ติดตามสถานะการณ์

COVID-19: จังหวัดอุบลราชธานีประกาศพบผู้ป่วยติดเชื้อ 2 ราย เป็นเซียนมวย ติดมาจากสนามมวยลุมพินี ก่อนแอดมิทเที่ยวตะวันแดง ตอนแอดมิทยังมีเพื่อนฝูงมาเยี่ยม ปาร์ตี้กันในห้องผู้ป่วย แพทย์ให้กลับบ้านได้เพราะไม่มีไข้ แต่ฝ่ายสอบสวนโรคของกระทรวงสาธารณสุขเรียกตัวกลับให้มาตรวจโควิด จนยืนยันติดเชื้อในที่สุด

ส่งผลต้องสั่งปิดหอผู้ป่วย 1 หอ แพทย์ถูกกักตัว 2 คน พยาบาล และจนท. อื่นให้กักตัวอีกหลายคน ผู้ช่วยพยาบาลที่มีอาการ สงสัยติดเชื้อ 1 รายรอผลตรวจ

ขอให้ชาวอุบลราชธานี
1. หลีกเลี่ยงการเที่ยวผับบาร์ หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในจังหวัด รอเจ้าหน้าที่ไปฉีดพ่นฆ่าเชื้อก่อน
2. ผู้ที่ไปเที่ยวสถานที่ผู้ป่วยเคยไป ขอให้กักตัวเองอยู่บ้านก่อน 14 วัน
3. พี่น้องท่านใดที่รู้จักเคยพบ เคยสัมผัสกับผู้ป่วยทั้งสองคนก็ขอให้กักตัวเองที่บ้าน 14 วัน
4. ต้องดูแลตัวเอง ทำทุกคำแนะนำที่แพทย์บอก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ปาก จมูก

#TheReporters #โควิด19 #COVID19 #อุบลราชธานี

 

ไทม์สแควร์ nyc, 16 มีนาคม

รูปภาพ @soojinsavant ผ่านทางทวิตเตอร์

 

มติ ครม.ชัตดาวน์กรุงเทพฯ 14 วัน เริ่ม 18-31 มี.ค.63
วันที่ 17 มีนาคม 2563 - 14:44 น.

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุม ครม.วันนี้ (17 มี.ค.63) มีมติเข้มข้น ป้องกัน โควิด-19 โดยจะปิดกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่ม 18-31 มี.ค.63 ปิดโรงแรม ผับบาร์ อาบอบนวด โรงหนัง ร้านนวด สถานบันเทิง สนามมวย สนามม้า รวม 14 วัน

โดยมีด้านมาตรการป้องกัน “ลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง”

ให้ “ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น” เช่น สถานที่ซึ่งผู้คนมาร่วมเป็นกิจวัตร เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันอาจแพร่เชื้อได้ง่าย

แม้จะป้องกันแล้ว และยังมีทางเลือกอื่นทดแทนการชุมนุม ได้แก่ มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชา และทุกสถาบัน ให้ปิดชั่วคราว ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563 เป็นระยะวลา 6 สัปดาห์ และให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันโรคตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
https://www.prachachat.net/general/news-433231

 

Breaking News : ครม. เคาะให้สถานบริการในเขตกทม.-ปริมณฑล หยุดบริการเวลา14วัน เริ่มพรุ่งนี้!

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบให้สถานบริการในเขตกทม.และปริมณฑลหยุดบริการเป็นเวลา14 วัน ตั้งแต่ 18-31 มี.ค. เริ่มพรุ่งนี้ เป็นต้นไป ซึ่งรวมถึง โรงหนัง-สถานบันเทิง ผับ บาร์ ร้านนวดไทย นวดโบราณ ที่เป็นร้านที่เข้ากฎหมายว่าด้วยสถานบริการให้ปิดทั้งหมด

นอกจากนี้ยังเห็นชอบมาตรการ 6 ด้าน ประกอบด้วย

ด้านสาธารณสุข
– เตรียมพร้อม ร.พ.ทั้งหมดทั่วประเทศ/เตียงผู้ป่วย/บุคลากร/ยา เวชภัณฑ์
– อนุมัติค่าตอบแทนพิเศษให้บุคลากรทางการแพทย์

ด้านเวชภัณฑ์
– เร่งผลิตหน้ากากอนามัย/เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ วันละ 2 ล้านชิ้น แจกจ่ายสถานพยาบาล

ด้านข้อมูล
– ทำการชี้แจง/รับเรื่องเรียน ให้แก้ปัญหาต่อไป

ด้านการต่างประเทศ
– บางประเทศประสานขอช่วยเหลือยา หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ทางการแพทย์ฯ
– ยกเลิกฟรีวีซ่าและVOA ไม่มีประเทศใดขัดข้อง
– ตั้งทีมไทยแลนด์ในต่างประเทศ ประสานดูแลขรก. นร./นศ พระ แรงงาน

ด้านมาตรการป้องกัน
– เข้มงวดตรวจคนเข้าเมืองทั้งทางบก น้ำ และอากาศ / เข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์และประกันชีวิต
– ใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวคนที่เดินทางเข้าประเทศ
– งดวันหยุดสงกรานต์ 13 – 15 เม.ย.63 ให้ชดเชยวันหยุดให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
– ปิดชั่วคราวสถานที่บางแห่งที่ชุมนุมคนจำนวนมาก เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน กวดวิชา สนามกีฬา โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารฯ
– สถานที่ใดที่ไม่ปิด ต้องมีวัดไข้ สวมหน้ากากอนามัย จัดที่นั่งให้ห่างกัน 1 เมตรมีเจลล้างมือ
– สถานที่ใดฝ่าฝืนจะสั่งปิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 35
– หาแนวทางทำงาน/รับประทานอาหารเหลื่อมเวลา/ทำงานจากบ้าน
– ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นประจำปีเดือน เม.ย. เลื่อน/ให้วิดีโอคอนเฟเรนซ์ ตามประกาศ คสช.ที่ 44/2557

