ติดตามสถานะการณ์

วันนี้ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรด้านพืชของไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว รัฐบาลเริ่มเปิดประเทศส่งผลให้การส่งออกสินค้าพืชไปต่างประเทศของไทยเป็นที่ต้องการของทั่วโลก
.
โดยกลุ่มบริการส่งออกสินค้าเกษตร กรมวิชาการเกษตรรายงานว่า เพียง 5 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-พ.ค.) มียอดการส่งออกแล้วกว่า 15.27 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 469,178.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28.57% (เทียบกับ 5 เดือนแรกของปี 64) สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าในการตรวจสอบคุณภาพการผลิตสินค้าพืชของประเทศไทย
.
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า ปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นยังมีผลมาจากการที่กรมวิชาการเกษตรจับมือกับกลุ่มพันธมิตรทั่วโลก เปิดตัวระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ “e Phyto” โดยหลังนำร่องเปิดใช้งานส่งออกพืช 22 ชนิดไปจีน
.
โดยพบว่ามีกระแสดีเกินคาด สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ ตั้งแต่ประเทศปลายทางจนถึงเกษตรกร ถือเป็นการอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าพืช และผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้อย่างมหาศาลเข้าประเทศกว่า 4.69 แสนล้านบาท โดยในวันที่ 1 ก.ค. 2565 นี้ จะให้บริการครอบคลุมทุกสินค้าทุกประเทศทั่วโลก
.
สำหรับสินค้ายอดนิยม 5 อันดับแรกที่สร้างมูลค่าการส่งออกให้ประเทศไทยได้แก่

อันดับ 1 ผลไม้สด มียอดการส่งออกกว่า 1.02 ล้านต้น สร้างมูลค่าในการส่งออกถึง 1.54 แสนล้านบาท โดยผลไม้สดที่สร้างมูลค่าในการส่งออก 5 อันดับแรก คือ ทุเรียน มังคุด ลำไย มะพร้าวอ่อน และ มะม่วง

อันดับ 2 ไม้ และผลิตภัณฑ์ที่เป็นไม้ มียอดในการส่งออกกว่า 2.97 ล้านตัน สร้างมูลค่าในการส่งออกถึง 8.2 หมื่นล้านบาท โดยไม้ และผลิตภัณฑ์ที่เป็นเป็นไม้ 5 อันดับแรกคือ ไม้ยางพารา ไม้อัด (board) ไม้ยูคาลิปตัส (สับ) ไม้อัด (veneer) ไม้สับ และไม้ชิ้น

อันดับ 3 มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ มียอดในการส่งออกกว่า 5.96 ล้านตัน สร้างมูลค่าในการส่งออกถึง 6.5 หมื่นล้านบาท โดยมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ 5 อันดับแรกคือ มันสำปะหลัง (มันเส้น) แป้งมันสำปะหลัง (Starch) มันสำปะหลัง (กากอัดเม็ด) แป้งมันสำปะหลัง (flour) และ เม็ดสาคู (จากมันสำปะหลัง)

อันดับ 4 ข้าว มียอดในการส่งออกกว่า 3.28 ล้านตัน สร้างมูลค่าในการส่งออกถึง 6.4 หมื่นล้านบาท โดยข้าวที่สร้างมูลค่าในการส่งออก 5 อันดับแรก คือ ข้าวหอม ข้าวขาว ข้าวนึ่ง ปลายข้าว และ ข้าวเหนียว

อันดับ 5 ยางพารา และผลิตภัณฑ์ มียอดในการส่งออกกว่า 1.15 ล้านตัน สร้างมูลค่าในการส่งออกถึง 5.5 หมื่นล้านบาท โดยยางพาราและผลิตภัณฑ์ในการส่งออก 5 อันดับแรกคือ ยางธรรมชาติผสมยางสงเคราะห์ ยางแท่ง ยาพารา (น้ำ) ยางแผ่นรมควัน ยางพารา (ยางอื่น)
.
นอกจากนี้ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกพืช ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 28.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 มาจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ และในแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีมากขึ้นเพียงพอสำหรับการทำการเกษตร ส่งผลให้เกษตรกรขยายการเพาะปลูกมากขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
.
รวมถึงความต้องการสินค้าพืชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในต่างประเทศ จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด -19 และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต และมีการปรับปรุงดูแลผลผลิตเพื่อให้ได้สินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ผ่านมาตรฐานตรวจรับรอง GAP ของกรมวิชาการเกษตร และมาตรฐานตรงกับความต้องการของต่างประเทศ
.
รวมทั้งการดำเนินการตามนโยบาย และมาตรการอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมอาชีพเกษตร การฟื้นฟูของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกษตรกรสามารถทำการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และมีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์
.
ประกอบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าทั้งในแอฟริกา เอเซีย ตะวันออกกลาง ส่งผลให้มีกำลังซื้อมากขึ้นตามความต้องการบริโภคสินค้าพืชในแต่ละประเทศ รวมถึงราคาส่งออกสินค้าพืช และกำลังผลิตของเกษตรกรในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้นดังกล่าว
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.bangkokbiznews.com/business/1013141
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายฟรองซัวส์ กอร์แบง(François Corbin) รองประธานสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในโอกาสเยือนประเทศไทย
.
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต้อนรับว่า ยินดีที่ทราบว่าไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่คณะได้เดินทางมาเยือนในครั้งนี้พร้อมขอขอบคุณ และยินดีที่ได้พบกับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ขอชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย และฝรั่งเศส รวมทั้งยินดีที่ได้พบกับนักธุรกิจสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศอีกครั้ง หลังเคยพบกันมาแล้วเมื่อปี 2562
.
ซึ่งทั้งหมดประกอบด้วย ภาคธุรกิจหลายภาคส่วน ทั้งด้านวิศวกรรมก่อสร้าง ยานยนต์ คมนาคมขนส่ง การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญการเยือนของคณะในวันนี้ และหวังว่าจะนำไปสู่ความยกระดับยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันภายในปี 2567
.
นายกรัฐมนตรีระบุต่อว่า หลายคนที่เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ก็คงจะได้เห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ส่วนผู้ที่เดินทางมาเยือนเป็นครั้งแรก เชื่อมั่นว่าจะได้เห็นศักยภาพ และโอกาสความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ และการลงทุนในโครงการ EEC ซึ่งได้ทราบว่า ได้มีการพบปะพูดคุยกับเลขาฯ EEC มาแล้ว และขอแสดงความยินดีกับฝรั่งเศสที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคยุโรปประจำปี 2564 ติดต่อกันเป็นปีที่ 3
.
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลัง นายฟรองซัวส์ เข้าเยี่ยมคารวะ ว่า ถือเป็นอีกวาระที่สำคัญของนายกฯ ที่ได้พบปะหารือกับนายฟรองซัวส์ ซึ่งมีสภาชิกหลายพันบริษัท และเป็นผู้แทนพิเศษด้านการพัฒนาความสัมพันธ์เศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคของรัฐมนตรีว่าการกิจการยุโรป และการต่างประเทศ โดยได้หารือในหลายมิติด้วยกัน โดยเฉพาะความร่วมมือในระยะต่อไป และทบทวนในความร่วมมือในช่วงที่ผ่านมา และวันนี้มีข้อตกลงเพิ่มขึ้นมากมาย เราต่างคนต่างต้องปรับเข้าหากัน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีฝรั่งเศสให้ความสำคัญ เยี่ยมเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการเยี่ยมเยือนเรื่องการค้าการลงทุน เพื่อพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ไปสู่อนาคต เป็นเรื่องที่น่ายินดี ขอให้ทุกคนมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่
.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ และเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามในประเด็นการเมืองแต่อย่างใด
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://siamrath.co.th/n/361598
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

1090116091927217/?type=3

 

⚠️[MARKET]⚠️ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ Mark Zukerberg, Elon Musk และ Jeff Bezos สูญเสียสินทรัพย์ไปกว่าคนละ 2 ล้านล้านบาท ! แต่รู้ไหมว่า... ยังมีใครอีกคนที่สูญเสียสินทรัพย์ไปมากกว่ามหาเศรษฐีทั้ง 3 เสียอีก...

ตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกย่ำแย่หนักจนทำสถิติร่วงหนักที่สุดในรอบ 50 ปี หลังทาง FED ปรับโทนและเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จนทำให้

1️⃣ Dow Jones ร่วง -15.3% ในครึ่งปีแรกนี้ แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1962

2️⃣ S&P500 ร่วง -20.6% ในครึ่งปีแรกนี้ แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

3️⃣ Nasdaq ร่วง -29.5% ในครึ่งปีแรกนี้ แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2002

ผลของการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐได้ทำให้หุ้น Tesla, Amazon และ Facebook ร่วงลงไปจากต้นปีที่ -35% , -36% และ -53% ตามลำดับ

จนทำให้ Elon Musk, Jeff Bezos และ Mark Zukerberg, สูญเสียสินทรัพย์ไปคนละ 6.2 หมื่นล้านเหรียญ, 6.3 หมื่นล้านเหรียญ และ 6.5 หมื่นล้านเหรียญตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม... ถึงแม้มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลกทั้ง 3 จะสูญเสียสินทรัพย์ไปมากมาย... แต่กลับมีชายอีกคนหนึ่งที่สูญเสียไปมากกว่าพวกเขาอีก !

ชายคนนั้นมีชื่อว่า Changpeng Zhao หรือ "CZ" ผู้ก่อตั้ง Binance กระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง ที่ถูกประเมินไว้ว่ามีสินทรัพย์ลดลงไปกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญ (เฉียด 3 ล้านล้านบาท) หลังราคา Bitcoin ร่วงลงมาเกือบ -60% ตั้งแต่ต้นปี จนทำให้มูลค่าของกระดานเทรด Binance ลดลงไปด้วย

ทุกคนมองกันว่าอย่างไรบ้างครับ ? ใครจะเป็นมหาเศรษฐีที่สามารถเรียกมูลค่าสินทรัพย์เหล่านี้กลับมาได้มากที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

--------------------------

อย่าลืมติดตามเพจ "ทันโลกกับ Trader KP" กันที่แอป #Blockdit ด้วยนะครับ

Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม Social Media สัญชาติไทยที่เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ที่นักอ่านและนักลงทุนไม่ควรพลาด ! และทางเราจะมี Exclusive Content หรือบทความพิเศษที่เขียนลงแพลตฟอร์มนี้โดยเฉพาะอย่างเดียวอีกด้วย

เข้ามาติดตามทุกข่าวสารที่ "ทันโลก" กันได้ที่นี่ได้เลยครับ

https://www.blockdit.com/oiltradingkp

#ทันโลกกับTraderKP

 

[UPDATE]
Bond Yield สหรัฐร่วงลงจาก +3.3% เหลือ +2.89% ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่านักลงทุนกังวลเรื่อง "Recession" มากกว่าค่าเงินเฟ้อสูงแล้ว
#TraderKP

Bond Yield สหรัฐหรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ร่วงลงมาจากระดับ+3.3% เหลือ +2.89% ภายในเวลา 4 วันที่ผ่านมานี้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่านักลงทุนกังวลเรื่อง "Recession" มากกว่า "ค่าเงินเฟ้อสูง" แล้ว

ในระหว่างที่นักลงทุนกำลังพยายามปรับการรับรู้ใหม่ว่า FED อาจไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยระยะยาวไปสูงจนถึง +3.5% นี้แล้ว

คำถามที่สำคัญที่สุดคือ.... FED จะลดการขึ้นดอกเบี้ยระยะยาวจริงหรือไม่ ? การประชุมครั้งหน้าอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.5% หรือ ? ไม่ได้ขึ้น +0.75% อย่างที่ตลาดเคยกังวล และอาจจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยหลังการประชุมเกือนนี้ ?

หาก FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยจริง บริษัทที่แข็งแกร่งที่สุด บริษัทที่สามารถทำกำไรได้ในภาวะเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจถดถอยเท่านั้น ที่จะเป็นบริษัทที่ราคาหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้เร็วที่สุด

แบ่งปันจาก ทันโลกกับ Trader KP

https://www.facebook.com/1085861930...WWQLvQ26LsVcb3aDCcZXwTdZig3ZfVQLjFX4EsBT3ykl/

 

[UPDATE]
JP Morgan ชี้ว่าราคาน้ำมันดิบอาจดีดไป 380 เหรียญได้ หากทางรัสเซียตัดการส่งออกน้ำมัน
#TraderKP

ที่มา: JPMorgan Sees ‘Stratospheric’ $380 Oil on Worst-Case Russian Cut

https://www.bloomberg.com/news/arti...rices could reach,Chase & Co. analysts warned.

 

[UPDATE]
กองทุนคริปโต Three Arrows Capital ยื่นฟ้องล้มละลายแล้ว
#TraderKP

Three Arrows Capital ยื่นฟ้องล้มละลายแล้ว หลังโดนศาลบังคับขายสินทรัพย์ (Liquidation) ทั้งหมดเเล้วเพราะชำระหนี้ไม่ได้

Crypto Hedge Fund Three Arrows Files For Chapter 15 Bankruptcy

https://www.bloomberg.com/news/arti...-three-arrows-files-for-chapter-15-bankruptcy

 

ไปต่อไม่ไหว ! ล่าสุด Three Arrows กองทุนคริปโตที่เป็นข่าวดังยื่นล้มละลายแล้วหลังโดนล้างพอร์ตเพราะชำระคืนเงินกู้ไม่ได้
#WorldMaker

⚠️เรียบร้อย ! แตกไปอีกหนึ่งแล้วล่าสุด สำหรับกองทุนในตลาด Crypto ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกอย่าง Three Arrows (TA) ซึ่งล่าสุดประกาศยื่นล้มละลายต่อศาลในนิวยอร์กหลังจากโดน Margin Call (เรียกหลักประกัน) และไม่มีทุนสำรองมาเพิ่ม ทำให้ต้องโดน Force Sell เหรียญ Crypto ที่ถืออยู่เป็นจำนวนมาก และล่าสุดพบว่า 'ล้างพอร์ต' (Liquidation) ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ซึ่ง World Maker ได้รายงานไปแล้ว
.
การล้มละลายครั้งนี้เกิดขึ้นจากการใช้ Leveraged และการกู้ยืมเงิน ในขณะที่ราคาเหรียญ Crypto หลัก ๆ อย่างเช่น Bitcoin และ Ether ร่วงลง -70% จากระดับ All Time High
.
บริษัทที่ปรึกษาอย่าง Teneo ถูกกำหนดให้เป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกันกับ TA ในขณะที่ธนาคารกลางของสิงคโปร์ตำหนิ TA ว่ามีการให้ข้อมูลเท็จและละเมิดกฏสินทรัพย์บางอย่างภายใต้กฏระเบียบด้านการจัดการ แม้ว่า TA จะได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสิงคโปร์เอง
.
ข้อมูลล่าสุดที่ Financial Times เปิดเผยออกมาคือทาง Deribit ซึ่งเป็น Crypto Exchange แห่งหนึ่ง ระบุว่า TA ล้มเหลวในการชำระคืนเงินกู้ 80 ล้านดอลลาร์เนื่องจากปัญหาทางการเงิน
.
⚠️โดย 80 ล้านดอลลาร์ดังกล่าวประกอบด้วย Bitcoin ประมาณ 1,300 เหรียญ และ Ether ประมาณ 15,000 เหรียญ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นมูลค่าราว 42 ล้านดอลลาร์ และ TA ติดยังค้างค่า Negative Asset Values (ค่าป้องกันขาดทุนของเจ้าหนี้) อีกประมาณ 37.1 ล้านดอลลาร์ด้วย
.
การยื่นล้มละลายครั้งนี้เป็นไปตามกฏหมายล้มละลายบทที่ 15 โดยทางบริษัทจะมีระยะเวลาผ่อนผันเพื่อหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ โดยอาจมีการยึดทรัพย์สินของบริษัทเพื่อชดเชยความเสียหาย หรือก็อาจต้องล้มละลายขายทรัพย์สินทั้งหมดไปเลยหากไม่สามารถชำระหนี้ส่วนใหญ่ได้
.
คงต้องมาติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวสำหรับตลาด Crypto โลก เพราะตอนนี้ดุเดือดเลือดสาดเกินเหลือเกิน ในขณะที่ราคา Bitcoin ตอนนี้เทรดอยู่ราว 19,200 ดอลลาร์จากที่เคยสูงสุดเกือบ 70,000 ดอลลาร์ในอดีต ! ซึ่งราคาที่ร่วงลงขนาดนี้รวมกับการใช้ Leveraged ในตลาด จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมบริษัท Crypto ชื่อดังหลายแห่งถึงกำลังเผชิญวิกฤตสภาพคล่องอย่างรุนแรง
.
(ที่มารูป : Financial Times)

References :
1.https://www.ft.com/content/8e4538cc-e8c5-4cc2-9448-053074f72f67
2.https://www.bloomberg.com/news/arti...-three-arrows-files-for-chapter-15-bankruptcy

แบ่งปันจาก World Maker

https://www.facebook.com/1095821106...AUhmCy4vyXNeJjstZLAuD7GDCM2fEEpaDt1XkZophigl/

 

BREAKING !!
โคตรเดือด !!! ล่าสุดรัสเซียประกาศเตรียมส่งออกธัญพืชหลายชนิดเป็นรูเบิล เพิ่มจากก๊าซ (รายละเอียดในคอมเมนต์)
#WorldMaker

⚠️ยังไม่จบง่าย ๆ แม้หวดกันไปหลายยกแล้ว ! ล่าสุดรัสเซียเดินหมากการเงินต่อ...ประกาศเตรียมส่งออกธัญพืชหลายชนิดเช่น เมล็ดพืช น้ำมันดอกทานตะวัน และอาหารที่สกัดแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องชำระเป็นรูเบิล !!! ใครใคร่ซื้อก็ซื้อ ใครไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ ! เรียกได้ว่า 'โหดจัดรัสเซีย' กันไปเลยทีเดียว
.
นอกจากนี้ ยังมีการประกาศขยายระยะเวลาเก็บภาษีอีกหลายอย่างเป็นรูเบิลต่อไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมปี 2023 เลยทีเดียว ! ขณะที่รัฐบาลรัสเซียประกาศตั้งราคาฐานใหม่สำหรับการคำนวณภาษีส่งออกข้าวสาลีอยู่ที่ 15,000 รูเบิลหรือประมาณ 267 ดอลลาร์/ตัน
.
เรื่องนี้กระทบโลกแน่นอนไม่ต้องให้หมอ X-Ray ! เพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก และยังเป็น Supplier เมล็ดทานตะวันรายใหญ่ของโลกด้วยเช่นกัน
.
Dmitry Patrushev รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของรัสเซียกล่าวว่าการเก็บเกี่ยวธัญพืชของรัสเซีย "อาจสูงถึง 130 ล้านตันในปีนี้" ซึ่งแน่นอนว่า 'เพียงพอสำหรับความต้องการภายในประเทศ' และยังรับประกันศักยภาพในการส่งออก แต่ก็ได้กล่าวคำที่ทางยุโรปอาจหนาวไว้ว่า "รัสเซียอาจจะส่งออกสินค้าเกษตรไปยัง 'ประเทศที่เป็นมิตร เท่านั้น"
.
⚠️ดังนั้นหมากเกมนี้ที่เฮียปูและรัฐบาลรัสเซียเลือกเดิน ถือเป็นการโยนอำนาจตัดสินใจ (แบบบีบ ๆ) ไปให้ผู้ซื้อแล้วว่าจะยอมจ่ายเป็นรูเบิลหรือไม่ ??? หลังจากยอมจ่ายก๊าซเป็นรูเบิลไปแล้ว 1 มาดูกันว่าตะวันตกจะยอมจ่ายค่าธัญพืชเป็นรูเบิลด้วยหรือไม่ ?
.
มารอดูกันเลยว่าทางพี่เสือไบจะตอบโต้เฮียปูอย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการค้า แต่มันคือศักดิ์ศรีของการเงินระดับโลก ! มันส์แน่กับสมรภูมิช้างชนช้างครั้งนี้ !

(ที่มารูป : RT)

References :
1.https://www.rt.com/business/558232-russia-switches-grain-exports-rubles/
2.https://www.rt.com/business/556864-kremlin-evaluates-gas-rubles-strategy/

แบ่งปันจาก World Maker

https://www.facebook.com/1095821106...kh35hVV1HFqPhNcoTQwE2kRqb6tBrYqTkfpaSKCGTp4l/

 

