ตัวปฏิบัติเริ่มต้นที่ การเห็นจิตคิด

เดวเปลี่ยนหัวทู้ เป็นดูดวง ทายใจดีกว่า หนุกดี เดี๊ยนชอบ อิอิ

 

ใจตัวเองไม่รู้ต้องเทีียวถามคนอื่นแล้วบอกดูจิตอย่างนี้อย่างนี้ ฮาา

 

เก๊าก็แอ๊บไม่รุ้ไปงั้นแหล่ะเตง ..แต่มันเฉยๆ แล้วอ่ะ ก็อยากส่งคำถามร่วมสนุก ชิงโชคกะเขาด้วย เห็นหลายคนวิแงะกัลเก่งๆ ทั้งน้านนน

 

พรหมวิหารครับ
ไม่ได้ดูดวงทายใจ

 

อ๋อ ลืมไปว่า แอ๊บเก่งขนาดไหน โทดทีครับ

 

ผมว่าเจ้แกติดเชื่ออมาจากน้าแน่เลย
แอ๊บถึงแตก

 

ไม่แปลกใจแล้วคับ ว่า ทำไม จิตคุณถึงยิ้มได้

 

ของน้า รางวัล เมฆค๊ะหรา เจียวนะ

 

การสำนึกตนได้นี่ก็สำคัญอย่างที่คุณจิตยิ้มว่าจริงๆนั่นแหละครับ เพราะสภาวการณ์ที่เกิดการสำนึกตนได้ แล้วมีการกล่าวคำขอโทษ ขออโหสิกรรม ขอขมากรรม ถ้าไม่ขี้เหร่เกินไป รู้จักสังเกตกันสักหน่อยจะพบว่าจิต ณ เวลานั้นจะมีการคลายการยึดในทิฏฐิบางอย่างออกไปชั่วคราว ทำให้ผู้นั้นรู้สึกโล่งโปร่งผ่อนคลายขึ้น นัยก็คือเป็นการฝึกคลายจิตจากการยึด มีทิฏฐิมานะอยู่ในใจลึกๆอย่างหนึ่งนั่นเองครับ ก็เหมือนฝึกสังเกตตัวเองไปในตัวด้วย เคลียร์กระแสลบๆเคลียร์ปมในใจตัวเองไปด้วย

พอมานึกดูทำไมบางทีครูบาอาจารย์ท่านจึงบอกให้หมั่นขอขมากรรมต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์บ่อยๆ ก็เพราะไม่รู้ว่าชาติไหนๆเราเผลอไปทำบาปทำกรรมอะไรเกี่ยวกับพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เกี่ยวกับพระศาสนาเอาไว้บ้างนั่นเอง เคลียร์ซะจิตเราจะได้เบาอ่อนควรแก่งานมากขึ้น พวกหลงๆยึดติดพวกตำรามากๆบางทีมาจากสาเหตุนี้ เคยดูถูกคำสอนเอาไว้เยอะ พอมาชาตินี้มักจะทำกลับกันยึดมาก เหมือนรับกรรมมาจนขยาดแล้ว แต่นั่นแหละชีวิตมนุษย์มันจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่งเป็นปกติ ต้องมาหัดรู้ทันตรงนี้เอา อีกอย่างถ้า จิตใจแข็งกระด้าง จิตใจคับแคบจะไปเห็นความจริงอะไรได้ จริงไหมครับ

 

เมตตา พุทธ ไม่ใช่อาการติดสัตว์

จะเป็นเรื่อง การเห็น สภาพธรรม แบบเป็น รูป กับ นาม
เกิดตามปัจจัย หรือ ทุกขสัจจ

เมตตา พุทธ ไม่ใช่ อาการ "มีเพื่อนสอง"
หรือ ถึงซึ่งการนับว่าเป็นคน เป็นสัตว์ (อัปปมัญญา)

เมตตาพุทธ พระบางท่าน ยกเป็น อรูปฌาณ

เมตตาฤาษี จะไม่ถึง ฌาณ4

กาว้อง ลอง เทส ดูได้ เวลา หน่วงปิติได้
แล้ว จิตรู้ชัด อาการ เกิดตามปัจจัยการ
ไม่ใช่ สภาพสัตว์ พอได้ อารมณ์แบบนี้
ให้ผลิกเป็น แผ่...ความรู้สึกไม่เห็นเป็นสัตว์