ด้านมาตรการเยียวยา
– กระทรวงต่างๆจะเร่งพิจารณารายละเอียดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่ครม.มีมติไปแล้ว

The post ฺBreaking News : ครม. เคาะให้สถานบริการในเขตกทม.-ปริมณฑล หยุดบริการเวลา14วัน เริ่มพรุ่งนี้! appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/breaking-news/632173

 

SiamTownUS
ภาพสดจากเมืองเบอร์ลินหลังเยอรมันสั่งปิดประเทศ

ภาพที่เห็นคือแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง "ประตูบรันเดนบูร์ก" (Brandenburg) สัญลักษณ์ของเมืองเบอร์ลิน แสดงถึงการรวมชาติเยอรมัน

 

จีนเฝ้าระวัง “โควิด-19” ระลอกใหม่
หลังเคส “นำเข้า” สูงกว่าติดในประเทศ
“ไทย” ส่งออกเชื้อไปจีนด้วย
•
•
จีน จุดเริ่มต้นของโรคโควิด – 19 ซึ่ง ณ ขณะนี้ กลายเป็นพื้นที่ที่ “สงบ” ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จากตัวเลขการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นวันละ 20 – 30 คนเท่านั้น กำลังเผชิญความท้าทายรอบใหม่ ไม่ใช่การติด “คนสู่คน” ในประเทศอีกแล้ว แต่คือการที่โรคนี้ถูก “นำเข้า” อีกรอบจากต่างประเทศ
•
ตัวเลขจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ระบุว่า 14 มี.ค. ที่ผ่านมา จีน มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 20 ราย เพิ่มขึ้น 11 ราย จาก 1 วันก่อนหน้า ที่น่าสนใจก็คือ จาก 20 รายนั้น มากกว่า 16 ราย เป็นเคสที่มาจากต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่มาจากทวีปยุโรป ทั้งจากอิตาลี และจากสเปน ศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่
•
แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือหนึ่งในผู้ติดเชื้อรายล่าสุด เป็นคนจีนซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพ ด้วยการบินไทยจากสนามบินสุวรรณภูมิ กลับไปปักกิ่ง เมื่อวันที่ 4 มี.ค. และเริ่มมีไข้ ไอ ในวันที่ 7 มี.ค. ก่อนจะยืนยันผลในวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา
•
ที่สำคัญคือไม่ใช่คนเดียว แต่ก่อนหน้านี้ คนไทยอีกหนึ่งคนที่เดินทางด้วยกัน ก็ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 เช่นเดียวกัน โดยอยู่ในกระบวนการรักษาที่มณฑลกวางตุ้ง ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา
•
สำหรับผู้ป่วยรายล่าสุดที่มาจากไทยนั้น อาจโดนพิจารณา “ลงโทษ” อย่างหนัก โดยรัฐบาลท้องถิ่นของปักกิ่ง เนื่องจากเดินทางไปไทยตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. โดยไม่ได้ขออนุญาตทางการ และเมื่อกลับมาที่ปักกิ่ง ก็ไม่ได้รายงานต่อรัฐ รวมถึงไม่กักตัวที่บ้าน
•
ในช่วงการระบาดอย่างหนักตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.- ปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา มีชาวจีนจำนวนมากที่เดินทางเข้าประเทศไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ยังคงเปิดให้ชาวจีนเดินทางเข้ามาตามปกติ และเมื่อจีน เริ่มมีการระบาดน้อยลง และไทย มีการระบาดมากขึ้น จึงถึงเวลาที่ชาวจีนจะเดินทางกลับ
•
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเลข “นำเข้า” โรคโควิด – 19 เพิ่มเติม จีน ประเทศที่คัดค้านการ “จำกัดการเดินทาง” ในระยะแรกของการระบาด กลายเป็นประเทศที่ต้องเฝ้าระวังสนามบินของตัวเองอย่างเข้มข้นที่สุด ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อ หลุดจากนอกประเทศ กลับมาแพร่เชื้อในจีนอีกครั้ง และใช้ “ยาแรง” กับทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
•
สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนได้จัดการให้เที่ยวบินระหว่างประเทศที่ต้องลงจอดที่ สนามบินนานาชาติ “ต้าซิง” สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของปักกิ่ง เปลี่ยนจุดหมายเป็นสนามบินปักกิ่งแห่งเก่าแทน พร้อมกับจัดพื้นที่ตรวจเข้มเป็นพิเศษสำหรับผู้โดยสารทุกคน ไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตาม
•
