู่พิศดู ระหว่างทางได้เฉียดกราย ผ่านวัดถ้ำวัวแดง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ พระอาจารย์น้องจึงได้พาลุงฐาแวะ เพื่อขึ้นไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนถ้ำวัวแดง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นถ้ำที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เคยมาพำนักอยู่ ซึ่งทางขึ้นถ้ำนั้นลุงฐาได้พบรูปปั้นฤาษีอยู่องค์หนึ่ง จึงได้เข้าไปกราบสักการะขอพร และขอความคุ้มครองจากปู่ฤาษี ให้การเดินทางไปกราบหลวงปู่พิศดูที่ จ.จันทบุรี ในครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นปลอดภัย และหลังจากกราบพระ และอยู่ปฏิบัติธรรมบนถ้ำวัวแดงได้ระยะหนึ่งแล้ว พระอาจารย์น้องจึงได้พาลงจากถ้ำ และเดินทางต่อไปยัง จ. จันทบุรี...
ซึ่งระหว่างการเดินรอนแรมนั้น ลุงฐาก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาล่วงไปเปล่าเลย แต่ได้พยายามกำหนดสติรู้กับการก้าวย่างสำรวมเป็นจงกรมอยู่เสมอ ถึงจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จนมีการเผลอสติไปบ้าง แต่เมื่อนึกได้ก็ดึงสติกลับมารู้อยู่แต่ในปัจจุบันขณะ แต่อีกใจลึกๆก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าพระภิกษุชราในนิมิตที่ตนเองพบ กับองค์หลวงปู่พิศดู จะเป็นองค์เดียวกันหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ขอให้ได้ไปกราบนมัสการพระอรหันต์ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สำคัญของพระอาจารย์น้อง นึกแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้
และเมื่อเดินทางเข้าสู่ จ.จันทบุรี ใจของลุงฐาก็ยิ่งมีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เพราะรู้ตัวว่าอีกไม่นานจะได้พบพระสุปฏิปันโนเนื้อนาบุญใหญ่ จนเมื่อเดินทางเข้าสู่สถานธรรมวัดเทพธารทอง ซึ่งในสมัยนั้นยังปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย บรรยากาศดูเงียบสงัดสัปปายะรื่นรมย์ดี เมื่อไปถึงพระอาจารย์น้องก็ได้นำขึ้นไปกราบนมัสการองค์หลวงปู่พิศดูบนกุฏิ ซึ่งสมัยนั้นท่านยังจำพรรษาอยู่บนกุฏิใหญ่ เมื่อขึ้นไปถึงก็พบหลวงปู่นั่งคอยอยู่แล้ว และทันทีที่ลุงฐาได้พบเห็นใบหน้าขององค์หลวงปู่พิศดูชัดๆ ลุงฐาก็ตกตะลึง และปีติใจอย่างท่วมท้น เพราะว่าหลวงปู่ในนิมิต กับองค์หลวงปู่พิศดู ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลุงฐานี้ คือองค์เดียวกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเป็นแน่นอน
และเมื่อลุงฐาได้คลานเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ใกล้ๆแล้ว หลวงปู่ก็ได้แสดงทิพย์จักขุญาณ และเจโตปริยญาณ โดยเอ่ยปากให้ลุงฐาได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ ว่า..
" ท่านฤาษีถ้ำวัวแดง ตามมาส่งเองเลยเรอะ.."
ทำให้ลุงฐาตกใจ พร้อมกับปิติได้ฟูขึ้นเองอย่างท่วมท้น เพราะทำให้นึกถึงเรื่องที่ตนเองได้ไปกราบขอพรท่านฤาษีที่ถ้ำวัวแดง ให้ช่วยตามคุ้มครองให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นอย่างตลอดรอดฝั่ง และลุงฐาก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครรู้มาก่อน แต่หลวงปู่ท่านกลับทราบด้วยทิพยจักษุ (มองเห็นกายทิพย์ของฤาษีที่ตามมาส่ง) และเจโตปริยญาณ(รู้วาระจิต) อย่างแจ่มชัดเป็นที่สุด ลุงฐาได้นึกบอกกับตัวเองในใจว่า เราพบพระอรหันต์องค์จริงเข้าแล้ว โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากถามกัน เพียงแต่ท่านพูดขึ้นมาเอง หลายๆอย่างที่ตนเคยสงสัยอยู่ในใจก็ปลดเปลื้องพันธนาการไปเสียหมด และหมดความสงสัยในคุณธรรมรวมถึงคุณวิเศษขององค์หลวงปู่พิศดู จึงยอมศิโรราบ หมอบราบคาบไปในบัดดลนั่นเอง..
ขอขอบพระคุณ คุณลุงฐา ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์นี้ ให้ผู้เขียนได้นำมาลงเผยแผ่ต่อผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่พิศดูต่อไป..
Sira Pop

 

ed737188970th ราชดำเนิน

 

