เรื่องเด่น การปฏิบัติธรรมต้องทบทวนตนเองโดนปราศจากอคติ เพื่อความก้าวหน้าอย่างแท้จริง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 ธันวาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    C39BC537-6342-4CE7-BC7F-36C0E5CEEDEB.jpeg

    พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมส่วนใหญ่เข้าวัดสร้างกุศลปฏิบัติธรรมมาหลายปีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องคอยระมัดระวังก็คือ ต้องสังเกตว่าการปฏิบัติที่ผ่านมา กาย วาจา ใจ ของเราดีขึ้นหรือไม่ ? ถ้าไม่รู้จักสังเกตตรงนี้จะหาความก้าวหน้าไม่ได้เลย

    คราวนี้การสังเกตก็ต้องเป็นไปโดยไม่มีอคติ ก็คือไม่เข้าข้างตัวเอง พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง เราต้องกล่าวโทษโจทย์ตนเองไว้เสมอ โดยเฉพาะสิ่งต่าง ๆ สถานการณ์ต่าง ๆ รอบข้างที่เกิดขึ้น ถ้าเปรียบไปแล้วก็คือหินลับมีด กระทบกระทั่งกันมากครั้งเท่าไร ก็มีแต่มีดจะแหลมคมขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่กระทบเมื่อไรมีดก็บิ่นก็งอ เพราะเท่ากับว่าไม่สามารถที่จะใช้การอะไรได้เลย

    ฉะนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ถ้าคนอื่นยังมีข้อตำหนิเราอยู่ แปลว่าสิ่งที่เราทำนั้นยังไม่ดีจริง ถ้าดีจริงก็ย่อมหาข้อตำหนิไม่ได้ แต่ถ้าเขายังหาข้อตำหนิได้แล้วเราดีจริง ก็ต้องดูว่าตัวเราหวั่นไหวหรือไม่ ? เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้คือโลกธรรม เป็นสิ่งธรรมดาในโลก มีลาภก็มีเสื่อมลาภ มียศก็มีเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา มีสุขก็มีทุกข์

    ถ้าดีจริงแต่ยังหวั่นไหวอยู่ ก็คือเราดีแค่กาย ดีแค่วาจาท่านั้น ใจยังไม่ดีพอ แต่ถ้าไม่ดีจริง ก็แปลว่าต้องขัดเกลาทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของเรา พูดง่าย ๆ ว่าแต่ละชั่วโมงแต่ละนาทีที่ผ่านไป เราต้องก้าวเข้าไปสู่ความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ดังนั้น...การพิจารณาของพระภิกษุสามเณรถึงมีกล่าวไว้ว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำกาย วาจา ใจ ทั้งหลายเหล่านั้นให้ได้ แม้ว่าจะเป็นการพิจารณาของพระของเณร แต่ถ้าเราเอามาใช้งานด้วย ก็ไม่น่าจะผิดแผกแตกต่างไปสักเท่าไร

    เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเตือนเราได้ นอกจากตัวเราเอง เพราะว่าตัวเรามักจะมีตัวกูของกูเป็นใหญ่ คนอื่นมาเตือนถ้าผิดจังหวะ ก็อาจจะโดนเราตอกหน้าหงายกลับไป การเห็นโทษของตัวเองเป็นเรื่องที่ยากมาก โบราณท่านถึงบอกว่า โทษคนอื่นมองเห็นเป็นภูเขา โทษของเรามองเห็นเท่าเส้นขน"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๑
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...