นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (รุ่นอภิมหาลาภ)

สมัยก่อนนานแล้วตอนผมชอบตะลอนทัวร์หาพระเก่ง ส่องพระกัน(ส่องพระสงฆ์นะครับ)

มีพวกนับจับพลัง นักฝึกจิตอวดกันเพียบ ปัจจุบันผมเลิกคบหมดเพราะไม่ได้สาระอะไรเลย มีแต่เสียตัง โอ้อวดกัน

มีมารตัวนึงเล่าไปแล้วชื่อ ปลิงเผา

ปลิงเผามีคู่ซี้ชื่ออ้วนแสบ

ปลิงเผาชอบอ้างมีอาจารย์ดี ชอบไปทัวร์ตามวัด พอตอนนั้นผมเริ่มเปิดเผยเรื่องราวหลวงปู่โน และนำตะกรุดหลวงปู่ประหยัดไปส่งเข้าประกวด

แน่นอน อันดับ 1 คือเหรียญหลวงปู่โน ลูกพี่ใหญ่แก๊งค์นั้นนักจับพลัง จับแล้วตกใจร้องจ๊ากเลย

ต่อมาตะกรุดหลวงปู่ประหยัด ตรวจไปมีการซ่อนพลังซ่อนกระแสด้วย

ผมได้เล่าเรื่องราวหลวงปู่ประหยัดบุตรชายหลวงปู่โนไป

ปลิงเผาตีปีกใหญ่อยากไปหาอยากไปฝึกด้วย

คืนนึง ปลิงเผาเล่าเขาฝึกสมาธิ จิตเขาเห็นอาจารย์เขาถอดจิตมาหา และเห็นหลวงปู่ประหยัดด้วย

เช้ามาเขาโทรหาอาจารย์เขาเลยว่ามาจริงไหมเมื่อคืน (เผื่อมโนหลอก) อาจารย์เขาบอกมาจริงและเห็นหลวงปู่ประหยัดด้วย อาจารย์เขาบอกว่า หลวงปู่ประหยัดพระอรหันต์เลยนะ

ผมโทรหาหลวงปู่ประหยัดว่าจริงเหรอ ท่านว่าท่านไปส่องปลิงเผาจริงแค่ไปดูแปลกใจ เพราะปลิงเผาส่งจิตไปหาหลวงปู่ประหยัดบ่อย

ผมยิงคำถาม"หลวงปู่เห็นอาจารย์เขาไหมครับ"

"เห็น" "เก่งไหมครับ" "งั้น ๆ ละ"

"อาจารย์เขาบอกหลวงปู่เป็นพระอรหันต์นะครับ"

"เขาจะพูดอะไรอย่าไปสนใจ"

ต่อมาอ้วนแสบคู่หูปลิงเผามาเล่า ว่า ปลิงเผาไปทำบุญกับอาจารย์เขาบ่อย

และปลิงเผาก็บอกอาจารย์เขานั้น ชอบเรียกเขา "เฮีย" และชมปลิงเผาสารพัดว่าจิตสูง ส่งจิตมาทีอาจารย์เขาตกใจ คือชมจนปลิงเผาตัวลอยว่างั้น

และปลิงเผาไปทำบุญกับอาจารย์เขาบ่อยมาก ถ้าพูดตรงๆ เสียเงินไปเยอะ จ่ายตังไปมาก พร้อมคำยอจากอาจารย์เขาว่า "จะรวยนะ มีบารมีเก่ามากนะ"

อ้วนแสบเล่า ปลิงเผาป่วยบ่อย ผมก็สงสัย อ้าวมีอาจารย์ดีแล้วมาเห่อหลวงปู่ประหยัดทำไมวะ55

ต่อมา ผมให้อ้วนแสบ บอกชื่อ อาจารย์เขามา จึงถามหลวงปู่ประหยัดปรากฎว่า Jackpot ออก

หลวงปู่รู้จักอาจารย์เขาดี ว่า เป็นมาร.... และชอบหลอกเอาเงินคน ส่วนสาเหตุที่ปลิงเผาป่วยบ่อยคงเดากันได้นะครับ555

สรุป...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าใครมาชมเรา แล้วเราเผลอเสียเงินไปให้เขามาก นั่นคือ อันตรายนะครับ

มารตัวที่ผมเจอล่าสุด ก็โดนลูกพี่เขาหลอกแบบนี้ละครับ บอกมีเทพรักษานะ มีพ่อปู่ฯ.... นะ สุดท้ายกลายเป็นโจ๊กฮา