สวัสดียามเย็นครับป๋า

 

ed992645653th ขุนทะเล

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

หลวงปู่ท่านไม่ชอบคลุกคลี หรืออยู่กับคนหมู่มาก ท่านบอกว่า สังขารท่านจะทรุดเร็ว เนื่องจากต้องเสียกำลังของสังขาร เพื่อช่วยนั่น ช่วยนี้ ช่วยโน่น บางคนก็มาจะเอาหวยบ้าง บางคนก็เอานั่นเอานี่มาให้เสกให้เป่าให้บ้าง ฯลฯ... ลำพังจิตใจของท่านเองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่สังขารที่ใช้งานมานานเกือบ 90 ปีมานี้ โรยราเต็มที เพราะที่ผ่านมาหลวงปู่ท่านฝึกฝนปฏิบัติธรรมมาแบบหนักหน่วงที่สุดแบบ นอนน้อย ฉันน้อย ปฏิบัติมาก ฉะนั้นภูมิจิตภูมิธรรมของท่านจึงล้ำลึก สุดยอดด้วยประการทั้งปวง
หลวงปู่ท่านเป็นพระที่รู้วาระจิตได้อย่างละเอียด.. ท่านเคยบอกว่า
" ใครจะมาจะไป ถ้าเราอยากรู้ เราก็รู้ได้หมด บางครั้งก็รู้ตั้งแต่ก่อนเขาจะออกมาจากบ้านด้วยซ้ำ.."
" ถ้าจะเข้ามาวัด ต้องวางอัตตา(ตัวตน) ยศ ตำแหน่ง ออกไปก่อน แล้วค่อยเข้ามา.."
" ถ้าโยมมาหาเรา ไม่ต้องเอาอะไรมามากหรอก แค่มาด้วยใจ ส่วนข้าวของก็เอามาตามสมควรก็พอ.."
" เราพอแล้ว เป็นพระไม่ได้ใช้อะไรมาก.. แค่โยมมาเห็น มากราบก็ได้บุญแล้ว เห็นเขาทำดีเราโมทนา ก็ได้บุญ แต่ถ้าอยากได้บุญใหญ่ก็มาภาวนา.."
ข้อมูลคุณสิรภพ

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

ed737195366th หลักสี่
ed737195370th คลองจั่น

 

เหรียญพระแก้วมรกตหมดห่วง รุ่น2 ปี40 เนื้อนวะ มาพร้อมกล่อง เหรียญนี้เข้าพิธีนานถึง 7 ปี พิธีพุทธาภิเษก 26 พิธี และพิธีอธิษฐานจิตเดี่ยวอีก 32 พระเถระ บูชา 1,950 บาท พร้อมส่งในประเทศครับ





จัดสร้างโดยคุณสุธันย์ สุนทรเสวี วัตถุประสงค์ในการสร้างหอพระองค์หลวงพ่อเพชร
เพื่อประดิษฐานในสาธารณสุข จ.สมุทรสงคราม

การถวายนาม เหรียญพระแก้วมรกต จักรแก้วพระพุทธเจ้า
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.3 ซ.ม.ด้านหน้า ด้านหน้าเป็นรูปจำลองพระแก้วมรกต ทรงเครื่องฤดูฝนประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์บัว 2 ชั้น
อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วและรายล้อมด้วยดอกไม้ โดยเลียนแบบจากรูปลักษณ์จากเหรียญพระแก้ว มรกต รุ่นฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี
ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์จักรแก้วพระพุทธเจ้า ทรงอานุภาพปราบมารขจัดอุปสรรคและตัดเคราะห์กรรม ซึ่งผูกจากพระคาถาจักรแก้วพระพุทธเจ้า
“ อิติปิโสภควา เอกจกกํ มารเปตวา พุทธจกโก เวหาสคนตวา” หมุนออกจากแกนกลางวนแบบทักษิณาวัตร (หมุนวนขวามือ)

โดยคณะผู้จัดสร้างได้รวบรวมโลหะทองชนวน พระกริ่ง – พระชัยวัฒน์ สำนักวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ หลายวาระ
ทองชนวนพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และครอบน้ำมนต์ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก,ตะกรุดและแผ่นยันต์ของพระอริยสงฆ์
และพระอภิญญาจารย์เจ้าทุกภาคทั่วประเทศและโลหะบริสุทธิ์ 9 ชนิดได้แก่ รวมทั้งแผ่นพระยันต์ 108 ดวง และนะปัถมัง 14
นะอันเป็นพระยันต์บังคับตามตำราการสร้าง พระกริ่ง – พระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระพันรัตน์วัดป่าแก้ว กรุงเก่า
ซึ่งรุ่นสองนี้คุณสุธันย์ใช้ชนวนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสะสมมายาวนานหลอมสร้างไปมากที่สุด มากกว่ารุ่นแรก

ผู้สร้างนำทองชนวนและแผ่นยันต์ทั้งปวงมาหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทเป็นแผ่นใหญ่ ปล่อยให้เย็นตัวลงตามธรรมชาติ
จากนั้นนำโลหะธาตุมารีดเป็นแผ่นบางโดยจำแนกไปตามชนิดของโลหะคือ นวโลหะ เงิน และ ทองคำ
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เวลา 07.09 น. เป็นมหามงคลฤกษ์ที่ได้คำนวณไว้ดีแล้ว
จากนั้นก็นำแผ่นโลหะทั้งสามมาดำเนินการปั๊มเป็นเหรียญให้เสร็จภายในเวลา 23.09 น. ของวันเดียวกันซึ่งเป็นอุดมมงคลตามฤกษ์

