"พระเจ้าจักรพรรดิราช"

มหาสมบัติจักรพรรดิ์ 2​

เผยแพร่เมื่อ 24 ก.ย. 2007​

 

มหาสมบัติจักรพรรดิ์ 3​

เผยแพร่เมื่อ 24 ก.ย. 2007​

 

นิมิตมโนนั่งคิดว่าตัวเองเป็นพญาธรรม

เลยน้องออกมาสร้างภาพแสดงธรรมให้ดูกับสเป็นพญาธรรม

คนอื่นเลยกลายเป็นพญาเห้ย


สรุปจะพูแอวดว่ามันเป็นคนดีแบบหล่อๆ

คนอื่นโกรธคือคนเห้ย

เลยสวมบทบาทแสดงธรรม

แล้วมีใครยอมรังเราบ้างไหม
แค่ไปถามผู้รู้มันยังไม่กล้าถามเลย

กูขอมีความสุขแบบหลอกตัวเองไปวันๆ


คิดว่าพญาธรรมมีธรรมแค่นี้และสติปัญญาเพียงเท่านี้อย่าไปมีมันเลยพญาธรรมิกราชแบบนี้
มีก็จะให้คนเขาล่มจมเปล่าๆ เพราะพญาธรโง่ยิ่งกว่าฟายบางตัวอีก

แล้วเลิกสะกดจิตมโนคิดว่าตัวเองเป็นพญาธรรม แล้วสร้างภาพสร้างตัวตนว่าข้าคือพญาธรรม
แล้วเที่ยวมาสอนธรรมโม้เสียทีคนอื่นเขารำคาญ ยังคิดไม่ได้อีก

แค่เอ็งสร้างภาพ แสร้งพูโให้มันดูสงบ ดูมีสติคือพยายามสร้างภาพมายาหลอกจิต ยังไม่รู้อีกกิเลสกองไหน

ตัวเองมานะกินกบาลยังไม่รู้

สร้างภาพว่ากูพูดดี ไม่โกรธ มานะ ตัวไหน คือ กูดีว่า กูไม่โกรธ

มึงเลวกว่ากูเพราะมึงมีโทสะ

จิตแบบนี้คือโคตรมีกิเลสยังไม่รู้ตัวเอง

คนที่เขาเลวก็รู้ว่าเลว มันแก้ไขจิตกันได้

ส่วนคนที่คิดว่ามันดีคือคนเลว ไม่สามารถแก้ไขตนเองได้เลย

#จำไว้ซะมั่งนะพญาฟายมิกราช จุติมาจากการสร้างภาพว่ากูดี#

คนที่เขาพูดตรงๆ และไม่ต้องสร้างภาพมายามาหลอกหลอนจิตตนเองว่ากูเป็นนั่นโน่นนี่แต่มีคนให้การยอมรับไปทั่วโลก แต่ไอิ้คนที่พยายามสร้างภาพให้ดูเป็นคนดีมาแสดงธรรมทีไร คนกลับหมั่นไส้

มันแสดงถึงอะไร แสดงว่าเรู้ว่าเป็นธรรมโอ้อวดที่ไม่มีในตน

คนที่เขาแสดงออกแบบตรงไปตรงมา ไม่มีภาพลักษณ์แสดงว่าจิตใจเขาต้องเอบาบางจากกิเลสมาก เพราะไม่ติดในคำสรรเสริญเยินยอ คนพวกนี้บรรลุธรรมง่ายกว่าพวกมานั่งสร้างภาพเพราะกลัวคนจะด่าว่าเป็นคนไม่ดี

เวลาบรรลุธรรมของแต่ละคน มันมีช่วงเวลา เพราะบางคนเขาต้องเอาบริวารไปด้วย จึงต้องรับกรรมของบริวารดังนั้นจึงบรรลุธรรมช้า แต่ปัญญามาก เพราะกรรมมวลรวมมันหน่วง

แล้วเอ็งมีบารมีไปช่วยใครเขาได้มั่ง กรรมมีน้อยไม่ได้รับกรรมของใคร ไม่ได้ช่วยใครเลย ถึงพูดก็ไม่มีใครเชื่อถือ เลยออกมาสร้างภาพโชว์หล่อ ว่ากูดีไง พอกูไม่ต้องแบกรับกรรมใคร กูเลยโชว์หล่อว่ากูดีกูหำบริสุทธิ์ไม่มีโทสะ ตัดแล้วซึ่งกิดงสตัณหา ยังไม่รู้อีกกิเลสตัณหาเต็มกบาล

น่าสมเพชจัง

ยิ่งถ้าคนไหนบริวารมากแบบกรรมคนทั้งโลกคนนั้นซวยมาก กรรมก็ต้องรับมาก เรื่องเข้ามาก็มากกว่าชาวบ้าน

ไม่รู้อย่าอวดฉลาดพูด
อย่าโชว์โง่อีกนะ

นิ่งๆไว้เสียบ้าง

 

เดี๋ยวบอกนิมิตเป็นพระเจ้าตาก
หลวงพ่อฤษีท่านบอกว่าไปนิพพานแล้ว


เดี๋ยวบอกเป็นร5


หลวงพ่อฤษีเป็นร5

ไปนิพพานแล้ว


แล้วมาบอกว่าเป็นพญาธรรมอีก
คือกูก็จะมั่นหน้ามั่นโหนกเชื่อนิมิตหลอกๆของกูอยู่นุ่นแหละหลอกตัวเองไปวันๆมึความสุข

เผื่อจะมีคนหลงมาเชื่อ


อ้อแล้วพญาธรรมจริงเขาไม่ต้องมานั่งสร้างภาพว่าเป็นคนดีหรอก เป็นคนเหี้ยให้คนชั่วมันเกลียดก็ได้แล้วแต่สติปัญญาคนจะมอง แต่ไม่มีอะไรที่เหนือธรรม ธรรมเป็นใหญ่
คงไม่ใช่พญาควายที่ต้องมาใจดีมั่วซั่ว นั่นมันเป็นความคิดของพญาควายสร้างภาพ

พญาธรรมคือคนที่เอาธรรมเป็นใหญ่ คนที่ไม่เอาธรรม คนสร้างความเดือดร้อนให้กับคนหมู่มากเขาก็ต้องกำจัดออกไปให้คนดี ให้ธรรมะอยู่ต่อ
อย่ามาใช้ความคิดโง่ๆของตนเองสร้งภาพหลอกชาวบ้านว่ากูมีพรหมวิหารสี่ มึงเนี่ยโทสะเป็นพญาเห้ย กำลังใจและสติปัญญาเอ็งคิดได้แค่นี้อย่ามาเที่ยวโชว์โง่

พญาธรรมในแบบเขาแต่ธรรมฝ่ายดี ไม่เอาฝ่ายชั่ว เอาแต่สรรเสริญไม่เอานินทา คนกำลังใจใหญ่ บารมีเขามาก ถ้ามาเอาแค่เศษน้ำลายเขาไม่เสียเวลาลงมาหลอก

แล้วทำไมไม่กล้าถามดาราแฟร์ว่าเอ็งเป็นพญาธรรมจริงไหม มานั่งมโนหลอกหลอนสะกดจิตตนเองอยู่ได้

พญาธรรมเขาไม่มีเวลามานั่งเอาคำชม คำสรรเสริญเยินยอจากใครหรอกนะ เขาเอาธรรมนำหน้า มีแต่พวกเพ้อเจ้ออยากได้ สรรเสริญ

แล้วอย่ามานั่งเสนอหน้าแสดงธรรมที่ไม่มีในตนอีกนะ ธรรมสร้างภาพใครก็สร้างได้ ทำเป็นสงบเสงี่ยม พูดด้วยสติ เขาเรียกจิตเต็มไปด้วยมารยาสาไถ

จิตที่เป็นธรรมชาตื ไม่มีเสแสร้ง มารยา มีแต่จิตที่สำรวมระวัง ในอินทรีย์ทัั้ง 6 มีแน่
แล้วอย่าคิดว่าไปจำใครมานะ กรูคิดของกรูเองนี่แหละ

#พญาฟายมิกราช ผู้ซึ่งจุติมาจากการสร้างภาพเพื่อให้คนยกย่อง เสริญเสริญ

ของแบบนี้เด็กๆ คนถ้าเขามีแล้วเศษน้ำลาย ขี้เสลดชาวบ้านเขาไม่เอามากินหรอก เพราะเขาไม่ได้โง่
ไม่ได้จุติมาเป็นพญาควาย

พูดอะไร ทำอะไรหัดใช้สมองให้มากๆนะ

 

10:2)ในวันสุดท้ายของโลก ทูตสวรรค์ผู้มีอำนาจจะเรียกคนทั้งหลาย “ ด้วยเสียงแตรที่ดังมาก” ... เดียวกัน เมื่อพระองค์จะทรงรวบรวมธรรมิกชนและรับทุกคนไปกับพระองค์. 2. ... “ด้วยเสียงแตรของพระเจ้าและทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน” (1 ธส.4:16) ... พระเยซูจะเสด็จมาหยุดยั้งความทุกข์ยากทั้งหลาย ด้วยการทำลายบรรดาผู้ก่อสิ่งชั่วร้าย การกระทำนี้ ..

บอกไปหลายหนแล้วนะ คิดว่าเมิงคงสมองไม่ดีว่ายุคนี้มันยุคของการกำจัดคนชั่ว

ไม่ได้มานั่งสร้างภาพให้คนชม เมิงแหกตาดูสิขนาดพระเยซูโดนฆ่าเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์
ท่านลงมาใหม่ก็จะมากำจัดคนชั่ว ตรงกับศาสนาพุทธ

แล้วพรหมวิหารสี่เห้ไรของมึง

มึงอยากสร้างภาพก็สร้างไปคนเดียว
ขนาดพระเยซูยังไม่เห็นต้องสร้างภาพโชว์หล่อแบบเมิงเลยไอ้หงบ ไอ้สร้างภาพ

กูพูดเรื่องนี้บ่อยมากๆ มึงก็ยังไม่เข้าใจ

มึงเป็นพญาควายจุติมา แสดงว่าเมิงกินหญ้าแทนข้าว สมกับการจุติมาเป็นพญาควายมิกราช

ทีหลังโง่แล้วอย่าอวดฉลาด

อย่ามาเที่ยวสร้างภาพว่ากูเป็นคนดี

ส่วนกรูน่ะขอเป็นคนชั่วคนเลว i dont care
แล้วำไว้ด้วยว่ากรูนี่แหละ ชั่วความชั่วกูเต็มกบาล กูไม่เคยว่ากรูเป็นคนดี ไอ้ฟายมิกราช

 

เมื่อโทสะปะทุอย่างรุนแรงอาการก็เป็นเช่นนี้แหละหนอ...

นักปฏิบัติจึงควรระวังสติ..ระวังกริยาจิตให้มาก...ด้วยประการฉะนี้

 

#จงยืนเคารพ ศาล...

เว....ฮู........

 

ศาลที่ยุติธรรมที่สุด.คือศาลกฏแห่งกรรม.เที่ยงธรรมและเที่ยงตรงเสมอ.หาไช่ศาลสมมุติ.หรือท่านเล่าปัง.คิดเห็นเป็นประการใด

 

ลองฟังกันดูครับ หลวงตาม้าเล่าเรื่อง

 

อาจารย์ดาราแฟร์ ขอให้คุณเกษมโพสต์ให้หน่อย

LAPDA สมาชิก

อาจารย์ดาราแฟร์ ขอให้คุณเกษมโพสต์ให้หน่อย ในห้องจักรพรรดิราช ว่า

พระโสดาบันก็คือชาวบ้านชั้นดี ที่มีกิเลสอยู่ มีครอบครัว มีบุตรธิดา มีสัมมาอาชีพ อยู่ในขอบเขตของศีล คือความดี ไม่ละเมิดในการทำชั่วด้วยตนเอง นั่นคือทำให้ตัวเองศีลขาด ศีลไม่บริสุทธิ์

พระสกิทาคามี คือชาวบ้านชั้นดี ธรรมดานี่แหละ แต่มีกิเลสบางเบากว่าพระโสดาบัน

พระอนาคามี คือคนธรรมดานี่แหละ แต่มีกิเลสบางเบากว่าพระโสดาบัน และพระสกิทาคามี

ส่วนพระอรหันต์ คือผู้รู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องตัวเองเป็นลำดับแรก มิใช่รู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องของคนอื่น

พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เขาเป็นกันที่จิต ไม่ได้เป็นที่กายเนื้อ จิตเป็นพระก่อนตาย มิใช่กายตายแล้วจึงมาเป็น จะรู้ได้อย่างไรว่าจิตของคนเป็นพระระดับใด เพราะไม่มีป้ายแขวนคอบอก ดูได้จากคำพูด กิริยาต่างๆ ที่มาจากใจและปัญญาที่เป็นไปโดยธรรมชาติของท่ามกลางความดี โดยไม่มีเสแสร้ง มีธรรมะในปัจจัตตังเป็นของตนเอง ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติอย่างจริงจังและจริงใจ มีเหตุมีผล มีความเห็นสอดคล้องต้องตรงกันทุกประการ เพราะว่าเป็นสัมมาสมาธิ สัมมาปฏิบัติ สัมมาทิจฐิ

อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าธรรมิกราชบรมมหาจักรพรรดิ ผู้ใดจะมีอิสริยยศนี้ มิใช่ตั้งตนเองให้เป็น มหาชนคนดีทั้งหลายแต่งตั้งให้เป็น เพราะมหาชนคนดีทั้งหลายยอมรับในความสามารถ ในปัญญา ในธรรมะของพระองค์ท่าน แต่ ณ เวลานี้ไม่มีใครรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน เหล่านรก เหล่าเทวดา เหล่าสวรรค์ เหล่าพรหม หรือแม้แต่พระอรหันต์ ยังหยั่งรู้ หยั่งถึงพระองค์ท่านไม่ได้เลย แล้วมนุษย์หน้าไหน จะรู้ดีไปกว่าพระองค์ท่านเอง นอกจากพระองค์ท่านเองจะทรงบอก เหล่าสัตว์นรก เทพพรหมเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจึงจะรู้ ใจเย็นๆ หัดเคย หัดรู้จักคำว่ารอ หากเราทั้งหลายมีดีกันแล้ว คงได้พบพระองค์ท่านแหละ หรือว่าได้พบท่านแล้ว แต่ไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร ก็มีถมไป ให้เพื่อนๆตั้งใจทำความดีกันในเวลานี้ให้ดีที่สุด ในทุกๆเรื่อง และอย่าประมาทเป็นดีที่สุดก็พอแล้ว รักษาอารมณ์ใจของตนเองให้สุขจิตสุขใจ ก็ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ผูู้มีจิตใจสูง ก็ไม่เสียชาติเกิดเพราะว่ามีประโยชน์ มีคุณค่าต่อตนเองและคนอื่นในสังคม

เปลี่ยนชั่วให้เป็นดี เปลี่ยนขี้ให้เป็นบุญกุศล ขนขี้ออกจากจิตให้เยอะๆ เรื่องชั่วช้าสารเลว ทำแล้วเดือดร้อนตนเอง ทุกข์ร้อนตนเอง เดือดร้อนคนอื่น ทุกข์ร้อนคนอื่นอย่าทำ เปลี่ยนขี้ให้เป็นบุญกุศล ขนขี้ออกจากจิต ใครมีขี้กองไหน ขนออกไปเยอะๆเลย เช่น ขี้โม้ ขี้โว ขี้อวด ขี้โกหก ขี้เกียจ ขี้อิจฉาริษยา และขี้.... นั่นแหละ เปลี่ยนชั่วให้เป็นบุญ เปลี่ยนขี้ให้เป็นกุศล

ของจริงของแท้ทนทานต่อการพิสูจน์ พิสูจน์กี่ครั้งกี่หน มีผลมีค่า ได้ผลได้ค่า เท่าเดิมและเหมือนเดิมทุกประการ

อาจารย์ดาราแฟร์ฝากบอกตามนี้ครับ

ขอบคุณครับคุณเกษม

LAPD, เมื่อวาน เวลา 23:25

 

อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์...ฝนตกแล้วนะจากแล้งมานาน...วันนี้ได้ฝนหนักพอสมควร...

 

นรก-สวรรค์ มีจริงนะครับ จะพูดจะเขียนอะไร ระวังจะมีโทษภัยมาถึงตัวท่านได้ครับ



มหัศจรรย์วันพระ วันพระเกิดเหตุการณ์ใดบ้างทั้งในนรกและสวรรค์

ในวันพระตลอดเวลา 1 เดือน ตั้งแต่ข้างแรมจนถึงข้างขึ้น 15 ค่ำ 1 เดือน นี้มีอะไรเกิดขึ้น ในวันนี้ถ้ามนุษย์ทำความดี ก็จะถูกเจ้าหน้าที่เขตบันทึกไว้ในแผ่นลานทอง แล้วเจ้าหน้าที่ในแต่ละเขตก็จะรวบรวมแผ่นทอง ไปให้อากาศเทวาเพื่อรวมบัญชีไปให้หัวหน้าอากาศเทวา แล้วรวบรวมไปให้ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 แล้วนำไปถวายท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์เพื่อรายงาน ท้าวสักกเทวราชก็ทำการประชุมคณะกรรมการเพื่อรายงานในวันโกนหรือก่อนวันพระ 1 วัน วาระการประชุมมี 2 วาระ คือ

1. เรื่องราวของดาวดึงส์
2. เรื่องราวของท้าวจตุโลกบาลที่เอาบัญชีมารายงาน

เทวดาบางเหล่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท เมื่อสิ้นบุญผลแห่งความประมาท วิบากกรรมเก่าจึงส่งผลให้ไปเกิดเป็นเปรตและอสูรกายก็มี ตามกำลังบาป บ้างก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็มี เพราะฉะนั้นท้าวสักกเทวราช ท่านจึงสอนเอาไว้ว่าอย่าดำเนินชีวิตด้วยความประมาท ให้ฉลาดในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง แล้วก็สั่งสมบุญด้วยการเจริญพุทธานุสติ แล้วก็ไปที่จุฬามณี

เทวดาบางเหล่าด้วยดำรงชีวิตด้วยความประมาท เมื่อเธอสิ้นบุญ ด้วยผลอันเหลือจากกุศลกรรมในอดีตทำให้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ เทวดาบางเหล่าไม่ประมาท มีทิพยสมบัติมาก มีกามอันเป็นทิพย์ที่ประณีต แต่ไม่มัวเมา หมั่นเพิ่มเติมกุศลกรรมด้วยการไปนมัสการพระจุฬามณี หลังจากที่ฟังธรรมในสุธรรมสภาเสร็จแล้ว เมื่อเธอหมดบุญ หมดสิ้นอายุขัยในภพนั้นแล้ว จะกลับมาจุติในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีก หรือไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่สูงขึ้นไปตามกำลังบุญ

สรุปว่าเป็นการย้ำให้เทวดาไม่ประมาท ให้เจริญพุทธานุสติอยู่เสมอ หลังจากท้าวสักกะให้โอวาทเสร็จ เวลาค่ำของโลกมนุษย์ ท้าวสักกะจะประกาศให้แก่เทวดาที่มาประชุมที่สุธรรมเทวสภาว่า ในช่วงเวลาในวันที่ผ่านมานี่คือวันพระ หมู่มนุษย์ทำบุญ บางพวกก็ดูแลบิดามารดา บางพวกก็ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มีจำนวนมากน้อยเพียงใด หรือทำกุศลกรรมอะไรต่างๆ เป็นต้น คือจะประกาศในช่วงพระจันทร์ขึ้นในเมืองมนุษย์ จะประกาศถึงมนุษย์และหมู่มนุษย์ว่าพวกไหนที่ทำบุญใหญ่ให้เทวดาทั้งหลายได้อนุโมทนากัน ถ้าช่วงใดที่มนุษย์สร้างบุญน้อยเทวดาที่ดาวดึงส์ก็จะคุยกันในหมู่เทวดาว่าสวรรค์คงจะว่าง นรกคงจะแน่น หากมนุษย์ประมาทในการดำเนินชีวิต หากช่วงใดที่มนุษย์ที่ทำบุญมีจำนวนมาก เทวดาที่ดาวดึงส์ก็จะดีใจ รัศมีกายก็จะแพรวพราวทีเดียว จะปรารถว่าในอนาคตสวรรค์คงจะเนื่องแน่น นรกคงจะว่างแน่นอนเลย

ในช่วงเวลาที่ตรงกับวันพระขึ้น 15 ค่ำ คือวันพักในยมโลก แต่ในมหานรกไม่ได้พัก อุสสทนรกก็ไม่ได้พัก ในช่วงคืนเดือนเพ็ญเจ้าหน้าที่ยมโลกก็จะหยุดทัณฑ์ทรมานสัตว์นรก จะยืนดูเฉยๆ เจ้าหน้าที่บางพวกที่คบกะก็จะกลับไปพักที่จาตุมหาราชิกา แล้วก็จะมีพลัดใหม่เข้ามา พวกที่ยังไม่หมดกะ ก็จะยืนดู ยืนเฝ้าสัตว์นรกไม่ให้หนีไปไหน สัตว์นรกก็จะหมดแรงนอนอยู่กับพื้น บางพวกที่อยู่ในหม้อทองแดงไฟก็จะไม่ลุกไหม้ แต่น้ำในหม้อยังร้อนอยู่ แต่ลดลงมาหน่อย เหมือนไฟในเตาโลกมนุษย์ที่พอดับไฟน้ำก็ยังร้อนอยู่แต่ไม่เดือดพล่าน บางพวกก็ขึ้นมาอยู่บนปากหมอได้ พวกที่กำลังปีนต้นงิ้ว ต้นงิ้วนี้ไม่มีในมหานรก จะมีแต่ในยมโลก ต้นงิ้วในวันพระ หนามงิ้วจะหดกลับเข้าไป สัตว์นรกก็จะมีโอกาสลงมานอนพักอยู่กับพื้น บางพวกก็ร้องควรครางร้องขอความเห็นใจ

ส่วนเจ้าหน้าที่ที่แปลงร่างเป็นสุนัขปากเหล็ก อีกาปากเหล็ก ก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิมที่เป็นกุมภัณฑ์ แต่เจ้าหน้าที่ที่ใกล้จะหมดกรรมจากที่เป็นเจ้าหน้าที่ ก็จะไม่ค่อยมีอารมณ์อยากทำโทษสัตว์นรกซักเท่าใด ก็จะปลอบสัตว์นรกเช่น อดทนหน่อยนะ แต่พอเลยวันพระไปก็จะเริ่มทัณฑ์ทรมานกันต่อไปตามปกติ ถ้าโชคดีญาติที่อยู่บนเมืองมนุษย์อุทิศบุญมาให้ก็จะพ้นกรรมเร็วขึ้น

ที่นี้เรามาดูในส่วนของผู้พิพากษาคือพญายมราช พอถึงวันพระใหญ่หรือวันเพ็ญก็จะพักการพิพากษา บางท่านหมดกะก็จะไปพักที่จาตุมหาราชิกา แล้วก็จะมีพญายมราชชุดใหม่มาเปลี่ยนรับหน้าที่แทน พวกที่ยังไม่หมดกะก็มีโอกาสพัก แล้วก็อาจจะไปทานอาหารทิพย์ตามกำลังบุญของตน โดยส่วนใหญ่อาหารจะเป็นเนื้อสดๆ เป็นของสด ของคาว ถ้าหากญาติทำบุญให้ โดยอุทิศแบบเจาะจง สัตว์นรกในยมโลกก็จะได้รับบุญนั้น พอพ้นวันพระแรม 1 ค่ำ ถ้าหากสัตว์นรกหมดกรรมก็จะพามาที่โรงพิพากษาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรับรู้ในบุญที่ญาติอุทิศมาให้ แล้วจะส่งไปเกิดตามกำลังบุญ

ที่มา https://www.dmc.tv/pages/buddha_biography/มหัศจรรย์วันพระ-นานาทรรศนะ.html

 

โอวาทปาติโมกข์

ละเว้นกรรมชั่วทั้งปวง...
กระทำแต่กรรมดี...
ทำจิตใจให้บริสุทธิ์...

...ผู้มีปัญญาอันสว่างแล้วจึงมุ่งกระทำแต่กรรมดีและทำจิตใจให้บริสุทธิ์

...ผู้มีปัญญาปานกลางเขายังไม่เห็นความสว่างอย่างผู้มีปัญญาสว่างแล้วเห็น...เขาจึงยังไม่เข้าใจคำว่าทำจิตใจให้บริสุทธิ์

...ส่วนผู้มีปัญญาหยาบเขาไม่สามารถรู้ความจริงอันนั้นได้เลย...เพราะแม้แต่ละเว้นกรรมชั่วทั้งปวงยังไม่สามารถทำได้

 

อุ้ย อรหำออนไลน์ ยกทีมมาแล้วเรอะ อย่างงี้ก้อขาดกุไม่ได้ดิ แหม่ แต่ละโพสนี่กูเล่นงานไม่ได้เจรงๆ นะ 55

 

ถูกใจข้อความมันยิ่งนัก เห็นด้วยทุกอย่าง สารเลว อยากมี อยากดี อยากดัง สร้างเรื่องตอแหลไม่เปลี่ยน อิดาราแฟร์นำโด่งมาก่อนใครเพื่อน แต่เสือกอยากจะโพสสอนธรรมคนอื่น อิดอก เล่ห์เหลี่ยมเยอะแบบนี้กุชอบ สร้างภาพคนดี กุยิ่งชอบ เดี๋ยวหนุก

 

ป่าต้นน้ำถูกทำลายแล้วมันจะเหลืออะไร...

 

อาวขาวสาเสมา กุเษโม

ทำไรไม่ปรึสา พ.ย.ต

พ.ย.ต พูดหยกๆ ว่า ได้รับแต่งตั้ง
ก่อนมาเกิด

เกิดจากการ ประชุม สภา แต่งตั้ง
เทพ มาร อินทร พรหม ลป.ตด
ลพ.โปกโต ดมรังสี รู้หมด

งางาแงร์ ฝาก กุเษโม อรหาน
ยังรู้ไม่ได้ ได้แต่ เจ้าตัวจะบอก
(เปนเอง ไม่มีการ ประชุมรับรู้
ฮ่านอะไรใคร ทั้งนั้น)


ฮิววววววส์

 

ขออนุญาตหยิบยกข้อความของท่านผู้เป็นเจ้าของข้อความนี้ มาให้คนบางคนที่ชอบคิดว่าตนเองเป็นพญาธรรมิกราชอ่านอีกรอบ


1. ท่านๆ ที่คิดว่าตัวเองเป็น "พระยาธรรมิกราช" นั้น ท่านหยั่งรู้ด้วยญาณมาแล้วเหรอครับ ว่าท่านคือ พระยาธรรมฯ แน่นอนอะนะ ท่านได้หยั่งรู้ด้วยญาณใดอะครับ

o รู้ด้วย อตีตังสญาณ (หมายถึง ญาณหยั่งรู้ในส่วนอดีต) หรือ รู้ด้วย บุพเพนิวาสานุสติญาณ (หมายถึง ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกถึงขันธ์ที่เกิดในอดีตได้ ซึ่งคือ การระลึกชาติ ของตนเองได้) อะครับ

ภาพที่ท่าน(ว่าที่พระยาธรรมิกราช)เห็นในขณะนั่งสมาธิ คือ ญาณ หรือ นิมิต อะครับ แยกให้ออกได้นะครับ (ผมว่าไม่ยากอะนะ สำหรับคนปฏิบัติรู้เรื่องฌานในมาธิอะ) ว่าภาพที่ปรากฏสิ่งไหนคือ ญาณ และสิ่งไหน คือ นิมิต (นิมิตก็แยกไปอีกเป็น นิมิตแท้[เป็นจริงแต่ไม่100%] กับ นิมิตเทียม[ปลอม])

แต่ถ้าท่านรู้ด้วยญาณ 2 ญาณ ข้างต้นที่ผมบอก ผมก็ไม่เถียงอะครับ ว่าท่านคือ "พระยาธรรมมิกราช" แต่ความจริงผมอยากให้รู้ได้ด้วย บุพเพนิวาสานุสติญาณ มากกว่าอะครับ เพราะว่า ญาณนี้ทำให้รู้ถึงอดีตชาติของเรานับถอยหลังไปได้หลายชาติมากกว่า อตีตังสญาณ อะครับ (เพื่อความชัวร์อะนะ)

แต่ถ้าท่านไม่ได้รู้ได้ด้วยญาณเหล่านี้ นั่นก็แปลว่า ท่าน "ไม่ใช่" อะครับ ท่านคือ "ตัวปลอม" อะนะ จงยอมรับกับตัวเองเสียเถิด เพราะว่า "พระยาธรรมิกราช" ท่านของจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นอะครับ และเลิกคิดไปเองเสียทีสำหรับคนที่คิดจะเป็นท่านอะนะ จะได้ไม่เสียสติและไม่บาปไปกว่านี้อะครับ (วิธีของผมนี้ใช้ดู พระโพธิสัตว์,พระปัจเจกพุทธเจ้า,พระเจ้าจักรพรรดิฯ ได้ด้วยอะนะ)

และผมก็อยากจะให้ดูคลิป 2 คลิปนี้ ซึ่งกล่าวเกี่ยวลักษณะของพระยาธรรมิกราชเอาไว้อะครับ ว่าท่านจะมีต้องมีลักษณะอย่างไร และท่านจะมาตอนไหนอะนะ




ปล. ผมอยากจะทิ้งท้ายอะไรให้ฟังซักหน่อย การที่ท่านคิดว่า ท่านทนต่อการด่าว่า ของคนอื่นโดยไม่หวั่นไหวในคำพูดเหล่านั้นเลยในโลกโซเชียล เช่น พวกเฟซบุ๊ค,ไอจี,เว็บบอร์ด ฯลฯ เหล่านี้นั้น มันไม่ได้ช่วยทดสอบการทรงกำลังจิตที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวของท่านเท่าไหร่หรอกอะครับ ก็เพราะว่าการด่าด้วย วาทะกรรมในโลกโซเชียล (อย่างเว็บบอร์ดแบบนี้) มันไม่ได้กระทบ
ผัสสะ ทั้ง ๖ เท่าไหร่อะครับ มันประทบผัสสะ แค่ผัสสะเดียว คือ จักขุสัมผัส เลยไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า ท่านได้ทรงกำลังของจิตท่าน
ถึงขั้นต่างๆ (เช่น พระโสดาบัน,พระสกิทาคามี,พระอนาคามี และพระอรหันต์)อย่างที่ตัวท่านเข้าใจอะครับ ก็เพราะว่ามันเทียบไม่ได้กับของจริง ชีวิตจริงๆ (นอกจอ)ที่มีคนมายืนด่าชี้หน้าท่าน ด้วยคำ วาจาที่หยาบคาย,เหยียดหยามดูถูก,ยั่วโมโห ฯลฯ สิ่งนี้มันทำให้เจ็บกว่าในโลกโซเชียลเยอะอะครับ ก็เพราะว่า มันกระทบ ผัสสะ ได้เยอะกว่าและกระทบได้ตรงๆ จังๆ กับตัวเรากว่า ยังไงล่ะครับ มันจะเป็นตัวชี้วัดระดับจิตของท่านได้ดีกว่าในนี้มาก อะนะ จะได้รู้ว่าจิตของท่าน กระเพื่อม(น้อย,กลาง,มาก)หรือ นิ่งไม่กระเพื่อมเลย(ธรรมชาติของจิต เปรียบเสมือน "น้ำ") จะได้รู้แน่ชัดว่า"จิตเรา"อยู่ในระดับไหนอะครับ ส่วนพวกที่เป็นฝ่ายด่าว่านั้น ถ้าท่านอ้างว่าเพื่อเป็นการทดสอบ (ผมก็ไม่ขัดท่านอะนะ) แต่ผมอยากจะบอกแค่ว่า ถ้าท่านด่าโดยที่จิตท่าน ณ ตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรตามไม่ได้มีโทสะหรือคิดร้าย ต่อคนที่ท่านด่า ก็ถือว่าไม่มีอะไรที่ไม่ดีกับตัวท่านอะนะ แต่ถ้าท่านเอาจิตที่มีโทสะร่วมเข้าไปประกอบด้วยในคำด่าที่ท่านพิมพ์ไปนั้น มันก็เป็นดาบ 2 คม ที่กลับมาทิ่มแทงท่านด้วยอะนะ เพราะท่านก็มีสิทธิ์ที่จะหนีไม่พ้นอบายภูมิเช่นกันอะครับ (เพราะว่าการด่าทอ ถือว่า ผิดหลัก กรรมบถ๑๐ ทำให้ตกนรก เหมือนผิดศีล๕ได้เช่นกัน) ซึ่งผมมาพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ผมไม่ได้ยกยอถือตัวผมเอง ว่าเป็นผู้วิเศษคนมีบุญมาก หรือ บุคคลสำคัญ อะไร ที่ผมมากล่าวในสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อการเตือนทุกคนไม่ให้ประมาท ไม่ให้หลงในตนเองจนเกินไปอะครับ (เจตนาของผมมีเท่านี้จริงๆ) ในสิ่งที่กระทำไปแล้วก็ให้แล้วๆไปครับ แต่การกระทำในสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี่สิ สำคัญกับอนาคตของท่านมากกว่า เพราะพวกท่านในเว็บนี้ได้ชื่อ ว่าเป็น "นักปฏิบัติ" กันไม่ใช่เหรอครับ งั้นเวลาใดโอกาสมาถึงตัวพวกท่านแล้ว พวกท่านก็ต้องปฏิบัติให้ได้จริง ตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ด้วยอะนะครับ

 

แล้วจะบอกให้นะ การที่ไปติดในนิมิตเห็นพระองค์นั้น องคฺนี้มาบอกว่าเป็นนั่น เป็นนี่ บางทีเกิดจากเทวดาก็มี มาร เปรต อสูรกายแปลงมาหลอกนักปฏิบัติก็มีมากที่ครูบาอาจาร์ยท่านบอกมาเขาก็โดนมารปลอมมาหลอกมากต่อมาก แล้วมาเที่ยวข่มทับทำท่าสงบให้สมกับพญาธรรมิกราชว่าต้องสงบ ทรงพรหมวิหารสี่ นั่นของปลอม คือการยังสร้างภาพหลอกคนอื่น หวังเพียงคำชมคำยกย่องสรรเสริญทำทีแสดงธรรมให้เขาเข้าใจว่าข้าคือพญาธรรมผู้สำรวม ผู้สงบ แบบนี้ยังห่างจากความจริงมาก ไม่ใช่เห็นเขาชอบโกรธ แล้วมาทำทียกตนข่มท่านว่าข้านี่แหละพญาธรรมเพราะข้ามีพรหมวิหารสี่

คำว่าพรหมวิหารสี่มันเกิดจากหารกระทบผัสสะ ถ้าไม่มีการกระทบ แล้วมาบอกว่าข้าทรงพรหมวิหารสี่ คือข้าดีกว่านี่คือแบกมานะล้วนๆ ไปดูตนเองเสียใหม่นะ ธรรมเป็นของละเอียด กิเลสก็ละเอียดเช่นกัน

ถ้าหากเป็นสมณะนั่นต้องสำรวมในอายตนะทั้ง 6 แต่ฆารวาสทำให้มันเป็นปกติ ไม่ต้องดัดจริต เสแสร้งแกล้งทำให้สมกับตำแหน่งที่ตนเองโดนนิมิตหลอกๆ บอกให้ไปถามผู้รู้ยังไม่กล้าเลย คนจริง มันต้องกล้าถาม มิใช่มามีความสุขเพียงมโนเอาเอง และบออกเป็นโสดาบันคนที่เขาทำถึงเขาฟังเขาจะตลกเอานะ มาเที่ยวพญากรณ์ตนเอง โอ้อวดคุณธรรมใดๆที่ไม่มีในตนเป็นกรรมหนักนะ

คนที่แสดงตนเองว่าเป็นพญาธรรมบ้างแหละ โสดาบันบ้างและ คนได้จริงเขาไม่พูดกันหรอก คนที่พูดแสดงว่าอยากให้คนนับถือ ศรัทธา ไปหัดดูตนเองบ้างนะว่าที่เขาพูดมาจริงไหม ถ้าไม่หลงตนเองจนเกินไปต้องคิดได้บ้างนะ

ไม่ใช่พอเห้นใครเข้าเค้าว่าเป็น พญาธรรม ก็อิจฉา พูดข่มเกทับ ประมาณว่าโกรธแบบนี้เหรอจะเป็นได้ ข้านี่สงบสำรวม พรหมวิหารสี่ คือ พญาธรรม

อย่าหัดเอาความคิดแคบๆมาใช้ ไปศึกษานะ กษัตริย์ไทยกี่พระองค์ล้วนเป็นพระโพธิสัตว์
ทำไมต้องฆ่าคน ยกอุปมามาหลายครั้งแล้วนะแต่ปัญญาคนมันน้อยคิดไม่ได้ จ้องแต่จะเอาความคิดของตนเป็นใหญ่

ผู้นำคืออะไร ไปหามา
ผู้นำมีหน้าที่อะไร
ผู้นำต้องแบกภาระอะไรบ้าง

หัดใช้สติปัญญาคิดมองในมุมกว้างๆบ้างนะ

 

แล้วอย่ามาแสดงพรหมวิหารสี่มั่วซั่ว แบบคนจำอวด
แต่ให้ไปดูบารมี 10
โลกธรรม 8
ว่าตนเองติดตรงไหน
คนที่เราว่าเขาลองเทียบดูเขาผ่านตรงไหนและได้ตรงไหน

ถ้าคนเรามันไม่หลงเข้าข้างตนเองมันต้องรู้

คนที่ทรงพรหมวิหารสี่ คือ พระพระอริยะเจ้าขึ้นไปยันอรหันต์เพราะไม่ต้องยุ่งกะใคร มีหน้าที่ทำเพื่อตนเองเท่านั้น ไม่สนใจเรื่องทางโลก


ปุถุชนธรรมดาทรงได้บ้างไม่ได้บ้างขึ้นอยู่กับการกระทบในโลกธรรม 8หัดคิดให้มันไกลๆ กว้างๆ
ปัญญาบารมีหัดนำออกมาใช้บ้างนะ
แม้ปุถุชนยังมีหน้าที่
เสียสละ กับไม่เสียสละ บุคคลใดเสียสละมากย่อมมีเรื่องมาก
สละอะไร ปัญญา ทาน ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลาย

คิดอะไรตื้นๆแต่อยากเป็นพญาธรรม