และเสียเงินให้คนมาชมมัน (ผมฟังมันเล่ารู้เลย อีกละ เจอบ่อย แต่ขี้เกียจเตือน55)

จากเทพรักษากลายเป็น เรื่องแต่งไร้สาระ เราต้องยอมรับความเป็นจริงนะครับ อยู่ในโลกความเป็นจริงว่าเราคือ คนธรรมดา ทำมาหากิน ทำใจให้บริสุทธิ์อย่าคิดเอาเปรียบใคร

 

ของสายเราดีอย่าง ใช้ด้านปราบก็ได้ดั่งใจเรียกว่าไม่มียั้ง

อยู่ที่คนใช้ด้วยนะครับ ยิ่งฝึกจิตมาเป็นพื้นฐานยิ่งไปได้ไกล

แต่ทำให้เหล่ามารที่แฝงมา ลำพองใจ

เรียกว่า พอคิดว่าตีซี้ได้ขอฟรี ขอของแถม (ทั้งที่ให้ไปแล้ว)

ให้ไรไป เอาอีก ขออีกอ้างชื่อคนอื่นก็มี

การลงปลุกเสกแบบไม่กั้นพลังอำนาจในเครื่องรางจึงเป็น ดาบ 2 คม

จากนี้ไปคงต้องหยุดการสร้างเสกในสายปราบ เพื่อไม่ให้มารเอาอำนาจไปรังแกคน และไปต้มตุ๋นคนอื่น

จากประสบการณ์ตัวผมเองด้วยนะครับ เรียกว่าไปช่วยงานบุญหลายที่ได้มา คือท่านให้มาก็รับไว้ แต่ยังคุยกะที่ปรึกษา คิดหนักเลย55 เพราะไปเบียดเบียนปราบมารยาก ท่านไม่ลงไว้ให้แน่กลัวเราไปเทา ๆ (ก็เทาจริง55)

แน่นอน ในสายหลวงปู่โน ยิ่งเป็นเรื่องแห่งจิต พอมารลำพองก็เรียกพลังกลับสิครับ55...

 

ในภาพคือตะกรุดฟ้าสะท้านดินสะเทือนซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของสำนัก...

ตามตำนานที่เล่าไปแล้ว วันนึงพรรคพวกที่ปรึกษาที่ลาสิกขาไปแล้วไปค้นตำราในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งผมเคยยั่วหัวหน้าเซลแมนไป ตำราท่านมีเป็นพันเล่ม

ในตำรานึงคือตำรายา แต่แปลกใจมีตำราวิชานึงซ่อนผนวกปนในตำรายา

ตำรานี้เก่าแก่จนขนาดแทบขาดแล้วเรียกว่าเกิน 100 ปีได้เลย

ที่ยากที่สุดคือบันทึกเป็นภาษาไทใหญ่ปนภาษาล้านนา ที่ปรึกษาเปรียบเทียบว่าคล้ายเราเขียนภาษาไทย ปนภาษาอังกฤษ

ท่านจึงต้องให้ชาวไทใหญ่มาช่ววแปลให้ จากนั้นมาจับใจความจนกล่าวถึงตำนานว่า

"ในอดีตนานแล้ว มีเจ้าเมืองเมืองนึงเก่งกล้าคาถาอาคมมาก แต่ไม่อยู่ในศีลในธรรม จนประชาชนเดือดร้อนไปทั่วโดนข่มเหง เอาเปรียบ

เหล่าผู้ทรงจิต ครูบาอาจารย์ต่างเอือมระอา จึงได้รวมกลุ่มผู้ทรงวิชายุคนั้น ร่วมกันคิดค้นวิชานี้ขึ้น เพื่อล้างอาคม ล้างอาถรรพ์ที่รักษาเจ้าเมืองคนนั้น

หลังคิดค้นวิชาสำเร็จได้สร้างตะกรุดแจกจ่ายให้ผู้ทรงวิชารวมตัวก้นโค่นล้มเจ้าเมืองคนนั้น แล้วฆ่าตัดหัวไป (เป็นเคล็ดจัดการคนมีวิชา)

หลังโค่นล้มเสร็จก็ครองเมืองระยะนึงจึงแยกย้ายกันจากไป"

ที่ปรึกษาว่าจากการศึกษาตำรานี้ ผู้บันทึกได้จารึกแบบอยากจะทิ้งก็เสียดายจึงซ่อนกลลวงไว้มากมาย...