นอกจากนี้ จีนยังออกนโยบายใหม่ ให้เตรียมพื้นที่พิเศษ ซึ่งควบคุมโดยรัฐ ในการกักกัน - เฝ้าระวัง ทุกคนที่เดินทางจากต่างประเทศ เป็นเวลา 14 วัน ก่อนที่จะสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ โดยแต่ละคนต้องออกค่าใช้จ่ายเป็นค่าที่พัก – ค่าอาหารตลอด 2 สัปดาห์ด้วยตัวเอง
•
ถือเป็นมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น จากเดิมที่รัฐบาล ออกประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ กักตัวที่บ้าน หรือที่โรงแรม โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ จับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดเท่านั้น
•
นอกจากนี้ ในพื้นที่อื่นๆ เช่น จังหวัดกวางสี รัฐบาลท้องถิ่น ได้เตรียมมอบ “เงินรางวัลพิเศษ” สูงสุด 1 หมื่นหยวน (ประมาณ 4.4 หมื่นบาท) สำหรับใครก็แล้วแต่ที่พบผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาแล้วไม่ “กัก” ตัวเองในบ้านพัก หรือในโรงแรม
•
มาตรการที่จีนกำลังเริ่มต้นอีกครั้งคือระยะ “ฟื้นฟู” เพื่อรีสตาร์ทอีกครั้ง หลังจีนปิดตัวเองลงหลายเมือง ระงับการเดินทางออกของ “ทัวร์จีน” ปิดสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และฟิตเนส อย่างไม่มีกำหนดมาก่อนหน้านี้ ธุรกิจหลายอย่าง เริ่มเปิดบริการขึ้นอีกครั้ง เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดน้อยลง จนแทบจะเป็นศูนย์
•
ร้านอาหารที่กำลังจะเปิดอีกครั้ง กลายเป็นว่า ต้องกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เช่น ห้ามหันหน้าเข้าหากันเวลานั่งกินข้าว หรือการจัดโต๊ะในร้าน ก็ให้เว้นระยะห่าง 1 เมตร เป็นต้น
•
นอกจากนี้ มาตรการที่ “สลับด้าน” กันอีกอย่าง คือมีชาวจีนจำนวนไม่น้อย เป็นห่วงญาติมิตรที่อยู่ในยุโรป และมีทั้ง จัดหาเครื่องบินเช่าเหมาลำ เพื่อไปรับญาติ กลับมาจากหลายเมือง หลายประเทศในยุโรป
•
นอกจากจีนแล้ว อีกหลายประเทศก็ออกมาตรการคล้ายกัน ด้วยการไม่จำกัดว่าจะเดินทางมาจากประเทศไหน แต่ใครก็แล้วแต่ที่ขึ้นเครื่องบิน ลงจอดที่ประเทศนั้นๆ จะต้องกักตัวเอง 14 วันอย่างไม่มีเงื่อนไข
•
ประเทศแรกที่ใช้มาตรการนี้ได้แก่นิวซีแลนด์ ที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ให้ทุกคน ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน และไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่คนนิวซีแลนด์เอง ต้องกักกันตัวเองอย่างมิดชิด โดยรัฐจะติดตามตลอดเวลา เป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์
•
ตามหลังมา 1 วัน ออสเตรเลีย ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ใช้มาตรการคล้ายนิวซีแลนด์ คือให้ทุกคนที่มาจากต่างประเทศทุกประเทศ ต้องกักตัวเอง 14 วัน และจะมีโทษปรับ หากผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศ ยังคงใช้ชีวิตแบบปกติ โดยระหว่างนี้กำลังพิจารณาโทษปรับให้ใครก็แล้วแต่ที่ฝ่าฝืน ให้รุนแรงที่สุด
•
ขณะที่สิงคโปร์ ก็ออกมาตรการคล้ายกัน แต่จำกัดวงเฉพาะ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น อังกฤษ และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกประเทศ รวมถึงไทย ให้ต้องกักตัว 14 วัน ในโรงแรม หากฝ่าฝืน มีโทษปรับ ส่วนประเทศที่มีการระบาดอย่างหนัก ได้แก่ อิตาลี อิหร่าน จีน เกาหลีใต้ เยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส นั้น ห้ามเข้าประเทศ และห้ามเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์โดยเด็ดขาด
•
มาตรการบังคับ “กักตัวเอง” ก็เสมือนหนึ่งเป็นการ “ปิดประเทศ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากบังคับให้ทุกคนต้องกักตัวเอง มีการติดตามอย่างใกล้ชิดโดยรัฐ ก็แทบจะลดจำนวนนักเดินทาง ที่อาจจะมีหลักร้อย หลักพัน ให้เหลือศูนย์ ไปโดยปริยาย
•
แว่วว่าในไทย มีการเสนอจาก “กรมควบคุมโรค” ให้ใช้มาตรการนี้ กับนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่เดินทางเข้าไทยเช่นเดียวกัน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับการตอบรับ

#COVID19 #โควิด19

อ้างอิงจาก https://www.scmp.com/news/china/society/article/3075288/international-travellers-beijing-pay-14-days-coronavirus

 

ปากีสถานยอดพุ่ง 3 เท่าใน 2 วัน

วันนี้ (17 มี.ค. 63) – ปากีสถานรายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 สูงถึง 184 ราย ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่รายงานเมื่อสองวันก่อน วันอาทิตย์ที่ 15 มี.ค. ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อเพียง 53 รายเท่านั้น และหากย้อนไปอีก 1 วันในวันเสาร์ที่ 14 มี.ค. มีผู้ป่วยอยู่เพียงแค่ 28 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ๆ ที่เพิ่งได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อนั้น ส่วนมากเป็นคนที่ถูกตรวจซ้ำ โดยเป็นเหล่านักแสวงบุญที่เดินทางข้ามชายแดนอิหร่าน – ปากีสถานเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และเมื่อมาถึงพวกเขาเหล่านั้นก็ได้ถูกกักตัวเพื่อควบคุมอาการเฝ้าดูโรคที่บ้านเป็นเวลาอีก 2 อาทิตย์

ตอนนี้ปากีสถานได้ปิดโรงเรียน, โรงภาพยนตร์ และศาล แต่การขนส่งสาธารณะและสถานที่ประกอบธุรกิจยังคงดำเนินการส่วนใหญ่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มี.ค.) ปากีสถานได้สั่งปิดพรมแดนกับอิหร่านและอัฟกานิสถาน

The post ปากีสถานยอดพุ่ง 3 เท่าใน 2 วัน appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์
https://www.springnews.co.th/global/632171

 

ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของสหรัฐ

2 ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของ ปธน.ทรัมพ์ ต่อสถานการณ์ Covid19

1) ครั้งแรก ปธน.ทรัมพ์ สั่งเดือดรีบร้อนขนคนออกจากหวู่ฮั่น 武汉 แหล่งแพร่เชื้อระดับเข้มข้น กลับไป คนเหล่านี้กลับไปบ้าน ไม่ได้กักตัวเลย ทำให้ปัจจุบันสหรัฐเลยกลายเป็นประเทศที่ติดเชื้อในเฟส 3 มาระยะหนึ่ง เพราะคนที่ติดเชื้อนั้น ไม่รู้ติดมาจากใคร มันว่อนไปทั่วในระดับหนึ่งแล้ว

นอกจากคนจากหวู่ฮั่นคนจาก เรือไดมอนด์ปริ๊นเซส ⛴ ที่กักตัวที่ญี่ปุ่น ก็กลับไปแพร่เชื้อต่ออีกกลุ่มหนึ่ง ไม่รวมเรือเวสเตอร์ดัมที่กระจัดกระจาย ต่างคนต่างกลับอีก 600 กว่าคน

เพราะ ความทะนงในตนเอง Ego ตัวเดียว ทำให้ปัจจุบันสหรัฐเป็นประเทศที่ติดโรคระดับกลาง ๆ

2) ทรัมพ์สั่งให้ หยุดบินจากยุโรปตั้งแต่คืนวันศุกร์ ซึ่งกระทันหันมาก ทำให้คนอเมริกันจับไฟลต์ด่วนหนีตายจากยุโรปกลับบ้าน จนสนามบินแทบแตก คิวยาวเบียดเสียดยัดเยียดกัน และต้องรอคิวเข้าประเทศนานถึง 8 ชั่วโมง

คำสั่งนี้ เป็นใบสั่งตาย ☠ ของสหรัฐไปโดยปริยาย เพราะยุโรปตอนนี้ เป็นแหล่งกระจายเชื้อระดับเข้มข้น เปรียบดั่งเป็นหวู่ฮั่นในตอนเดือนมกราคม ขณะที่สหรัฐ เป็นแหล่งฟักเชื้อระดับกลาง

ปธน.ทรัมพ์ ได้ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายประชากรขนานใหญ่กลับสู่สหรัฐ จากแหล่งเพาะเชื้อเข้มข้น คือยุโรป สู่แหล่งเพาะเชื้อระดับกลาง คือสหรัฐ คนพวกนี้ จะนำโควิด - 19 กลับบ้านไปในที่สุด ....

คนไทยเข้าใจเรื่องนี้ง่าย เพราะเราได้รับคนจากเกาหลี และ คนไทยที่ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกลับมา แต่นั้นเราเลี่ยงไม่ได้ เขาเป็นคนไทย เขามีสิทธิ์หนีตายกลับมา เพียงแต่ไม่มีสิทธิออกไปร่อนแพร่เชื้อไปทั่วไทยเท่านั้นเอง

ตอนนี้ สหรัฐ ให้นักเรียนต่างชาติกลับบ้าน นักเรียนไทยในสหรัฐต้องกลับมาบ้านจำนวนหนึ่ง นักเรียนเหล่านี้จะไม่ป่วย เพราะอายุน้อยแข็งแรง แต่จะติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ เพราะสถานที่ที่มีเชื้อมากที่สุดคือสนามบิน ตอนนี้ยุโรปเข้าสหรัฐ ไทยนำเชื้อออกมาจากสหรัฐ เชื้อไปรอแล้วที่สนามบิน เช็ดไม่ทันหรอกค่ะ เผลอ ๆ เช็ดไม่ดี ไอ้ที่เช็ดนี่กระจายเชื้ออีก

ที่ไทยต้องระวังคือ นักเรียนจากอิหร่าน เพราะอิหร่านเป็นเชื้อที่รุนแรง และเข้มข้นที่สุดในโลกพอ ๆ กับอิตาลี สเปน ตอนนี้ นักเรียนอิหร่าน รัฐต้องกักตัวแบบหวู่ฮั่น

ญาติใครกลับจากต่างประเทศ ต้องให้เขาอยู่ในห้องกักตัวเอง Self quarantine กักกันโรคไม่ออกไปไหน ส่งข้าวส่งน้ำหน้าห้อง นอนดู Netflix ไป 14 วัน เวลาดูซีรีย์มันติด จะได้ไม่เบื่อ วันเวลาจะผ่านไปเร็วขึ้น ไม่ต้องไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงมาก น้ำลายน้ำตาจะพาพ่อแม่ป่วย พ่อแม่ป่วยแล้วจะตายได้ โรคนี้ใช้กำจัดคนแก่

ช่วงนี้แอดฯ หลอน ออกไปซื้อของกลับเข้าบ้าน ล้างเนื้อล้างตัว ล้างจมูก ล้างหน้า ล้างเท้าหน้าบ้าน ไม่เอาอยากเชื้อโรคเข้าบ้าน safety first จ้า

 

