สรุปภัยที่เกิดจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• อุณหภูมิโลกในปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้ว

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 04-04-2551 | 11:25:50 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ลอนดอน 4 เมย.- เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งเป็นหน่วยงาน ของสหประชาชาติ เผยว่า อุณหภูมิโลกในปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้ว เป็นผลของความเย็นที่มาจากปรากฎการณ์ลานีญา ในมหาสมุทรแปซิฟิก

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ภาวะภัยแล้งในภาคอีสานมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 04-04-2551 | 12:02:18 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ภูมิภาค 4 เม.ย. - จนถึงขณะนี้ ภาวะภัยแล้งโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ยังมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
หลายหน่วยงานในจังหวัดยโสธร ระดมกำลังออกแจกจ่ายน้ำให้ชาวบ้าน ที่ประสบภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ ซึ่งขณะนี้ ในจังหวัดยโสธร มีผู้เดือดร้อนจากภัยแล้งแล้ว มากกว่า 14,000 คน
ภัยแล้งกระทบถึงเกษตรกรผู้ปลูกกล้าไม้ยูคาลิปตัส ที่บ้านหนองหว้า อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ความร้อนและแห้งแล้ง ทำให้พันธุ์กล้าไม้ขายได้น้อยลง เพราะช่วงนี้กลุ่มลูกค้าชาวสวนในหลายจังหวัดภาคอีสาน ก็ประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ชาวสวน ไม่กล้าลงทุนซื้อกล้าไม้ยูคาลิปตัสไปปลูกเช่นกัน
เกษตรกรที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่นอกเขตชลประทาน เดือดร้อนจากภัยแล้ง พืชผลการเกษตร ทั้งนาข้าว ไร่มันสำปะหลังและไร่อ้อย เสียหายแล้ว มากกว่า 20,000 ไร่ และยังมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ด้านเกษตรจังหวัด เตรียมจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ไข้เดงกี่ระบาดในบราซิล ทำคนติดเชื้อไปแล้ว 55,000 คน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 04-04-2551 | 13:59:21 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">บราซิเลีย4เม.ย.-กระทรวงสาธารณสุขบราซิลยืนยัน ในช่วง4เดือนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไข้เดงกี่ไปแล้วกว่า 55,000 ราย ในรัฐรีโอเดจาเนโร ทางตะวันออก เฉียงใต้ของประเทศ และเฉพาะปีนี้ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวไปแล้ว 67 ราย และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า13 ปี
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ทางการบราซิลต้องประกาศให้ไข้เดงกี่ เป็นโรคระบาด แต่ยังไม่ยอมชี้ชัดออกมาว่า ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นไข้เลือดออกใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นไข้เดงกี่ รูปแบบหนึ่งที่มีความรุนแรงมาก มีอาการเลือดออกตามอวัยวะภายในหรือภายนอก ถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้
ขณะที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของบราซิล ยืนยันว่าจากการตรวจรักษาพบว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิต เพราะไข้เดงกี่นั้น มีอยู่ไม่ถึงร้อยละ 1 ที่เสียชีวิตเพราะ เป็นไข้เลือดออก ส่วนหน่วยงานสาธารณสุขประจำรัฐรีโอเดจาเนโร เผยว่าในจำนวน ผู้ติดเชื้อไข้เดงกี่กว่า 55,000 คนนั้น มีกว่า 500 คนในนี้ ที่เป็นไข้เลือดออก
ไข้เดงกี่เกิดจากไวรัสเดงกี่ซึ่งมีอยู่ 4 สายพันธุ์ โดยมียุงเป็นพาหะนำไวรัสดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นยุงลาย แต่โรคนี้จะไม่ติดต่อจากคนสู่คน ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะมีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดข้อต่อ เจ็บตา อาเจียน และมีผื่นคัน คาดว่าในแต่ละปี จะมีชาวโลกติดเชื้อไข้เดงกี่มากถึง 10 ล้านราย และปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนใด ที่ใช้ป้องกันไข้เดงกี่ หรือไข้เลือดออกได้เลย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ทอร์นาโดถล่มรัฐอาร์คันซอ เสียหายยับ