มารร้ายหากสำนึกควรชดใช้ดังนี้

1.เลิกต้มตุ๋นผู้คน
2. ไปคืนเงินคนที่ต้มตุ๋นเอาเปรียบ ให้ดอกเบี้ยได้ยิ่งดี กรรมต้องชดใช้ไม่ใช่การสวดมนต์ (กลัวต้องชดใช้)
3. เลิกมาก่อกวนอีก ทุกภพทุกชาติอย่าได้มาเจอกันอีกยิ่งดี55

 

อำนาจแห่งตะกรุดฟ้าสะท้านดินสะเทือน ผมเคยเล่าไปแล้ว

สมัยก่อนพบมารร้ายที่เก่งกล้ามาก อาศัยช่องจังหวะที่ ท่านนึงที่ร่ำเรียนจากสำนักหลวงปู่โน จนหลวงปู่ประหยัด ได้การันตีกับผู้อื่นที่ไปขอเรียนว่า "ตำราทั้งเล่มเขาได้หมดแล้ว"

แน่นอนเหลือหลักสูตรสุดท้ายที่จะจบหลักสูตร ซึ่งต้องอาศัยตะกรุดพระเจ้าภาวนาและตะกรุดปัญญาบารมี มาเสริม

ช่วงนั้นบังเอิญท่านนั้นได้ทิ้งวิชาอาคมทั้งหมด ตามหลวงปู่เหิรแนะ จนโดนมารอาศัยช่องว่าง ทำร้าย (ด้วยวิบากกรรมด้วย)

เมื่อไปขอหลวงปู่เหิรช่วย ท่านเชิญญาณหลวงปู่โตมาช่วยและบอกว่า

มารนี้มีอาจารย์ดี เขารู้อยู่ว่าเราก็มีดีแต่มาลอง

หลวงปู่เหิรกล่าวว่า "หลวงปู่บอกหลวงปู่โตว่าหลวงปู่แก่แล้วขอหลวงปู่มาช่วยหน่อย"

ต่อมา หายไปพักนึงกลับมาเป็นอีก จนบอกท่านว่าจะไปหาหลวงปู่ประหยัดนะ

หลวงปู่เหิรว่า "หลวงพ่อประหยัดก็รักษาไม่หาย"

จึงกล่าวว่า "ถ้าหลวงปู่โนมาเองละครับ" "ก็ไม่แน่"

สุดท้ายเอาคำท้าหลวงปู่เหิรไปบอกหลวงปู่ประหยัด ท่านเรียกว่าเต้นเลย บอกศิษย์ 2 คนแต่งคายใหญ่

จนรักษาตั้งแต่ 5 โมงเย็นยันเที่ยงคืน ถึงหาย

เช้ามาตรวจสอบอีกครั้งจึงรู้ว่า เหล่ามาร ใช้ 2 รุม 1 (ขี้โกงมากถ้าตัวต่อตัวไม่กลัวเลย) เป็นสายแขกมาเลย์... (ต่อมาทราบมาจากฮินดู)

แน่นอน เหล่ามารไม่ถอยย่อมมารังควาน ก็ไปแก้อีก 3 ครั้ง ท่านว่ามันเปลี่ยนเจ้าอีก

ทีนี้ ในแง่สายเราไม่เอาคืน จึงถามหลวงปู่ประหยัดว่า จะมีวิธีปราบไหม ท่านได้ชี้แนะว่า "ต่อไปจะหาอาวุธปราบมันได้เองในภาคเหนือ"

คือ สายนี้แก้อย่างเดียวไม่ทำกลับ ไม่ทำร้ายมาร ท่านถึงว่า "มารเก่งกว่าเราเพราะมันทำเราได้ แต่เราทำมันไม่ได้"

ต่อมา ตามคำชี้แนะจึงได้พบท่านปรมาจารย์

ที่ปรึกษาว่า ไม่ได้บอกท่านเรื่องหลวงปู่ประหยัดบอก แต่ท่านปรมาจารย์ท่านตรวจสอบได้ว่า "ไม่ตรงสายเรา" จึงรู้ว่าจริง

ต่อมา จากการไม่ย่อท้อในการสร้างบารมีจึงได้คิดค้น ตะกรุดนี้ขึ้นสำเร็จ

และได้นำไปทดสอบ โดยการไปทดสอบปราบมารที่ว่าป้องกันมาสุดยอด ชนิดที่ท่านปรมาจารย์ ยังชมว่า "เขากันไว้ทุกทางเก่งจริง ๆ "

