สะสมคำทำนายทุกท่านเมตตาบอก สงครามใหญ่ใช้นิวเครียร์มาก่อนภัยธรรมชาติใหญ่สึนามิ

• 
  
  
  • เป็นสองวัดน่าจะไปทำบุญทำทานกุศลและได้ไปท่องเที่ยว
  • อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์

จ.นครสวรรค์

• 
  
• วัดเขาหน่อ ตำบลบ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
• ประวัติ วัดเขาหน่อ
  วัดเขาหน่อ ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๐ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ พระอธิการไพโรจน์ อินทโชโต
  
  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ ๗๙ ไร่ ๒ งาน ๒๒ ตารางวา โฉนดที่ดิน เลขที่ ๑๖๐๐๐ น.ส. ๓ เลขที่ ๖๕ มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน ๔ แปลง เนื้อที่ ๒๙ ไร่ ๑๘ ตารางวา น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๕๙, ๖๐, ๖๗, ๗๐ อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ กว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาการเปรียญ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๘ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กุฏิสงฆ์ จำนวน ๑๐ หลัง อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑๐ หลัง วิหาร กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๖ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาบำเพ็ญกุศล จำนวน ๑ หลัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก นอกจากนี้มี ฌาปนสถาน ๑ หลัง หอระฆัง ๑ หลัง หอกลอง ๑ หลัง โรงครัว ๑ หลัง เรือนเก็บพัสดุ ๑ หลัง เรือนรับรอง ๑ หลัง
  
  อาณาเขต
  • ทิศเหนือ: จดภูเขา
  • ทิศใต้: จดทางสาธารณะ
  • ทิศตะวันออก: จดคลองสาธารณะ
  • ทิศตะวันตก: จดภูเขา
  
  
  เจ้าอาวาส วัดเขาหน่อ
  พระอธิการไพโรจน์ อินทโชโต
  
  

 

พระรามโพธิ์สัตว์ องค์ที่2

 

ในความคิดข้าพเจ้านะ พระโพธิสัตว์ ก็มีสิทธิ์ทำผิดพลาดได้ แต่ถ้าในยุดไม่มีศาสนาพุทธ พวกเราลูกหลานจำเป็นต้องไปฟังธรรมะจากพระโพธิสัตว์ และพระปัจเจพระพุทธเจ้า สอนแล้วทำ ทำทาน รักษาศีล ภาวนา จะได้ไปสวรรค์ ก่อนในการเดินทางสร้างบุญบารมีให้พ้นทุกข์

 

จากความน่าจะเป็นที่เคยคิดไว้

 

ความหมายและคุณลักษณะ
พระสมัญญา
มีหลายคำดังจะกล่าวต่อไปนี้

• พระโพธิสัตว์ หมายถึง ท่านผู้ที่กำลังบำเพ็ญ บารมี 10 (โดยยิ่งยวด 30 ทัศ) คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา และ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
• อังคีรส หมายถึง ท่านผู้มีรัศมีแผ่ออกมาจากพระกาย
• มหาบุรุษ เป็นคำที่ใช้เรียก พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อีกความหมายหนึ่งคือ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่
• ตถาคต ผู้ไปแล้วอย่างนั้น เป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพระองค์เองมี
• ธรรมราชา หมายถึง ท่านผู้เป็นราชาแห่งธรรม
• ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร หมายถึง ท่านผู้เป็นใหญ่โดยเป็นเจ้าของธรรม
• ธรรมสามี หมายถึง ท่านผู้เป็นเจ้าของธรรม
• ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
• ภควา แปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
• พระศาสดา พระบรมศาสดา พระบรมครู หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
• พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
• มหาสมณะ
• พระโลกนาถ หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก
• สยมภู หมายถึง ท่านผู้ตรัสรู้ได้โดยตนเอง ไม่มีใครมาสั่งสอน
• สัพพัญญู หมายถึง ท่านผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
• พระสุคต, พระสุคโต หมายถึง ท่านผู้เสด็จไปดีแล้ว
• ประเภทของพระพุทธเจ้าโดยการบำเพ็ญบุญบารมี
  นอกจากนั้นพระพุทธเจ้ามีอยู่ 3 ประเภทตามกำลังบุญบารมีที่ได้สร้างสั่งสมมาคือ
  
  • พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ปัญญา” อย่างแก่กล้าแต่มีพระศรัทธาน้อย จึงใช้เวลาสั่งสมบารมีน้อยกว่าพระพุทธเจ้าอีกสองประเภท ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีเป็นเวลา 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระโคตมพุทธเจ้า
  • พระสัทธาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ศรัทธา” อย่างแก่กล้ายิ่งนัก แต่มีพระปัญญาปานกลาง จึงใช้เวลาสั่งสมพระบารมีอย่างปานกลาง ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีเป็นเวลา 40 อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระกัสสปพุทธเจ้า
  • พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ความเพียร” อย่างแก่กล้า ทรงมีพระวิริยะยิ่งนัก แต่ทรงมีพระปัญญาน้อยกว่า ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมียาวนานมากกว่าพระพุทธเจ้าประเภทอื่นเป็นเวลา 80 อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระศรีอริยเมตไตรย
  พระพุทธเจ้าในอดีต
  รายพระนามพระพุทธเจ้า
  บทความรายชื่อวิกิมีเดีย
  พระพุทธเจ้าที่ล่วงมาแล้วหลายพระองค์ มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน อุปมาว่าจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ล่วงไปแล้วมีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทรทั้งสี่ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเรื่องพุทธวิสัยเป็นอจินไตย คือเป็นสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน
  
  ในพุทธวงศ์ หมวดพุทธปกิณณกกัณฑ์ซึ่งว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า [1] กล่าวถึงพระพุทธเจ้าไว้ 28 พระองค์ โดยเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพุทธวงศ์ 3 พระองค์ และในพุทธวงศ์ 25 พระองค์ รวมเป็น 28 พระองค์ดังนี้
  
  • พระตัณหังกรพุทธเจ้า
  • พระเมธังกรพุทธเจ้า
  • พระสรณังกรพุทธเจ้า
  • พระทีปังกรพุทธเจ้า
  • พระโกณฑัญญพุทธเจ้า
  • พระมังคลพุทธเจ้า
  • พระสุมนพุทธเจ้า
  • พระเรวตพุทธเจ้า
  • พระโสภิตพุทธเจ้า
  • พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
  • พระปทุมพุทธเจ้า
  • พระนารทพุทธเจ้า
  • พระปทุมุตตรพุทธเจ้า
  • พระสุเมธพุทธเจ้า
  
  
  • พระสุชาตพุทธเจ้า
  • พระปิยทัสสีพุทธเจ้า
  • พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
  • พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
  • พระสิทธัตถพุทธเจ้า
  • พระติสสพุทธเจ้า
  • พระปุสสพุทธเจ้า
  • พระวิปัสสีพุทธเจ้า
  • พระสิขีพุทธเจ้า
  • พระเวสสภูพุทธเจ้า
  • พระกกุสันธพุทธเจ้า
  • พระโกนาคมนพุทธเจ้า
  • พระกัสสปพุทธเจ้า
  • พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
  
  
  ซึ่ง 28 พระองค์นี้ 3 พระองค์แรก คือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า และ พระสรณังกรพุทธเจ้า ไม่ได้พยากรณ์แก่พระโคตมพุทธเจ้าสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์ แต่เพิ่งจะได้รับการพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรกจากพระทีปังกรพุทธเจ้า จึงนับพระทีปังกรเป็นพระองค์ที่ 1 ในพุทธวงศ์
  