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 04-04-2551 | 16:17:20 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ลิตเทิลร็อก 4 เม.ย.-พายุทอร์นาโดลูกหนึ่งเคลื่อนเข้าถล่มเมืองลิตเทิลร็อก รัฐอาร์คันซอ สหรัฐ อย่างจัง ยังผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก
ความรุนแรงของพายุทอร์นาโดที่เคลื่อนเข้าถล่มเมืองลิตเทิลร็อก รัฐอาร์คันซอ ยังผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว จำนวนหนึ่ง บ้านเรือน ร้านค้าได้รับความเสียหาย ขณะที่ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าหลายต้นหักโค่น นอกจากนี้ ความแรงของกระแสลม ยังสร้างความเสียหายให้กับเครื่องบินเล็กหลายลำ ที่จอดอยู่ภายในสนามบินนอร์ท ลิตเทิลร็อก ชายที่รอดชีวิตคนหนึ่งเล่าว่า ถูกลมพายุหอบเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถบรรทุก ที่จอดอยู่ แต่ความแรงของลม ทำให้รถบรรทุกเคลื่อนที่จนเขาคิดว่า จะไม่รอดเสียแล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ชาวรัฐอาร์คันซอต้องสังเวยชีวิต ให้กับความรุนแรง ของพายุทอร์นาโด แล้ว 13 คน ทั้งยังต้องเผชิญกับพายุหิมะและน้ำท่วมหนัก เป็นประวัติการณ์.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• พายุพัดบ้านทรงไทยพังถล่มทับคนตาย

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"></TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 04-04-2551 | 03:19:17 น. ]</TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"></TD><TD width="93%">เชียงใหม่ 4 เม.ย. - เกิดพายุหมุนพัดบ้านทรงไทยที่ จ.เชียงใหม่ พังถล่มทับเจ้าของบ้านเสียชีวิต
บ้านทรงไทยในพื้นที่บ้านหนองไคร้ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ของนายสุรเชษฐ์ ตันทะวัน และเป็นเจ้าของร้านเจริญไม้แบบ เปิดจำหน่ายไม้แบบ ก่อสร้าง และบ้านไม้เรือนเก่าทรงไทยสำเร็จรูป ถล่มลงมาทั้งหลัง ทับร่างนายสุรเชษฐ์ เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังทับรถยนต์กระบะพังเสียหายทั้งคัน
คนงานบอกว่า เกิดพายุหมุนอย่างรุนแรงนานประมาณ 1 นาที ยกตัวบ้านขึ้นทั้งหลัง จนพังถล่มลงมา และพัดหลังคาบ้าน บริเวณใกล้เคียงเสียหายอีกหลายหลัง
ขณะที่ จ.หนองบัวลำภู เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มโกดังข้าวเปลือกของบริษัท ศรีไทยใหม่เกษตร จำกัด จนหลังคาเปิด ทำให้ข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาล จำนวนกว่า 3,000 ตัน ซึ่งเก็บไว้ในโกดัง เปียกเสียหาย คนงานต้องช่วยกันนำออกมาผึ่งแดด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• พายุฤดูร้อนถล่มปราจีนบุรี

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-04-2551 | 05:14:07 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ปราจีนบุรี 6 เม.ย. - ฤทธิ์พายุฤดูร้อนได้ส่งผลให้บ้านเรือนในเขต อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ได้รับความเสียหายหลายสิบหลัง ประชาชนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
เกิดพายุฤดูร้อนในเขตพื้นที่ อ.ประจันตคาม บ้านเรือนประชาชนในย่านดังกล่าว ได้รับความเสียหายกว่า 50 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่นเป็นจำนวนมาก รวมทั้งป้ายโฆษณา นอกจากนี้ พายุยังพัดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่พังลงมา ทับเสาส่งไฟฟ้า ส่งผลให้ประชาชนในเขตเทศบาล ต.ประจันตคาม ไม่มีไฟฟ้าใช้นานนับชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ต้องนำรถเครนขนาดใหญ่มารื้อถอน และทำการติดตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ฝูงจั๊กจั่นนับหมื่นตัวชุมนุมรอบบ่อน้ำพุที่เชียงใหม่