ก็สามารถเจริญรอยตามตำนานแห่งวิชาที่ล้างอาคมระดับเจ้าเมืองยังได้

ล่าสุดมารที่ว่า ย่อมชดใช้กรรมไปสถานเดียวเพราะโจทก์มาก55 หน้าที่เราคือ คอยส่งเสบียงให้โจทก์เขา (ไม่บาป)

 

เป็นไปตามคาด สันดอนขุดได้ สันมารร้ายขุดยาก

มารไม่ยอมสำนึก

สมัยผมจำความได้ ได้หยิบหนังสือกฎแห่งกรรมมาอ่าน และได้อ่านหลายเล่มจึงพอจับใจความตามสติปัญญาได้ว่า

กรรมคือพลังงานลี้ลับ และเป็นเรื่องอจินไตย (คือเรื่องไม่ควรคิด)

ที่แน่ ๆ กรรมต้องจบด้วยการชดใช้ แม้อีกฝ่ายจะอโหสิกรรมก็เพียงทำให้ฝ่ายที่อโหสิกรรมให้ไม่ผูกเวรต่อ ดังคำว่า "ตบมือข้างเดียวไม่ดัง"

อย่างมารที่ก่อเวรกับพระระดับสูงแน่นอน พระท่านย่อมอโหสิกรรมให้ แต่ใช่ว่า กรรมจะจบ ผู้ก่อเวร ย่อมได้รับการชดใช้แถมหนักด้วย เพราะอีกฝ่ายอโหสิกรรมไปแล้ว

กรรมจากการเบียดเบียน เอาเปรียบ คดโกง อาศัยเล่ห์คารมกะล่อนที่ถูกบ่มเพาะมา ย่อมจบด้วยการชดใช้

แม้ไม่ยอมชดใช้ วิบากกรรมจะทำงาน สุดท้ายก็ชดใช้อยู่ดี (ชดใช้ทั้งน้ำตา)

ไปวิ่งหาให้เทพเทวดา ผีสางก็ย่อมไม่ช่วย เพราะพฤติกรรมคนนี้มีแต่เนรคุณคน

ในภาพ ไฟจากนรกเผาผลาญ

ดังคำพระว่า บุญบาป อยู่ที่ใจ เมื่อใจโดนไฟนรกเผาย่อมสุดจะบรรยาย

 

วัน เวลา ฤกษ์ยามสำคัญอย่างไร

จากการพบมา เรื่องฤกษ์ยามนี่เจอบ่อย เช่นจะออกรถ สร้างบ้าน ต้องมีการดูฤกษ์ยามกัน...(ผมก็ถือเรื่องนี้55 )

สมัยผมทำงานที่นึง เจ้านายท่านนึงรวยมาก เขาเล่าให้ฟัง เขาออกรถที่บ้านญาติผู้ใหญ่ให้ดูฤกษ์ยาม เขาไม่เชื่อตามประสาคนสมัยใหม่ที่รวย การงานดีพร้อม

สุดท้าย ออกรถมาปัญหาเพียบ เขามาบ่นให้ผมฟังนะ

ทีนี้ในแง่หลักความจริงผมได้ถามครูบาอาจารย์ดังนี้

1.ในแง่ของพระ แน่นอนย่อมถือตามพระพุทธเจ้าสอน "ถือประโยชน์เป็นฤกษ์"

ท่านกล่าวว่า ฤกษ์คือความพร้อม หากฤกษ์ดีแต่เราไม่พร้อมจะดีได้อย่างไร

2. ในแง่ไสยศาสตร์ อาคม หากเป็นสายพระก็ถือตามท่านบรมครู ไปเสกตอนไหนก็ได้ เพราะผู้เสกอยู่เหนือฤกษ์ยามแล้ว

แต่ในแง่ฆราวาส นี่ต้องเป๊ะ นอกจากวันแล้ว เวลา ทิศ ต้องยึดตามตำรา...

 

โดยสรุป การใช้งานจริงในเครื่องราง ย่อมมีหลายองค์ประกอบโดยสรุป

1.สำคัญมากคือตัวเรา ต้องพร้อม ในสถานการณ์จริงหากเกิดเหตุการณ์สำคัญ จิตใจต้องมาก่อนอย่างแรก เหมือนผม ขี้เกียจท่องคาถา อาศัยความเคารพนับถือ และการวางใจให้นิ่ง

จิตใจดังกล่าวไป บุญบาปอยู่ที่ใจ หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดใจเราย่อมพร้อม ผิดกะมาร บาปเกาะกินใจก็ร้อนรุ่ม