จำนวนการสร้าง 2,222 เหรียญ
1. ทองคำบริสุทธิ์ 5 เหรียญ
2. เงินบริสุทธิ์ 181 เหรียญ
3. นวโลหะกลับดำ 2,036 เหรียญ


*****พิธีมหาพุทธาภิเษก*****
1. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระบรมรูป ร.5 4 ตุลาคม 2540
2. วัดสุทัศฯเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีทรัพย์เพิ่มพูน 7 พฤศจิกายน 2540
3. วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ พิธีพระเศรษฐีนวโกฏิ 15 พฤศจิกายน 2540
4. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธีพระพิฆเณศวร ศิลปากร 8 มกราคม 2541
5. วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี พิธีเหรียญพระรูป ร.5 23 ตุลาคม 2541
6. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งพุทธปัญญา 30 สิงหาคม 2542
7. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีพระกริ่งอัตตรักโข 23 ตุลาคม 2542
8. วัดยางงาม ราชบุรี พิธี 100 ปี ปากท่อ 27 ตุลาคม 2542
9. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งพุทธสุขสิริ 6 พฤศจิกายน 2542
10. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีเสาร์ 5 8 เมษายน 2543
11. วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี พิธีเสาร์ 5 8 เมษายน 2543
12. วัดช้าง นครนายก พิธีพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ “สาธารณสุข” 9 มิถุนายน 2543
13. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธีพระพุทธนิรามัย 27 มิถุนายน 2543
14. วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี พิธีสมโภชรูปเหมือนหลวงพ่อจ่าง 23 ตุลาคม 2543
15. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีวันเพ็ญ เดือน 12 พฤศจิกายน 2543
16. วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี พิธีพระกริ่งเพชรกลับ วชิรเวท 7 ธันวาคม 2543
17. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งพุทธยอดฟ้า 31 ธันวาคม 2543
18. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีรูปเหมือนสะดุ้งกลับ หลวงพ่อพูล 18 มกราคม 2544
19. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งจอมไทย 19-27 มกราคม 2544
20. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีมงคลอายุวัฒน์ 90 10 กุมภาพันธ์ 2544
21. วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม พิธีชัยมังคลาภิเษก 25 เมษายน 2545
22. วัดเลา กรุงเทพฯ ….………………. 27 เมษายน 2545
23. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธีหลวงปู่ทวด กระทรวงกลาโหม 10 พฤศจิกายน 2545
24. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธีพระพุทธนิรโรคันตราย 11 พฤศจิกายน 2545
25. วัดเลา กรุงเทพฯ ….……………….. 13 พฤศจิกายน 2545
26. วัดปราสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ พิธีหลวงพ่อทวด 19 พฤศจิกายน 2545


