นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

สรุป รออีกนิดครับ เสกให้ดีที่สุดแห่งปีกันเลย

บุคคลผู้ใดถือยันต์ลูกนี้ ให้นำวางเหนือขันธ์ดอกไม้ มีธูปเทียนของหอมยอขึ้นเหนือหัว กล่าวคำบูชาถึงพระรัตนตรัยแล้วตั้งนะโมไป 3 จบ ว่า สรณคม พุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ

ท่านว่า เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย อันว่าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดกระทำไม่ดีต่อเรา แล้วมันไม่ได้รับผลกรรม ท่านว่าให้นำตะกรุดนี้ยอขึ้นเหนือหัว หมุนไปทางซ้ายก่อน 9 รอบแล้วหมุนไปทางขวา 9 รอบอธิษฐานว่า ชื่อ..... บุคคล ญ ชาย คนไหนที่ทำกรรมต่อเรา ให้มันได้รับผลนั้นกลับไปด้วยพลังพระอาทิตย์และพระจันทร์และกรรมที่จะกระทบตัวมันต่อไป

(ไม่มีใครไม่เจอแสงอาทิตย์แสงจันทร์ นอกจากอยู่คุกมืดกรรมสุด ๆ )

 

ผงอิทธิเจชัยปถพี ของครูบาชัยท่านลบเองด้วยวิชาอาคมที่ท่านร่ำเรียนมาทั้งหมด
รวมกับผงเก่าของครูบาอาจารย์ท่านที่ท่านไปเรียนวิชามาด้วย รวมกัน ได้นำเสกปิดท้ายอีกยก

เพื่อสร้างพระผงตามท่านสั่งมา....

ที่ปรึกษาสัมผัสแล้ว เหมือนหมอกควัน ไร้ร่องรอย!!!!

 

ตอนแรกว่าจะแวะ เช่าซะหน่อยดีแล้วไม่แวะ 55
เห็นว่าที่จอดรถเต็มแต่ตี 5เลย

 

เสกปัจฉิมอีกยก 3 วัน 2 คืนครบแล้ว

 

พระสะดุ้งกลับ งากำจัดที่ลงงานเบิกเนตรพระเปิดโลกมาแล้วมาร่วมอีกยก....

โปรดติดตาม

 

รีวิวกระแสพลัง???

โอ้โห รัศมีแดงฉานพุ่งกระจายออกมา แล้วรวมเป็นหัวสว่านเพลิง พุ่งทะลวงทุกสิ่ง !!!!

ที่ปรึกษาปวดหัว มึนไปพักนึง

ท่านว่าสูสีชุดต้นฉบับครูบาข่ายสร้างใช้ประจำกายแล้ว!!!

ผมขอเคลียรแพคของก่อนนะครับได้รีบส่งให้

อ้อ ระวังแตกง่ายนะครับอย่าทำตกพื้น ครั่งไม่ได้ทนมาก

ส่วนเบี้ย กันแก้ สะท้อนครบครูบาชัยยังขอตัวนึงเลย

 

จองครับ

 

พระงาในภาพเป็นงากำจัดนะครับ

สร้างเข้าพิธีเบิกเนตรพระเปิดโลกมาแล้ว เป็นพิมพ์สะดุ้งกลับ ตามเคล็ดกลับร้ายเป็นดี และเสกปิดวันนี้อีกยก ตามหลักสนองกรรม

ผมส่งวัตถุมงคลหมดแล้วจะแจ้งรหัสให้ครับ ไว้ถึงที่พักจะแจ้งคาถา รายละเอียดอีกทีครับ

 

ช่วงคุยที่วัด ได้คุยถึงพรรคพวกท่านที่ผมเคยเช่าหาหลายอย่าง

ซึ่งผมเลิกใช้เพราะไม่ได้ผลจริงๆเวลาโดนมารจู่โจมในทางมนต์ดำ

ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับดีมากแต่ไม่ตรงสาย อาจเพราะพรรคพวกท่านให้พระอริยสายเย็นอาจารย์เขาเสกก็ได้

ซึ่งดังมาก มีนายทุนใหญ่เหมาส่งขายต่างประเทศด้วย.

ที่ปรึกษาว่านายทุนนั้นมาติดต่อท่านเหมือนกันแต่ท่านไม่สน อยู่สบายๆดีกว่า เอาเด็กไปตีกลอง รำดาบสบายๆ

นับว่าโชคดีอุดมการณ์ตรงกัน

 

ผมได้แจ้งคาถาวิธีใช้แบบลับ ๆ ไม่ออกสื่อไปแล้วครับ

ได้ชิมลางแล้วตามภาพ ตอนหมุนพานนี่ยังกะสว่านพลังจากอีกมิติ จะได้หรอยกะเหล่ามารได้ ยิ่งวันนี้พรุ่งนี้ยิ่งแจ่มเพราะวันเดือนดับพอดี และเป็นช่วงปล่อยผี

วันเดือนดับ อาคมต่าง ๆ หรือของดีทั้งหลายรวมพลังเทวดาประจำตัวของทุกคนจะลดพลังลง แต่ใช้กะสายเราบ่ได้ ยิ่งชอบเลย55

สิ่งสำคัญทำจิตใจให้เป็นกลาง ๆ อย่าให้จิตอาฆาตเข้ามาแทรก วางอุเบกขาให้มากแล้วจิตจะมีพลัง

การนำค่าบูชาไปทำการกุศล ถวายครูบาอาจารย์ย่อมเป็นกุศโลบายให้ผูกพันบุญกุศลกับท่าน

ของเราดีไม่ดีผู้ใช้ย่อมทราบ เพราะเป็นการวัดใจกันซึ่งก็ได้ผลมาดี ผู้ใช้มาเล่าต่อ

1.ไม่อ้างชื่อพระดัง อัดรูปพระดังใส่กรอบมาไว้ข้างหลังเสริมบารมี เราอ้างชื่อแต่ครูบาอาจารย์เราพระบ้านๆ ซึ่งดูแลรับใช้มายาวนานตราบชั่ววันสุดท้ายของท่าน ท่านก็ถ่ายพลังให้ ถึงกล้ามาอ้าง

2. ผมไม่เคยอ้างตัวเป็นศิษย์ครูบาข่ายเน้อ55 เพราะไม่เคยยกครูกับท่าน ผมมีอาจารย์ 2 ท่านคือหลวงปู่โน และหลวงปู่เหิร แต่เคารพนับถือทุกท่านไปทำบุญกับท่านอย่างสบายใจ

3.การสร้างแต่ละรุ่น โดยเฉพาะตะกรุดก็สร้างยากเย็นแสนเข็ญ มิใช่จาร ม้วน ถักเชือกสวยๆ แล้วอ้างชื่อพระดังมาขาย ตะกรุดแต่ละรุ่นหลอมรีดจากชนวนที่มั่นใจว่าแรงที่สุด โดยขี้เกียจมาบรรยาย เพราะผมไม่ชอบบรรยาย copyชาวบ้านมายาวๆ ไม่เคยอ่านของพวกนั้น

4. เมื่อสร้างยาก เสกก็ยาก หากลงรูปให้ดูก็ทำภาพมัวๆ เพราะไม่ให้พวกก่อกวนตามรอยไปกวนครูบาอาจารย์เรา ไม่บอกชื่อวัด นอกจากท่านละสังขารไปแล้วกวนท่านไม่ได้แล้วจึงมาเปิดเผย

5.ตะกรุดทุกรุ่นใส่พานขันธ์ครู วางดอกไม้ตามหลักครูสอน ไปเสก พอเสกเสร็จก็คว่ำขันธ์ครู..ไม่ใช่ยัดใส่กล่องไปมั่วเสก สุดท้ายพลังออกมารวม เหมือนของพระที่ยัดใส่ลังเสกไปด้วยพันหมื่นองค์ อ้าวแล้วจะทำตะกรุดทำไรพลังเหมือนพระ??

หลักการเหล่านี้แม้ดูดิบ แต่ก็ได้ผลดี เพราะไม่ต้องมาจัดทำเนียบ ทำหนังสือประวัติให้เป็นของคู่กายใจไปแบบโบราณนี่เอง

ผลใช้ด้านปราบ ผู้ใช้มาเล่าเองครบ เรายิ่งชอบเลยหากผู้ใช้ได้ไปใช้งานจริงแล้วมาเล่าถือว่าได้ผล...

การตรวจพลังมีแบบผู้ซ่อนกายหลายท่าน มาเล่าก็ยืนยันว่าตรงกัน

อย่าถามเรื่องตรวจพลังของแบบนี้ถ้าคนรู้จักผมดีจะทราบว่าผมก็รู้ดีพอควร เพียงแต่ฟังคนเล่ามันก็สนุกอีกแบบครับ..

ทุกบาทค่าบูชาก็ได้กระจายไปงานกุศลอย่างผู้ที่เข้าใจกุศล

บางคนบุญคืออะไรยังไม่รู้เลย... ขนาดมีเครื่องแบบว่าสายบุญนะ

หลักการต่างๆ ผมได้สัมผัส และถ่ายทอดจากอาจารย์ผม และที่ปรึกษาก็ได้รับคำสอนจากครูบาข่าย ปรากฎว่า "ตรงกัน ความเห็นตรงกัน" จึงไปกันได้ครับ..

อย่างไรเสีย "สัตว์โลกย่อมไปตามกรรม" ผมเองก็อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม มีเจ็บไข้ ต้องบรรเทากรรมตัวเองอยู่ตลอดครับ... จึงจะไม่อ้างชื่อพระดัง มาหลอกขายของใครแน่นอน..

 

หวยออกเลขที่วัด 83 ที่ปรึกษารับทรัพย์ ชุด นี้ไม่ขัดลาภเน้อ55

 

ในการเสกล่าสุด ผมได้ติดตามที่ปรึกษาไปด้วย เห็นท่านคุยภาษาเหนือ แล้วท่านมาเล่าในรถกล่าวกับครูบาอาจารย์แล้วด้วยภาษายอง ว่าเสกให้แรง ๆ หนัก ๆ เลยนะ

ผมก็ได้ยินบ่อยจึงถาม ชาวยองคือชาติไหน ท่านบอก มาจากรัฐฉาน ในไทใหญ่นั่นเอง

ผมก็เลยเล่าสมัยก่อนตอนมาเรียนกับครูบาอาจารย์ท่านนึง ก็สอนคาถาเป็นภาษาเงี้ยว จึงได้ความรู้ว่าในลำพูนมีหลายชนชาติ จึงค้นเน็ตตามเกร็ดความรู้ดังนี้

ที่มา
https://mgronline.com/travel/detail/9540000145872
หากจะกล่าวถึงเมืองในแถบล้านนาของไทย โดยเฉพาะเมืองลำพูนนั้น นับว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์เป็นอย่างมาก ไตหรือไท อย่างไตโยน ไตลื้อ ไตเขิน ไตใหญ่ (เงี้ยว) มอญ (เม็ง) ลัวะ ปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) พม่า (ม่าน) เป็นต้น แต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดในเมืองลำพูน คือประมาณร้อยละ 80 ของประชากรทั้งหมด นั่นก็คือ
คนยอง หรือ ไตยอง

คนยองคือใคร มาจากไหน

ชาวยองเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไตลื้อหรือไทลื้อกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นฐานอยู่ ณ เมืองยอง เป็นเมืองที่มีชื่อเดียวกับแม่น้ำคือแม่น้ำยอง อยู่ใกล้กับแม่น้ำโขง ในอดีตเมืองยองมีชื่อว่า มหิยังคนะ (ทว่าคนเมืองยองเองที่เป็นผู้เฒ่าผู้แก่เรียกเมืองว่า เจงจ้าง - เมืองเชียงช้าง) และเรียกตัวเองว่าชาวไตเมืองยอง

เมืองยอง สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 19 โดยชาวพื้นเมือง ต่อมามีผู้คนอพยพจากเมืองเชียงรุ้งเข้าไปสร้างบ้านแปงเมือง โดยมีเจ้าเมืองซึ่งเป็นชนชาวพื้นเมืองเชื้อสายไทลื้อปกครองบ้านเมืองสืบต่อกันมา บางช่วงเวลาเมืองยองก็เป็นเมืองร้างอันเนื่องมาจากศึกสงคราม และในปัจจุบัน เมืองยองมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของรัฐฉานในประเทศพม่า

ในปี พ.ศ.2348 ภายหลังจากที่พระเจ้ากาวิละได้ปลดแอกจากพม่า (ล้านนาอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าระหว่าง พ.ศ.2101-2347) และสถาปนาเมืองเชียงใหม่ ลำปาง ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ก็มีความคิดที่จะกอบกู้เมืองลำพูนด้วยเช่นกัน ด้วยทรงเห็นว่าในอดีตเคยเป็นราชธานีหริภุญไชยอันรุ่งเรืองมาก่อนเมืองอื่น

พระเจ้ากาวิละได้อพยพชาวไตจากเมืองยองมาราวหมื่นคนเศษ ส่วนใหญ่แล้วเป็นชนชั้นสูงระดับเจ้านาย ขุนนาง ผู้นำชุมชน ช่างฝีมือ อพยพจากเมืองยองลุ่มน้ำโขงสู่ลุ่มน้ำปิง จากปี พ.ศ.2348 ถึงเมืองลำพูนราวเดือนเมษายน พ.ศ.2349 นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเรียกยุคนั้นว่า “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” (ซ้า แปลว่า ตะกร้า) ได้มีการทำพิธียกเมืองเวียงยอง ซึ่งตั้งอยู่ ณ ฟากตะวันออกของแม่น้ำกวง (แม่น้ำปิงเก่า) ตรงข้ามกับวัดพระธาตุหริภุญไชยให้แก่ผู้มาใหม่

 

ความน่าสนใจ ด้วยผมเองก็รู้สึกผูกพันกับสายเหนือ ยิ่งไปค้นเรื่องราวไทใหญ่ยิ่งมีเสน่ห์

ที่ปรึกษาเล่าว่า อันว่าวิชาอาคมไทใหญ่นั้นกล้าแข็งมาก (พูดถึงวิชาอาคมนะ)

ทีนี้ในแง่ผมถามว่า เหตุใดจึงแพ้สงครามแก่พม่า

ท่านว่าก็ในแง่กำลังคน เพราะตอนสงครามล่าสุดนั้น พม่ามาล้อมเมืองไว้หมดแล้ว เสบียงก็น้อยลงจึงเห็นแก่ประชาชนจึงยอมแพ้

ทีนี้หากสืบค้นไปยุคก่อนๆ ไทใหญ่ก็เป็นชาติยิ่งใหญ่มากแต่ก็ตามกฎของสังสารวัฏ

ด้านหริภุญชัยเอง หลังที่ครองยิ่งใหญ่ยาวนาน 200 กว่าปีมาแพ้ในยุคพญามังราย จากไส้ศึกมายุแหย่ 7 ปี ซึ่งตอนนั้นครูบาอาจารย์ก็ได้เตือนดวงชะตาแก่พญาญีบาไว้แล้วแต่ก็ตามวาระกรรม จึงเสียเมืองไป

หลังเสียเมืองให้พญามังราย ผู้คนก็หนีหายไปสิ้น พึ่งมารวบรวมสร้างเมืองใหม่ก็ยุคต้นรัตนโกสินทร์

ทีนี้ หลักวิชาอาคมต่างๆ หลังผ่านศึกสงครามก็มีการนำตำรับตำราต่างๆ ไปซ่อนไว้ในถ้ำ ลงอาคมสะกดไว้

ครูบาข่าย สมัยก่อนท่านรู้หนังสือภาษาไทย โดยในยุคนึงมีการต่อต้านการเรียนภาษาล้านนาให้เรียนภาษาไทยให้มาก

ทีนี้ครูบาข่ายก็เป็นครูสอนหนังสือให้แก่พระเณรในสมัยก่อน จึงมีลูกศิษย์มากมาย

ในแง่ตรงนี้เองที่ปรึกษาพอนำของไปขอครูบาอาจารย์ท่านใดเสก ก็ได้บารมีครูบาข่ายช่วยจึงได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์เสกให้เต็มที่นั่นเอง

คำถามแฟนพันธ์แท้ ว่าทำไมของสายเราใช้ได้ผลจนติดใจ

เพราะได้ลงหลักสรรพวิชาที่มาจากศึกสงครามและวิชาโบราณมานั่นเอง

 

ดังเล่าไป การสร้างเครื่องรางสายเรา เราสร้างมาเพื่อใช้เอง จึงต้องแจ่ม เด็ด ทุ่มทุนสร้าง มิได้สร้างมาเป็นพัน หลายพันชิ้นกะรวย จนครูบาอาจารย์หลายท่านแปลกใจทำไมน้อยจัง55



ทีนี้ จุดเริ่มต้นหากไปย้อนอ่านต้นกระทู้จะเห็นครับ ว่าเป็นดังซีรีย์จริง ๆ ดังนี้ (ตามสัญญาว่าส่งของเสร็จแล้วจะเล่าซีรีย์ให้อ่านครับ)

ดังศิษย์หลวงปู่ประหยัดท่านนึง ซึ่งผ่านยุทธภพมายาวนาน ได้มีโอกาสสัมผัสสายหลวงปู่ใหญ่มาด้วย (เพราะไปบวชในศิษย์สายนี้) จนช่วงนึง เจอภัยมืด ทีนี้ แม้ไปหาพระเก่งๆ ที่ไหน ไม่ว่าเหนือ ใต้ก็แก้ไขไม่ได้ แม้ได้พบฆราวาสผู้เชิญบารมีหลวงปู่ใหญ่ ก็ยังแก้ไม่ได้ (ไปถามพระที่บวชด้วยก็ให้คำตอบชัดเจนไม่ได้)

จนได้มีโอกาส พบหลวงปู่ประหยัด ช่วงสมัยเป็นฆราวาส ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ไม่อยากเชื่อ เพราะเจอพระเก่งๆ มามากแล้วไม่ว่า เหนือ ใต้ กลาง (เพราะคิดว่าตัวเองผ่านยุทธภพมามากแล้ว)

อย่าถามว่าห้อยพระดีของดีแค่ไหน เต็มคอเลย เสกข้ามปีก็มี ชนิดที่เบี้ยแก้แจ่มๆ ยังปรอทไหลออกมา (อาจเพราะโดนความร้อนแล้วแต่)


ตอนนั้น คุณแม่เขาบอก ลองคนนี้ดูเก่งมาก เพราะในหมู่บ้านแม่ร่ำลือ แค่โทรคุยรู้ทุกอย่าง

เขาท้าเลย ถ้าแค่โทรคุยรู้จริงลองดู คุณแม่เขาก็โทรคุยให้ฟัง แค่บอกชื่อไปปุ๊ป ท่านตอบอาการได้หมด จึงขอให้มารักษาให้

สุดท้าย ท่านก็เดินทางขับรถกระบะมาจากหนองบัวลำภูมาถึงบ้านเขาที่อยุธยา

ก็ทำพิธีเชิญหลวงปู่โนมาถาม จึงรู้ เจอผีจากหมอดูนั่งห้าง สายเหนือ 3 ตัว

เขาก็งง เฮ้ย ไหนพระ หมอดูอื่นบอกคนละเรื่องเลย

อาการคือ จะปวดหัวใจแปล็บ ๆ นอนสะดุ้งตื่นตอนเที่ยงคืน ตี 1 ตลอด พยายามนั่งกรรมฐานใช้มีดหมอ เบี้ยแก้ น้ำมนต์ไรก็แค่ดีขึ้นแต่ไม่หาย

เช้ามาท่านทำพิธีใช้ดาบ รักษา เก็บผีทั้ง 3 ตัว แล้วทำน้ำมนต์ว่าน แล้วดูอาการหลายวัน จนนอนได้สนิท ก็ลากลับ

เขาถามหลวงปู่(ตอนเป็นฆราวาส) ว่าทำไม ผมมีพระเยอะแยะถึงโดนและไม่หาย ท่านตอบจำจนวันนี้ "พระไม่บังคับผี ไม่ทำร้ายผี"

จากนั้นมา เขาเลย เพลาๆ การเช่าพระลงไปเยอะ555

หลังจากนั้นก็ติดต่อท่านมาเรื่อย จนหลวงปู่ประหยัดได้มีโอกาสบวชเป็นพระภิกษุ สร้างที่พักสงฆ์ขึ้น ก็ได้ตามไปช่วยสร้าง จนท่านตามให้ไปยกครู และใช้เวลาหลายปี ก็ได้ไปเรียนรู้ต่างๆ มากมาย

ในช่วงนึงได้มีโอกาสถามถึงการรักษาที่ผ่านมาที่ไม่ได้ผล เพราะคิดว่าที่ตัวเองไปหาว่าแน่แล้วดังเช่นผู้เชิญญาณหลวงปู่ใหญ่

“เขาได้พลังจากหลวงปู่แต่ตอนหลังเขาอวด ท่านเลยเรียกกลับ”

ก็จริงนะ เพราะคนที่เขาไปหาว่าเชิญญาณหลวงปู่ใหญ่ได้แรก ๆ ดี ซึ่งก็ไปตรวจกระแสมีพลังหลวงปู่ใหญ่จริง ตอนหลังเริ่มชักอวด เก่งกว่าพระละ สุดท้ายก็ดังที่เห็นเริ่มทายมั่วรักษามั่ว

 

ตอนที่ 2 ได้พบหลวงปู่เหิร


เมื่อได้มีโอกาสรู้จักหลวงปู่เหิร กลับเป็นอีกแนวคำสอน คือ ท่านยึดตามพระพุทธเจ้าสอนเป๊ะ ห้ามพระเรียนไสยศาสตร์ ไล่ผี ทำน้ำมนต์ โดยหลวงปู่ก็เล่าตอนบวชแรก ๆ ก็ทำแบบนี้ ยังสงสัยทำถูกหรือผิดจนท่านเลิกแนวนี้หมด และได้ถ่ายทอดความรู้สิ่งถูกต้องมามากมาย ชนิดที่ทุกวันนี้ยังไม่เจอพระองค์ไหนสนิทใจเท่าท่าน


ก่อนท่านละสังขารก็ได้ บอกเป็นนัย ๆ แล้วถ่ายทอดพลังมาให้ พร้อมสั่งสอนอีกหลายคำ


ตอนที่ 3 ได้รู้จักสายครูบาหลวง และหน่วยรบพิเศษ


ช่วงนั้นเกิดจากแม้ลดการเช่าพระ แต่ก็ยังชอบ จนได้รู้จักที่ปรึกษา และมีการอวดของดีกันจึงส่งเหรียญหลวงปู่โนไปให้ท่านตรวจ

“เกิดมาไม่เคยเจอพระอะไรที่แรงแบบนี้กระแสพลังแผ่ออกไม่มีที่สิ้นสุด”

มีครั้งนึงศิษย์ท่านโดนผีก่อกวน มาให้ที่ปรึกษารักษา ก็ร้องกลางดึกตลอด จึงได้แนะนำบอกกล่าวรูปหลวงปู่โน ที่ส่งไปให้ ท่านก็ทำตามจนคืนนึงนิมิตฝัน

“ในฝันหลวงปู่โนมากับครูบาข่าย นั่งลงด้วยกัน ครูบาข่ายไม่พูดอะไร แต่หลวงปู่โนบอก พวกผีสางจัดการให้แล้ว เดี๋ยวจะหาหมอดี ๆ มารักษาให้”

ตื่นขึ้นมา เด็กบอก หายแล้วไม่มีอะไรแล้ว มองไปรูปหลวงปู่โน เห็นแสงสว่างพุ่งออกมา ตกใจเลย

“นี่อาตมาบ้าไปรึเปล่า”

“เช้ามา แม่เด็กโทรมาบอกได้เปลี่ยนโรงพยาบาลแล้ว”

จนมีโอกาสได้ร่วมบุญกันหลายอย่างแล้วก็ เห็นว่าผิดแนวทางหลวงปู่โน เดี๋ยวจะหลายอาจารย์จึงห่างเหินกันไป

 

ตอนที่ 4 พบทางแห่งสุข

ช่วงนึง ญาติผู้ใหญ่เขาป่วยด้วยโรคร้าย เรียกว่าทำให้ตกใจช็อคเพราะไม่เคยรู้ล่วงหน้าเลย ทำให้เสียใจเป็นอย่างมาก มีแต่ความทุกข์ น้อยใจว่ามีอาจารย์ดีของดีมากมายก็แก้ทุกข์ให้ไม่ได้ จนหลวงปู่เหิรท่านสอนให้เข้าใจธรรม เพื่อบรรเทาความทุกข์ใจ พร้อมบอกให้เลิกสนใจคาถาอาคมต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่อาจดับทุกข์ได้จริง จึงเชื่อท่าน

วิชาอาคมต่างๆ สายหลวงปู่โน ก็ไม่สวด ไม่แต่งขันธ์อะไรทั้งสิ้น มุ่งแต่ภาวนา เดินจงกรม ศึกษาธรรม จนเกิดความสุขอย่างมาก

ยึดตามท่านสอน หากใช้คาถาอาคมต้องใช้ คาถาของพระพุทธเจ้าคือบทพระปริตรต่างๆ


ตอนที่ 5 มารเริ่มมาหา

ช่วงนึงหลังจัดงานศพญาติผู้ใหญ่ไปแล้ว ก็ต้องเดินทางไปทำงานข้ามภาคทางไกล หลังภาวนาวันนึงเกิดลางสังหรณ์แปลก ๆ ไปถามหลวงปู่เหิรท่าน “ผมจะไปทำงานภาค...จะเจออะไรหมครับ”

หลวงปู่ท่านก้มหน้า “นิดหน่อยให้แผ่เมตตาไป”

ก็เดินทางไป ยึดตามแนวท่าน

จนค่ำวันนึงพรรคพวกเลี้ยงอาหารค่ำ ก็ไปทาน โดยในกระเป๋าสะพายติดตัวมีเพียบ ของดีป้องกัน

คืนนึงเอง...!!!!! ฝันเห็นญาติผู้ใหญ่ที่เสียไปแล้วทำหน้าตาโกรธ ก็นอนสะดุ้งตื่น

“เอ๊ะ ก็ทำบุญให้แล้วนี่ โมโหอะไรเรา”

จากนั้นไม่นานจิตใจก็ไม่ปกติ สะดุ้งตื่นตี 1-2 ตลอด หัวใจเจ็บแปล็บ ๆ (คล้ายที่เคยเป็น)

ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เพราะของดีก็เพียบติดตัว บวกกับแผ่เมตตาภาวนาตามสายธรรมตลอด

จนสุดท้ายงานเสร็จกลับ กทม.ไปหาหลวงปู่ท่าน ก็บอกเกิดอาการแบบนี้

“เป็นกรรม ให้แผ่เมตตาไป”

เขาก็ถือว่าใช้กรรม แผ่เมตตาตลอด แต่ตอนหลังไม่ไหว เพราะนอนไม่สนิทสะดุ้งตื่นทุกคืน ใช้ของดีทุกอย่างที่มี ก็แค่บรรเทา

สุดท้ายกลับไปบ้าน ต่างจังหวัด คุณแม่เขามาทัก เห็นหน้าทีแรกขนลุกเลย หน้าตาหมองไม่ดีเลย

ไม่นานไม่ไหวแล้ว มองเห็นพานมีรูปหลวงปู่โน และอัฐิธาตุของท่าน ซึ่งไม่ได้ไหว้ดอกไม้มายาวนานหลายเดือน ฝุ่นเกาะเพียบ ก็เลย ลองยกพานบอกกล่าว

“ขอบารมีหลวงปู่ช่วยด้วยเถอะครับ ขออภัยที่ไม่ไหว้หลวงปู่มานาน”

ทันใดนั้น !!!!!

อาการแปล็บ ๆ ในหัวใจก็เหมือนโดนขับออกหายไปทันที จึงรู้ว่า “โดนแล้วตรู”!!!

เช้ามารีบไปหลวงปู่เหิรเลย เล่าให้ท่านฟังถึงเมื่อคืน

“ผมโดนหรือครับ”

“รู้ตัวแล้วเหรอ ” หลวงปู่ยิ้มๆ บอก

“ทำไมหลวงปู่ไม่บอกผม บอกว่ากรรม ๆ ให้แผ่เมตตา”

“หลวงปู่รู้อยู่แล้วแต่ก่อนจะเดินทางไป แต่ไม่บอก เพราะอยากให้ไปเผชิญกรรมเอา”

จึงอ้อนวอนขอหลวงปู่ช่วย เพราะนอนไม่ได้เลย

ภาพที่เห็นยังจำติดตาจนทุกวันนี้ หลวงปู่ไปไหว้โต๊ะหมู่บูชา ทำน้ำมนต์แล้ว ปัดไปตามร่างกาย

“หาย นอนได้ ๆ ๆ ”

จึงได้ถามท่านว่า โดนอะไร ใครทำ ท่านก็เฉลย เล่าให้ฟังทุกอย่าง

“เขาก็รู้เรามีอาจารย์ดี เขามาลองฯ”

ท่านมาเล่าภายหลัง

“หลวงปู่แก่แล้ว ขอหลวงปู่โตท่านมาช่วย”

ท่านให้น้ำมนต์มาทาน อาบ จนน้ำมนต์หมด

ก็ดีขึ้นไปหลายวัน จนภายหลังเริ่มมีอาการนอนสะดุ้งตื่นอีก พร้อมปวดหัวใจ

“มันเป็นกรรม อย่าไปโกรธเขา”

“ถ้าผมไปหาหลวงปู่ประหยัดละครับ ขอท่านช่วย????”

“หลวงปู่ประหยัดก็ไม่หาย”

“แล้วถ้าหลวงปู่โนมาละครับ”

หลวงปู่เหิรนิ่งไปนิด “ก็ไม่แน่ !!!!”

 

ตอนที่ 6 คำท้าทาย และการฝืนกรรม !!!!!

เขาเริ่มคิด ห่างเหินหลวงปู่ประหยัดไปนาน และหลวงปู่เหิรบอกนั่นไม่ใช่ทาง ทิ้งให้หมดคืนท่านให้หมด

แต่ความทรมาณมันก็เกินจะทาน ก็ลองดู ไม่บอกอะไร ท่านจะรู้หรือไม่ จึงบากหน้าเดินทางไป

ระหว่างทางจำได้ แวะปั๊มน้ำมัน ลองมองหน้าในกระจก ตกใจ “เฮ้ยหน้าเราเหรอเนี่ย ดำหมองสิ้นดี ปกติมีแต่คนชมหน้าขาว หน้าเด็ก ทำไมโทรมแบบนี้วะ !!!”

เอาคำท้าหลวงปู่เหิรไปบอก “หลวงปู่ประหยัดก็ไม่หาย นอกจากหลวงปู่โนมาเอง”

หลวงปู่ประหยัดจึงเรียกศิษย์อีก 2 คนมา ทำพิธีตรวจสอบ รักษา

“มันใช้แขกมาเลย์ 2 คนมารุม ด้วยวิชาสายไหมมัดใจ ใช้ดาบฟันขาดไป ก็เชื่อมต่อได้”

“ก็จริงแฮะ มีอาการปวดแปล็บ ๆ ในหัวใจ”

คืนนั้นใช้เวลารักษาจาก 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน จำได้ทุกวันนี้ อาบน้ำมนต์ตอนเที่ยงคืนตัวสั่นแหงก ๆ

เช้ามา ตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมรับคำด่า

“ท่าน (หลวงปู่โน) ให้ยกครูใหม่ ของเดิมไม่รักษา เขรอะไปหมดแล้ว องค์พระหนีไป 6 เดือนแล้ว”

ก็มานั่งนับนิ้ว จริงแฮะ เพราะเลิกไหว้ ไป 6 เดือนแล้ว

สุดท้ายโดนด่าเละ เพราะอ้างหลักธรรมไปว่าปฏิบัติแนวนี้

“หลวงปู่โต ระดับศาสดาก็จริง แต่ของเราสายสำเร็จลุน อย่าลืมตัวตนพวกเราสิ ตัวตนพวกเราคือใคร !!!!”

ในที่สุดสิ่งที่ทิ้งหายไปนานก็ต้องกลับมาอีกครั้ง คือยกครู พร้อมเริ่มทบทวนวิชาอาคมความรู้ใหม่ เพื่อป้องกันเหล่ามาร....

หลวงปู่ประหยัดถาม “...ที่ให้ไปไม่เตือนหรือ ??? ไม่เลยครับ นิ่งเลย ” (คำตอบนี้จะรู้ในเวลาต่อมา)

 

ตอนที่ 7 มารยังรังควาญ อีก !!!

กลับมาไปหาหลวงปู่เหิร ถามหน้าตาผมเป็นไง

“ดีขึ้นมากนี่ ทำอะไรมา”

ก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านบอก “มันเป็นกรรมนะ ไปรักษาทำไม”

“ถ้ากรรมแล้วทำไมผมหายละครับ”

“บางทีก็หายได้เหมือนกัน แต่ทำแบบนี้เราจะไม่หลุดพ้นนะ”

(คำตอบนี้จะรู้ในเวลาต่อมา)

หลังกลับจากนั้นก็เริ่มทบทวนวิชา การป้องกันอีกครั้ง ก็อยู่ในหลายเดือน ก็เริ่มมีอาการปวดนู่นี่ อะไรอีก ก็คิดว่าเพราะทำงานใช้ร่างกายหนักไป ไปรักษาแผนปัจจุบัน นวดแผนโบราณก็ดี ๆ หายๆ เป็นพัก ๆ

จนเริ่มเกิดอาการหงุดหงิด กิจการงาน การเงินติดขัดไปมาก

จึงเดินทางไปถามหลวงปู่ประหยัดอีกครั้ง

“มันเปลี่ยนคนทำอีก !!!!” เราก็ แก้กันไป

“แบบนี้เมื่อไรจะจบครับ ถ้าผมเอาคืนบ้างละ”

“สายเราห้าม ผิดครู ห้ามทำโต้ตอบต่อ รักษาอย่างเดียว”

“ถ้าผมจะเล่นงานมันบ้างละครับ ต้องทำยังไงให้ใครช่วย”

“ต้องไปที่ภาคเหนือ ที่เราเคยรู้จัก มีคนเก่งที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้ !!!!????”

 

ตอนที่ 8 การเลือกเส้นทาง...กลับไปอีกครั้ง


หลังหลวงปู่เหิร หลวงปู่ประหยัดละสังขาร จึงได้ทำตามที่ท่านชี้แนะ กลับไปหาที่ปรึกษาอีกครั้ง


โดยครั้งแรกขอท่านพาไปอาบน้ำมนต์ ซึ่งท่านพาไปครูบาท่านนึง โดยท่านให้ไปอาบน้ำมนต์นอกวัดเลย ท่านเล่าให้ฟังภายหลัง

“ครูบา...บอกให้ไปนอกวัดเลย เดี๋ยวตกในวัดคนมาโดนยุ่งเลย”


จำได้ขณะอาบ ที่ปรึกษา ชี้บอกครูบา...ตรงจุดที่ปวดที่สุด

“ครูบาเขี่ยตรงนี้ด้วย”

ยังอึ้งจนทุกวันนี้ เราไม่ได้บอกเราปวดตรงไหน ที่ปรึกษามองเห็น และรู้ได้ !!!!

หลังขึ้นรถออกจากวัด

“เป็นห่วงเราจริง ๆ คงต้องพาไปหา ....ท่านปรมาจารย์ใหญ่”

“ใครครับ”

“ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ท่านชำนาญเรื่องดำ ๆ ”

ท่านก็พาไปหา ในป่าแห่งนึง....

ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ในสายตาของเขา ดูแบบธรรมดา ไม่น่าจะเก่ง

ท่านให้ไปต้มไข่ โดยให้ไปบอกร้านค้าแถวนั้นต้มไข่ไก่มาทันที

ก็อุตส่าห์ขับรถไป เอาไข่ต้มมาจนได้

ท่านบิไข่ต้มออกครึ่งนึง เอาเหรียญเงิน ใส่ในไข่ แล้วประกบไข่ เอาผ้ามาห่อ แล้วให้นั่งยืดขา แขน เอาไข่ต้มว่าคาถาไล่ตามร่างกาย แล้วแกะออกมา หยิบเหรียญเงิน

“เหรียญดำ โดนพิษคาถา !!!!!” ตอนนั้นที่เห็นเหรียญก็ดำจริงๆ จากที่เห็นก่อนเอาใส่ไข่ต้ม เหรียญยังขาววิบวับ

จึงหยิบเทียนออกไปในป่าด้านหลัง เอาวางทับไข่ต้มแล้วจุดเทียน

จากนั้นท่านปรมาจารย์บอกให้กลับ เดี๋ยวตรวจให้


คืนนั้นที่ปรึกษาโทรมา “ท่านบอก เขาต้องการอะไรจากเราซักอย่าง ขนาดอาบน้ำมนต์แล้วนะ เหมือนมันวนเวียนรอบตัวเราตลอดเลย”