2. วันเวลา ที่ว่า คือความพร้อม หากในแง่แห่งหลักวิชาอาคม คืออาศัยกำลังวัน อาศัยเวลา ซึ่งหากมองในแง่หลักธรรมชาติ ก็เช่นน้ำขึ้น น้ำลง มีผลต่อจิตใจ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ช่วงเดือนดับ ซึ่งผู้เรียนอาคมจะระวังมาก เพราะกำลังแห่งอาคมเครื่องรางจะลดลง ซึ่งที่ปรึกษากล่าวว่า "สายเราแก้จุดนี้ด้วยอาศัยกำลังแห่งมวลสารมาเสริม ดังใช้พลังทองพระธาตุมาทำตะกรุด "

3. สถานที่ หากเป็นในทางทั่วไปก็คือหลักฮวงจุ้ย แต่หากเป็นในแง่หลักอาคม ก็ดูสถานที่ ทิศ เช่นตอนที่ปรึกษามา กทม.เจอสะพานลอย เจอลอดนู่นี่นั่นมาก แน่นอนระดับนี้ย่อมกันเสื่อมมา แต่ท่านก็บอกมีผลต่อจิตใจเช่นกัน ก็หาวิธีมาแก้ไป(วิธีลับ)

 

วันพญาวัน สำคัญอย่างไร...????

ดังได้กล่าวไป ในทางภาคเหนือ วันพญาวันสำคัญที่สุด

การดูพญาวันต้องอาศัยปฏิทินล้านนานะครับ คำนวณกำหนดมา จะใช้ปฏิทินทั่วไปไม่ได้

ตั้งแต่มีวันเน่า วันสังขารล่อง วันพญาวัน วันปากปี แต่ละวันย่อมมีประวัติเรื่องราวความสำคัญต่างกันไป

ที่ปรึกษาว่า ครูบาไชยบอกเสาร์5 ทางเหนือไม่ถือกัน(ตอนนำตะกรุดพระเจ้าภาวนาบนแท่นแก้วไปขอท่านเสก)

ทีนี้ในแง่หลักอาคม เครื่องรางของขลัง ย่อมมีพลังงานในแต่ละวันต่างกัน เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับแสง วันเวลา

แต่ในสายเราแก้ไขจุดนี้ไปแล้วโดยอาศัยกำลังแห่งมวลสารมาเสริม

พญาวันสำคัญกว่าทุกวัน ปีนี้โชคดีตรงกะวันพฤหัสบดีคือวันครู

ท่านว่า แม้ตรงกะวันเสียอะไรอำนาจพญาวันก็แก้ได้ เรียกว่าดีที่สุดในรอบปี

ในทางตำราของปู่ฤาษีวาโย กล่าวว่า "มียันต์นึง ตำรากำหนดชัดเจนว่าให้จารวันพญาวันเท่านั้น..."

ฝอยตำราระบุ จะแก้อาถรรพ์แห่งวันเวลา แม้พกพาพระยันต์นี้ไปที่ใด วันเวลาใดจะแก้อำนาจผลแห่งฤกษ์ยามได้...

 

ตามตำราปู่ฤาษีวาโย อาจารย์ของครูบาข่ายได้บอกไว้

ตะกรุดนี้ 1 ปีสร้างได้ครั้งเดียวในวันพญาวัน เพราะอาศัยกำลังแห่งวันพญาวันที่เป็นใหญ่กว่าวันทั้งปวง เพื่อแก้ความอ่อนแห่ง

1.ฤกษ์ยาม ซึ่งส่งผลต่ออำนาจของเครื่องราง วัตถุมงคลเช่นวันเดือนดับ ซึ่งตามศาสตร์จะมีผลนะครับ มีแน่นอน พลังวัตถุมงคลจะไม่คงที่ทุกวัน

2. แก้อำนาจแห่งวันอ่อน วันแข็งของแต่ละท่าน ในหลักของผู้เรียนวิชาจะรู้กันว่า...

คนเรามีวันอ่อนวันแข็งไม่เหมือนกัน สังเกตุง่ายๆ อารมณ์คนเราจะไม่ดีทุกวัน ซึ่งวันอ่อนนี้เองจะเป็นช่องว่างแห่งคุณไสย (คนละกรณีกับวันเดือนดับ)

อย่าลืมว่า ขึ้นชื่อว่าไสยศาสตร์ย่อมหนีไม่พ้นหลักอนิจจังครับ ย่อมมีอ่อนมีแข็ง

สายฤาษีซึ่งเป็นหลักของพราหมณ์จะมุ่งเป้าหนีกฎนี้จึงคิดค้นวิชานี้ขึ้นมา... (ในทางพุทธหนีไม่ได้)