*****พิธีอธิษฐานจิตเดี่ยว*****
1. พระครูภัทรธรรมรัติ (ภัทร) วัดโคกสูง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 6-7 กันยายน 2540
2. พระครูสุวรรณวิสุทธิ์ (เจริญ) วัดธัญญวารี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี 22 กันยายน 2540
3. พระครูวิทิตพัฒนาทร (จ้อย) วัดหนองน้ำเขียว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี 28 มกราคม 2540
4. พระครูปราสาทพรหมคุณ (หงส์) วัดเพชรบุรี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ 1 กุมภาพันธ์ 2540
5. พระธรรมมุนี (แพ) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี 12 เมษายน 2541
6. พระครูสังวรสมณกิจ (ทิม) วัดพระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา 12 เมษายน 2541
4 มกราคม – 31 มีนาคม 2542
7. พระภาวนานุสิชฌ์เถร (หรุ่ม) วัดบางจักร อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
12 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2541,27 มกราคม 2544,3 มีนาคม 2544
8. พระนิมมานโกวิท (ทองคำ) วัดท่าทอง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 5 พฤษภาคม 2541และ13 – 14 พฤษภาคม 2547
9. พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์(วงศา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน 6 พฤษภาคม 2541
10. พระครูมงคลคุณาทร (คำปัน) วัดหม้อคำตวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 6 พฤษภาคม 2541
11. พระครูวรวุฒิคุณ (อิน) วัดฟ้าหลั่ง อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
12. พระครูพิศิษฐสังฆการ (ผัด) วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
13. พระครูสิริศีลสังวร (น้อย) วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
14. พระครูชัยยะวงศ์วิวัฒน์ (หน่อย) วัดบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
15. ครูบาเทือง นาถสีโล วัดบ้านเด่น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
16. พระราชพฤฒาจารย์ (ห้อม) วัดคูหาสุวรรณ อ.เมืองฯ จ.สุโขทัย 8 พฤษภาคม 2541
17. พระครูศีลสารสัมปัน (อ่อน) วัดเนินมะเกลือ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 8 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2541
18. พระครูสุนทรวชิรเวท (จ่าง) วัดเขื่อนเพชร อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 8 กรกฎาคม – 5 ตุลาคม 2541
(ไตรมาส 2541 )
19. พระราชอุดมมงคล (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี 18 ธันวาคม 2541,13 พฤษภาคม 2542 ,และ 14 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2542
20. พระครูสถิตย์โชติคุณ (ไสว) วัดปรีดาราม อ.สามพราน จ.นครปฐม 3 – 21 มิถุนายน 2542
21. พระครูสุนทรจริยวัตร (ม่วง) วัดยางงาม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี 22 มิถุนายน – 23 ตุลาคม 2542
( พรรษา 2542 )
22. พระครูสังวรานุโยค (ช่อ) วัดโคกเกตุ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 11 พฤศจิกายน – 28 ธันวาคม 2542,1 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2544และ1 มกราคม – 30 เมษายน 2547
23. พระครูปุริมานุรักษ์(พูล) วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม 8 เมษายน 2543 (เสาร์5) 15 กรกฎาคม – 13 ตุลาคม 2543(ไตรมาส 2543 )
24. พระอาจารย์ธรรมนูญ ฐิตวัฒฑโน วัดมณีชลขันธุ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี 27 มกราคม – 2 มีนาคม 2544
25. พระอาจารย์ใย สัญญาโม วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา 2 มีนาคม – 5 พฤษภาคม 2544
26. หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา 3 มีนาคม 2544,6 พฤษภาคม 2544และ24 มิถุนายน 2545
27. พระครูวินัยวชิรกิจ (อุ้น) วัดตาลกง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 1 กรกฎาคม – ตุลาคม 2544(ไตรมาส 2544)
28. พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (สมโภช) วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 14 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2545
29. พระราชวิทยาคมเถร (คูณ) วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา (ไตรมาส 2545 ) 22 กรกฎาคม – 21 ตุลาคม 2545และ 23 ตุลาคม 2545
30. พระครูวิชัยกิจอารักษ์ (อุดม) วัดพิชัยสงคราม อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา 17 มีนาคม – 10 กรกฎาคม 2546
31. พระอาจารย์เมือง พลวัฒทโณ วัดป่ามัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ (ไตรมาส 2546) 13 กรกฎาคม – 2 พฤศจิกายน 2546
32. พระอาจารย์สมบูรณ์ กนตสีโล วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาตตระการ จ.พิษณุโลก 14 พฤษภาคม – 27 ตุลาคม 2547( ไตรมาส 2547 )

 

หลวงปู่เคยสอนว่า
" บุญกุศลถ้าทำให้ต่อเนื่องได้จะดี จะทำมากทำน้อยก็ได้ เมื่อมีโอกาสก็ให้ทำไปตามกำลัง.."
(เมื่อทำบุญได้อย่างต่อเนื่อง อานิสงส์ก็ย่อมส่งถึงเราอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ผู้นั้นจะเป็นผู้มีแต่ความโชคดีอยู่เสมอ)
" ถ้าไม่มีเงิน หรือข้าวของที่จะทำบุญ ก็ให้ สาธุๆๆ อนุโมทามะ กับคนที่เขาทำ ก็ได้บุญเหมือนกัน.."
" บุญ เป็นของจริง ถ้าทำจริง ศรัทธาจริง ก็ได้ผลจริง.."
" ทานรวย ศีลสวย ภาวนาฉลาด.."
(การทำบุญมีอยู่หลายทาง แต่ละทางก็ให้ผลต่างกันไป
ใครอยากรวย ให้ทำทานมากๆ ใครอยากเกิดมาหล่อสวย ก็ให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์เสมอ ใครอยากเกิดมามีปัญญาดี ก็ให้เจริญภาวนามากๆ )
ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน จงอย่าคิดว่า ชีวิตนี้เราทำบุญไว้เยอะแล้ว หรือเมื่อไหร่ค่อยทำก็ได้ เพราะบุญที่ทำเปรียบเสมือนอริยทรัพย์ที่สะสมเอาไว้ใช้ในอนาคต หรือในภพหน้าๆ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เราสามารถตักตวงบุญกุศลได้ตลอดเวลา การเกิดเป็นคนนั้นเป็นเรื่องยาก และคนเรานี้แหละที่สามารถสร้างสมบุญ กุศล บารมี ได้ดียิ่งกว่าภูมิใดๆ เพราะครบถ้วนด้วยองค์ประกอบที่จะกระทำได้
บุญที่ทำนี้อาจส่งผลได้ภายในชาตินี้ หรือชาติหน้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง เราไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังหรือเร่งให้บุญส่งผลให้เราสมปรารถนาโดยเร็ว เพราะอาจจะทำให้บุญนั้นกลายเป็นอัตตาบุญไป
และเมื่อทำบุญแล้ว จะอธิษฐาน หรือไม่อธิษฐานก็ได้ ยังไงอานิสงส์แห่งบุญนั้นย่อมให้ผลแก่เราตามเหตุปัจจัยอันเหมาะสมเป็นแน่แท้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราต้องการจะอธิษฐาน ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า บุญเป็นของดี เป็นของสูง บุญเป็นของพึ่งได้จริง เพราะฉะนั้นให้อธิษฐานในเรื่องสูงๆไว้ก่อน เช่น ขอบุญที่ทำนี้จงเป็นปัจจัยต่อมรรคผลนิพพาน หรือ หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน ก็ขอให้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ขอให้มีปัญญารู้แจ้งในธรรมได้โดยฉับพลัน ส่วนจะอธิษฐานให้รวย ให้สวย ให้ฉลาด หรือให้สุขภาพแข็งแรงนั้น เข้าใจว่าคงไม่จำเป็นนัก เพราะอย่างไรเสีย ผลลับในการกระทำนั้นย่อมสะทัอนกลับมาเป็นแม่นมั่น ใครที่บริจาคทานก็ต้องรวย ใครรักษาศีลบริสุทธิ์ก็ต้องสวย ใครภาวนามากก็ต้องฉลาด ใครไถ่ชีวิตสัตว์ สร้างสถานพยาบาล หรือดูแลผู้ป่วย ก็ย่อมมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืน เป็นเช่นนี้เอง(ตถตา)
และการทำบุญนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ซึ่งผู้ที่เป็นนาบุญ หรือองค์แห่งบุญเหล่านั้น ก็ยังมีผลต่างเช่นกันอีก เช่น เมื่อทำบุญกับพระอริยะ ก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับพระที่ทรงศีลปกติ ทำบุญกับพระที่ทรงศีล ก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับพระที่ศีลไม่บริสุทธิ์ ลดหย่อนกันไปตามลำดับ...
แต่บุญที่สามารถทำได้กับตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทำที่อื่น และไม่ต้องลงทุนใดๆ ก็คือการเจริญจิตภาวนา เรื่องนี้หลวงปู่สอนว่า..
" แค่ภาวนา พท-โธ ก็ได้บุญแล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไร พุท-เข้า โธ-ออก บอกทางบุญ.."
ข้อมูลคุณสิรภพ