  (หมายเหตุ พระโคดมพุทธเจ้าในอดีตได้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัปที่แล้วโดยในครั้งนั้นพระองค์เห็นพระธุดงค์อยู่ในป่าแล้วศรัทธาถวายผ้าเก่า ดังที่พระองค์ตรัสเล่าไว้เองใน พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติ (พระไตรปิฎกเล่มที่ 32)[2] ไม่ใช่ปรารถนาครั้งแรกตอนแบกมารดาว่ายข้ามแม่น้ำอย่างที่เข้าใจกันตามข้อมูลในหนังสือมุนีนาถทีปนี [3] และหลังจากที่ได้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกแล้วก็บำเพ็ญบารมีอย่างต่อเนื่องจนได้มาพบกับพระทีปังกรพุทธเจ้าแล้วได้รับพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้าว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน)
  
  หากแบ่งตามกัป โดยการนับอสงไขยกัปในที่นี้ จะนับอสงไขยกัปแรกโดยเริ่มนับจากช่วงเวลาที่ อดีตชาติของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มสร้างบารมี โดยการอธิษฐานในใจว่าปรารถนาจะเป็นพระสัมมาพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จะมีพระพุทธเจ้าในอดีตตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกดังต่อไปนี้
  
  • กัปหนึ่งในอสงไขยกัปที่ 1-16
    1. พระสัพพาภิภูพุทธเจ้า (สพฺพาภิภุสฺส พุทฺธสฺส) [4]
  • สี่อสงไขยแสนกัปที่แล้วเป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ ได้แก่[5][6]
    1. พระตัณหังกรพุทธเจ้า
    2. พระเมธังกรพุทธเจ้า
    3. พระสรณังกรพุทธเจ้า
    4. พระทีปังกรพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์แรกที่พยากรณ์ว่า พระโคดมพุทธเจ้าครั้งเป็นพระโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า)
  • ต่อมาอีก 1 อสงไขย (คือสามอสงไขยแสนกัปที่แล้ว) เป็นสารกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ คือ
    1. พระโกณฑัญญพุทธเจ้า
  • ต่อมาอีก 1 อสงไขย (คือสองอสงไขยแสนกัปที่แล้ว) เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์
    1. พระมังคลพุทธเจ้า
    2. พระสุมนพุทธเจ้า
    3. พระเรวตพุทธเจ้า
    4. พระโสภิตพุทธเจ้า
  • ต่อมาอีก 1 อสงไขย (คือหนึ่งอสงไขยแสนกัปที่แล้ว) เป็นวรกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์
    1. พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
    2. พระปทุมพุทธเจ้า
    3. พระนารทพุทธเจ้า
  • เมื่อแสนกัปที่แล้ว[7][8]
    1. กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์. บางตำราว่าเป็นมัณฑกัป บางตำราก็ว่าเป็นสารกัป.
       1. พระปทุมุตรพุทธเจ้า
    2. สูญกัป (กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น) 30,000 กัป
    3. ต่อมาอีก 7 หมื่นกัป (30,000 กัปที่แล้ว) จึงเป็นมัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
       1. พระสุเมธพุทธเจ้า
       2. พระสุชาตพุทธเจ้า
    4. ต่อมาอีก 1 กัป (1,800 กัปที่แล้ว) เป็นวรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์
       1. พระปิยทัสสีพุทธเจ้า
       2. พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
       3. พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
    5. ต่อมาอีก 1,706 กัป (94 กัปที่แล้ว) เป็นสารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
       1. พระสิทธัตถพุทธเจ้า
    6. ต่อมาอีก 1 กัป (92 กัปที่แล้ว) เป็นมัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
       1. พระติสสพุทธเจ้า
       2. พระปุสสพุทธเจ้า
    7. ต่อมาอีก 1 กัป (91 กัปที่แล้ว) เป็นสารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
       1. พระวิปัสสีพุทธเจ้า
    8. ต่อมาอีก 59 กัป (31 กัปที่แล้ว) เป็นมัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
       1. พระสิขีพุทธเจ้า
       2. พระเวสสภูพุทธเจ้า
    9. ต่อมาอีก 29 กัป เป็นกัปปัจจุบัน เป็น ภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
       1. พระกกุสันธพุทธเจ้า
       2. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
       3. พระกัสสปพุทธเจ้า
       4. พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน 80 ปีก่อนพุทธกาล)
       5. พระเมตไตยพุทธเจ้า (อนาคตอีกหลายล้านปีนับจากที่พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน)
  