 

โมทนาท่านที่ได้บูชาครับสายนี้ดีแน่นอน รอบนี้ไม่ทัน อิอิ

 

จารยันต์พระเจ้ากางสุดเหล็ก 7 ชั้น (พระพุทธเจ้ากางมุ้งเหล็ก 7 ชั้น)

กันสรรพมาร... และลงยันต์ฟ้าฟีก (ฟ้าหลีก)

 

ตะกรุดยอดจองมารู้สึก 8-9 ดอกอยู่นะครับยังทัน...เหลือประมาณ 10 ดอก

ท่านลงเฟสว่าเต็ม กันพวกมากวนครับ55

 

ขณะจารยันต์ ฟ้าฟีก เกิดฟ้าร้องคำรามครับผมได้ยินกะหูเพราะโทรไปถามตอนท่านส่งภาพมาพอดี

ชุดนี้ พิเศษสวยงามเต็มที่สมกับเป็น 3 พญารวมกันคือ

ยันต์พญาวัน ,พญายันต์ ,พญาพาลีและเสกพร้อมพระพิฆเนศ

ตามร้องขอครับ ว่าสถานการณ์แบบนี้เน้นอำนาจความสำเร็จดังปรารถนา

ด้วยอาศัยกำลังแห่งวันให้เหนือฤกษ์ยามและกำลังแก้จุดอ่อนวันอ่อนแข็งของตัวเรา

ขอเพียงได้ลงมือกระทำการใด ๆ ก็จะสำเร็จ ทรงอำนาจ...

ท่านใดช้าพรุ่งนี้คาดว่าคงหมดจริง ๆ ละครับ555

แรงจนที่ปรึกษาลงเฟส อำพรรคพวกว่าหมดเลยทีเดียว...


รอครูบาไชยเสกปิดครับ ฟังว่าท่านจำศีลภาวนาสุด ๆ (อาจเป็นนิโรธกรรม)

 

ยอดจองตอนนี้ 11 ดอกครับ เหลืออีก 9 ดอก....

 

Update ตะกรุดพญาวันครอบพิภพเหลือ 1 ดอกละครับ

ขาประจำไม่พลาด!!!!

รอ 2,3 วันรักแห้งดี จะเสกปิดละครับ

 

สาธุ
ยินดีกับสมาขิก
ได้ขอวดีอีกแล้ว

ส่วนผม
ช่วงนี้
ขอบาย มีปัญหาเรื่องปัจจัย

ยังดีที่มีเหรียญ ขุนแผน...

ไว้ป้องกันตัวไว้บ้าง

อนุโมทนาครับ

 

ปิดจองตะกรุดพญาวันครอบพิภพนะครับ ถ้าพระอาจารย์อ่านไลน์ไม่ตอบคือได้นะครับ

ท่านอ่านไลน์ จดที่อยู่ไว้แล้ว...ยินดีกับทุกท่าน และอนุโมทนาบุญด้วยครับเพราะท่านจะนำไปใช้การกุศลหลายอย่าง รวมทั้งช่วยโรงเรียนด้วยตามเหตุสมควร...

รอชมการเสกปิด และจัดส่งได้อีกไม่กี่วันครับ

ผู้ได้จองก็เรียกว่าขาประจำ ร่วมบุญมาทุกงานของดีไม่ดี เวลาจะพิสูจน์เองครับว่าแจ่มจริงไหม...

 

เครื่องรางทุกรุ่นหรือแม้เป็นรูปพระ ถ้าออกจากสายนี้ ดีไม่ดีผู้บูชามาตลอดย่อมทราบครับ เรียกว่าหมดคืนเดียวทุกรุ่น ที่ปรึกษาบอกรายชื่อ อ้อ ขาประจำตลอดซึ่งก็ดี เพราะพวกมาแปลก ๆ มักมาสร้างปัญหาให้55

บางท่านถาม หากไปใช้ด้านปราบ หากอริหรือมารมีพระมาก สะสมของดี ผมว่ายิ่งง่ายเลย55

ยุคสมัยนี้ตามเคยเกริ่นไป หาง่ายในการหาพระเครื่องของดี จิ้มเฟสปุ๊ป สั่งจองศูนย์ หรือบางที่ก็ pre-order ต่อมาเข้าสเต็ปเดิม ปั่นกระแสอ้างพระดัง มีเฟสกลุ่มจำหน่ายเปิดจอง ซึ่งถ้าสร้างเสกดีก็คือดีครับแต่ ๆ ๆ ดียาวนานไหมอีกประเด็นไม่ขอพูดถึง เพราะผมก็จองในบางที่อยู่เช่นกัน นับถือหลวงปู่ที่เสก และปัจจัยร่วมบุญ ทีนี้มาใช้งานจริงก็ต้องแยกประเด็นที่ใช้