 

ed086114285th สุราษฏร์ธานี

 

#อนาคตังสญาณ..
เมื่อประมาณปี 2549 ที่เมืองจันท์มีข่าวลือกันมากว่าช่วงกลางปีน้ำจะท่วมใหญ่ โดยเฉพาะอำเภอท่าใหม่นี่จะท่วมถึงหลังคา คนจะตายกันเยอะเพราะตั้งตัวไม่ทัน.. ต้นเรื่องนี้มาจากมีร่างทรงคนหนึ่งมาบอกกับหลวงปู่ฟัก วัดเขาน้อยสามผาน พอดีมีคนได้ยินหลายคนจึงเอามาพูดต่อๆกัน หลายคนก็เชื่อ จนเป็นกระแสข่าวดัง ผู้คนที่ทราบข่าวก็ต่างกังวลใจมาปรึกษากับหลวงปู่ฟักทุกวันจนท่านแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ว่าจะแก้ไขอย่างไรดี ท่านก็ได้แต่ให้กำลังใจ และให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท.. มันอาจจะไม่เกิดก็ได้.. ถ้าเป็นแรงวิบากอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด.. ถ้าเพื่อความสบายใจก็เตรียมอาหารน้ำดื่มเอาไว้บ้างก็ดี..
บางคนก็เอาสายสิญจน์มาให้หลวงปู่ฟักเสก จะเอาไปขึงล้อมบ้าน เพื่อป้องกันน้ำท่วม(คิดได้ยังไง) เห็นแบบนี้ก็เลยทำตามกันใหญ่ หนักๆเข้าสายสิญจน์ขายดี จนขาดตลาด เรียกว่าในเมืองจันทแทบไม่มีสายสิญจน์ขายเลย ที่มีก็ปรับราคาขึ้นกันหลายเท่าตัว เพราะความเชื่อต้องการเอามาให้หลวงปู่ฟักเสก หลวงปู่ฟักท่านเป็นพระที่มีเมตตาจิตเป็นสาธารณะอยู่แล้วก็ไม่อาจขัดศรัทธาได้ ใครเอามาให้เสกท่านก็เสกให้หมด..
ก็มีหลายคนรวมทั้งผมด้วยที่ทราบข่าว จึงต้องการทราบคำตอบ ไม่รู้จะถามใคร จึงเดินทางไปกราบเรียนถามหลวงปู่พิศดู ที่วัดเทพธารทอง โดยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง ท่านฟังท่านก็หัวเราะ.. แล้วให้สติว่า
" เรื่องที่มันยังไม่เกิด อย่าเพิ่งไปกังวล ใจปัจจุบันจะเสีย.. ข่าวลือเขาบอกว่าเดือนหน้าน้ำจะท่วม แต่ดูสิ่ปัจจุบันใจมันเป็นทุกข์แล้ว.."

แล้วหลวงปู่ว่าน้ำจะท่วมตามคำทำนายของร่างทรงคนนั้นไหมครับ..?
หลวงปู่อมยิ้ม สายตาท่านมองมาด้วยความเอ็นดู แล้วตอบว่า..
" ไม่มีน้ำท่วมนะ ไม่เชื่อคอยดู.. เราบอกแล้วว่าอย่าไปกังวล .."