  
• พระพุทธเจ้าในอนาคต
  ในคัมภีร์อนาคตวงศ์นั้น ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนี้ [7]
  
  
  • พระเมตไตรยพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือพระอชิตภิกษุ (เป็นคนละองค์กับพระอชิตเถระที่ปรากฏในพระไตรปิฎก) ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
  • พระรามสัมพุทธเจ้า ในอดีตคือพระราม ตรัสรู้ที่ไม้แก่นจันทน์ พระชนมายุ 9 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
  • พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือพระเจ้าปเสนทิโกศล ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนมายุ 5 หมื่นพรรษา พระกายสูง 16 ศอก
  • พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือท้าววสวัตตี ตรัสรู้ที่ไม้สาละใหญ่ พระชนมายุ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
  • พระนารทสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือพระราหู ตรัสรู้ที่ไม้จันทน์ พระชนมายุ 1 หมื่นพรรษา พระกายสูง 20 ศอก
  • พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือโสณพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้ดีปลีใหญ่หรือไม้เลียบ พระชนมายุ 5 พันพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
  • พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือสุภพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้จำปา พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
  • พระนรสีหสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือโตเทยยพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้แคฝอย พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
  • พระติสสสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือช้างนาฬาคีรี ตรัสรู้ที่ไม้ไทร พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
  • พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือช้างปาลิไลยกะ ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนมายุ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 60 ศอก

 

แนะนำฟังท่านผู้ทรงพระไตรปิฏก ครับ

การบรรยายธรรมโดยพระอาจารย์สมบัติ นันทิโก
https://www.trisikkha.com/blank-5

มีความลึกซึ้ง แตกฉาน ชัดเจน ตามพระไตรปิฎก
ไม่ขัดกับคำสอนของพระผู้มีพระภาค
ได้รวบรวมเอาไว้เป็นหมวดหมู่
มีคุณภาพเสียงชัดเจน
สามารถรับฟังได้อย่างต่อเนื่อง
ขอเชิญทุกท่านคลิกเข้าไปเลือกฟังได้ตามอัธยาศัย

กรรมบถ โดยพระอาจารย์สมบัติ นันทิโก


พระรัตนตรัยอันทรงคุณ โดยพระอาจารย์สมบัติ นันทิโก


พุทธคุณ โดยพระอาจารย์สมบัติ นันทิโก


มงคล 38ประการ - พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก
https://www.youtube.com/playlist?list=PLJa0T9U39-a9Ei3A-K37kJh7dM4N_di8c

สติปัฏฐานสูตร-อุทเทส [พระธรรมตามพระไตรปิฏก]

กรณีพระเวสสันดร

อันนี้เป็นทานเฉพาะของพระมหาโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ไม่ได้มีแก่คนธรรมดา คนธรรมดาจะวางจิตแบบท่านไม่ได้นะ จิตของท่านทำทานเพื่อให้บรรลุพระโพธิญาณ ก็พระโพธิญาณนี้เพื่อตนเองหรือ? เปล่าเลย เพื่อประโยชน์ของสัตว์ทั้งหลายต่างหาก ถ้าพระองค์ไม่หวังพระโพธิญาณและหวังแค่เป็นพระสาวกเฉยๆ ท่านก็บรรลุธรรมไปนานแล้ว ไม่ต้องมาบำเพ็ญบารมีมากมายลำบากแสนสาหัสหรอก ดังนั้นการสละลูกเมียของท่านจึงได้บุญด้วยเหตุนี้แม้ว่ากรณีที่ลูกเมียไม่เต็มใจก็ตาม(แต่จริงๆแล้วลูกเมียนางแก้ว ลูกแก้วเต็มใจ ร่วมให้สำเร็จพระโพธิญาณด้วย ลูกเมียก็จะได้พ้นทุกข์ด้วย พวกเราสาวกภูมิก็สำเร็จประโยชน์ไปด้วยจ้า)