เผยภาพปอดผู้โควิด-19 รายแรกในอิตาลี
17 มีนาคม 2563 15:00
วันนี้ ( 17 มี.ค. 63 )สำนักข่าว Dailymail รายงานว่า นักวิจัยที่สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้เปิดเผยภาพเอ็กซเรย์ปอดของเหยื่อไวรัสโควิด-19 รายแรกของประเทศ ซึ่งเป็นสองสามีภรรยาจากเมืองอู่ฮั่นที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอิตาลี

ฝ่ายสามีอายุ 67 ปี สุขภาพแข็งแรงดี ส่วนภรรยาอายุ 65 ปี สุขภาพแข็งแรงเช่นกันแต่ต้องรับประทานยาทุกวันจากอาการความดันโลหิตสูง

ภาพการสแกนเอ็กเรย์แสดงให้เห็นว่าไวรัสโควิด-19 ทำลายปอดและระบบทางเดินหายใจคล้ายกับซาร์ส, เมอร์ส แต่ในลักษณะที่แตกต่างกัน ภาพนี้ได้รับอนุญาตจากลูกสาวของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษา ต่อไป

ก่อนป่วย



หลังป่วย



https://www.tnnthailand.com/content...R9VL3v3aOkeCJLnAsWuxp8ssiFT4dvC5XLzbp8Trrx4L8

 

Infectious ง่ายนิดเดียว

รพ. เค้าเอง…

ข่าววันนี้ ทุกช่อง ทุกสื่อสิ่งพิมพ์
พร้อมกับข่าวดราม่าทั้งจังหวัดและใกล้เคียง
วิตกจริต ทั่วเมือง แถมจังหวัดใกล้เคียง

ดึงสติกันครับ

คนที่ควรกลัว คือเจ้าหน้าที่ รพ. ครับ
และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนป่วย

เรื่องประวัติคนไข้ การรักษา เป็นสิทธิผู้ป่วย
แอดไม่ขอกล่าวถึง และไม่เปิดเผย
ผิดจรรยาบรรณ

แค่บอกว่า อาการคนไข้ดี ไม่รุนแรง
มีหมอเฉพาะ ผู้เชี่ยวชาญดูแลใกล้ชิด

ส่วนคนสัมผัสคนไข้ ถูกตามมาตรวจ
ให้กักตัว ไม่ได้ไปเดินเพ่นพ่าน อยู่ในสังคม
ขอบคุณทีมระบาด ไม่ใช่เรื่องง่าย
ตามมาเยอะครับ

แต่อยากเล่า

ในส่วนเจ้าหน้าที่หน้างาน
ที่เจอคนไข้และดูแล

แอดยอมรับ…

ตอนรู้ข่าวครั้งแรก

ช็อก!! เข่าอ่อน

ลำดับแรก คือ

สงสาร เห็นใจ เจ้าหน้าที่
ที่ต้องดูแล คือ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ในวอร์ด
หมอที่ดูแล แม่บ้าน คนงาน ผู้ช่วยเหลือคนไข้

คิดว่า ไงก็ต้องมี
แต่ไม่คิดว่ามาเร็วไป

ทำไงได้ ต้องเดินหน้า

ชื่นชมผู้บริหาร หมอ พยาบาล
ทั้ง รพ. ระดม สมองสองมือ

นักรบเสื้อกาวน์ ช่วยกันละไม้ละมือ

ทำหน้ากากพลาสติกแจกกัน

หมอทั้ง รพ. มาวนช่วยตรวจคลินิก ARI
คลินิกคัดกรอง มีความเห็นหลากหลาย
ลิ้นกับฟันกระทบกันบ้าง แต่ก็ได้ทางออก
ร่วมกันที่ดีที่สุด เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

2 ข้อ

คือ

1)เจ้าหน้าที่ต้องปลอดภัย
2)คนไข้ต้องรอด ไม่แพร่กระจาย

พยาบาลทุกแผนกมาช่วยวน

ทุกคนใน รพ. ขนาดใหญ่

ทำงานหนัก ประชุม เตรียมการ แม้วันหยุด

เต็มที่ ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่มีใครเป็นฮีโร่

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคนไข้ กลุ่มคนที่เสี่ยงสุดใน รพ.
ที่ไม่มีใครอยากไปอยู่ ไม่อยากเดินผ่าน

พวกพี่เค้า

กำลังใจดีมาก
ยิ้มแย้มแจ่มใส
แอดได้แต่ให้กำลังใจ

ทุกคนภายใต้รอยยิ้ม
เชื่อว่า ในใจคงมีความกลัว
วิตกกังวล กลัวนำไปติดคนในครอบครัว
ผู้อำนวยการทำประกันชีวิตให้ทุกคน

ยอดคนไข้วันนี้ทั้งประเทศ 177 ราย
กระจายหลายจังหวัด

ได้แต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ มดงานทุกท่าน

เราสู้เพื่อรอด

E โควิด ฉันไม่กลัวแกหรอก

ขออาราธนาบารมี องค์หลวงพ่อพุทธชินราช
ช่วยปกป้องคุ้มครองรักษาให้คนไข้และเจ้าหน้าที่ทุกท่านปลอดภัย
สาธุ

ลิ้งค์ https://mgronline.com/local/detail/9630000026658

 

สธ.เตรียม 7,000 เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19

นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงมาตรการ ในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้มีการพูดคุย มากว่า2 เดือน ทั้งโรงพยาบาลในเครือคณะแพทย์ โรงพยาบาล สังกัดกรุงเทพมหานคร รวมถึงการพูดคุยกับโรงพยาบาลเอกชนว่า หากแต่ละวันมีผู้ป่วยอยู่ที่ประมาณ 100 คน มั่นใจว่า มีจำนวนเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วย

ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลเครือข่ายต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข / กรมการแพทย์ / คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลสังกัดกทม. ซึ่งขณะนี้เฉพาะพื้นที่กทม. เตรียมเตียงไว้แล้วประมาณ 300 เตียง ซึ่งแบ่งมาจากเตียงผู้ป่วยปกติ ขณะที่ต่างจังหวัด มีอยู่กว่า 5 พันเตียง โดยทั่วประเทศจัดเตรียมเตียงรองรับผู้ป่วยไว้มากกว่า 6,000-7,000 เตียง ซึ่งจำนวนเตียงจะเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์
การกระจายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลแต่ละแห่งในเขต กทม. โรงพยาบาล ราชวิถี จะเป็นศูนย์บริหารจัดการเตียง รวมทั้งจัดลำดับคิว กระจายผู้ติดเชื้อไปโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน หากมีผู้ป่วยอาการหนักก็จะถูกนำตัวเข้าห้องแยกโรค พร้อมขอความร่วมมือโรงพยาบาลทุกสังกัด ทำความเข้าใจกับผู้ป่วย ขอเลื่อนนัดในกรณีผู้ป่วยที่ไม่มีความซับซ้อนออกไปก่อน หรือให้รับยาใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รวมทั้งปรับเพิ่มจำนวนยาให้มากขึ้น เพื่อลดความถี่มาโรงพยาบาล และลดการติดเชื้อเพิ่มในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังประเมินสถานการณ์หากในอนาคตพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก จะให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล และประเมินอาการภายใน 48 ชั่วโมง หากพบอาการไม่รุนแรง จะส่งผู้ป่วยไปเฝ้าระวังต่อที่สถานที่พักหรือ โรงแรมที่จัดให้ ซึ่งจะมีบุคลากรทางการแพทย์คอยดูแล โดยแพทย์ พยาบาล 1 ชุด จะดูแลผู้ป่วย 50 เตียง และหากพบการระบาด รวมทั้งมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในกรุงเทพมหานครอย่างรวดเร็ว ได้เตรียมการรองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลชานเมือง ได้แก่ โรงพยาบาลบางขุนเทียน ซึ่งมี 30 เตียง เปิดให้บริการแล้ว โรงพยาบาลทุ่งสีกัน โรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ โรงพยาบาลมงกฎวัฒนะ โรงพยาบาลศรัญญา โรงพยาบาลจักรีนฤบดินทร์ และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ศาลายา รองรับไว้แล้ว
ทั้งนี้ ยังได้ประสานไปยังแพทย์ พยาบาล กลุ่มที่ทำงานด้านสาธารณสุข ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขที่ไม่ได้มีภระงานหนัก ให้มาร่วมช่วยดูแลผู้ป่วย
ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องยารักษา ขณะนี้สำรองยาและนำเข้ายา ฟาวิพิลาเวียร์ จากประเทศญี่ปุ่น 40,000 เม็ด รักษาผู้ป่วย ได้ 700 คน แบ่งกระจายไปยังโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นศูนย์รวมการกระจายผู้ป่วยและกระจายยา จำนวน 10,000 เม็ด / กรมการแพทย์ 10,000 เม็ด และโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆ
สำหรับสูตรยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยขณะนี้ มี 4 สูตร ได้แก่ 1. สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ / สูตรที่ 2 ยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัสจากประเทศจีน สูตรที่ 3 สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ และยาควอโรควิน และสูตรที่ 4 สูตรยาต้านไวรัส HIV ร่วมกับยาต้านไวรัสจากประเทศจีน และยาควอโรคริน

The post สธ.เตรียม 7,000 เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

“อนุทิน” ลั่น สธ.ไม่ปิดข่าวยอดผู้ติดเชื้อ วอนประชาชนมั่นใจ หาต้นตอได้หมด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข มุ่งมั่นตั้งใจและพร้อมรับมือโควิด-19 ผ่านไป 2 เดือนครึ่ง ยังสามารถหาผู้ที่ติดเชื้อครบเกือบทุกราย และมีการปรับตัวตามสถานการณ์ได้เรื่อยๆ แม้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นแต่ละวัน ยังสามารถหาต้นตอได้หมด ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับบ้านได้ก็มีจำนวนไม่น้อย

ส่วนคำวิพากษ์วิจารณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข ปิดข่าวยอดผู้ติดเชื้อที่แท้จริงนั้น ขอย้ำว่าไม่มี ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องทำแบบนั้น ข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขมี ก็เหมือนกับที่ประชาชนมี ขอให้ประชาชนมั่นใจการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีประสิทธิภาพมีการวางแผนในระยะต่างๆไว้ให้ประชาชนปลอดภัย หากประชาชนให้ความร่วมมือ กินอาหารร้อน ช้อนกลางส่วนตัว หรือใช้วิธีการกินอาหารจานใครจานมัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังนี้

– มาตรการชาวต่างชาติ เดินทางมาประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศเสี่ยงจาก 4 ประเทศ จะต้องมีใบรับรองแพทย์ในช่วง 3 วันก่อนเดินทาง มีประกันสุขภาพ 100,000 ดอลลาร์ ต้องยินยอมให้ไทยใช้แอพพลิเคชั่น ติดตามตัว และต้องแสดงวัตถุประสงค์ที่มาไทยช่วงนี้ ด้วยและจะต้องยินยอมให้ถูกกักตัวไว้เป็นเวลา 14 วันเมื่อเข้าประเทศไทย

– ชาวต่างชาติที่มาจากมาประเทศอื่น ที่ไม่ใช่4ประเทศเสี่ยง แต่เป็นพื้นที่ระบาดต่อเนื่องก็จะใช้มาตรการเดียวกัน