อย่างเคสมารล่าสุด ของดีมาก เต็มบ้านเลยเยอะกว่าผมอีกมั่ง 555 (ผมเคยมีเยอะ ไปบรรจุในการหล่อพระ หลอมสร้างพระไปมาก แจกไปก็เยอะ ถวายพระสงฆ์ไปก็เยอะ จึงน้อยลงกว่ามารแน่)

แต่ ๆ ... อย่างที่บอก มารมีพระเยอะ ผีก็เยอะเข้าทางเลย55 การมีพระมาก หรือแม้แต่อยู่ต่อหน้าพระประธานใช่ว่าต้องเป็นคนดี ดังหลวงปู่ท่านนึงเคยสอนผมไว้ (ท่านละสังขารไปแล้วด้วยอายุ 100 กว่าปี) ว่าพระอิฐ พระปูนทำอะไรไม่ได้ ให้หาพระในใจ

เมื่อเหล่ามาร เหิมเกริมพระเยอะ ผีเยอะ มีคนมาป้อย้อชม (ชมแล้วต่อมาไถเงิน เออดีจุดจบพวกนี้) คิดว่าตัวเองแน่ เอาของสายเราไปอวด ขายเก็งกำไร ลบหลู่ครูบาอาจารย์

ถามว่าจุดนึงเมื่อเจอพลังตีกลับ พระจะช่วยไหม หมดสิทธิ์ ผีที่เลี้ยงก็ทำหน้าที่ ทีนี้ผมเคยสอนมันแล้ว ถ้าดีเก่งจะมาเป็นผีเหรอ เป็นเทพไปแล้ว

ผู้ที่อยู่กับพระสงฆ์มา หรือเคยบวชเรียนมา ยิ่งใกล้ชิดครูบาอาจารย์ (ใกล้ชิดจริง ๆ นะครับ นั่งรถไปหา ไม่ใช่ ติดต่อทางจิตมโน สัมผัสทางจิตอันนั้นยกไว้ไม่พูดถึง)

ย่อมทราบว่า ลูกพระพุทธเจ้า พุทธสาวกยิ่งบรรลุสำเร็จแล้วมีแต่เคร่งครัด ดังหลวงปู่เหิรสอนผมว่า "ผู้ได้อริยบุคคลแล้วจะไม่ทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้าม"

ทำผิดย่อมยอมรับผิด ทำกรรมมีแต่ยอมรับกรรม แม้พระโมคคัลานะเหาะหนีได้ยังไม่เหาะหนี ยอมรับกรรม

ดังนั้น อย่าคิดว่าพระจะช่วยถ้าทำผิด ตัดไปได้เลย แล้วใครจะช่วย..???

การนับถือพระ ขออำนาจพระต้องเข้าใจพระด้วยครับ ไม่ใช่หลวงปู่ที่เสกยังไม่เคยเจอแล้ว เจอจริง ๆ นะไม่ใช่มโนทางจิต ท่านกิจนิมนต์มากไม่มาว่างคุยทางจิตกับมารหรอกครับ..

ทีนี้ เมื่อเข้าใจยอมรับว่าหากเราเทา ๆ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะการอยู่ในโลกไม่ใช่ว่าต้องสะอาดหมดจด ถ้าสะอาดคงต้องละทางโลกอยู่สายวัดป่าไม่จับปัจจัยแล้วละ เคร่งครัดสุด ๆ ..

แต่หากรู้ว่ายังไม่ขาวสะอาด ก็อย่าสร้างกรรม

สรุป มารตัวล่าสุดเหิมเกริม พระไม่ช่วย ผีก็ช่วยยากเพราะผียังช่วยตัวเองไม่ได้จึงรับกรรมไป ดังคำพระว่า...

" นัตถิ โลเก รโห นามะ " ความลับไม่มีในโลกหัวใจ.
เพราะใจทำอะไรก็รู้ตัวอยู่.
ใจปฏิเสธ ใจก็รู้ว่าใจปฏิเสธ.
ถ้าไม่ปฏิเสธ ก็รู้ว่าไม่ปฏิเสธ.
เหตุนั้นพระพุทธศาสนาจึงสอนว่า " ให้ผู้ปฏิบัติรู้ตนเอง "

กรรมชั่วจะเปิดเผยออกมาเอง... บอกว่าตัวเองดีแต่กรรมสนองอยู่อ้าว ดีจริงไหม..??