ปล ตอนนี้ลูกเมียท่านนิพพานหมดแล้วนะครับ เนื่องด้วยเพราะท่านเทศน์โปรดหลังบรรลุธรรมนั่นเอง ถ้าเป็นผมนะผมยินดียิ่งกว่ายินดีอีก เอาตัวให้ท่านสละไปเลย จะได้นิพพานไปซักทีไม่ต้องมาเกิดๆตายๆแบบนี้
ไปเลียนแบบไม่ได้นะ ท่านสั่งสมปัญญามาเยอะ ไม่ได้อ่านเจอในตำราแบบเรา ท่านเห็นค่าในธรรมที่ได้ฟัง เกิดปีติอย่างสูงสุด อยากถวายสิ่งล้ำค่าเป็นพุทธบูชา แต่หาสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดตอนนั้นได้แค่นั้น ท่านก็ไม่ลังเลเลย ไม่ได้คิดจะทำลายชีวิตตัวเอง แต่ต้องการบูชาพระธรรมเท่านั้น

ท่านเห็นค่าของชีวิตตัวเอง แต่เห็นค่าของพระธรรมมากกว่า ในขณะที่คนฆ่าตัวตาย มักไม่เห็นค่าชีวิตตัวเอง และมักเห็นค่าสิ่งอื่นแบบผิด ๆ

ทำไมตามคัมภีร์อนาคตวงศ์ พระศรีอริยเมตไตรย ตัดศรีษะ พระรามสัมพุทธเจ้า เผาตัวเอง แล้วถวายเป็นพุทธบูชา

 

ความหมายและคุณลักษณะ
ในพระพุทธศาสนา พุทธะ (บาลี: พุทฺธ แปลว่า "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน") หมายถึงบุคคลผู้ตรัสรู้อริยสัจ 4 แล้วอย่างถ่องแท้

ธชัคคสูตร กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีคุณลักษณะ 9 ประการ[3] เรียกว่า พุทธคุณ 9 ได้แก่

• อรหํ หมายถึง ผู้ปราศจากกิเลส
• สมฺมาสมฺพุทฺโธ หมายถึง ผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์
• วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน หมายถึง ผู้มีความรู้และความประพฤติถึงพร้อม
• สุคโต หมายถึง ผู้เสด็จไปด้วยดี
• โลกวิทู หมายถึง ผุ้รู้แจ้งโลก
• อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ หมายถึง ผู้ฝึกคนได้ดี ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า
• สตฺถา เทวมนุสฺสานํ หมายถึง ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
• พุทฺโธ หมายถึง ผู้ตื่น
• ภควา หมายถึง ผู้มีภคธรรม

 

ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวของการบำเพ็ญบารมีของพระมหาโพธิสัตว์เจ้าที่จะมาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระประทีปแก้วในกาลข้างหน้าจำนวน ๑๐ พระองค์นับจากนี้ไป มาเล่าให้แก่ท่านสาธุชนผู้จำเริญทั้งหลายได้สดับตรับฟังและเพื่อน้อมนำจิตของทุกท่านได้เข้าสู่พุทธานุสติกรรมฐาน
ขอเชิญทุกท่านเข้ามาเยี่ยมชม มรรคาแห่งโพธิญาณร่วมกัน เส้นทางแห่งการถึงพร้อมแล้วซึ่งปรมัตถบารมี ๑๐ ประการ อันบุคคลทั่วไปกระทำได้ยากยิ่ง การเดินทางที่แสนยาวไกลของพระองค์ท่านทั้งหลายในวัฏฏะฯ ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว


ขอทุกท่านร่วมโมทนาบุญกุศลอันไม่มีประมาณทั้งหลายเหล่านี้ร่วมกัน และร่วมจิตอธิษฐานให้คำอธิษฐานของพระองค์ท่านจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ สาธุ..... สาธุ...... สาธุ...........