– ที่ประชุมยังให้ข้าราชการ พนักงานของรัฐ งดการเดินทางไปต่างประเทศทั้งหมด ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงง เพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยติดโรค

– ส่วนวันหยุดสงกรานต์ ต้องป้องกันการนำพาเชื้อไวรัสไปแพร่กระจาย จึงงดการเดินทางในช่วงนี้ ทำให้ ครม. มีมติ ไม่ให้วันสงกรานต์ 13-15 เมษายน เป็นวันหยุด ต้องทำงานตามปกติ และจะหาวันชดเชย ให้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม หรือทันทีที่ไทยเริ่มปลอดภัย

– กำหนดให้ปิดสถานบันเทิง สถานบริการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทั้งหมด ในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป และให้สถานบริการทำบิ๊กคลีนนิ่งให้สะอาด โดยกระทรวงจะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตรา เมื่อครบ 14 วัน จะพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เปิดได้หรือไม่

– ปิดสถานศึกษาทั้งหมดทั่วประเทศให้ปิดเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ และให้งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวทั้งหมด

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการ ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเอกชนใช้วิธีการการประชุมทางไกล รวมถึงการทำงานอยู่บ้าน และให้มีมาตรการกำหนดเวลา เข้าออกงาน หรือพักกลางวันเหลื่อมเวลากัน เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด และให้ทุกร้านอาหาร ห้างร้านต่างๆ ต้องมีเจลล้างมือ มีการทำความสะอาดตลอดเวลา

The post “อนุทิน” ลั่น สธ.ไม่ปิดข่าวยอดผู้ติดเชื้อ วอนประชาชนมั่นใจ หาต้นตอได้หมด appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

สายการบินบางกอก แอร์เวย์ส ชี้แจงหลังได้รับแจ้งจากกัมพูชาว่าพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 มีประวัติเดินทางกับสายการบินในเที่ยวบิน PG933 กรุงเทพฯ-พนมเปญ พร้อมสั่งพนักงานกักตัว 14 วัน #ThaiPBSnews #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

 

กระทรวงอุดมฯ ประกาศให้มหาวิทยาลัย-ราชภัฏ หยุดเรียนบรรยายในห้อง เลื่อนรับปริญญา

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ออกประกาศ เรื่อง งดการเรียนการสอนและปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ ฉบับที่ 3 และการเลื่อนรพิธีประสาทปริญญาบัตร เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 โดยระบุว่าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดกับการสถานการณ์กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยจำนวนผู้ติตเชื้อ COVID-19 มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

ประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เรื่อง มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)

(ฉบับที่ 3) : การปฏิบัติการของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ตามที่ สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดการระบาดรุนแรงในวงกว้างขึ้นและยืดเยื้อยาวนาน เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ให้สามารถปฏิบัติงาน เพื่อป้องกัน ชะลอ และบรรเทาผลจากการระบาด ลดความตื่นตระหนกของคนในสังคม และสร้างความเชื่อมั่นโดยอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วน

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จึงได้ดำเนินการและกำหนดมาตรการเพื่อสนับสนุนการจัดการวิกฤตในครั้งนี้ของประเทศ ในการดูแลนิสิต นักศึกษาและบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆภายในสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคโควิด-19 ของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวง อว. โดยความตกลงร่วมกับที่ประชุมอธิการบดี ทั้ง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย, สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล

กระทรวง อว. จึงขอความร่วมมือสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งพิจารณาดำเนินการ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการแพร่กระจายการติดเชื้อ ลดการเดินทาง ลดกิจกรรมที่มีคนอยู่ร่วมกันในที่เดียวกันจำนวนมาก ดังนี้

1) หยุดการดำเนินงานด้านการเรียนการสอนทุกรูปแบบ ยกเว้นการสอนแบบออนไลน์ (online) เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน จากแบบปกติเป็นแบบออนไลน์โดยสมบูรณ์ครบทุกหลักสูตรภายในวันที่ 1 เมษายน 2563 ยกเว้นบางหลักสูตรที่ต้องมีการปฏิบัติการ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา โดยให้บริหารจัดการให้สามารถเรียนและปฏิบัติการที่บ้านให้ได้มากทีสุด ทั้งนี้มอบหมายให้อธิการบดีของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการ

2) สำหรับการฝึกงานทุกรูปแบบ ขอให้พิจารณายกเลิก หรือปรับเปลี่ยนกำหนดระยะเวลาและกิจกรรมอื่นที่เหมาะสมทดแทน

3) ปรับรูปแบบการสอบและการประเมินผล ที่มีประสิทธิภาพทดแทนการดำเนินการแบบเดิม โดยให้สอดคล้องกับรูปแบบการสอนแบบออนไลน์ที่ได้ดำเนินการไปโดยสำนักงานปลัดกระทรวง อว. จะดำเนินการปรับแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

4) สำหรับภารกิจด้านการบริการประชาชนบริการสาธารณะและการบริหารจัดการตามภาระหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษา เช่น โรงพยาบาล ให้ดำเนินการได้ โดยมีมาตรการความปลอดภัยสูงสุดสำหรับบุคลากร

จึงประกาศมาเพื่อพิจารณาปฏิบัติต่อไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พศ. 2563

ประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เรื่อง มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)