ในทางไสย ปราบมารจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น เราไม่ได้ทำอะไรผิด มารผิดเอง หากใจสะอาดย่อมมีพลัง

อย่าห้อยพระไปข่มมาร เพราะพระมีแต่สอนให้เมตตาจิตนอกจาก พระลงทางมหาอำนาจแต่... อำนาจแค่ไหน..??

 

ตะกรุดแต่ละรุ่น ที่สร้างน้อย มากสุดก็ตะกรุดปิตุ 9 ชั้น ก็แค่ 70 กว่าดอก

การจารตะกรุดผมฟังครูบาอาจารย์สอนมา ไม่เอาเลย เบื่อ

ตั้งขันธ์ครู ดูฤกษ์ยาม บอกกล่าววัตถุประสงค์ต่อครูบาอาจารย์ ว่า...ไม่ใช่มาขายทำบุญให้ตัวเองนะ (เลี้ยงกระเพาะ)

อาบน้ำส้มป่อยเรียกฤทธี เสกตัวเอง ชุมนุมเทวดา เสกเหล็กจารฯลฯ

จารทีกลั้นหายใจที กำหนดจิตแต่ละวัตถุประสงค์ (ขณะจารตั้งภาวนาคาถา) ห้ามผิดเด็ดขาด

หากลงทางมหาอำนาจย่อมขอครูบาอาจารย์ตรงสายเรา เรียกว่าท่านที่ลงต้องเกิดมาเพื่อสิ่งนี้

หวังมหาอำนาจไปครูบาอาจารย์สายเมตตา ดังท่านว่า่ "จบเลย นับหนึ่งใหม่"

จารกว่าจะเสร็จซักดอก กลั้นหายใจ กว่าจะได้หายใจเหนื่อยนะครับ

ท่านที่ทำเป็น 100 ดอกหลายร้อยดอกได้ถือว่าสุดยอดนับถือ

ครูบาอาจารย์ท่านนึงบอก "จารๆ อยู่คนมาเรียกทำไงละยุ่งเลย"

ผมว่า "อ้าวเห็นพระอาจารย์....จารไปคุยโม้ไปกะศิษย์ คือจารไม่เสร็จโม้สนุกสนาน"

ท่านว่า "จิตท่านคงสูงแล้ว"55

ถ้าระดับสูงสุดก็อีกประเด็นครับ จึงพอทราบว่ายากจริง ๆ ผมถึงไม่เรียนเลยเรื่องนี้เบื่อ เป็นผู้บริโภคดีกว่า..

 

เราคงได้ยินฟัง หากสถานการณ์จวนตัว เช่นคาบเกี่ยวความเป็นความตาย

หากผู้มีสติ (ระลึกได้) เรียกว่าจิตรวมตัวเกิดสมาธิ หากใช้คาถาอาคมจะขลังจนเรียกว่าหายตัวได้

หรือหากมีสตินึกถึงพระ พระเครื่องหรือวัตถุมงคลจะเปล่งพลังออกมาช่วยเหลือ

หรือหากไม่มีพระแต่มีสิ่งอื่นที่ขลัง เช่นเครื่องราง หรือไม่มีอะไรเลยแต่บอกกล่าวเทวดาฟ้าดิน เจ้าป่า

หรือเกิดปาฏิหารย์อื่นเช่น ผีวิญญาณดีๆ เห็นก็อาจบังตามาช่วย

แน่นอน หากผู้มีสติย่อมได้เปรียบกว่า แม้นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจสื่อจนรอดพ้นมาได้

หลักการเหล่านี้ ผู้ร่ำเรียนทางจิตเรียกว่า จิตรวมตัวจนเกิดเป็น เอกัคคตารมณ์

ทีนี้หากมาประยุกต์ใช้ ก็ คือการใช้พลังแห่งใจ ดังผู้ทรงสมาธิสูงจะอยู่ในอารมณ์จิตนี้ตลอดเวลา

การใช้วัตถุมงคลเช่นกัน ดังที่ว่า ใช้เมื่อยามจำเป็น

เมื่อเกิดสถานการณ์บีบคั้นย่ำแย่ จะมี 2 ทางเลือกคือ สติหลุดเพี้ยนไป หรือจิตมีพลัง

เมื่อหยิบยกอธิษฐานใช้เครื่องรางต่าง ๆ เรียกว่า จูนกันได้