BREAKING !!: วิกฤตหรือโอกาส ??? ล่าสุด Voyager Digital กลายเป็น Crypto Exchange อีกแห่งหนึ่งที่ประกาศระงับการเทรด-ถอนเงินชั่วคราว ! หลังการล้มละลายของ Three Arrows ซึ่งหลายคนมองว่าอาจเกิดเป็นโดมิโน่ ! แต่ขณะเดียวกัน Exchange หลายแห่งได้รับเงินอุ้มจากผู้เล่นรายใหญ่ที่เห็นเป็นโอกาสและเริ่มมีข้อเสนอเข้าซื้อกิจการต่อ !
.
⚠️ยังตึงเครียดกันจัดเลยครับท่านผู้ชม ! ล่าสุดโบรเกอร์คริปโตยักษ์ใหญ่อีกแห่งอย่าง Voyager Digital ประกาศลั่น !! จะระงับการเทรด-ถอนจาก Platform 'ชั่วคราว' (โดยไม่มีกำหนดเวลา) โดยกล่าวอ้างถึผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการล้มละลายของ Three Arrows
.
Voyager ประกาศว่าจะ "ระงับการซื้อ-ขาย-ฝาก-ถอน-และบริการอื่น ๆ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ตามเวลาตะวันออกวันนี้ !)
.
ความเคลื่อนไหวของ Voyager เกิดขึ้นหลังจาก Crypto Exchange แห่งอื่น ๆ อย่างเช่น Celsius ประกาศยุติการถอนเงินชั่วคราว โดยอ้างถึงปัญหาสภาพคล่องเช่นเดียวกัน
.
ทางผู้บริการของ Voyager กล่าวว่าการระงับครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีเวลามากขึ้นเพื่อเจรจาระหว่างเจ้าหนี้-ลูกหนี้ โดยทาง Voyager นั้นเป็น 1 ในบริษัทที่ได้รับเงินอุ้มจากผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Sam Bankman-Fried ซึ่งเป็น CEO ของ FTX โดยตอนนี้ Voyager ได้รับเงินกู้จาก Sam ราว 485 ล้านดอลลาร์
.
ส่วนทาง BlockFi ล่าสุดก็ได้บรรลุดีลลงนามบรรลุข้อตกลงเงินกู้จาก FTX แล้วเช่นกัน ซึ่งรวมถึงตัวเลือกในการเข้าซื้อกิจการที่ประมาณ 240 ล้านดอลลาร์ด้วย
.
⚠️นักวิเคราะห์บางคนเปรียบช่วงเวลานี้ของตลาดคริปโตเป็นเหมือนกับวิกฤต Lehman Brothers ในอุตสาหกรรมการเงินดั้งเดิมในอดีต ทำให้ต้องมาจับตามองกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวว่าตลาดคริปโตโลกที่เป็นกระแสเกิดใหม่จะถูกขับเคลื่อนไปที่จุดใดหลังจากวิกฤตในครั้งนี้
.
ปัจจัยกดดันตลาด Crypto นั้นยังคงเกิดขึ้นจากระดับมหภาค ซึ่งรวมถึงความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ในขณะที่ธรรมชาติของ Crypto นั้นก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอยู่แล้ว ดังนั้นในช่วงวิกฤตเช่นนี้ การเทขายอย่างรุนแรงจึงเกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าแปลกใจเลย
.
อย่างไรก็ตาม เราปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้เล่นรายใหญ่บางกลุ่มกำลังมองจุดนี้เป็นโอกาส และบางคนก็กล้าเสี่ยงนำเงินเข้ามาลงทุนในช่วงที่ตลาด Crypto กำลังโดนข่าวร้ายกดดันอยู่
.
⚠️มารอดูกันว่าผู้กล้าในตอนนี้จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงดงามหรือไม่ ? ตลาดคริปโตจะเกิดใหม่ได้เหมือนนกฟินิกซ์ ? หรือจะพังทลายหายไปเลยเหมือนจตุคามบ้านเรากันแน่ ???
--------------------------------------------------------------
#WorldMaker X #Liberator
.
สนใจข่าวหุ้น/การเงิน/เศรษฐกิจ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ทั้งแบบรายตัวและภาพรวม ??? วันนี้ท่านสามารถติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ไปพร้อม ๆ กับเพจ World Maker และเพจหลักทรัพย์ Liberator Securities ได้แล้ว !
.
⚠️โดยทาง Liberator จะมีการอัปเดตข้อมูล-ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจโลกให้ในทุก ๆ วันด้วย และมีแบบเจาะลึกกันรายตัว-รายวันเลยทีเดียว ! ใครสนใจรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมก็ติดตาม Liberator ไว้ได้เลยที่ : https://bit.ly/3kEtXW7
--------------------------------------------------------------
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
.
แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ เพราะบางที Facebook อาจไม่แสดงโพสต์ของเราในหน้าฟีดซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้ครับ
.
ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--------------------------------------------------------------
#Crypto #คริปโต #การเงิน #ลงทุน #หุ้น #Bitcoin #ether #เศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก #ข่าวรอบโลก #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวหุ้น #ข่าวคริปโต #ดอกเบี้ย #ธนาคารกลาง #การเงิน

 

BREAKING !!: เศรษฐกิจโลกโคตรเดือด !!! ล่าสุดจีนอัดฉีดงบประมาณเพิ่มอีก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อใช้จ่ายด้าน 'โครงสร้างพื้นฐาน' โดยเฉพาะ ! ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มมองหาเงินหยวนมากขึ้น ! ตอนนี้ IMF ถือเงินหยวนเป็นอันดับ 3 ในตะกร้าทุนสำรอง (SDR) ราว 10% เข้าไปแล้ว ! และเริ่มมีการกล่าวถึง 'ระบบสกุลเงินหลายขั้ว' มากขึ้นเรื่อย ๆ
.
⚠️จัดเต็มแน่นอนสำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ !!! ล่าสุดจีนประกาศอัดฉีดงบประมาณอีก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อใช้จ่ายในด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศโดยเฉพาะ ! โดยจะดำเนินการผ่านการตลาดพันธบัตรและวิธีการอื่น ๆ ร่วมกัน โดยไม่เน้นการพิมพ์เงินเข้าระบบอย่างเดียว
.
ซึ่งเงินดังกล่าวถูกระบุไว้อย่างชัดเจนเลยว่าจะนำไปใช้ 'เติมเต็มเงินทุนของโครงการสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานประเภทใหม่ ซึ่งรัฐบาลจีนมองว่าการอัดฉีดเงินทุนครั้งนี้จะช่วยขยายการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ !
.
อนึ่ง การผสมผสานระหว่างการออกขายพันธบัตรและวิธีการอื่น ๆ ที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดออกมา ถือเป็นการตอบสนองต่อจุดยืนจีนที่ยังไม่ต้องการพิมพ์เงินออกมาเยอะหรือเร็วเกินไป
.
ทั้งนี้ รายงานจาก Bloomberg คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยหนุนให้ธนาคารต่าง ๆ บรรลุดีลด้านการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยธนาคารเพื่้อการพัฒนาแห่งประเทศจีนได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้เพิ่มการปล่อยสินเชื่ออีกสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเกษตรแห่งประเทศจีนก็ได้รับโควต้าให้ปล่อยสินเชื่อใหม่อีก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับอีกราว ๆ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมการส่งออกและนำเข้าสินค้า
.
ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังมองมาที่เงินหยวนมากขึ้น
.
⚠️นอกจากเรื่องความเคลื่อนไหวในภาคการธนาคารแล้ว ยังมีรายงานที่น่าสนใจออกมาอีกว่าตอนนี้ธนาคารกลางทั่วโลกต่างก็มองมาที่เงินหยวนมากขึ้น เนื่องจากพวกเขากำลังหาสินทรัพย์ปลอดภัยที่จะถือเพื่อกระจายทุนสำรองระหว่างประเทศ
.
Financial Times เปิดเผยว่าสัดส่วนผู้จัดการทุนสำรองของธนาคารกลางที่กำลังลงทุนหรือระบุว่า 'มีความสนใจในเงินหยวน' เพิ่มขึ้นจาก 81% เป็น 85% แล้ว ณ ปัจจุบันนี้ จากการสำรวจธนาคารกลางชั้นนำ 30 แห่งระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2022
.
บางคนเปิดเผยอย่างชัดเจนว่า 'การสึกกร่อนของเงินดอลลาร์กำลังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป' และภาพในอนาคตอาจกลายเป็น "ระบบสกุลเงินหลายขั้ว" แทน
.
รายงานยังกล่าวไว้ชัดเจนอีกว่า 'ความสนใจเงินหยวนนั้นเพิ่มขึ้นหลังจากมหาอำนาจฝั่งตะวันตกประกาศแช่แข็งทุนสำรองของรัสเซีย 3 แสนล้านดอลลาร์เพื่อตอบโต้ในการบุกยูเครน' ซึ่งจุดปะทุดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดในระบบการเงินโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีความเคลื่อนไหวที่แข็งกร้าวจากฝั่งตรงข้ามของตะวันตกอย่างจีน-รัสเซีย ที่ประกาศสร้างระบบเงินสำรองของโลกขึ้นมาใหม่ !
.
⚠️ตอนนี้ราว 4 ใน 5 ของธนาคารกลางที่ตอบแบบสำรวจ พวกเขาเชื่อว่า 'โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ Multi-Polar World' ซึ่งหมายถึงการถ่วงดุลอำนาจหลายขั้ว โดยเฉพาะเรื่องการเงินโลก ที่ตอนนี้ตะวันตกครองอำนาจระบบ SWIFT แต่เพียงผู้เดียว
.
ธนาคารกลางส่วนใหญ่มักจะถือเงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองผ่านการถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในปีนี้กลับถูกเทขายออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยและทำ QT เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกดดันให้ราคาพันธบัตรชุดเก่า ๆ ร่วงลงเนื่องจา Bond Yield ของพันธบัตรรุ่นใหม่ ๆ ที่สูงขึ้น
.
ธนาคารกลางประมาณ 50% ของที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่ามีการปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2021 ขณะที่สัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ของธนาคารกลางทั่วโลกลดลงเรื่อย ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก IMF ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันดอลลาร์ครองสัดส่วนทุนสำรองต่างประเทศอยู่ ประมาณ 58.88% ขณะที่เงินหยวนยังครองส่วนแบ่งเพียงไม่ถึง 3% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
.
อย่างไรก็ตาม หากมองในตะกร้าทุนสำรองของ IMF ซึ่งเรียกว่า SDR ตอนนี้พบว่ามีการถือเงินหยวนไว้เป็นอันดับ 3 ที่สัดส่วนสูงถึง 10.92% เข้าไปแล้ว ในขณะที่ดอลลาร์และยูโรนั้นถือครองอยู่ 41.73% และ 30.93% ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นเงินเยนและเงินปอนด์อังกฤษ
.
⚠️นั่นแสดงให้เห็นว่า IMF เพิ่มความสำคัญของเงินหยวนขึ้นอย่างมาก และน่าจับตามองต่อไปว่าทั่วโลกจะเพิ่มหยวนในทุนสำรองเช่นเดียวกับ IMF หรือไม่ ? งานนี้เกมยาวแน่นอน ! วัดกันแค่ระยะสั้นไม่ได้ ต้องดูกันไปเรื่อย ๆ ต่อจากนี้ !
.
ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์สำคัญในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญแบบนี้ก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
--------------------------------------------------------------
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
.
แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ เพราะบางที Facebook อาจไม่แสดงโพสต์ของเราในหน้าฟีดซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้ครับ
.
ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--------------------------------------------------------------
#เศรษฐกิจ #รัสเซีย #จีน #เศรษฐกิจโลก #การเงิน #การเงินโลก #ข่าวรอบโลก #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวหุ้น #ข่าวเศรษฐกิจ #ดอลลาร์ #หยวน #IMF #SDR #ธนาคารกลาง #FED

 