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 05-04-2551 | 22:08:58 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เชียงใหม่ 5 เม.ย.-ฝูงจั๊กจั่นนับหมื่นตัว บินจากป่ามาเกาะกินน้ำ บริเวณบ่อน้ำพุร้อน ในจังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านพากันไปไล่จับมาขาย สร้างรายได้คืนละหลายร้อยบาท
ชาวบ้านในหมู่บ้านโป่งสามัคคี อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นำไฟฉายออกส่อง จับตัว จั๊กจั่น ที่บินออกมาจากป่า มาเกาะกินน้ำตามใบหญ้า บริเวณบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ เพื่อนำไปทำอาหาร หรือนำไปขายให้กับพ่อค้าในราคาตัวละ 50 สตางค์ สร้างรายได้คืนละ 200-300 บาทต่อคน บางคนจับได้ถึงคืนละ 500-1,000 ตัว จนต้องหากระสอบมาใส่นำไปขาย
สำหรับฝูงจั๊กจั่นเหล่านี้ ชาวบ้านบอกว่าจะบินออกมาจากป่ารอบหมู่บ้าน ในช่วงเดือนเมษายนเป็นประจำทุกปี เพื่อมากินน้ำของโป่งน้ำร้อนซึ่งจะมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะคืนที่มีแสงจันทร์ส่องสว่าง ฝูงจั๊กจั่นจะบินออกมานับแสนตัว เมื่อกินน้ำอิ่มแล้วจะพากันบินกลับเข้าไปในป่า
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• พายุฤดูร้อนถล่มอ.ท่าวังผา เสียหายกว่า 50 หลังคาเรือน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย เนชั่นทันข่าว [ 06-04-2551 | 08:04 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เกิดพายุฤดูร้อนและลมกรรโชกแรงพัดถล่มที่บ้าน ห้วยแขม บ้านดอนตัน บ้านห้วยเดื่อ บ้านสบหนอง พื้นที่ต.ตาลชุม และพื้นที่ตำบลศรีภูมิ ตำบลป่าคา อ.ท่าวังผา ทำให้ต้นไม้หักโค่นทับบ้านเรือนราษฏร และลมกรรโชกแรงทำให้บ้านเรือนราษฏร พังเสียหายกว่า 50 หลังคาเรือน นอกจากนี้กระแสลมแรงยังพัดเอาสายไฟฟ้าขาด เสาไฟฟ้า หม้อแปลงเสียหาย จนทำให้ไฟฟ้าดับ ขณะนี้จนท.กฟภ.จังหวัดน่าน เร่งเข้าดำเนินการแก้ไขแล้ว ขณะเดียวกันทางอำเภอ และจนท.ปภ. จนท.กู้ภัย อบจ.น่าน ก็เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้ว แต่ด้วยสภาพที่มืดจึงทำให้ การช่วยเหลือ เป็นไ ปอย่างยากลำบาก ต้องใช้ไฟสปอตร์ไลด์ส่องให้ความสว่างช่วย ตลอด แต่ไฟสปอตร์ไลด์มีจำนวนไม่เพียงพอ จนบางแห่ง ต้องใช้ไฟหน้ารถยนต์ ส่องสว่างแทน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• อียิปต์พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกรายที่ 21