ใครมาถามท่าน ท่านก็ตอบแบบนี้เช่นกัน
บางคนก็เอาสายสิญจน์มาให้หลวงปู่พิศดูเสก ท่านก็ถาม
" เอามาให้เสกไปกันน้ำท่วมหรือ.. เห็นเอามาให้เสกกันบ่อยช่วงนี้.. เราก็เสกให้ แต่เราเสกให้เป็นมงคล ไม่ได้เสกให้เอาไปล้อมบ้านกันน้ำท่วมนะ.. เรามั่นใจว่าน้ำไม่ท่วม.. "

สรุปคือพอผ่านกำหนดเวลาที่ร่างทรงผู้นั้นพยากรณ์ไว้ ทั้งปีน้ำก็ยังไม่ท่วมอย่างที่หลวงปู่พิศดูกล่าวจริงๆ
แบบนี้จะเรียกว่าอนาคตังสญาณ(ญาณหยั่งรู้กาลอนาคต)ได้หรือไม่..??
ผมชอบพระแบบนี้ ชัดเจน จบ..!!!
ข้อมูลคุณสิรภพ

 

#หลวงปู่เมตตาไปโปรดถึงบ้าน
เมื่อสิบกว่าปีก่อน องค์หลวงปู่พิศดูท่านได้เดินทางไปหาโยมคนหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยรุ่น ท่านจึงสั่งให้ลูกศิษย์ของท่านขับรถพาไป แต่ระหว่างทางหลวงปู่ได้สั่งให้แวะพักที่ร้านขายกาแฟและเป็นร้านขายของชำเล็กๆร้านหนึ่ง โดยหลวงปู่ท่านเดินไปนั่งที่เก้าอี้อยู่หน้าร้านบ้านเลขที่ 42 เจ้าของร้านเห็นดังนั้นก็เลยจัดน้ำถวาย และได้มีผู้ขออนุญาตหลวงปู่ถ่ายรูปท่านไว้เป็นที่ระลึกด้วย เมื่อท่านได้ฉันน้ำแล้วหลวงปู่ได้เมตตาสวดมนต์และให้พร พร้อมกับบอกว่า " ร้านนี้ดี ค้าขายอะไรก็ขายดี.. " แล้วท่านก็ออกเดินเข้าไปในซอยใกล้ๆ เพื่อไปหาโยมเพื่อนที่อยู่บ้านหลังด้านใน ปรากฏว่าเพื่อนของท่านกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง ซึ่งดูจากรูปการแล้วเหมือนกับว่าองค์หลวงปู่ท่านได้ทราบเหตุการณ์ความเป็นไปของโยมเพื่อนท่านอยู่ก่อนแล้วจึงมาเยี่ยมดูอาการ แล้วท่านก็อธิษฐานแผ่เมตตาให้หายป่วยเร็วๆ
จากนั้นญาติพี่น้องของผู้ที่ป่วยก็เล่าเรื่องราวแปลกๆที่บ้านหลังนั้นให้หลวงปู่ฟังว่า ในทุกวันช่วงประมาณ 3 ทุ่ม จะมีเสียงดังตึงตังอยู่บนบ้าน แต่พอขึ้นไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ทุกคนในบ้านก็กลัวเพราะไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงอะไร อยากให้หลวงปู่ช่วยด้วย เมื่อหลวงปู่ได้ฟังดังนั้นท่านก็อมยิ้ม จากนั้นท่านก็ลุกขึ้นเดินไปรอบบ้าน 1 รอบ แล้วท่านก็บอกว่า..
" ไม่ต้องห่วงนะ เราจัดเทพให้รักษาบ้านหลังนี้เอาไว้แล้ว เทพองค์นี้ดี ไม่ต้องเซ่นต้องไหว้อะไรทั้งนั้น..."
และตั้งแต่นั้นมาเสียงผิดปกติดังกล่าวก็ไม่เคยปรากฏอีกเลยนับตั้งแต่องค์หลวงปู่ไปที่บ้านเขาวันนั้น แถมคนที่นอนป่วยก็กลับหายวันหายคืนอีกด้วย..

และเรื่องที่น่าอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งนั้นก็คือ เมื่อองค์หลวงปู่กลับไปแล้ว ผู้ที่ถ่ายรูปนี้ไว้ก็ได้อัดรูปนี้ออกมาแจกจ่ายชาวบ้านระแวกนั้นนำไปแขวนบูชาที่บ้านกัน ปรากฏว่าบนรูปที่ถ่ายไว้นั้น มีเลขที่บ้าน 42 ติดอยู่ด้วย ชาวบ้านก็เลยพากันเอาเลข 42 ไปเสี่ยงโชคปรากฏว่าหวยงวดนั้นออก 42 ตรงๆ ชาวบ้านที่ซื้อเลข 42 ถูกกันทุกคน ส่วนเจ้าของร้านกาแฟบ้านเลขที่ 42 นั้น ก็ถูกหวยกับเขาด้วยได้เงินไปเป็นแสน.. และตั้งแต่องค์หลวงปู่ไปที่ร้านกาแฟร้านนั้น ก็ทำให้การค้าขายดีขึ้นตลอดมา ไม่ว่าจะขายอะไรก็ขายดีจริงๆตามที่องค์หลวงปู่บอกไว้ทุกประการ วันหนึ่งๆขายของได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นบาทเกือบทุกวัน..
ส่วนไม้เท้าที่เห็นนั้นเจ้าของภาพใบนี้ได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัด ท่านก็เลยให้ไม้เท้ามา 2 อัน โดยเป็นของที่หลวงปู่เคยใช้มาก่อน เจ้าของเลยเอามาเขียนชื่อหลวงปู่พิศดูเอาไว้กันลืม.
ข้อมูลคุณสิรภพ