อันได้แก่ พระมหาโพธิสัตว์เจ้า
พระองค์ที่ ๑ พระศรีอาริยเมตไตรย
พระองค์ที่ ๒ พระรามเจ้าโพธิสัตว์
พระองค์ที่ ๓ พระเจ้าปเสนทิโกศล
พระองค์ที่ ๔ พระยามาราธิราช
พระองค์ที่ ๕ พระยาอสุรินทราหู
พระองค์ที่ ๖ โสณพราหมณ์
พระองค์ที่ ๗ สุภพราหมณ์
พระองค์ที่ ๘ โตไทยพราหมณ์
พระองค์ที่ ๙ ช้างนาฬาคีรี
พระองค์ที่ ๑๐ ช้างปาลิไลย

ข้าพระพุทธเจ้าจะนำเรื่องราวโดยย่อมาร้อยเรียงให้ทุกท่านได้สดับตรับฟังกันในโอกาสต่อไป แล้วพบกันครับผม

" นิพพานัง ปรมังสุขขัง = นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"


ข้อมูลจาก http://www.palungjit.com/board/showthread.php?

 

เก็บไว้เพื่อจะทราบพึ่งได้ทราบความหมายคำว่าสลิ่มชัดเจน มันคืออะไร

 

ให้กำลังทุกคน จากนี้ไปต้องผ่านทุกข์ยากรายได้น้อยลงค่าใช้จ่ายแพงไปด้วยกัน

 

แถมให้

 

ถ้าไปฉีดแล้วตายด้วยสาเหตุใดตามถึงคนจะต้องตายทุกวันอยู่แล้วก็จริง แต่ในกรณีแบบนี้ก็เป็นโอกาสได้จ่ายเงินเยี่ยวยาเขาไปเถอะ เงินก็น้อยนิดที่จริงน่าจะต้องจ่ายเป็นเงินเป็นล้านบาทด้วย เพราะครอบครัวพวกเขาที่อยู่เบื้องหลังจะมีชีวิตอยู่ได้บ้าง ที่จริงไม่มีใครอยากได้เงินเยียวยาทำนองนี้หรอก จ่ายไปเลยภายในเดือนแล้วตายจ่ายยกเว้นตายจากอุบัติเหตุไม่จ่าย (มึงจำไว้นะสุดท้ายประชาชนจะชนะ)

 

กองเชียรอึดอัด ว่าเมื่อไรจะได้ฉีดว่ะ

 

แบบนี้คือประชาชนเจอภัยเศรษฐกิจตอนนี้น่ากลัวกว่าภัยธรรมชาติเพราะภัยธรรมชาติตอนนี้ยังไม่เกิด
เพราะมันไปปิดร้านขายของนานเกินไป
ที่จริงคนของมันที่เก่งๆก็มีมากนะแต่แต่ความคิดแค่นี้เรื่องการประชุมยังสู้นักข่าวอธิบายไม่ได้เลยแล้วมันจะพวกมันจะพวกเราผ่านประเทศให้พ้นภัยได้อย่างไร (ทุกอย่างคือคำถาม)

 

พึ่งตนเองดีที่สุด มันบริหารงานทั้งคณะกันไม่ดียังโทษประชาชนๆก็ทำตามมันบอกอยู่แล้วเช่นใส่แมดล้างมือไม่ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่มีจะกินกันอยู่แล้วเยี่ยวยาก็น้อยและก็ไม่ทั่วถึงไม่ได้ทุกคนที่เดือดร้อน มาตรา40เราหรือบ้างคนก็ไม่รู้จักแล้วคนไม่สมัครจะได้อะไรไหม

 

ถ้าภัยใหญ่กว่าโรคมาคงพึ่งหน่วยงานไม่ได้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน