นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (รุ่นอภิมหาลาภ)

ผีอีกชนิดที่ผมคาใจมานาน เพราะแปลกดี คือ ผีม้าบ้อง

ผีม้าบ้อง จะคล้ายพวกเทพนิยายกรีก คือ ครึ่งบนเป็นคน แต่ครึ่งล่างไปเป็นเหมือนม้าคือมี 4 ขา

ครูบาข่ายเคยเล่าที่ปรึกษาว่าสมัยวัยรุ่น ชอบหาที่เรียนวิชาอาคม ไปกับเพื่อนท่าน ไปหาเรียนวิชาตามบ้านผู้มีอาคม ที่ได้ข่าวมา

วันนึงช่วงค่ำ ๆ หลังจากกลับมากับเพื่อน ได้ยินเสียงเหมือนม้าวิ่งผ่านเร็วมาก ๆ คือไม่ทันมองเห็น

เพื่อนท่านก็ เอะใจ ด้วยความชอบลองของว่าจะปราบผีม้าบ้องซะหน่อย

จนช่วงนึงผีวิ่งกลับมา ก็กระโดดขึ้นหลังผี แล้วหายไปกับผี

ครูบาก็ตกใจรีบตามหาเพื่อน ตามหาไปมาพบเพื่อนท่านเอามีดอาคมฟันคันนาอยู่ แบบว่าฟันไม่จบสิ้น

ท่านมาเล่าภายหลังว่านั่นละโดนบังตาแล้ว

เคล็ดปราบผีม้าบ้องคือ พอขึ้นหลังมันได้ให้จับที่หูมัน กันมันบังตาหายไป

หากไปจับคอ จับขน จับตรงอื่นจะโดนมันบังตาหายไป แล้วเราโดนหลอนซะเอง...

 

สมัยไปเรียนสายหลวงปู่โน ผมเคยเจอเคส คนสภาพเป็นปอปแล้ว แบบตกใจทักไป หลวงปู่ประหยัดว่าอย่าไปทักสิ.

คือนอนพะงาบมาแล้ว เห็นว่าสมัยก่อนคนนี้ล่อคนมามาก

กับเจอคนโดนผีปอปสิง. ก็เชิญวิญญาณปอบมาคุยผ่านร่างคนโดนสิง

แต่ไม่น่าเชื่อ เจอผีโพงในร่างคน55. คือโดนบังตามานะครับ ต้องเปิดการบังดู....

อันนี้รอครูบาใหญ่พิจารณาอีกที เป็นกรณีศึกษา....

 

ถือว่าหาของดีมาไม่ผิดพลาด เมื่อวัตถุดิบดี พิธีดี เจตนาดีย่อมออกมาแจ่ม ชนิดที่ลอกเลียนแบบยาก

ความแตกต่างจากตะกรุดพระเจ้าภาวนาบนแท่นแก้วในตำนาน ตรงตะกรุดพระเจ้าภาวนาช่วยเรื่องให้ฝึกจิตได้ก้าวไกล ให้ดียิ่งขึ้น แต่การนำไปใช้อธิษฐานดูอะไรต้องอยู่ที่การฝึกฝน วาสนาของตนเอง

แต่พระเปิดโลกหินพระธาตุช่วยเรื่องฝึกจิตและช่วยในการอธิษฐานเชื่อม 3 โลกในการมองเห็นตามที่ปรึกษาว่า เพราะเป็นรูปลักษณ์ปางเปิดโลก

เรียกว่าดีคนละแบบ...

ถ้าจิตไม่ดี มีพระเปิดโลกก็เปล่าประโยชน์ อย่างมากช่วยให้สงบ...

 

โครงการเดือนหน้า เริ่มแล้ว....

รื้อฟื้นวิชาในตำนาน โดยใช้ชนวนสายพรายผสมด้วยเป็นเชื้อตามกล่าวไป

และจะทำเป็นเนื้อสัตตโลหะจึงต้องใช้ทองคำ เงินด้วย... รวมชนวนหรมานที่มอบให้ไป

ย้ำว่า ผมขอให้ช่างทำให้ผมส่วนนึง จากงานที่ช่างรับมา ส่วนจะเป็นอะไรโปรดติดตาม ...

โดยปกติจะมีพวกกวนเราไม่บอกมันก็อยากรู้อยากเห็น ผมก็บล็อคไปเรียบร้อย

ที่ปรึกษาว่าพวกนี้มันรู้มากวนท่านเพราะท่านไม่ด่ามัน55 แต่มากวนท่านมากเดี๋ยวสนุก55

 

แค่ชนวนก็ขลังแล้วครับ สุดยอด

 

หลักวิชา ตำราและผลงานเก่าๆ เล่นเอาอ้าปากค้างเลยครับ

ขนาดเจ้าของเดิมตั้งศาลให้เลย!!!!??? (ไม่มีชนวน)

 

จากจุดเริ่มต้นตอนไปหล่อหรมาน หนุมานกุมภาพันธ์นั่นละครับ ผมฟังเจ้าของชนวน เล่าให้ฟังตอนระหว่างรอช่างทำหนุมาน ว่าเขาไปรับงานช่วยครูบาอาจารย์เขา

โดยอ้างอิงหลักวิชาในตำนาน ซึ่งต้องใช้ชนวนสายพราย โดยบางชนวนผมก็รู้จักดีเพราะ ตามวัดโดนขโมยบ่อย เช่นตะแกรงเผาศพงี้ เคยออกข่าวโดนขโมยไปทำมีดหมอ

แต่บางชนวนเข้าใจหา เช่นหน้าเทวดาตรงที่เผาศพ โดยเจ้าของชนวนนวโลหะก็เก่งกาจอยู่แล้ว ที่ดูดวงให้ผมมายังแม่น55

ทีนี้ชนวนหรมานที่เหลือเขาขอไป เพราะแจ่มจริง ผมเลยยกให้แต่ขอให้เขาทำให้ผมบ้างนิดหน่อย โดยผสมชนวนหรมาน

ลากยาวเจอโควิดไปนึกว่าหายไปแล้ว55

และช่วงผมไปเสกชุดเหนือพยัคฆ์ กับเจ้าเวหา พอดีเลยได้โอกาสถามที่ปรึกษาเรื่องหลักวิชานี้ เพราะเคยสงสัยมานาน

ปรากฎว่าท่านมี .... และครูบาข่ายเคยทำให้ศิษย์ กับทำให้สวนลำใยบ้านท่าน

บวกกับที่ครูบาชัยอธิบายให้ตอนท่านไปขอเรียนกับครูบาปัน... (มีคลิป) ก็หายสงสัย

จึงรอรื้อฟื้นกันต่อไปครับ... บางอย่างทำมาไม่ต้องมีชนวนแต่ก็มีอุปกรณ์เล็กน้อย ก็ถือว่าใช้การได้ดี..

 

จากข่าวสารล่าสุดกระชากใจสาธารณชน

บางเพจดังพูดได้ตรง "กฎแห่งกรรมไม่มีจริงหรอก นรกเป็นแค่ชื่อน้ำพริก555"

บวกกับที่ผมเจอมา ในชีวิตปัจจุบัน ผมยังสงสัยเวรกรรมมีจริงมั้ยวะ 555 ถ้าเรื่องทำบุญนี่เชื่อเพราะทำแล้วดีต่อตัวเอง

ผลบุญล่าสุดก็ ทำให้วิบากบางอย่างที่ผมพบมาหลายปี หมดค่ารักษาไปมาก ชนิดหมอปัจจุบันยังได้แค่เสียตังค์ให้ เปล่า ๆ แต่ดีขึ้นครับ ๆ จนถึงจุดที่ว่าแทบเหมือนคนปกติ รอลุ้นหมดเวรหมดกรรม..

แต่เรื่องมาร กวนประสาทนี่รอกรรมไม่ทันต้องเชือด ถึงจะเห็นผล

ยุคปัจจุบัน ตามที่เห็น หลายคนมีของดีที่คาดไม่ถึง รวมถึงเคสที่ปราบเป็นราย ๆ

ก็ได้ผลดี ...

ล่าสุด ได้เกริ่นกับท่านว่า "มีวิชาที่เหนือกว่าฟ้าสะท้านดินสะเทือนไหม"???

คำตอบ "อาจมีต้องค้นหา ต้องอยู่เงียบ ๆ รออำนาจ บารมีเราให้ยิ่งใหญ่กว่านี้..."

จึงต้องรอลุ้นกันต่อไปครับ เพราะช่วงนี้ท่านยุ่งสอนหนังสือด้วย...

 

ดังผมได้บอกไว้ การสร้างพระผงนั้นง่ายกว่าพระโลหะ แต่จุดยากก็คือผสมมวลสารให้ได้มาก ๆ เพราะการทำพระผงหากใส่มวลสารมาก การประสานตัวกับปูนจะยาก นอกจากใช้บอสนีกรีต กาวโลหะ แต่ก็จะมาปั๊มเป็นพระไม่ได้อีกเพราะคือกาว นอกจากปั้นลูกอม หรือใช้อุดหลังล็อคเก็ตจะดีมากเพราะยึดติดทน

การทำพระผงยุคปัจจุบันดูปุ๊ปจะรู้เลยว่าเนื้อปูน หรือใส่มวลสารแค่ไหน พระผงโบราณจึงไม่ทนทาน หากใส่มวลสารมาก...

แต่สิ่งที่ปวดหัวคือโลหะ เพราะยุคปัจจุบันเน้นสวยงาม ยิ่งแบบจิวเวอร์รี่ยิ่งดี

ชนวนมวลสารโบราณที่ผ่านการหลอมมาแล้วหากมาขึ้นรูปใหม่จะยาก ต้องผสมโลหะใหม่ เหมือนเอาของเก่าผสมใหม่จึงจะหล่อออกมาได้ ดูง่ายๆ คือพระหล่อโบราณครับ ตั้งเตาหลอมเพียวๆ ผสมของเก่าและใหม่ เพราะโลหะเก่าจะหลอมแล้วขึ้นรูปยาก พระออกมาจะผิวพรุน แต่ได้ความขลังและคลาสสิค ค่อยมาขัดแต่ง

อย่างเอามาหลอมเป็นแท่ง รีดปั๊มเหรียญก็จะได้เนื้อเหรียญชนวนจะผิวสีด่างๆ ซึ่งจะมีรอยพรุนหรือผิวไม่เรียบแบบโลหะใหม่

แต่สิ่งที่ยากที่สุด คือการนำมาทำแผ่นตะกรุด เพราะจะม้วนแล้วแตกยาก

ตะกรุดโบราณจึงนิยมใช้ตะกั่ว ลงอักขระรีดใหม่ที่เรียกกันว่าลบถม จะคล้ายการลบผงนั่นละครับ คือได้ความขลัง... แต่ปัญหาตะกั่วก็จะบอบบาง ตกพื้นก็บุบแล้ว

โลหะย่อมมีอายุของมันอย่างตะกรุดเก่าๆ นานไปก็จะมีร้าวแตกได้ง่ายเช่นกัน เพราะตามที่ปรึกษาบอก สมัยก่อนนิยมใช้รุ่นต่อรุ่น จะไม่มีการเลี่ยมถนอมตะกรุดหรืออาจเพราะหาที่เลี่ยมยาก อย่างมากพอกครั่งแต่ครั่งก็นานไปสึกกร่อน แม้ลงรัก ซัก 100 ปีขึ้นก็อาจแตกได้...

 

ตอนสร้างตะกรุดพญาจักรวรรติราชปราบพิภพทั้ง 4 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของค่ายนี้

โดยเกือบทั้งหมดจะใช้ทองแดงทองเหลืองใหม่ แต่จะมีไม่กี่ดอกท่านใช้แผ่นทองพระธาตุมารีด ย้ำว่ารีดให้บางนะครับ ซึ่งก็มีปัญหาบางดอกแตกเพราะโลหะเก่ามากและโดนแดด โดนฝนมายาวนานตอนหุ้มพระธาตุ

ในชุดต่อมาตะกรุดฟ้าสะท้านดินสะเทือน ท่านจึงนำทองพระธาตุมา กทม.ไปหาช่างหลอมผสมโลหะใหม่ แล้วรีดขึ้นมาใหม่



โดยช่างบอกเองว่าแผ่นทองพระธาตุเรียกว่ามาหลอมเพียวๆ ไม่ได้ หากรีดจะกรอบแตก มาถึงขั้นตอนม้วนตะกรุดยุ่งเลย ซึ่งก็จะมีบางส่วนที่เรียกว่าด่างๆ หรือบาง อย่างที่เราเห็นเหรียญเนื้อชนวน หรือเหรียญหล่อชนวนเก่า..

 

ตอนตะกรุดฟื้นฟ้าหน้าแผ่นดิน หรือตะกรุดพลิกฟ้าในตำนาน ก็เช่นกัน ส่งทองหุ้มพระธาตุเก่าแก่มาก ๆ ตามภาพ ไปหลอมผสมชนวนอื่นและโลหะใหม่ถึงหลอมรีดมาได้

ดังบอก การทำตะกรุดปวดหัวสุด ๆ ตรงนี้ครับ ขนาดตอนสร้างตะกรุดพญาพาลี หลอมทองคำชนวนมากมาย แต่ตอนม้วนมีลนไฟยังมีแตก ต้องนำตะกรุดที่แตกไปหลอมรีดใหม่ แล้วลนไฟดี ๆ เพราะทองคำที่ผสมยังไม่ 100 % เรารู้กันดีว่าทองคำอ่อน การนำมาขึ้นรูปเป็นกรอบพระ แหวนจะประมาณ 96.5 % เท่านั้น

 

ยุคปัจจุบันผู้ผ่านโลกมามาก พบปะคนมาก ทำงานติดต่อผู้คนมากมายย่อมเข้าใจ

ดังคำว่า คนดีอยู่ยาก ในตอนเด็กอาจได้รับคำสอนว่าให้อ่อนน้อมถ่อมตน มีน้ำใจ ยิ่งได้พระดีขลังๆ พระมักจะสอนให้มีศีล 5 ใจดีมีเมตตา

แต่พอออกสู่สังคม โตแล้วพบปะคนมาก ใช้หลักคำสอนเหล่านี้ได้ไหม ????

ใจดีมีเมตตา ครับๆ อ่อนน้อมก็จะโดนข่มเหง

อย่างผมเองแม้งานบุญ พวกมารก็มากวน พอคุยดี ครับ ๆ ตอบดี ๆ มันลามปามเรียกเรายังกะเพื่อนเล่น กวนประสาท ไม่ได้ถามความเห็นเสนอความเห็น

ไลน์มาพร่ำบ่นเรื่องบ้าๆ บางตัวลีลามากขอปรึกษาพอคุยได้ลากยาวจะเอาให้ได้ สุดท้ายผมบล็อคไปจบ

ที่ปรึกษาว่าก็เจอพวกกวนประสาท ถามนู่นี่ไร้สาระ เรื่องบ้าๆ ก็มาถาม

พอใจดีแจกมากมันชอบเลยมารีดไถ

จองนะไวพอชำระค่าบูชานะช้า ผ่อนยังกะอิออนก็มี ต้องคอยทวง

ที่ปรึกษาบอก ท่านเป็นพระจะให้ไปทวงก็ใช่ที่ ผมเลยรับอาสา

สุดท้ายผมเบื่อ ก็เห็นใจพระท่านอีก บล็อคไลน์เลิกคบไปเลยจบง่ายดี

มารบางตัวเหิมเกริมเอาของสายเราไปหลอกขายคนอื่นก็มี....

ขึ้นชื่อว่ามาร จะเก่งนะครับ ยิ่งพวกต้มตุ๋นจะเก่งมาก เพราะคนเก่งใช่ว่าจะเป็นคนดี
สุดท้ายต้องเชือดไปบางตัวถึงสงบสุข

ในหลักวิชาเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะโลกปัจจุบันมักบิดเบี้ยว การรอ เวรกรรมสนอง ซึ่งมีคนเคยสอน

คำว่า เดี๋ยวกรรมสนองเองคือคำพูดของคนที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว...พูดง่ายๆ คือคำปลอบใจตัวเอง..... จริงไหม ??

เหมือนมีคนติดหนี้ รอให้ใช้หนี้เองถ้าไม่ใช้ก็รอเวรกรรม...ถามจริง... แล้วจะมีการทวงหนี้ทำไม???

จุดนึง รู้ได้ไงเวรกรรมมีจริง เราอาจโดนพระดีหลอกให้เป็นคนดี55

หลักวิชาไสยศาสตร์จึงกำเนิดขึ้น และเกิดมาก่อนศาสนาพุทธ และยังคงอยู่ในปัจจุบัน... เพราะหลักธรรม มักสวนทางกับทางโลกนี่เอง...

 

แม้วัตถุมงคลในรูปพระพุทธหรือพระสงฆ์ อาจมีการลงวิชามหาสะท้อน มหาอำนาจแต่ก็จะมีข้อจำกัดบางประการ

ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าย่อมไม่ทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้าม

จริงอยู่ กฎแห่งกรรมมีจริงแต่หลายองค์ประกอบดังเห็นในปัจจุบัน

บางครั้งกรรมดีอาจต้องรอชาติหน้า (ซึ่งไม่รู้มีจริงไหม หรือมีจริงแต่เราคงจะมารำลึกกันไม่ได้ 55)

ในคำสอนผู้ทรงภูมิไสยศาสตร์ อย่างนึงที่ผมคุยกับที่ปรึกษาเห็นตรงกัน...

"ผลแห่งการทำดีเราจะเห็นกันเมื่อตายไปแล้ว... เช่น ตายไปมีภพภูมิที่ดี เป็นเทวดาบนสวรรค์ ..."

ดังนั้นถ้ายังไม่ตายก็อย่าท้อแท้ซะก่อนนะครับ55

บางคนก่อกรรมจนเรียกว่าตายยังตายดี เสวยสุขจนตายก็มีมากมาย...

ในฐานะที่ผมได้เห็นผู้โดนอำนาจลี้ลับเล่นงาน และซมซานมาขอครูบาอาจารย์ผมช่วย และผมได้เห็นการรักษา

รวมทั้งตัวผมเองพบเจอเองด้วย เราต้องยอมรับว่า นี่คือกรรม...

บางครั้งเราอาจบ่น ทำกรรมไรวะโดนแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยทำใครเดือดร้อน...


หากได้ญาณย้อนอดีตจริง ๆ หรือยังนึกได้เราอาจร้อง อ๋อ... เพราะเราจำไม่ได้เอง ...

สรุป กระบวนการทางโลก ย่อมสวนทางกับทางไสย...

 

ช่วงพญาวัน สงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสจัดสร้างเสกเบี้ยแก้กายสิทธิ์ ซึ่งรวม 3 วิชาคือปรอทสำเร็จ เบี้ยแก้ เบี้ยกัน... ตอนนั้นสร้าง 16 ตัวหมดเกลี้ยงภายใน 2 วัน

ปัจจุบันผมเองเหลือตัวที่บุบเป็นที่ระลึกเท่านั้น



ดังเล่าไปการสร้างตามตำรับยากแสนยากเพราะ

1.ต้องหาหอยเบี้ยที่ฟันครบ 32 ซี่ซึ่งเราจะไปเลือกร้านไม่ได้นะครับต้องเหมามาแล้วมานั่งคัดเอง

2.โดยทั่วไปปรอทเดี๋ยวนี้ซื้อเอาแพงมาก ๆ ซึ่งค่ายผมไม่อยากทำแบบนั้น...การจะหาปรอทให้ดีที่สุดตามโบราณที่ผมรับฟังมา เช่นดักไข่เน่า กว่าจะได้ยากแสนยาก ได้มานิดนึง บางท่านดักปรอทจากอากาศ หากสายพระเหนือโลกก็เรียกจากในดินมาได้เลย ซึ่งก็ได้มายากแสนยากอีก

3.การดูแลรักษาก็ยากเพราะต้องอุดด้วยชันนะโรงตามสูตรซึ่งโดนความร้อนก็ละลาย จึงหาวิธีประยุกต์กัน เช่นถักเชือก หรือหุ้มตะกั่ว

ผมเองเคยนำแบบเพียวๆ ไปเลี่ยมพลาสติก สั่งร้านแล้วนะระวังความร้อน ยังไงก็ต้องทำให้ชันนะโรงละลายอยู่ดี ยุ่งยากมาก ๆ

สรุป ล่าสุด ครูบาอาจารย์ท่านหาปรอทมาเพิ่มเติมจากชุดรอบก่อนได้แล้วครับ ดูท่าจะทำได้น้อยกว่าเดิมอีกเพราะ เบี้ย 1 ตัวต้องใส่ปรอท 1 บาท

ทีนี้ชุดของเรารวม 3 อย่างคือปรอท หยาดน้ำฟ้า และเหล็กเปียก ... ก็รอเข้ากระบวนการต่อไป... ให้ผู้ได้ร่ำเรียนมาจัดการสร้างเป็นเบี้ยแก้ให้ และที่สำคัญหาวิธีดูแลรักษา แต่จากปัญหาก่อนตกพื้นบุบคงต้องหาวิธีที่ทำให้ทนทานกว่าเดิมครับและสำคัญ สร้างได้น้อยกว่าชุดก่อน....

 

การสร้างตะกรุดชุดสายปราบ ที่ผ่านมาจะมีข้อจำกัดบางอย่างซึ่งผมไม่ขอบอกเพราะเป็นช่องว่างที่ไม่อยากเปิดเผย

ทุกสิ่งในโลกมีข้อจำกัดเสมอ ไม่งั้นคงไม่มีหลากหลายวิชาตำรา หรือห้อยพระองค์เดียวจบ

แต่ละอย่างย่อมมีการใช้งานที่ต่างกันในสถานการณ์และเวลา ดังที่ปรึกษาบอก "หากเข้าถึงเราจะรู้ด้วยตัวเราเองว่าควรใช้อะไร..."

ตอนนี้จะเปิดเผยเล่าอะไรมาก จะมีพวกมารไปกวน ซึ่งผมบล็อคไปมันก็ไปกวนพระกวนเจ้า ขี้เกียจแคปหน้าจอที่ท่านมาบอก "มันมาแล้ว555" ท่านว่าพวกนี้ "จมูกไว..."

จากสถานการณ์ต่าง ๆ จึงเป็นเคสที่ผมจะถามเสมอ หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ใช้ของที่มีไหวไหม ซึ่งท่านก็จะให้ความเห็นที่ฟังแล้วสมเหตุสมผล

หากเป็นสมัยก่อน อานุภาพวัตถุมงคลเขาจะมีการตรวจที่เรียกว่าตรวจออร่า อาจเป็นด้วยเครื่อง หรือด้วยตาใน ตาที่ 3 แต่ปัญหาพวกนี้จะมีความไม่แน่นอนและเชื่อถือได้ไม่มาก

อย่างตรวจด้วยเครื่องก็จะเป็นเรื่องเบื้องต้น ผมเองก็เคยไปตรวจจากเครื่องในงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ทีนี้ อัดรูปมา แพงนะ รู้สึก ค่าตรวจ เกือบพัน ขืนตรวจหลายอย่างอาจหมดตัวด้วย55

ปัญหาคือผมตรวจจากตัวเอง ซึ่งออร่าที่ถ่ายออกมาก็สวยดี ใกล้เคียง เขาก็จะตีความหมายมาให้

การนำวัตถุมงคลไปตรวจ ผมไม่ค่อยเชื่อมาก เพราะพลังวัตถุมงคลจะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ อยู่ที่ตัวเราอีกที (ความเห็นส่วนตัวนะ) สำคัญเสียเงินมากก็ไม่ไหว

ทีนี้ มันก็เชื่อโยงกับข้อจำกัดในการใช้ของสายปราบอยู่ดี เพราะยุคนี้ หลายๆ กระบวนการไม่ต้องพบปะพบเจอกันแล้ว มีอะไรสั่งงานก็ทางไลน์ หรือส่งเมล์หากัน

การกลั่นแกล้งข่มเหงกัน ก็อาจไม่ต้องพบปะเจอตัวกันแล้ว เป็นต้น

สิ่งสำคัญในสถานการณ์บางอย่างเราอาจใช้เครื่องรางช่วย ช่วยยังไง บางทีก็ไม่ตรงจุด

เหมือนการทำคุณไสยละครับหากอยู่ไกลกันก็ใช้วิธีฝากกับลม อากาศ ภูตผีไป จะเอาแบบง่ายๆ ทับชื่อหรือส่งกระแสจิตก็ต้องจิตสูงพอควรแล้วนะ ซึ่งจะไม่ได้กันทุกคน...

 

ดังที่ได้คุยกับครูบาอาจารย์ในยุคนี้ โลกการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป เรารู้กันดีผู้ทรงจิตที่แกร่งกล้าหาได้ยากกว่าสมัยก่อน

การฝึกจิตให้แข็งแกร่ง ย่อมต้องสวนทางกับทางโลก เพราะการฝึกต่างๆ ย่อมต้องอาศัยความลำบาก ความเชื่อมั่น แต่ยุคนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย บวกกับปัญหาความวุ่นวายมีมาก จะหาความสงบในการฝึกฝนนั้นยาก

การสร้างเครื่องรางต่างๆ จึงต้องอาศัยกำลังเสริม อย่างง่ายๆ ทุกวิชาท่านบอกจะมีวันอ่อนวันแข็ง จึงต้องอาศัยการเสกของวันพญาวันมาช่วย (ชุดตะกรุดพญาวันครอบพิภพ)

หรือการหามวลสารที่ขลังโดยธรรมชาติมาเสริมจุดอ่อนของหลักวิชา

ล่าสุด ผมได้ข่าวดีว่ามีมวลสารอย่างนึงที่ยังมีเหลือจากการชุดสร้างตำนานหลายปีก่อน ซึ่งเราคิดวิธีที่จะผสานชนวนที่เรามีเพื่อ Upgrade วัตถุดิบให้ดียิ่งขึ้น

หากเป็นภาษาการดูพลังก็เพิ่มออร่า เพิ่มอำนาจให้แข็งแกร่ง เพื่อรองรับหลักวิชาที่จะแก้ข้อจำกัดของเครื่องรางสายปราบต่อไป...

หากอธิบายแบบดูหนังคือ Butterfly Effect เรื่องราวเล็ก ๆ อาจเปลี่ยนแปลงให้เกิดเรื่องใหญ่ ๆ ได้

 

ใช่ครับพี่ ตอนใช้งานต้องระวังสักหน่อย ผมเผลอไปนอนทับเลยบุบไปหน่อยแล้วครับ ความสวยงามอาจน้อยลง แต่พุทธคุณยังคงเดิมครับ

 

ดังผมได้พบ ได้เช่าหาบูชาเบี้ยแก้ ปรอทมาหลายที่ บวกกับพรรคพวกที่ชอบมาเล่าให้ฟัง และผมได้ถามผู้สร้างเบี้ยแก้แจ่ม ๆ มาบ้าง

ปรอทสำเร็จของที่ดังๆ แพง ๆ ก็เคยบูชามานะครับ ใส่ตอนหล่อพระไปแล้ว เพราะเนื้อนวโลหะก็ใช้ปรอทด้วย แต่จะเอาแบบเหลว ๆ ใส่เตาไม่ได้นะครับ อันตราย

ทีนี้ตามเล่าบางคนที่รู้จักก็ไปฝัง ส่วนผลออกมาก็ตามที่เห็นชีวิตจริง ซึ่งไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เพราะก่อนฝังสรรพคุณออกมาเพียบ พอเห็นชีวิตจริงผู้ฝังก็จะรู้ได้เอง

ปรอท ตามที่ครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือบอกมา เป็นธาตุที่มีอยู่ในโลกอยู่แล้ว หลัก ๆ ที่นำมาขายกันในท้องตลาดที่ว่าปรอทร้านขายยา ก็นำมาจากการขุดเจาะปิโตเลียม คือมีอยู่ในธรรมชาติละครับ ถือว่าใช้การได้

แต่ที่นิยมกัน เรียกว่าเฮี้ยนก็ดักจับเอา ตามกลวิธีที่เล่าไป ท่านใดเก่งกล้ามากก็อาจเรียกออกมาจากใต้ดินกันได้เลย โดยใช้หลักวิชาอาคม พลังจิต... ซึ่งแน่นอนจะได้ไม่มาก และเช่าหากันราคาแพงมาก ๆ ...

บางสำนักอาจนำมาผสมในเนื้อพระ ปัญหาด้วยความเหลวอาจไหลออกมาจากเนื้อพระได้

ทีนี้ ที่เขานำมาทำพระเครื่องอย่างท่าพระจันทร์มีเพียบจะออกลื่น ๆ ก็อาจผสมโลหะเช่นตะกั่วหรืออะไรแล้วแต่ตามสูตรแต่ละที่

ปรอทสำเร็จที่แจ่มๆ จึงจะมีน้อยและราคาแพงมาก ตามต้นทุนวัสดุว่าง่ายๆ ครับ

อย่างที่ผมเคยบูชา ทำบุญมาในราคา 15,000 บาท ซึ่งผมเองก็มีวาสนาได้องค์เดียวก็ตามภาพ เรียกจากใต้ดิน มีการนำหม้อดินไปฝัง เรียกว่าเห็นกันจะ ๆ ตอนฝังหม้อเปล่า พอฝังทำพิธีเรียก เปิดหม้อมาปรอทมีแล้ว ทีนี้การทำให้แข็งตัวก็ต้องใช้คาถาพลังจิตปลุกเสกจนกว่าจะแข็งเอง ไม่ผสมโลหะอื่นใด

ปัจจุบันไม่มีให้บูชาแล้วเพราะครูบาอาจารย์ห้ามเรียกอีก

ความแตกต่างจากปรอทท่าพระจันทร์ก็ ของกายสิทธิ์แท้จะชุ่มฉ่ำ เหมือนอมน้ำตลอดเวลา ของทั่วไปผสมโลหะอื่นอย่างมากแค่ลื่น จะไม่เหมือนฉ่ำชุ่ม


โชคดี ปรอทที่ได้มา มาจากการอัญเชิญของครูบาอาจารย์... ที่จะนำมาใช้ทำเบี้ยแก้ชุดต่อไป ซึ่งถึงบอกมีน้อย...

 

เกร็ดความรู้ใหม่เรื่องปรอท.....

ดังที่รับทราบมา การดักปรอทสมัยโบราณใช้ไข่เน่าดัก เพราะปรอทจะชอบมากินของเน่าเหม็น เรียกว่ามีโดยธรรมชาติแล้วแต่จะหาให้ได้มาก ๆ มาใส่เบี้ยแก้ต้องหาวิธีรวบรวม

ปรอทเฮี้ยนมากมาจากอากาศ ก็ใช้วิธีวางดักในอากาศ ซึ่งครูบาอาจารย์ที่เล่าบอกได้น้อยมาก ๆ ไม่พอใช้กัน

ทีนี้ มีบางท่านมาเล่าเขามีปรอทสุดเฮี้ยน เรียกปรอทพราย

คือเอามาจากศพที่เน่าเหม็นแล้ว(สยอง!!!!)

ถามที่ปรึกษาว่า ท่านไม่เคยพบ แต่เคยได้ยินมา

ท่านบอกจริงๆ ปรอทมีในตัวคนเป็นก็ได้ โดยผู้มีวิชาอาคมจะเรียกปรอทเข้าตัว โดยหลักเพื่อใช้รักษาโรค....

ผมจึงนึกถึงบางที่ เขามีการเรียกปรอทเข้าตัวกันเพื่อรักษาโรคจริงๆ หรือ บางที่ ก็ให้กลืนปรอทไปเลยในตัว รอให้ขับถ่ายออกมา เพราะหวังให้ปรอทดูดพิษในตัว...

 

หลักวิชาในโลก ล้วนมีมากมายอยู่ที่การนำมาใช้....

เรื่องราวของ ผู้พิทักษ์ ที่ทำ 4 หน้าที่ตามตำรา ผูก ปราบ เฝ้า รักษา ไว้เล่าเมื่อทุกอย่างจบแล้วนะครับ