(ฉบับที่ 4) : การพิจารณาเลื่อนพิธีประสาทปริญญาบัตร

ตามที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดการระบาดขนาดใหญ่และยืดเยื้อยาวนาน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ สามารถปฏิบัติงานเพื่อป้องกัน ชะลอ และบรรเทาผลจากการระบาด ลดความตื่นตระหนกของคนในสังคม และสร้างความเชื่อมั่น โดยอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญทั้งด้านการอุดมศึกษา (สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน) และด้านการวิจัยและนวัตกรรมจึงได้ดำเนินการและกำหนดมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และนำร่องดำเนินการ

ในการนี้ เพื่อเป็นการดูแล นิสิต นักศึกษาและบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ในเรื่องมาตรการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการและให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤต กระทวง อว. จึงขอความร่วมมือให้สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งพิจารณาเลื่อนพิธีประสาทปริญญาบัตรออกไปก่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง

จึงประกาศมาเพื่อพิจารณาปฏิบัติต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

The post กระทรวงอุดมฯ ประกาศให้มหาวิทยาลัย-ราชภัฏ หยุดเรียนบรรยายในห้อง เลื่อนรับปริญญา appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดบ่าย ปรับลด 10.91 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,035.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,129.99 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำวันที่ 17 มี.ค. 63 ช่วงครึ่งวันบ่าย พบว่า ดัชนีปรับลด 10.91 จุด เปลี่ยนแปลง -1.04% มูลค่าการซื้อขาย 67,129.99 ล้านบาท โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,068.85 จุด และต่ำสุดที่ 1,035.16 จุด

 

ลาวบ่มีคนติดโควิด..
.
เวลา 15.00 น.วันที่ 17 มี.ค.63 กรรมการเฉพาะกิจต้านโควิดลาว แถลงมี 79 กรณี สงสัยติดโควิด ตรวจทราบผลแล้ว 70 กรณี เป็นลบ ที่เหลือกำลังรอผลจาก ตปท. #ลาว #โควิด19

 

# โครเอเชีย | ลูกบอลไฟ ข้ามท้องฟ้าของซาเกร็บ

โดย Tomislav Čar, 02/28/2020
#Meteor #Fireball #zabedrosky #Bolido

 

ภารกิจเสร็จสิ้น! ทีมเจ้าหน้าที่การแพทย์ชุดแรกออกจากหูเป่ย มุ่งหน้ากลับบ้าน
.
อ่านต่อ www.xinhuathai.com/china/ภารกิจเสร็จสิ้น-ทีมเจ้า_20200317

 

ยกเลิกฟรีวีซ่า เตือนระดับ3 19ประเทศในเอเชีย
‼️‼️‼️
ศูนย์บัญชาการประกาศว่า ชาวต่างชาติที่มาไต้หวันจากพื้นที่เตือนระดับ3 จะต้องถูกกักตัว และยกเลิกฟรีวีซ่าทั้งหมด ผู้ที่มาไต้หวันจะต้องมีเหตุผลพิเศษ และจะต้องถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน ซึ่งได้เพิ่มเติมการ เตือนระดับ 3 รวม 19 ประเทศ ดังนี้ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, เกาหลีเหนือ, ไทย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, บรูไน, เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา, พม่า, ติมอร์เลสเต, บังคลาเทศ, ภูฏาน, เนปาล, ศรีลังกา, อินเดียและมัลดีฟส์

 

Trading Psychology 10.0
ธรรมชาติของ Bear market rally

- ตลาดหมีคือ ??

โดยทั่วไปแล้ว เราจะบอกว่าเราอยู่ในตลาดหมีเมื่อ ตลาดตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างน้อย 20%

- Bear market rally ก็คือการวิ่งขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงขาลงนั่นเอง โดยทั่วไปก็จะเอาคร่าวๆคือ การวิ่งขึ้นอย่างน้อย 10% ในระหว่างตลาดหมี (บางครั้งสามารถวิ่งขึ้นได้ถึง 20-30%)

- นับเป็นโอกาสในการทำกำไรสั้นๆได้ระหว่างขาลง แต่มันก็มาพร้อมความเสี่ยงสูงเพราะการวิ่งขึ้นลักษณะนี้มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอยู่ได้ไม่นาน

- ลักษณะของมันคือ

1. ก่อนจะเริ่มการวิ่งขึ้น จะมีการเพิ่มขึ้นของ volume อย่างรวดเร็ว spike ขึ้นมาใกล้ๆ recent low

2. การกลับตัววิ่งขึ้นจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยมากมักจะเป็นจังหวะที่นักลงทุนคิดไม่ถึง

3. มีการวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและกลับตัวลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน (แต่มีข้อยกเว้นบ้าง เช่นในช่วงหลัง Market crash ในปี 1929 Great Depression ในระหว่างขาลงมีการ rally ที่ยาวถึง 3 เดือนก่อนที่ตลาดจะกลับมาเป็นขาลงเต็มตัวต่อ)

4. high ที่เกิดขึ้นมักจะไม่ทำ higher high ซึ่งก็คือจะไม่ค่อยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่สูงกว่า high ก่อนหน้านั้น และเมื่อตกกลับลงมาจะทำจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าเดิม หรือ lower low ลักษณะแบบนี้บอกเราว่าการวิ่งขึ้นนั้นยังไม่ยั่งยืน และ trend ขาลง ยังมีโอกาสสูงที่จะดำเนินต่อไป

- การเทรดสวน trend แบบนี้ ไม่เหมาะกับทุกคน และมีความเสี่ยงสูง เพราะในช่วงเวลาแบบนี้ราคาจะมีความผันผวนสูงมาก สามารถสร้างทั้งกำไรและการขาดทุนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว

ภาพประกอบจากwebsite tradingsim