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

ed086129917th สันกำแพง

 

ป้าจิ๋ม เขาไร่ยา เจ้าของประสบการณ์ ขณะถ่ายทอดเรื่องราวดีๆให้ทุกคนได้ฟัง..
เรื่องเจโตปริยญาณ และญาณทัศนะของหลวงปู่พิศดูนั้น มีความละเอียดแบบสูงสุดยอดจริงครับ คงไม่ต้องบอกว่าทราบได้อย่างไร เพราะเรื่องแบบนี้ถ้าใครที่เคยอยู่กับท่าน หรือเคยไปกราบท่านบ่อยๆ จากคนที่ไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆพอเจอกับตัวเองก็ต้องเชื่อเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครมาขอให้เชื่อเลย ซึ่งผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่บทจะเชื่ออะไร ก็ต้องหาเหตุผลมาพิจจารณาเสียก่อนจึงจะตกลงใจยอมรับ อย่างเช่นเรื่องหวย ลูกศิษย์ของหลวงปู่ที่เข้ามาก่อนผมก็บอกว่า หลวงปู่พิศท่านให้หวยแม่นมาก บางคนก็บอกว่า หลวงปู่ท่านบอกใบ้ให้ทุกงวดเลย อยู่ที่ว่าเราจะตีปริศนาของท่านออกหรือไม่..??? บอกตรงๆครับ แรกๆผมก็ไม่เชื่อ (ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อว่าหลวงปู่ท่านให้หวยแม่นหรอกนะครับ แต่ว่าไม่เชื่อว่าท่านจะให้เราทุกงวดมากกว่า..) คิดว่าคนที่พูดนั้นสงสัยจะบ้าหวย หรืออุปาทานกันไปเองหรือเปล่า.. แต่พอได้มาอยู่อุปัฏฐากดูแลท่าน ถึงได้ทราบตามนั้นเช่นกันว่า หลวงปู่พิศดูท่านบอกใบ้ให้ทุกงวดจริงๆครับผมขอยืนยัน ขอบอกอีกครั้งว่า หลวงปู่ท่านบอกให้ให้ทุกงวดจริงๆ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นเป็นองค์แรกครับ.. และวิธีการบอกใบ้ของท่านนั้น มีหลายวิธีแตกต่างกันไป เช่นพูดเป็นปริศนาบ้าง ทำอะไรให้เป็นเป็นเรื่องแปลกๆ ที่สามารถแปลเป็นตัวเลขได้บ้าง โอ้ยย เยอะแยะครับ แต่ท่านก็ไม่ได้บอกหรอกนะครับว่า ท่านใบ้หวย อย่างมากก็จะพูดว่า " บอกใบ้.." หรือ " ให้ตรงๆก็ไม่ได้ จะหวงก็ไม่ได้.." เรื่องการให้หวยนี้หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยบอกตรงๆคนไปซื้อ พอบอกบ่อยๆเข้าก็โดนพระพุทธเจ้าท่านดุเอา หลวงปู่ท่านเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า..
" เวลาพระพุทธเจ้าท่านด่าน่ะ เจ็บนักนา.."
" ใครๆด่าเราไม่เคยกลัว ท่านพ่อลีด่าเรา เราก็ไม่กลัว คนอื่นเขาว่าท่านพ่อลีนี่ดุ เขากลัวกัน เราไม่กลัวอยู่คนเดียว(เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร) แต่ถ้าพระพุทธเจ้าด่านี่ ไม่ได้นะ.. ต๊กใจ..!!! ต้องกลัวท่านนา.."

ข้อความที่อ้างอิงมาด้านบนสุดนั้น เป็นคำที่หลวงปู่ท่านพูดเสมอๆครับ เพื่อให้ลูกศิษย์ของท่านเกิดความมั่นใจ แม้ลูกศิษย์คนนั้นจะไม่ได้ใส่เครื่องรางของขลังของท่านเลยก็ตาม แต่ถ้ามีเหตุคับขันจริงๆ ท่านก็บอกว่าให้เรียกชื่อของท่าน หลวงปู่จะไปช่วย บางคนก็เกรงใจท่าน ไม่กล้าเรียก ท่านก็จะบอกว่า.. " มีอะไรก็บอกเราได้.. ไม่ต้องเกรงใจ "
ลูกศิษย์บางคนมีอาชีพขายผลไม้เพื่อการส่งออก บางครั้งผลไม้เข้ามาเยอะ หาลูกค้าป้อนของไม่ทัน กลัวผลไม้จะเสีย ก็เรียกหลวงปู่ ให้หลวงปู่ช่วยให้มีคนมาซื้อ ไม่นานก็จะมีคนมารับไปจนหมด จะเป็นอย่างนี้อยู่เสมอๆ ไม่เคยมีผลไม้เหลือค้างไว้เลย
ลูกศิษย์บางคนก็เรียกท่านทั้งวันก็มี ตัวเขาเรียกอยู่ที่ร้าน แต่องค์หลวงปู่อยู่ที่วัด บางวันอยู่ๆท่านก็เปรยๆออกมาว่า " เอ๊ะ.. ไม่รู้ว่ามันจะเรียกอะไรนักหนา เรียกทีเดียวเราก็รู้แล้ว เรียกอยู่ได้.. เรารู้ตั้งนานแล้ว "
เรื่องแบบนี้ขอบอกว่าลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ท่านจริงๆเจอกันบ่อยครับ แต่ส่วนมากถ้าไม่คุ้นเคยกัน หรือเป็นศิษย์ที่ห่างๆไม่ค่อยได้มาท่านจะไม่ค่อยเล่าให้ฟัง หรือแสดงอะไรให้เห็น นอกเสียจากผู้นั้นจะมาหาด้วยความตั้งใจ หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้ที่เข้ามาในข่ายญาณที่ท่านต้องโปรด ท่านก็อาจแสดงให้เห็นบ้างเพื่อปลูกศรัทธาให้เกิดขึ้นในจิตใจเป็นต้นครับ..

อย่างล่าสุดก่อนงานครบรอบวันมรณภาพปีที่ 3 ขององค์หลวงปู่ ทางเจ้าภาพงานทอดผ้าป่าสามัคคีชื่อ ป้าจิ๋ม เขาไร่ยา ก็ได้เล่าประสบการณ์ประกาศไมค์โครโฟนให้ทุกคนที่ไปร่วมงานฟังว่า.. วันก่อนที่จะมาที่วัดนี้แค่วันเดียว มีคนเอามะไฟมาส่งให้ 5 ตัน ฉันก็ต้องรับไว้หมด แต่พอเวลาเอาไปส่งให้คนที่รับซื้อประจำ เขาก็บอกกันว่า เจ๊ พรุ่งนี้สงกรานต์ผมหยุดแล้ว ตั้งแต่เจ้าแรก ไปถึงเจ้า 2 เจ้า 3 ก็ไม่มีใครรับเลย ทุกคนบอกว่า เจ๊ พรุ่งนี้วันสงกรานต์ผมหยุดรับแล้วครับ.. ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ถามไป 3 เจ้าแล้วก็ปฏิเสธกันหมด ไม่รู้ว่าจะเอาไปส่งใคร เลยบอกปู่(พิศดู)ว่า ปู่..ทำไงดีเนี่ย มะไฟเหลือตั้งเกือบ 5 ตัน จิ๋มบอกเขาไป 3 เจ้าแล้วไม่เอากันเลย กลัวของจะเสีย พรุ่งนี้ก็วันงานครบรอบปู่แล้ว ต้องไปร่วมงานครบรอบปู่ จิ๋มจะได้เอาเงินไปร่วมทอดผ้าป่าที่วัดปู่.. มีอีกเจ้าสุดท้ายแล้วนาปู่นา เจ้าที่ 4 นี่ขอให้เขารับซื้อด้วยนะคะปู่ ปู่ช่วยจิ๋มด้วยนา... พอสิ้นคำสัพยอกแกมขอร้องแล้ว ป้าจิ๋มก็โทรไปหาผู้รับซื้อเจ้าที่ 4 ก็ปรากฏว่า เขาบอกว่า เจ๊จิ๋มมีเท่าไหร่... งั้นผมรับไว้หมดเลยแล้วกัน.. แค่นั้นแหละป้าจิ๋มดีใจใหญ่ และกล่าวว่านี่เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ของหลวงปู่จริงๆ ป้าจิ๋มเลยเอาเงินที่ขายมะไฟ มาร่วมบุญกับทางวัดเทพธารทองนับแสนบาท แถมยังได้ตั้งโรงทานข้าวขาหมูเลี้ยงคนที่มาทั้งงานอีกด้วยครับ และยังได้มาประกาศถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆแบบนี้ให้ทุกคนที่มาร่วมงานฟังกัน หลังจากทอดผ้าป่ากันเสร็จ พร้อมกับทิ้งท้ายเอาไว้ว่า.. " ขอเพียงแต่เราศรัทธาหลวงปู่พิศดูให้จริง เชื่อว่าปู่ท่านรับรู้จริงๆค่ะ จิ๋มเจอประสบการณ์กับปู่มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เวลาขับขัน เราขอให้ปู่ช่วย ท่านช่วยทุกครั้ง เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลย " (แต่ไม่เกินกฏของกรรมนะครับ..)
ข้อมูล คุณทุเรียนทอด

 

สวัสดียามเย็นครับป๋า

 

ed124602541th หลักสี่