จิตจะเป็น เมตตา และเป็น อรูปฌาณไป ทันที

ปล : แต่ จะกำเริบกลับง่าย ยิ่ง "นามกาย" ไม่เคย
เห็นไม่เคยยก จะ แสบบบบบบบ ยิบยับเลย

 

ของผมก็ได้ ถ้วยมาใบจากคุณหวี กะออสก้าจากคุณบิ๊กแฟนต้า ยังไม่รู้จะเก็บไว้ไหนเลย มีแจกรางวัลเมฆค๊ะหรา อีกล่ะ 55 แถวนี้แจกบ่อย

 

เรามาวิเคราะห์เรื่องนี้กันดีไหม

สันดาน กับ ความเห็น

ยกตัวอย่าง บางคนทำผิดศีลเช่นข้อ 2 ข้อ 4 และก็สร้างนิสัย ก็จะทำเป็นประจำ มีแรงดึงดูดให้กระทำกับทุกคน หากมีโอกาส

และนิสัยบางอย่างก็ไม่ได้กระทำกับทุกคน กระทำเป็นบางคน

อะไรเป็นแรงดึงดูดที่ต้องให้บุคคลนั้นได้เจอ

 

ผมไม่พวกทาสแมวไม่สามารถเข้าใจจริงๆ
เห็นเเมวเป็นเจ้านาย(เป็นจากสัตว์เป๋นเจ้านายหรือมันเป็นซุปเปอเมตตาลึกซึ้งเกินแล้ว)

 

ไปอรูปละมั้ง ถ้าได้ปัญญาจริง จะไม่ตอบแบบนั้นแน่นวล ปัญญาไม่มีเอียงข้าง ต้องบริสุทธิ์ล้วนๆ ถึงเข้าหาจิตแท้ๆได้ เข้าแล้วความยึดคลายออกเลย

 

ส่วนตัวว่าไม่มีประโยชน์ครับ

 

อย่าเป็นผู้ร้อนใจในภายหลังเลย คือคำตอบ

 

ทุกอย่างมันมีกรรมเป็นแรงผลักดัน
รับกันเป้น วิบากจิต ส่งต่อสืบต่อเป้นสันตติ ไปเรื่อย เกิดดับเกิดดับ


นักภาวนาก้ โกหกเก่ง เพราะ เอาเรื่อง ที่ตัวเองเห็นในนิมิต

มาบอกมาเล่า นี่ภัยพิบัติมาวันนี้วันนั้น คือเห็นจริง
แต่ที่เห็นไม่จริงเพราะ ไม่ได้เกิดตามที่เห็น
พอเอามาแพล่ม มันเลยโกหกเป็นสาธารณะ

ทำให้ผุ้อื่น วิตกจริต
ก็เป็นบาปสาธารณะ เป็นวิบากสะสมไปเรื่อย
แค่ยกตัวอย่าง

เรื่อง นิมิต นิมิต ในสมาธิ โอ้โห ทางนั้นทางนี้ องค์นั้นองค์นี้

แต่ไม่เป็นเรื่องจริง คือ เข้าใจผิดไปเอง
นี่ก็ได้รับกรรมวิบากไปอีก

เพียง ยกตัวอย่าง

 

การรู้ แบบพ้นสัตว์ แบบพุทธ หากเป็น มะนุด จะต้องมี
อาการรู้ชัดว่า เหตุ การเกิดคือ พ่อ แม่ มี

อาการรู้ชัด พ่อ แม่ มี เวลา สัมปยุตไปกับ การแผ่

มหา แมว ก็คือ .............................

ถ้า เมตตาแบบ ไม่มี สัมมาทิฏฐิ การเลี้ยงมหา แมว
ก็จะเป็นเหตุให้เกิดเป็น มหา แมว ไป

 

ผมรออ่านไร้คม ดีกว่า ได้ฮาทุกเม้นซิน่ะ

 

ผมเคยแบบเห็นแบบไม่รู้อะไรเลยกะมีความสุขดีนะ