BREAKING !!: จับตาตลาดการเงินโลก !!! ล่าสุดมีรายงานว่าปริมาณรายได้จากการระดมทุนของบริษัททั่วโลกหดตัวลง -25% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เป็น 4.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่หุ้นของ TSMC ร่วงอีกกว่า -5% ในคืนนี้หลุด 77 ดอลลาร์แล้ว ! ส่วนโลหะมีค่าเริ่มปรับตัวลงหลังจากความกลัวภาวะ Recession เพิ่มขึ้น ! มารอดูกันว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวได้บ้างหรือไม่ ?
.
⚠️ตลาดการเงินโลกเริ่มต้นช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้อย่างค่อนข้างซบเซาทีเดียว ! โดยล่าสุดมีรายงานว่ารายได้จากการระดมทุนของบริษัททั่วโลก ได้หดตัวลงถึง -25% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เป็น 4.9 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกและการทำ QT ของ FED ซึ่งถือเป็นการดูดสภาพคล่องออกจากระบบโดยตรง
.
ตัวเลขดังกล่าวลดลงจาก 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทางนักลงทุนเองก็มีการใช้จ่ายน้อยลง สอดคล้องกับการเทขายที่เกิดขึ้นในสินทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งกดดันให้ S&P500 ร่วงลงแล้วราว -20% ในปีนี้ ขณะที่ Nasdaq นั้นรุนแรงถึง -30%
.
การระดมทุนผ่าน IPO, SPACs, หุ้นกู้, หุ้นแปลงสภาพ และอื่น ๆ เฉลี่ยรวมกันร่วงลงเกือบ -70% เหลือเพียง 2.52 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติยอดรวมของ 6 เดือนแรกที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005 เลยทีเดียว
.
ที่หดตัวมากและเด่นชัดที่สุดก็คือในสหรัฐฯ ซึ่งการระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุนลดลงเหลือเพียง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเกือบ 3.27 แสนล้านดอลลาร์ใน 6 เดือนแรกของปี 2021
.
⚠️ส่วนทางเอเชียและตะวันออกกลาง แม้ว่าการระดมทุนจะยังคงอยู่ในระดับอ่อนแอเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ถือว่ายัง 'แข็งแกร่งกว่ามาก' โดยยอดขายพันธบัตรของบริษัทลดลงเมื่อเทียบจากปี 2021 แต่เมื่อนับรวมแล้วยังมีการออกหุ้นกู้มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
.
เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ การออกขายพันธบัตร Junk Bond ลดลงเหลือต่ำกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากสูงกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงที่ FED ยังทำ QE อัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ
.
ขณะเดียวกัน ล่าสุดหุ้น TSMC ของไต้หวันร่วงลงอีกกว่า -5% คืนนี้ ทำให้ล่าสุดราคาหลุด 77 ดอลลาร์ลงมาแล้ว ! และถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีเลยทีเดียว และฉุดให้ดัชนีหลักตลาดหุ้นไต้หวันร่วงลงมากว่า -20% แล้วในตอนนี้ !
.
⚠️Bloomberg รายงานว่านักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไต้หวันสุทธิกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรุนแรงที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (ไม่นับรวมจีนที่โดนเทขายอย่างรุนแรง)
.
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้น TSMC ร่วงลงมาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและภาวะเศรษบกิจถดถอย ซึ่งอาจส่งผลให้ Demand ลดลงไปด้วย ในขณะที่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ก็อาจยิ่งทำให้ Demand ชะลอตัวลงไปอีก
.
ทางตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันได้กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ว่าจะมีการใช้มาตรการต่าง ๆ เข้ามารักาาาเสถียรภาพหากจำเป็น โดยเฉพาะหากตลาดหุ้นโดนเทขายหนักเกินไปอย่างไม่มีเหตุผล
.
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าหากภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจีนที่กำหนดโดยฝ่ายบริหารของ Biden ถูกยกเลิกไปในวันที่ 6 กรกฏาคมนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม
.
แต่สำหรับราคาหุ้นของ TSMC นั้น คงต้องมาติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเลยว่าจะร่วงลงได้อีกมากน้อยแค่ไหน ? จะอยู่ใกล้จุด Bottom แล้วหรือยัง ? เพราะแม้ว่าจะโดนเทขายได้ในระยะสั้น แต่สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นั้นยังคงเป็นเทคโนโลยีสำคัญแห่งโลกอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และ TSMC ก็ถือเป็นผู้นำระดับ TOP ที่มีความสำคัญต่อโลกมาก ๆ
.
⚠️ถึงกระนั้น ตลาดหุ้นของไต้หวันก็ยังได้รับแรงกดดันอย่างมากจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นกับจีน ทำให้นักลงทุนบางคนไม่กล้าเสี่ยง เพราะมองว่าหุ้นอาจได้รับผลกระทบหนักหากเกิดสงครามใหญ่ขึ้นมา ซึ่งก็ถือเป็น 1 เรื่องที่เราต้องลุ้นไปพร้อมกับปัจจัยอื่น ๆ
.
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะความกังวลเรื่อง Recession ยังส่งผลให้ราคาทองแดงร่วงลงต่ำกว่า 8,000 ดอลลาร์แล้ว ! คิดเป็นการร่วงลงกว่า -20% จากระดับ All Time High ที่ราว ๆ 10,600 ดอลลาร์
.
ราคาของทองแดง ถูกมองว่าเป็นมาตรวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งของโลกเลยทีเดียว เนื่องจากทองแดงถูกนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมเกือบทุกอย่างของโลก นับตั้งแต่เครื่องใช้ในครัวเรือนไปจนถึงรถไฟฟ้า
.
ในขณะที่โลหะมีค่าอื่น ๆ ก็ร่วงลงเช่นเดียวกัน นิกเกิล -3% อะลูมิเนียม -2% ซึ่งการปรับตัวลดลงของโลหะมีค่านี้ หากยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หรือหากไม่พุ่งกลับขึ้นไปอีก ก็อาจทำให้เงินเฟ้อในอนาคตชะลอตัวลงได้ เพราะราคาวัตถุดิบที่ลดลงหมายถึงต้นทุนการผลิตที่ลดลงด้วย !
.
⚠️ดังนั้นแล้ว การที่ธนาคารกลางเร่งขึ้นดอกเบี้ยและทำ QT จึงมีส่วนช่วยให้ Demand ในระบบลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ที่นี้เก็ต้องมาดูกันต่อว่าโลกจะแก้ปัญหาทางด้าน Supply ได้อย่างไร ?
.
ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์สำคัญในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญแบบนี้ก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
--------------------------------------------------------------

 

แฮตตี แม็กแดเนียล (อังกฤษ: Hattie McDaniel) (10 มิถุนายน ค.ศ. 1895 - 26 ตุลาคม ค.ศ. 1952) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน และถือเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ ไม่ว่าจะในสาขาใด ๆ เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากบทบาท แมมมี ใน Gone with the Wind (1939)

แม็กแดเนียล ยังเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงอาชีพ ดาราตลก นักแสดงละครเวที นักแสดงละครวิทยุ และดาราโทรทัศน์ เธอยังถือเป็นหญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ร้องเพลงบนวิทยุอเมริกัน ในอาชีพการทำงานของเธอ แม็กแดเนียลมีผลงานแสดงภาพยนตร์ 300 เรื่อง ถึงแม้ว่าเธอยังได้รับเครดิตเพียง 80 เรื่อง เธอยังได้รับความนับถือในสังคมธุรกิจชาวแอฟริกันอเมริกัน ในความเอื้อเฟื้อ ความดีเลิศและเสน่ห์

แม็กแดเนียลมีชื่อบนดวงดาวบนฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม ในฮอลลีวูด 2 ดวงดาว โดยดวงดาวหนึ่งสำหรับวิทยุ อยู่บน 6933 ฮอลลีวูดบูเลวาร์ด อีกดวงดาวสำหรับภาพยนตร์ อยู่ที่ 1719 ไวน์สตรีท และในปี 1975 เธอมีชื่ออยู่ในแบล็กฟิล์มเมกเกอร์สฮอลออฟเฟม และในปี 2006 เธอมีผู้ชนะรางวัลออสการ์ผิวดำคนแรกที่ได้รับเกียรติให้มีภาพอยู่บนแสตมป์อเมริกัน

แฮตตี แม็กแดเนียล (Hattie McDaniel) ต้นแบบ Mammy Two Shoes ใน Tom and Jerry

Mammy Two Shoes (บางครั้งเรียกว่า Mrs. Two Shoes) เป็นตัวละครประจำในการ์ตูน Tom and Jerry ของ MGM เธอเป็นผู้หญิงผิวดำวัยกลางคนซึ่งมักจะต้องรับมือกับความโกลาหลที่เกิดจากตัวละครแมวทอม และ หนูเจอรรี่

Mammy Two Shoes เป็นตัวละครที่มองเห็นได้บางส่วนในร่างกายของเธอเท่านั้น เธอมีชื่อเสียงจากการ์ตูนที่ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นเลย แม้ว่าจะจะปรากฏตัวในช่วงเวลาสั้นๆ ในตอน Part Time Pal, A Mouse in the House, Mouse Cleaning และ Saturday Evening Puss และในภายหลังการปรากฏตัวของ Mammy Two Shoes จะถูกตัดออก พากย์เสียง หรือทำแอนิเมชั่นใหม่ในภาพลักษณ์ผู้หญิงผิวขาวผอมเพรียวในรายการโทรทัศน์ในภายหลัง เนื่องจากตัวละครของเธอเป็นแบบฉบับของแมมมี่ซึ่งปัจจุบันมักถูกมองว่าเป็นการเหยียดผิว

ภายหลังได้มีการเปิดเผยว่าตัวละครของ Mammy Two Shoes ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักแสดงและนักร้องสาวผิวสีเจ้าของรางวัลออสการ์คนแรกของวงการภาพยนตร์ แฮตตี แมคแดเนียล (Hattie McDaniel) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากการเล่น "แมมมี" ในเอ็มจีเอ็มและภาพยนตร์เรื่อง Gone with the Wind ของผู้กำกับ เดวิด โอ. เซลซ์นิกในปี 1939

 

ประวัติของชาวโรฮิงญา

โรฮิงญา เป็นกลุ่มชนบริเวณชายแดนฝั่งพม่าที่พูดภาษาจิตตะกอง-เบงกาลี และนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งรัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธสถานภาพพลเมืองของชาวโรฮิงยา ส่งผลให้มีชาวโรฮิงยาจำนวนมากต้องอพยพลี้ภัยไปยังประเทศอื่นเพื่อแสวงหา ชีวิตที่ดีกว่า

มักมีคนเข้าใจผิดว่าอาระกันกับโรฮิงญาคือคนกลุ่มเดียวกัน จริงๆแล้วชาวอาระกันและชาวโรฮินยาเป็นคนละกลุ่มกัน ชาว อาระกันมาจากรัฐอาระกันหรือรัฐยะไข่ของพม่า ส่วนชาวโรฮินยาหรือโรฮิงญามาจากเมืองจิดตะกองของบังกลาเทศ ทั้งสองกลุ่มเป็นพวกเชื้อสายเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ต่างกันที่สัญชาติเพราะอยู่คนละประเทศ แต่นับถือศาสนาเดียวกันคือ อิสลาม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วชาวโรฮิงญาแล้วจะอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของรัฐอะรากัน (ยะไข่) ในตอนเหนือของประเทศพม่าติดกับชายแดนประเทศบังกลาเทศ มากกว่าอาศัยอยู่ในบังคลาเทศ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมือง Maungdaw, Buthidaung, Rathedaung, Akyab และ Kyauktaw

ตั้งแต่แรกเริ่มเป็นต้นมา ประเทศพม่ามองว่าพวกโรฮิงญาไม่มีความจงรักภักดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวโรฮิงญาบางคนต้องการสร้างรัฐอิสระขึ้นทางอะรากันตอน เหนือ และผนวกเข้ากับปากีสถาน

พม่าไม่ยอมรับว่าโรฮิงญาเป็นพลเมือง และในปี พ.ศ. 2491 กองทหารพม่าออกปฏิบัติการกวาดล้างพวกนี้ หมู่บ้านหลายร้อยแห่ง “ถูกเผาและคนหลายพันคนถูกฆ่า ทำให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลอพยพหนีไปยังบริเวณที่เป็นปากีสถานในขณะนั้น” (Yunus 1995:3) และ นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการที่เจ้าหน้าที่ทางการพม่าพยายามจะข่มขวัญและขับไล่ พวกโรฮิงญาในครั้งต่อ ๆ มาอีก ทำให้ผู้ลี้ภัยหลั่งไหลเข้าสู่ปากีสถานและต่อด้วยบังคลาเทศระลอกแล้วระลอกเล่า

ในมุมมองของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ชาวโรฮิงยาส์เป็นประชาชนที่ "ลี้ภัยอย่างผิดกฎหมาย" และอพยพมากจากประเทศบังกลาเทศในสมัยที่พม่าตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของจักรวรรดินิยมอังกฤษ ดังนั้นด้วยทัศนคติเช่นนี้ของรัฐบาลเผด็จการพม่าทำให้ประชาชนชาวโรฮิงยาส์ไม่ได้รับการรวมเข้าไปในกลุ่มชนพื้นเมือง (Indigenous groups) ในรัฐธรรมนูญพม่า ส่งผลให้ไม่ได้รับสัญชาติพม่า

ในตอนแรกเจ้าหน้าที่ทางการที่นั่นต้อนรับพวกโรฮิงญาในฐานะเป็นโมฮาเจียร์ (ผู้ลี้ภัยอิสลาม) และตามรายงานข่าวทางการได้วางแผนจะสร้างหมู่บ้านตัวอย่างที่เหมือนไร่นา สหกรณ์แบบรัสเซียให้กับคนพวกนี้ (“Chottograme”1949) แผนการนี้ไม่ได้กลายเป็นรูปธรรมขึ้นมา และต่อมาอีกไม่นานโรฮิงญาก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนต่างด้าว

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 250,000 คน อาศัยอยู่ในบังคลาเทศในค่ายที่สหประชาชาติดูแลอยู่ในแถบบริเวณชายแดน บางคนกลับไปพม่าในเวลาต่อมา บางคนหลอมรวมเข้ากับสังคมบังคลาเทศ และประมาณ 20,000 คน ยังอาศัยอยู่ในค่ายใกล้กับเท็คนาฟ อย่างน้อยอีก 100,000 คน อาศัยอยู่นอกค่าย และทางการบังคลาเทศพิจารณาว่าเป็นผู้ลี้ภัยที่ผิดกฎหมาย ในปี พ.ศ. 2542 ชาวโรฮิงญากลุ่มนี้อย่างน้อย 1,700 คน ติดคุกในบังคลาเทศด้วยข้อหาข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย (UNHCR 1997:254; “Twenty-five” 1999)

ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาที่ยากจนไร้สัญชาติจำนวนมากจึงอพยพไปสู่เมืองใหญ่ในบังคลาเทศ มาเลเซีย ปากีสถาน และเดินทางต่อไป ซึ่งประเทศแถบอ่าวเปอร์เชียที่ซึ่งเชื่อกันว่ามีคนกลุ่มนี้กว่า 200,000 คนอาศัยอยู่ในช่วงทศวรรษ 1990 (Lintner 1993; Human Rights Watch 2000) ชาวโรฮิงญาบางคนได้รับความช่วยเหลือจากองค์การอิสลามต่าง ๆ และเข้าร่วมการต่อสู้ในอัฟกานิสถานโดยต้องทำหน้าที่เสี่ยงภัยที่สุดใน สมรภูมิรบ กวาดล้างกับระเบิดและแบกสัมภาระ (Lintner 2002) ดังนั้นการที่ประเทศพม่าไม่ไว้ใจชุมชนชายแดนจึงนำไปสู่การพลัดถิ่นข้ามชาติ อย่างรวดเร็วและทำให้ปัจจุบันมีชุมชนอินเตอร์เน็ต และแหล่งข่าวข่าวของโรฮิงญาเองเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก

สาเหตุที่โรฮิงญาไม่สามารถอยู่ในประเทศของตนเองได้ และส่งกลับไปก็จะหนีออกมาอีก

ชาวโรฮิงยาส่วนใหญ่ยังคงถูกปฏิเสธสิทธิในสัญชาติภายใต้กฎหมายพลเมืองพม่าปี 2525 พวกเขาอาศัยอยู่ในรัฐระไข่ห์ ตอนเหนือ ซึ่งยังคงต้องขออนุญาตและชำระค่าธรรมเนียมเพื่อออกจากหมู่บ้าน เรื่องดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการค้าขายและแสวงหางานทำ นอกจากนั้นพวกเขามักจะถูกบังคับให้เป็นแรงงานอีกด้วย

ชาวมุสลิมโรฮิงยายังถูกจำกัดสิทธิพลเมืองอีกหลายประการ ได้แก่ ไม่มีอิสระในการเดินทาง การบังคับเก็บภาษี การยึดที่ดินและบังคับย้ายถิ่น การขัดขวางการเข้าถึงด้านสาธารณสุข ที่พักอาศัยและอาหารไม่เพียงพอ การบังคับใช้แรงงาน รวมทั้งมีข้อจำกัดในการสมรส ซึ่งส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงยาหลายพันคนอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคซับซ้อน

"ผมกลับไปที่ประเทศพม่าไม่ได้ ถ้ากลับไปผมต้องโดนฆ่าแน่ แต่ตอนนี้ อยู่ที่นี้ผมก็ไม่มีเอกสารที่แสดงสถานะถูกต้องทางกฎหมาย" - ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาส์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

จากข้อมูลของป้องกันจังหวัดระนอง ระบุว่า ชาวโรฮิงญา เริ่มอพยพเข้าประเทศไทยทางด้านจังหวัดระนองครั้งแรกเมื่อปี 2548 แต่ยังไม่มีการบันทึกสถิติไว้

ต่อมาในปี 2549 มีการจับกุมได้ 1,225 คน

ปี 2550 จับกุม 2,763 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 คิดเป็น 125%

ปี 2551 จับกุม 4,886 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 คิดเป็น 77%

ซึ่งยังไม่รวมที่เล็ดลอด ไปได้ และข้อมูลของจังหวัดอื่น ๆ ในจังหวัดแถบชายฝั่งอันดามันซึ่งมีการจับกุมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

ยิปซี “ชาติพันธุ์ที่ไม่มีใครต้องการ”

เมื่อพูดถึง ยิปซี หลายท่านคงนึกถึงไพ่ประเภทหนึ่งที่เรานำเอามาตรวจดูดวงชะตากับเทพธิดาพยากรณ์ 1900 1900 ....แต่ที่ยิปซีในที่นี้หมายถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ยิปซีเป็นชื่อที่คนอังกฤษใช้เรียกคนจรจัด โดยย่อมาจากคำว่า Egyptians เพราะแต่เดิมคนอังกฤษประชดประชันคนเหล่านี้ว่าเป็น ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มาจากปอบหยิบ เอ้ย อียิปต์ (ทำไมต้องเฉพาะมาจากอียิปต์ก็ไม่รู้ได้) แต่แท้จริงแล้วยิปซีไม่ชาวอียิปต์ แหล่งกำเนิดของบุคคลเหล่านี้ไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการพิจรณาทางสรีระวิทยา ตลอดจนสำเนียง ภาษา ร้องรำทำเพลง พอจะอนุโลมได้ว่าพวกนี้เขามาจากอินเดียคะ แต่ได้อพยพมาโดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วมาพเนจรอยู่ทางตะวันตกนับพันปีแล้ว
ยิปซีมีผิวคล้ำ นัยน์ตากลมโตดำสนิท จมูกโด่งแหลม ผมดก รูปร่างไม่ใหญ่นัก วัฒนธรรมประจำกลุ่มพี่ต้องแต่งงานก่อนน้อง ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน (ดีจัง) หญิงต้องมีสามีคนเดียว ทำคลอกลูกกันเอง หากมีการตายต้องนำทรัพย์สมบัติมาเผาไปกับผู้ตายด้วย
ผู้ชายมักนุ่งกางเกงขาลีบ ใส่เสื้อสีมอ มีเสื้อกั๊กสีดำปักลวดลายสีสันสะดุดตา ผู้หญิงนุ่งกระโปรงจีบเหมือนน้องๆ Freshly ในมหาลัย กระโปรงมีลวดลายดอกไม้สีสดใสยาวถึงข้อเท้า สวมสเวตเตอร์สีสดเข้ากัน ชายหญิงทุกคนจะใส่ตุ้มหูถ้าไม่ใส่คู่ก็ใส่ข้างเดียว ทัดดอกไม้สีไว้เหนือใบหู และนิยมผูกลูกกระพรวนที่ข้อเท้า
พวกยิปซีจะมีนิสัยพูดปด คดโกง ชอบลักเล็กขโมยน้อย แต่เขาก็จะทำสิ่งเหล่านี้เพื่อความอยู่รอดและจำเป็น(แต่บังเอิญว่าจำเป็นบ่อยมากเลยทุกบ่อยก็เท่านั้น) และจะไม่ทำกับผู้ที่ด้อยกว่าหรือยากจนกว่านับได้ว่ามีคุณธรรมอย่างยิ่ง ถ้าใครทำผิดไปจากกฏที่ว่านี้จะถูกขับไล่ออกจากกลุ่มหรืออาจถูกฆ่าทิ้ง (อะจึ๋ยๆโหดจัง) พวกยิปซีมีฝีมือในการร้องรำทำเพลงเล่นตนตรี ชีวิตพวกเขาอยู่ควบคู่ไปกับเกวียนและม้า อยู่กันเป็นกองคาราบาว เอ้ย คาราวาน ซึ่งเกวียนเป็นทั้งที่อยู่ที่กินที่นอน ที่ทำกิจกรรมบันเทิงเริงใจ (ชักเริ่มติดเรทแล้ว) มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ อาหารจะประกอบด้วยผัก เนื้อสัตว์ หรืออะไรก็แล้วแต่สุดเท่าที่จะขโมยได้ (มันกินง่ายจริงๆ) โดยเอามากองรวมกันไว้ ถึงที่ได้ก็หยุดพักหุงต้มกิน โดยรวมผักนานาชนิดปนกันเหยาะเกลือนิดใส่พริกหน่อยก็กลายเป็นจับฉ่ายแล้ว แซ่บหลายเด้อ วันใดนึกขยันขึ้นมาก็ขับเกวียนเข้าไปรับปะหม้อ ปะไหในหมู่บ้าน หญิงชราก็จะรับทำนายโชคชะตา ดูลายมือดูลูกแก้ว
ในฤดูหนาวยิปซีจะหยุดเร่ร่อน ซุกตัวอยู่กับคนรักในเกวียน(ยกเว้นพวกยังไม่มีครอบครัวก็นอนกอดเงาตัวเองไปแทน) เมื่อหมดหนาวสัญชาตญาณก็จะกระตุ้นเตือนให้พวกเขาออกเร่ร่อนอีกอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง
บรรดาลูกหลานก็จะได้รับการถ่ายทอดพฤติกรรมจากพ่อแม่และปฏิบัติตามอย่างไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่นักท่องเที่ยวใน สเปน ฮังการี โรมาเนีย และประเทศอื่นๆ เป็นอย่างมากเพราะถ้าหากเด็กผิวดำร่างกายผอมเกร็งใส่เสื้อผ้าสีจัดดูขะมุกขะมอมวิ่งมาขอหมากฝรั่ง ลูกกวาด แต่ถ้าเผลอเมื่อไหร่พวกก็จะฉวยเอากระเป๋าสตางค์วิ่งหายลิบไปทันที

ปวศ.ของหลายประเทศในยุโรปมีเรื่องราวเกี่ยวกับยิปซีไว้มาก เช่น ค.ศ.1478 ปวศ.โมลดาเวีย ซึ่งเป็นแคว้นหนึ่งในประเทศโรมาเนียปัจจุบันมีบันทึกไว้ว่า เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ผู้ครองแคว้นโมลดาเวียขณะนั้น ทรงยินยอมให้ยิปซีจรจัดเหล่านี้มีเสรีภาพในการเร่ร่อน โดยอนุญาตให้ประกอบอาชีพเล็กๆน้อยๆเพื่อเลี้ยงตัวเองได้
ปวศ.เยอรมันบันทึกไว้ว่า มีประชาชนกลุ่มหนึ่งไม่ปรากฏสัญชาติ มีผิวดำ สกปรก ป่าเถื่อน มีความเป็นอยู่เหมือนสุนัข มีการเดินทางเคลื่อนย้ายไม่เป็นที่ มักรวมเป็นกลุ่มไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทำตนเป็นหมอดูชอบลักเล็กขโมยน้อย
ในศตวรรษที่ 20 มียิปซีบางกลุ่มในโปแลนด์ได้ทดลองตั้งราชวงศ์ควิคส์ (kwicks) ขึ้นในระหว่างกลุ่มแต่ไม่มีความสำคัญทางการเมืองไม่นานก็เลิกล้มไป ต่อมาสตีฟ คัสคอฟ ก็ได้พยายามตั้งกลุ่มยิปซีเสื้อแดง ขึ้นที่กรุงนิวยอร์ก แต่ก็ไม่มีบทบาทและอิทธิพลใดๆ ไม่นานก็สูญหายไปอีก
ปัจจุบันยิปซีมีจำนวนเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ พวกเขาได้กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆทั่วโลก ในยุปโรปแบ่งได้เป็น 2 พวกคือพวกที่ผสมผสานกลมกลืนไปกับประเทศนั้นๆ(บ้านเราเรียก เนียน ) อีกพวกคือพวกที่ยังยึดชีวิตแบบเดิมไม่ยอยปะปนกับใครเดินทางไปเรื่อยๆ....แค่อาจจะเปลี่ยนจากม้ามาเป็นรถเครื่องบ้างก็เท่านั้น
คนยิปซีจะว่าไปก็สัณนิฐานว่ามาจากอินเดียค่ะ เร่ร่อนมาเรื่อยๆเกาะไหนได้ก็เกาะค่ะ โดยเฉพาะประเทศในยุโรปตะวันออกจะมี หนึ่งในประเทศรู้จัก Gypsy ประเภทหนึ่ง ในฝรั่งเศสเขาเรียกว่า ชาว Roms ตามที่เราเข้าใจคือชื่อนี้แปลว่า "คน" ในภาษารูมาเนียน

ชาว Roms ถิ่นเดิมส่วนมากอยู่แถวรูมาเนีย บุลกาเรีย ฮังกรี มีระดับชีวิตยากจนมาก ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม รัฐบาลไม่ใส่ใจ พอมีการเปิด EU คนพวกนี้ก็มีอิสระในการข้ามแดนระหว่างประเทศ เข้าไปพเนจร ขอทานในประเทศอื่นๆ เช่นที่ในสวิส ฝรั่งเศส เยอรมัน....
ชาวยิปซีหรือชาวโรม่าเขามีพื้นฐานความคิด แบบเชื่อว่าโลกนี้ไม่มี private property
ในฝรั่งเศส รัฐและเมืองบางเมืองพยายามต้อนรับด้วยการหาที่อยู่ให้ เด็กได้เรียนหนังสือ+กินอาหารที่รร ฟรี เสื้อผ้าอาหารไปหาเอาตามมูลนิธิช่วยเหลือคนจน บางคนได้รับการช่วยเหลือให้ได้งานทำหลายชมต่อวัน เพื่อให้โอกาสเรียนรู้อาชีพ และปรับเปลี่ยนชีวิต เพื่อให้อยู่ในสังคมได้มากขึ้น

แต่ความเป็นอยู่มาจากระดับที่ตกต่ำมากๆ และทัศนคติของคนกลุ่มนี้ ซึ่งแตกต่างจากความคิดความอ่านของคนในระดับทั่วไป ทำให้มีพฤติกรรมที่ดูเหมือนขี้เกียจ มักง่าย สกปรก และรับสิ่งของจากผู้ให้จนชินชากับการขอในดงยิปซียุโรปตะวันออก ตามชนบทที่มีสวนผลไม้นี่ คนยิปซีเขาหยิบกินเลยนะคะ มันคือสมบัติของพระเจ้า

โอกาสดีไม่มาถึงทุกคน และไม่ใช่ชาวRoms ทุกคนจะสามารถปรับปรุงสถานภาพการเงินให้ดีขึ้นได้ บางคนก็เข็นไม่ขึ้น ก็จะเร่ร่อนต่อไป บางทีก็ขโมยเพื่อยังชีพ ความยากไร้ทำให้เกิดความรุนแรง มีชีวิตไปวันๆ มีลูกหลานเร็วและมีกันเยอะๆ

จะช่วยทั้งหมดคงไม่ไหว นโยบายของประเทศยุโรปตะวันออกน่าจะเพ่งเล็งจุดนี้ให้มากขึ้นอีก ส่งเสริมความรู้ความสามารถให้ได้มีงานทำถาวร และอาศัยอยู่ต่อไปในประเทศที่ตนเองเติบโตมา มากกว่าจะไปพเนจร ขอทานอยู่ในประเทศอื่นในอเมริกา พวกเค้าก็มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีค่ะ
ไม่ค่อยเรียนหรือทำงานในตำแหน่งสูง แต่งงานอายุน้อยแล้วต้องแต่งในหมู่ตัวเอง
ยึดถือธรรมเนียมของตัวเองมากๆ ไม่ค่อยกลมกลืนกับสังคม

มีรายการทีวีชื่อ My big fat American Gypsy wedding ก็ได้เห็นอะไรแปลกๆอยู่เหมือนกัน
ิิที่ค่อนข้างมีปัญหากับคนยิปซี เพราะพวกนางจะไม่ทำมาหากิน ชอบออกลูกเอาเงินจากรัฐบาล ลูกคนนึงก็ได้เงินตกสามแสนบาทไทยค่ะ เป็นรายได้หลักของเค้าเลยแหละค่ะ นอกจากนี้เค้ายังชอบลักเล็กขโมย(ไม่)น้อยตามสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย หลายๆคนที่ไปเที่ยวยุโรปคงระแวงไปตามๆกันค่ะ พวกนี้มุขเยอะทำการเป็นขบวนการมีหลายคน เน้นการทำงานเป็นหมู่คณะ ส่วนการศึกษานี่ก็ไม่ค่อยเรียนกันหรอกค่ะ อาจจะขี้เกียจจริงแต่เหตุผลจริงๆแล้วคือไม่เป็นที่ยอมรับของในประเทศที่พวกเค้าไปอยู่ด้วย และก็มีปัญหาทางด้านภาษาด้วย

เห็นเรื่องแย่แล้ว เค้าก็น่าสงสารในบางเรื่องนะคะ เช่นเรื่องการศึกษา ในสาธารณรัฐเช็กนี่เป็นประเด็นใหญ่เรื่องกีดกันคนยิปซีไม่ให้เรียนในโรงเรียนปกติค่ะ ที่เมืองostrava จะให้เด็กไปเรียนกับคนที่มีปัญหาทางสมองหรือเด็กพิการแทน อย่างงี้จะไปพัฒนาอะไรได้ค่ะ ไม่มีการศึกษาก็ไม่มีงานทำค่ะ แต่ปัญหานี้รัฐบาลจัดการเรียบร้อยแล้วแต่ยังไงก็ยังไม่สิ้นสุดค่ะ ส่วนเรื่องที่น่าสงสารอีกอย่างคือพวกแม่ๆที่จะคลอดลูก รพ จะให้เซ็นใบที่เขียนเป็นภาษาเช็ก พวกนางก็เซ็นไปค่ะอ่านไม่ออกคิดว่าไม่มีอะไร ปรากฏว่าเป็นใบแสดงความยินยอมให้ทำหมันค่ะ จะได้ไม่ออกลูกยั้วเยี้ยเอาเงินรัฐฟรีๆ โหดไหมคะนั่น เหอๆ คนที่นี่ก็ไม่ยอมรับคนพวกนี้ค่ะ จะมีกลุ่มคนพวกลิทธินีโอนาซี ต่อต้านอยู่ตลอดเวลา ถึงกะทำร้ายร่างกาย บุกบ้านทำลายทรัพสินพวกยิปซี ถึงกะเผาเลยก็มีค่ะ เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ตำรวจก็ไม่ทำอะไรเท่าไหร่ค่ะ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเพราะเค้าก็เข้าข้างคนประเทศเค้า
ทีนี้ดั้งเดิมคือเขาชอบอพยพเคลื่อนย้าย ก็เลยเสียเปรียบในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องมีฐานการผลิต มีการระดมทรัพยากร บลาๆๆ

ชาวยิปซีก็เลยค่อยๆ หลุดกระแส ตามโลกยุคใหม่ไม่ทัน บางส่วนจึงต้องทำมาหากินแบบใต้ดินไปโดยปริยาย
และก็มีบางส่วนที่ทำอาชีพสุจริต อาชีพที่ชาวยิปซีมีความชำนาญก็อาชีพช่าง ช่างเหล็ก ช่างทำรางน้ำฝน ไรแบบนี้

ปัญหาชาวยิปซีกับอาชญากรรมในยุโรปตะวันตกเป็นปัญหาใหญ่มาก
เมื่อหลายปีก่อน ปธน. ซาร์โกซี่ ของฝรั่งเศสมีนโยบายจับชาวยิปซีส่งกลับโรมาเนีย - บัลแกเรีย

หวานหมูเลย

เพราะชาวยิปซีได้นั่งเครื่องบินกลับมาเยี่ยมบ้านแบบชิวๆ พอสักพักก็แอบกลับเข้าไปหากินในฝรั่งเศสใหม่
สื่อท้องถิ่นเสียดสีประมาณว่า เป็นนโยบายที่ช่วยให้ชาวยิปซีได้หยุดพักร้อน

ที่ประเทศโรมาเนีย จะมีสวัสดิการช่วยเหลือชาวยิปซี และสนับสนุนการศึกษา แต่ชาวยิปซีก็ไม่ค่อยสนใจเข้าเรียนเท่าไหร่
พวกเขาแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย และมีลูกเยอะมาก
ชาวยิปซีที่ผมรู้จัก ตอนไปอยู่บ้านเพื่อนที่เมืองซาตุ-มาเร ชายแดนของโรมาเนีย ก็เป็นแบบนี้ คือเขาไม่เรียน แต่เขามีเงินนะ
ใส่สูทขาวเดินโก้ทั้งวัน มีโทรศัพท์รุ่นใหม่ มีนาฬิกาแพงๆ สวมสร้อยทอง เลสทอง และมีของหรูๆ ดีๆ มาปล่อยด้วย

ของพวกนี้มาจากใต้ดิน เขาเอาปล่อยถูกๆ ให้คนโรมาเนียที่รู้จัก พูดอีกนัยหนึ่ง คนโรมาเนียเองก็พึ่งคนพวกนี้เหมือนกันถ้าต้องการของดีราคาถูก
จึงเป็นจุดเชื่อมต่อของเศรษฐกิจใต้ดิน - บนดิน และทำให้ชาวยิปซียังคงอยู่รอดได้ ก็เพราะเศรษฐกิจใต้ดินนี่แหละ
ที่ประเทศโรมาเนีย จะมีสวัสดิการช่วยเหลือชาวยิปซี และสนับสนุนการศึกษา แต่ชาวยิปซีก็ไม่ค่อยสนใจเข้าเรียนเท่าไหร่
พวกเขาแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย และมีลูกเยอะมาก
ชาวยิปซีที่รู้ ฝรั่งเคยเล่าให้ฟังเมืองซาตุ-มาเร ชายแดนของโรมาเนีย ก็เป็นแบบนี้ คือเขาไม่เรียน แต่เขามีเงินนะ
ใส่สูทขาวเดินโก้ทั้งวัน มีโทรศัพท์รุ่นใหม่ มีนาฬิกาแพงๆ สวมสร้อยทอง เลสทอง และมีของหรูๆ ดีๆ มาปล่อยด้วย

ของพวกนี้มาจากใต้ดิน เขาเอาปล่อยถูกๆ ให้คนโรมาเนียที่รู้จัก พูดอีกนัยหนึ่ง คนโรมาเนียเองก็พึ่งคนพวกนี้เหมือนกันถ้าต้องการของดีราคาถูก
จึงเป็นจุดเชื่อมต่อของเศรษฐกิจใต้ดิน - บนดิน และทำให้ชาวยิปซียังคงอยู่รอดได้ ก็เพราะเศรษฐกิจใต้ดินนี่แหละ

โรมาเนียยังใช้เงิน Ron แต่เป็นสมาชิก EU และประชาชนมักเป็นลูกจ้างยุโรปตะวันตกมีรายได้เป็น Euro ตามข้างถนนจึงมีร้านแลกเงินเยอะมาก
เรามักจะเห็นชาวยิปซีมายืนดักลูกค้าหน้าร้านแลกเงิน โดยเขาจะให้ rate ดีกว่า (เป็นการฟอกเงินอย่างหนึ่ง)

มีอะไรอีกล่ะ นึกไม่ออก...
อ้อ ชาวยิปซีเขามี King ของเขาด้วยนะ เหมือนจะมีหลายคน แต่คนที่อยู่ในโรมาเนียชื่อฟลอริน จัวบา (Florin Cioaba) เสียชีวิตไปแล้วปี 2013
เห็นด้านเป็นผู้กระทำความผิดของยิปซีมาเยอะแล้ว ด้านที่น่าสงสารของพวกเค้าก็มีค่ะ เมื่อก่อนแฟลตข้างๆคนยิปซีอยู่ ตำรวจถึงกับต้องติดกล้องวงจรปิดที่เสาไฟหน้าบ้านเลยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรระวังตัวจากพวกเค้าอยู่ดีค่ะเวลาเดินทางไปเที่ยว ไม่ใช่แค่ยิปซีแต่ คนดำ และแขกขาว อย่างในปารีสยิ่งต้องระวังให้มากค่ะ
#สรุป
ส่วนใหญ่นับถือคาทอลิคค่ะ เพราะเค้า "ต้อง" นับถือ มาตั้งแต่ยุคกลาง (ก็ลองไม่นับถือมิโดนตี
โดนเผาทั้งเป็นเกลี้ยงทั้งเหล่าแล้ว)
นอกนั้นสมัยนี้ก็มีนับถือออโธดอกซ์นิดหน่อย และส่วนน้อยมาก ๆ ที่อาศัยในตุรกีที่นับถือมุสลิม

ตั้งแต่ยุคแอนทิคจนถึงยุคกลาง เดิมพวกเขามาจากอินเดีย และแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ที่มีชื่อว่า Sinti และ Roma
ส่วนสาเหตุที่ทำไมแบ่งเป็นสองฝ่าย และแบ่งเมื่อไหร่ ตอนโดนขับไล่หรือไม่ เราไม่ทราบค่ะ
รู้แต่ว่าโดนขับไล่มาทางเปอร์เซีย อิหร่าน ข้ามมาทางตุรกี คาบสมุทรบอลข่าน จนมายุโรป

ทุกวันนี้พวกเค้ามีบัตรประชาชน ซึ่งถือว่ามาไกลพอสมควร สำหรับชนกลุ่มที่เร่ร่อนไปเรื่อย
ไม่ชอบลงหลักปักฐานที่ไหนอาศัยขับรถบ้านไปที่ชอบ ๆ ชอบตรงไหนก็จับกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น
คนมาไล่หรือเบื่อเองก็ไปต่อ

นิสัยรักอิสระและไม่ชอบอยู่ใต้กฎเกณฑ์ น่าจะมาจากชีวิตที่โดนขับไล่มาโดยตลอด
ไปอยู่ไหนก็ไม่มีใครอยากได้ ส่วนที่ชอบลักขโมยก็คงเพราะเคยตัวมาตั้งแต่ตอนนั้น
ซึ่งแม้แต่คนยุโรปเองก็ขโมยกันเองช่วงข้าวยากหมากแพง หรือช่วงหลังสงครามโลก
ครั้งที่ 2 เพียงแต่ทุกวันนี้มีกินเหลือใช้ก็เลิกขโมย แต่พวกยิปซีอยู่ได้ก็เพราะขโมยมั่ง
แสดงความสามารถแลกเงินบ้าง เช่น เล่นดนตรี โชว์การแสดงกายกรรม
ผู้หญิงก็เรียนดูไพ่ หริอไม่รับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพวกชาวไร่ชาวนา
บางคนมีความรู้เรื่องม้า (เพราะสมัยก่อนใช้รถม้าเร่ร่อนไปเรื่อย) ก็สามารถรับจ้าง
รักษาม้าที่ป่วยของชาวไร่ชาวนาได้ เป็นต้น

ปัจจุบัน พวกเค้าก็ยังเหมือนเดิม คือรักอิสระ ขนาดประเทศสวีเดนเคยพยายามจะช่วย
ด้วยการจัดหาบ้านให้อยู่ ให้เรียนหนังสือ แต่ก็ไม่มีใครเล่นด้วย ซึ่งก็ไม่รู้เอาไอเดียมาจากไหน
เพราะมันไม่ใช่นิสัยของพวกเค้า ถ้าเค้าอยากมีบ้านลงหลักปักฐาน เค้าทำได้เองไปนานแล้ว
ตั้งแต่สมัยที่ยุโรปมีโรคห่าระบาด คนตายเกลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ถ้าพวกเค้าไปจับจองอยู่ป่านนี้
ก็ไม่มีพวกยิปซีแล้ว แต่เค้าก็ไม่เอา เค้าชอบแบบนี้

ฉะนั้น เวลาเที่ยวยุโรป เราถึงไม่เคยต้องระวังตัวอะไร ไม่ต้องใช้กระเป๋าทัวร์ริสต์ คาดหน้าท้อง
ซ่อนในเสื้อให้วุ่นวาย แค่คุณรู้จักพวกยิปซี เห็นปั๊บให้หลบหรือระวังตัว คุณก็รอดจากโดนล้วงกระเป๋าแล้ว
หน้าตาพวกเค้าเหมือนคนอินเดีย คม ๆ ผมดำ ผิวคล้ำ บอกไม่ถูกต้องเจอแล้วเราถึงบอกได้ว่านี่ยิปซี
นอกจากนั้น การแต่งกาย พวกเค้าจะมีเอกลักษณ์การแต่งตัวไม่เหมือนคนทั่วไป เว้นแต่พวกเด็กวัยรุ่นยิปซีบางส่วน
ที่แต่งตัวปกติ แต่หน้าตาก็ฟ้องอยู่ดี#
"ทำไมพวกเค้ายังรักษาเอกลักษณ์ไว้ได้ ไม่ถูกกลืนหาย"
พวกยิปซีรักพวกพ้อง และอยู่กันเป็นกลุ่มครอบครัวใหญ่ คือปู่ย่าตายายลูกชายลูกเขยหลานเหลนโหลนมักอยู่ด้วยกัน
ไปไหนก็ไปกัน แล้วก็สืบพันธุ์มีลูกมีหลานไปเรื่อย ๆ เจอคนในกลุ่มอื่นที่ถูกใจก็มีลูกมีหลานต่ออีกเป็นโขลง
เค้านิยมมีลูกมีหลานเยอะ ๆ เหมือนคนเอเชียสมัยก่อนนี่แหละ
ส่วนที่ทำไมรักษาเอกลักษณ์ไว้ได้ เพราะไม่มีใคร ชนชาติไหนมาแต่งงานกับพวกยิปซี
แค่คนทั่วไปมีเพื่อนเป็นคนยิปซียังหายากเลย ก็เลยไม่ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือถูกกลืนไปไหน
#พวกเค้าชาวยิปซีนี่ ต่างจากโรฮิงยา หรือชาวเขากะเหรี่ยง มูเซอร์
คือต่างตรงชาติพันธุ์ ที่มา ศาสนา และการเป็นอยู่
อย่างที่เราเขียนไว้ข้างต้น คือพวกยิปซียินดีและมีความสุขกับการไม่ลงหลักปักฐาน
อยู่บ้านเป็นหลักแหล่ง
แต่ชาวโรฮิงยาอยากมีที่อยู่ที่ปลอดภัยเป็นหลักแหล่งเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งสองเหมือนกันตรง
ไม่มีใครอยากได้ ไปอยู่ตรงไหนเค้าก็คอยไล่

ที่มา FB.กลุ่มเรื่องเล่าความหลัง

 

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ : ดูไบ
แผ่นดินไหว ตอนใต้อิหร่าน
ขนาด 6.2 ลึก 10 กม. วันที่ 2 ก.ค. 2565 เวลา 06:25 น.ตามเวลาประเทศไทย(ตรงกับดูไบ 03.25 น.)
แรงสั่นไหวในดูไบ ผู้คนออกจากตึกสูง

 

ญี่ปุ่น : ♨️ ร้อนสุดในรอบ 150 ปี

️หลายเมืองอุณหภูมิ 40 องศาฯ
อุณหภูมิ สูงขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ถึงปัจจุบัน

️โตเกียวทำลายสถิติร้อนสุดในรอบ 150 ปี 37 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2418 ตั้งแต่เริ่มมีการเก็บบันทึก

⚠️ โตเกียวมีความกังวลไฟฟ้าดับ เนื่องจากมีการใช้ไฟจำนวนมากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โรงไฟฟ้าพลังความร้อนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ออฟไลน์เนื่องจากความผิดพลาดทางเทคนิค
รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประหยัดไฟ ปิดไฟในช่วงเที่ยง และ บ. บางแห่งปิดไฟทำงาน ปัญหาไฟขาดแคลนอาจยาวนานถึง 3 เดือน

⚠️ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ความร้อนพุ่งถึง 40.0 C หกเมือง เป็นประวัติการณ์
กรุงโตเกียว อุณหภูมิพุ่งถึง 37.0 องศาเซลเซียส

⚠️มีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว 1,517 คน และ 17 คนเสียชีวิตสงสัยว่าจะเป็นโรคลมแดดหรืออาการอ่อนเพลียจากความร้อนในเมืองหลวง ข้อมูล มิถุนายน 2565

⚠️ มีภาพแชร์ในสื่อออนไลน์ อาทิ กุ้งเครฟิชตายจากน้ำในนาข้าวร้อน พาวเวอร์แบงค์ระเบิดในรถยนต์ และการปิดไฟทำงานเพื่อประหยัดพลังงาน ความร้อนยังทำให้รถไฟบางขบวนหยุดทำงาน เนื่องจากรางขยายตัวเสียหายจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น

 

อินเดีย : ลงจอดฉุกเฉิน
วันที่ 2 กรกฎาคม 2022 สายการบิน SpiceJet เครื่องแบบ Q400
เที่ยวบิน SG-2962 Delhi-Jabalpur ขณะบินระดับ 5,000 ฟุต ผู้โดยสารในห้องโดยสารพบควันออกมาจากช่องแอร์
หลายคนหายใจไม่ออก ผู้โดยสารเริ่มตื่นกลัว นักบินตัดสินใจวนกลับเดลี เครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัยที่เดลี นักบินขอลงจอดเวลา 7.00 น. ลงจอดสำเร็จในเวลา 07.25 น. เป็นเหตุการณ์ครั้งที่ 5 ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบิน SpiceJet ในสองสัปดาห์ อธิบดีกรมการบินพลเรือนอินเดียกล่าว

 

️ เรือสำราญ คาร์นิวัล เมจิก ผู้โดยสาร 40-60 คนชกต่อยกันบนเรือ ขณะกลับจากล่องเรือในแคริบเบียน 9 วัน การชกต่อยเกิดขึ้นวันสุดท้ายเรือกำลังจะเข้าเทียบท่าในนิวยอร์ก เรือต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยยามฝั่ง และแจ้งตำรวจรอรับตัวที่ท่าเรือนิวยอร์ก

️ คลิปวันที่ 28 มิ.ย. 2565
การชกต่อยเริ่มขึ้นที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นคาสิโน
ไนท์คลับ บาร์เต้นรำ เวลาประมาณ 02.00 น.สาเหตุไม่แน่ชัด คาดว่ามาจากคาสิโน และลามมายังบาร์ที่อยู่ติดกัน ผู้โดยสารเข้าตบตีทั้งชายหญิง ขว้างปาขวด และแก้ว ทีมรักษาความปลอดภัยในเรือพยายามห้ามแยกทั้งสองฝ่าย หน่วยยามฝั่งสหรัฐได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทกันเวลา 04.00 น. และส่งเรือไปคุ้มกันเรือสำราญเพื่อไปยังท่าเรือนิวยอร์ก

️ การชกต่อยประมาณ 1 ชั่วโมง
ตัวเลขความเสียหาย และผู้ที่ถูกควบคุมตัวไม่มีการเปิดเผย

#เรือสำราญกลายเป็นสนามมวย

 

#ปูตินจัดหนักสั่งยึดบ่อน้ำมันSakhalin_2
#เตรียมยึดทรัพย์บริษัทน้ำมันต่างชาติ

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียยังคงเดินหน้าสวนหมัดสุดกำลัง กับชาติตะวันตกที่พยายามกดดันรัสเซียด้วยสงครามเศรษฐกิจ และการคว่ำบาตร จากเหตุกรณีข้อพิพาทรัสเซีย-ยูเครน

ล่าสุดได้ออกกฏหมายใหม่ ให้ยึดโครงการบ่อน้ำมัน Sakhalin-2 ที่เคยให้สิทธิ์บริหารจัดการทรัพยากรแก่บริษัทต่างชาติกลับคืนมาอยู่ภายใต้การดูแลของรัสเซียทั้งหมด โดยรัฐบาลเครมลินจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูโครงการนี้โดยเฉพาะ

ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นบริษัทต่างชาติจะต้องเข้ามาเจรจาในเงื่อนไขใหม่ภายใน 1 เดือน มิฉะนั้น ทรัพย์สินต่างๆที่ได้ลงทุนไว้จะต้องถูกยึด และโอนไปเป็นของรัสเซีย

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าเข้ามาเจรจาแล้วรัฐบาลรัสเซียจะให้สิทธิ์กลับมาถือหุ้นส่วน บริหารได้เหมือนเดิม ต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของรัสเซียด้วยว่าจะให้ต่อสัญญาใหม่หรือไม่ ถ้าไม่ ก็ต้องถูกยึดทรัพย์สิน และหุ้น กลับบ้านมือเปล่าเหมือนกัน

ถ้าเข้าใจง่ายๆคือ ตอนนี้รัสเซียได้ยึดโครงการบ่อน้ำมัน Sakhalin-2 กลับมา และบีบให้บริษัทน้ำมันต่างชาติให้ทิ้งทุนออกไป หรือไม่ก็ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของรัฐบาลรัสเซียทุกอย่างหากไม่อยากถูกยึดทรัพย์สิน เงินทุนที่ลงไว้กับ Sakhalin-2 ซึ่งตอนนี้บริษัทต่างชาติที่ถือหุ้นหลัก คือ Shell ของอังกฤษ และ Mitsui กับ Mitsubishi ของญี่ปุ่น

ซึ่งจุดเริ่มต้นของโครงการขุดเจาะน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Sakhalin-2 เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1992 สมัยรัฐบาลของนายบอริส เยลท์ซินมาแล้ว ที่บริษัทน้ำมันของสหรัฐ Marathon Oil และ McDermott ร่วมกับบริษัทญี่ปุ่น Mitsubishi ได้ชนะการประมูลทำโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Sakhalin-2 ร่วมกัน

ต่อมามีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนผู้ร่วมลงทุน และได้ Royal Dutch Shell เข้ามาร่วมในโครงการด้วย และจัดตั้งเป็น Consortium ร่วมกันชื่อว่า Sakhalin Energy Investment

แม้ว่าภายหลังที่ปูตินเข้ามาเป็นผู้นำรัสเซีย และบังคับให้ Shell ขายหุ้นคืนให้แก่ Gazprom บริษัทน้ำมันของรัสเซีย ให้ถือหุ้นเกินครึ่งใน Consortium แต่ปัจจุบัน Shell ก็มีสัดส่วนหุ้นอยู่สูงถึง 27.5% รองลงมาคือ Mitsui 12.5% และ Mitsubishi 10%

ประเด็นสำคัญคือ โครงการ Sakhalin-2 นั้นใหญ่มาก ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาน้ำมัน และ ก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง 3 แท่น โรงกลั่น 1 แห่ง ท่อส่งน้ำมัน ทั้งในและนอกชายฝั่งรวมกันความยาวเกือบ 2000 กิโลเมตร และโรงกลั่นก๊าซธรรมชาติ และ สถานีส่งออกรวมอยู่ด้วย และหากนับเฉพาะกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว คิดเป็น 4% ของปริมาณที่ผลิตได้ทั่วโลกทีเดียว

แต่สถาการณ์ใน Consortium มันเปลี่ยนไป เนื่องจากกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน จนมีกระแสคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงแบนน้ำมันจากรัสเซียในกลุ่มพันธมิตรชาติมหาอำนาจตะวันตก

ซึ่ง Shell น่ะไปแน่ และกำลังจะขายหุ้นของ Sakhalin-2 ทิ้งอยู่แล้ว และได้พูดคุยกับกลุ่มทุนจากจีน และ อินเดียแล้วด้วย คาดว่ามูลค่าที่ Shell จะได้คืนมานั้นไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ส่วนอีก 2 บริษัทจากญี่ปุ่นก็กำลังหันรี หันขวางว่าจะเอายังไงต่อกับ Sakhalin-2

แต่ปูตินไม่ยอมให้หามหมู รีบเอาคานเข้ามาสอดด้วยการออกกฏหมายล้ม Consortium ยึดหุ้นคืนมาเป็นของรัฐทั้งหมดก่อน แล้วค่อยให้ Shell Mitsui Mitsubishi เข้ามาคุยว่าจะเอายังไงต่อ

ถ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขใหม่ ก็คือรัสเซียจะยึดทรัพย์สิน และหุ้นทั้งหมด ถ่ายโอนไปให้ Gazprom ดูแล ซึ่งทาง Shell ออกมาโวยวายหนักมาก

ส่วนอีก 2 บริษัทของญี่ปุ่นนั้นเงียบมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะยอม และส่งตัวแทนเข้ามาคุยกับปูติน เนื่องจากญี่ปุ่นยังต้องพึ่งพาก๊าซ LPG จากรัสเซียอยู่มาก แม้แต่เลขาธิการคณะรัฐบาลญี่ปุ่นยังออกมาบอกเองว่ากำลังรอเงื่อนไขใหม่จากรัสเซียอยู่ และจะพยายามไม่ทำให้กระทบกับประชาชนผู้ใช้พลังงานในประเทศ

แต่ก่อนที่จะเห็นเงื่อนไข และยังไม่รู้วาปูตินจะยังยอมให้มี 2 บริษัทญี่ปุ่นอยู่ในบอร์ดใหม่ของ Sakhalin-2 หรือไม่ หุ้นของ Mitsui และ Mitsubishi ก็ร่วงกระจุย กระจายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งสื่อต่างประเทศมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของการแลกหมัดของปูติน ที่ถูกชาติตะวันตกยึดทรัพย์สินของรัสเซียเอาไว้ทั่วโลก รัสเซียก็เลยจะขอยึดทรัพย์บริษัทต่างชาติในรัสเซียคืนบ้าง เรียกว่าถ้าจะเทรัสเซียก็ให้ออกไปได้แต่ตัว แต่ทรัพย์สิน เงินทุน
ปูตินว่าต้องทิ้งไว้ที่รัสเซียนาจ๊า

แหล่งข้อมูล
https://www.reuters.com/business/en...t-knocks-mitsui-mitsubishi-shares-2022-07-01/

https://www.bbc.com/news/business-62008413

https://www.themoscowtimes.com/2022...ject-operator-with-new-domestic-entity-a78173

https://www.asahi.com/ajw/articles/14659301

https://www.nytimes.com/2022/07/01/business/putin-sakhalin-natural-gas.html

https://en.wikipedia.org/wiki/Sakhalin-II

 

เพราะคริปโต?
.
เกิดเหตุรถจมน้ำที่ #เกาหลีใต้ ภายในพบศพ 3 พ่อแม่ลูกวัย 10 ขวบ ที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าได้หายตัวไป

หลายท่านอาจถามว่ามันเกี่ยวอะไรกับพี่โต เนื่องจากตำรวจเจอข้อมูลว่าคุณพ่อของครอบครัวนี้ได้ลงทุนในเหรียญ #คริปโต สกุล #Luna #Terra เป็นประจำ...เ