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-04-2551 | 06:22:41 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">อียิปต์ 6 เม.ย. - ทางการอียิปต์ออกมายอมรับอีกครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวานนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากเชื้อไข้หวัดนก ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 21 คน
รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขอียิปต์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ชายหนุ่มที่ล้มป่วย และรักษาตัวที่โรงพยาบาลอเล็กซานเดรีย ด้วยอาการไข้ขึ้นสูง หลังจากสัมผัสนก ที่ติดเชื้อ ได้เสียชีวิตแล้วจากเชื้อไข้หวัดนก เขาถือเป็นผู้ป่วยรายที่ 48 ที่ติดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 นับจากพบเชื้อตัวนี้ในคนในอียิปต์ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2549 และเป็น รายที่ 21 ที่เสียชีวิต ทำให้ขณะนี้อียิปต์ กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อ ไข้หวัดนกในคนมากที่สุด รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากเชื้อนี้มีมากกว่า 230 คน นับแต่ปี 2546
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ชาวนาโอดฝนหลงฤดูทำข้าวเน่า

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ทีมข่าว INN News [ 06-04-2551 | 09:42:51 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ชาวนาใน จ.พัทลุง พ้อฝนหลงฤดูทำข้าวในนาเสียหาย ขณะต้นทุนพุ่งเหตุปุ๋ยเคมีและเมล็ดพันธุ์ข้าวแพงขึ้น
นายรื่น สาบสังข์ อายุ 59 ปีชาวนาในตำบลปรางหมู่ อำเภอเมืองพัทลุงกล่าวว่า ตนทำนาในพื้นที่ 20 ไร่ โดยหว่านเมล็ดพันธ์ข้าวมาแล้ว 3 ครั้ง และได้รับความเสีย ทุกครั้งเนื่องจากในพื้นที่มีพายุฝนหลงฤดูตกเป็นระยะ ๆ ล่าสุดเริ่มหว่านเมล็ดพันธุ์ ข้าว เมือปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พอข้าวเริ่มแตกกอ ได้มีฝนตกซ้ำทำให้ต้นข้าว เน่า ตายไปทั้งหมด ซึ่งปีนี้ตนต้องจ่ายเฉพาะค่าเมล็ดพันธ์ข้าวไปแล้วกว่า 15,000 บาท ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า จากที่เคยทำนามาทุกปี ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระ ต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ปุ๋ยเคมี ราคาแพง น้ำมันก็แพง ซ้ำหนักเมล็ดพันธ์ข้าว ก็หาซื้อไม่ได้ เนื่องจากที่ศูนย์เมล็ดพันธ์ข้าว จังหวัดพัทลุง ที่เคยซื้อเมล็ดข้าวพันธ์ดี ในการทำนาปรังก็หมดสต๊อก จึงจำเป็นต้องกว๊านซื้อจากเพื่อน ชาวนาด้วยกัน ซึ่งต้องเสี่ยงกับเมล็ดพันธ์ข้าวปลอมปน ทำให้ผลผลิตที่ได้ต่อไร่ ตกต่ำ แต่ก็ดีกว่า ไม่ได้ทำนา เพราะผลผลิตส่วนหนึ่งที่ได้ จะเก็บไว้เพื่อบริโภคในครัวเรือน โดยที่ไม่ต้องซื้อข้าวสารที่ราคาแพงมาบริโภค
สำหรับจังหวัดพัทลุงมีพื้นที่ทำนาข้าว 289,241 ไร่ มีเกษตรกรชาวนา 40,221 ราย ผลผลิตข้าวเฉลี่ย 130,737 ตันต่อปี ซึ่งพื้นที่ที่ปลูกข้าวมากที่สุดคือ อำเภอเมืองพัทลุง 86,065 ไร่ และอ.ควนขนุน อ. เขาชัยสน อ.ปากพะยูน และอ.ป่าบอน ตามลำดับ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ฝนถล่มกรุงรับอรุณ อุบัติเหตุระนาว-รถติดยาวเหยียดหลายเส้นทาง

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 06-04-2551 | 09:19 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ช่วงเช้าวันนี้ (6 เม.ย.) มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ส่งให้ เกิดการจราจรติดขัดในหลายเส้นทาง เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายกันซ้ำซ้อน โดยที่ถนนนครอินทร์ รถยนต์ส่วนบุคคล จักรยานยนต์ และรถสาธารณะ ชนท้ายกัน จำนวน 13 คัน ด้านถนนพระราม 2 การจราจรติดขัดรถเคลื่อนตัวช้า เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และมีอุบัติเหตุรถชนท้ายกันตามริมถนน ทำให้การจราจรชะลอตัว ขณะที่ทางคู่ขนานลอยฟ้า บรมราชชนนี การจราจรติดขัด รถไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายกัน ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและเร่งระบายรถ พร้อมเตือนประชาชน ที่ใช้เส้นทางต่างๆ ขับรถด้วยความระมัดระวัง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• กาฬสินธุ์อากาศวิปริต ทั้งร้อน-ฝน-หนาว ยอดผู้ป่วยกว่า 3 พันคน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 06-04-2551 | 10:49 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">นายประชา จิตสุทธิผล ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นอย่างวิปริตในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ขณะนี้ ว่า ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน แต่กลับ พบว่าทุกพื้นที่เกิดลมมรสุม พายุฝน และพายุลูกเห็บตกลงมา จนทำให้เกิดปัญหา วาตภัย ที่เกิดจากพายุฤดูร้อน ซึ่งขณะนี้ความเสียหายเกิดขึ้นใน 3 อำเภอ คือ อ.หนองกุงศรี อ.ยางตลาด และ อ.เมืองกาฬสินธุ์ มีบ้านเรือนราษฎรได้รับ ความเดือดร้อนกว่า 1,000 หลังคาเรือน ขณะที่ปัญหาพายุฤดูร้อนที่ส่งผลให้ เกิดพายุฝน ยังส่งผลให้ประชาชนเกิดล้มป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งขณะนี้ มียอดผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาล ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงปัจจุบัน มากกว่า 3,000 ราย อีกทั้งจากภัยธรรมชาติที่วิปริตกว่าทุกปี ในบางพื้นที่ที่อยู่เชิงเขา หลายอำเภออุณหภูมิกลับปรับลงถึง 12 องศา ส่วนพื้นที่ราบลุ่มกลับมีสภาพอากาศ ที่ร้อนจัดถึง 30 องศา ซึ่งภัยพิบัติดังกล่าวจึงถือเป็นสิ่งผิดปกติ ทั้งภัยร้อน ฝน และหนาว ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือขณะนี้ได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ เฝ้าติดตามสถานการณ์และประกาศเตือนภัยทุก 6 ชั่วโมง ดังนั้น ประชาชนที่อยู่ ในพื้นที่ควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยง จากภัยธรรมชาติที่กำลังคุกคามอยู่ในขณะนี้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• มีผู้เสียชีวิต 15 คนและไร้ที่อยู่อาศัยจากอุทกภัยที่บราซิล

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-04-2551 | 09:51:32 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">รีโอเดจาเนโร 6 เม.ย.-เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนของบราซิล รายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักทางภาคเหนือ ของบราซิล มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน และต้องอพยพออกจากบ้านเรือนอีก 50,000 คน
รัฐปาไรบาเผชิญกับอุทกภัยอย่างหนัก มีผู้อพยพออกจากบ้านเรือน 15,000 คน และพบศพ 15 ศพ แถบริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนที่รัฐปีเอาอี มีผู้อพยพ 19,000 คน และชุมชน 30 แห่งถูกตัดขาดเพราะน้ำท่วม รวมทั้งยังมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัย เพราะน้ำท่วม อีก 8,000 คนในรัฐมารันเยา และอีก 4,000 คนในรัฐเปร์นัมบูกู และซีอารา รัฐบาลกลางบราซิลจัดสรรเงินช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 280 ล้านดอลลาร์ (8,960 ล้านบาท) ให้กับผู้ประสบภัยแล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• สภาพอากาศหลายจังหวัดวิกฤติ มีทั้งพายุถล่ม หนาวจัด และร้อนจัด

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-04-2551 | 11:05:06 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ภูมิภาค 6 เม.ย. - เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ที่จังหวัดแพร่ ทำให้พืชผลทางการเกษตร บ้านเรือนราษฏรและสถานที่ราชการได้รับความเสียหาย ส่วนที่จังหวัดยโสธร สถานการณ์ภัยแล้งกลับคุกคามคามอย่างหนัก ไม้ดอกเมืองหนาวล้มตายจำนวนมาก
เกิดฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก ในหลายพื้นที่ของจังหวัดแพร่ แรงลมที่พัดกระหน่ำ อย่างรุนแรง ส่งผลให้เสาไฟฟ้าหักโค่น ต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาด ส่วนที่ตำบลร่องกาศ เภอสูงเม่น ต้นสักขนาดใหญ่ได้ล้มทับบ้านชาวบ้าน เสียหายครึ่งหลัง ไร่ถั่วเหลืองของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอสอง ร้องกวาง และเด่นชัย เสียหาย
ส่วนที่ จังหวัดยโสธร กลับประสบปัญหาภัยแล้ง และอากาศร้อนจัดอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อสวนดอกไม้ฤดูหนาวของเกษตรกร ที่บ้านกว้างใหม่ ตำบลเขื่องคำ อำเภอเมือง ทำให้ออกดอกเล็กกว่าปกติ และเริ่มล้มตายจำนวนมาก เพราะทนสภาพ อากาศไม่ไหว ทั้งยังมีถูกแมลงศัตรูพืชระบาดซ้ำอย่างหนัก เกษตรกรหลายรายถึงขั้น ต้องหยุดการเพาะปลูกชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดทุน
ส่วนสภาพอากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ภัยธรรมชาติกลับวิกฤติอย่างหนัก ทั้งหนาวจัด ร้อนจัด และบางที่มีฝนตกหนัก โดยมี 3 อำเภอ คือหนองกุงศรี ยางตลาด และอำเภอ เมืองกาฬสินธุ์ เสียหายจากวาตภัยที่เกิดจากพายุฤดูร้อน ส่วนพื้นที่ที่อยู่เชิงเขา หลายอำเภอ อุณหภูมิกลับต่ำลงถึง 12 องศา ขณะที่พื้นที่ราบลุ่มอุณหภูมิกลับสูงถึง 30 องศา ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทั้ง 18 อำเภอ เฝ้าติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด และประกาศเตือนภัยทุก 6 ชั่วโมง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ ประกาศพื้นที่ 16 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 06-04-2551 | 12:54 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ชาวบ้าน ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ รวม 318 ครอบครัว รับสิ่งของที่จังหวัด นำมามอบให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น หลังถูกพายุพัดบ้านพังเสียหาย เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ประกาศให้ทั้ง 16 อำเภอของจังหวัด เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน เพราะตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา พายุฤดูร้อนพัดบ้านแล้ว ถึง 40 ครั้ง บ้านเรือนเสียหาย 1,550 หลัง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง 10 ล้านบาท
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• เตือนระวังโรค "ฮีทสโตรก" ผู้ป่วยอาจถึงตายได้

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 06-04-2551 | 12:53 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 กล่าวถึงโรคลมแดด หรือ โรคฮีทสโตรก ที่มาพร้อมฤดูร้อน ว่า ผู้ที่เป็นโรคนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 70 โดยมีประชาชนเสียชีวิตจากโรคนี้ปีละ 371 ราย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ในประเทศไทย อาการสำคัญของโรคฮีทสโตรก คือ ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัด ขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่เป็นจะมีอาการกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดหัว มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน ซึ่งต่างจากการเพลียแดดทั่วไป คือจะมีเหงื่อออกร่วมด้วย โดยหากเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักทันที ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษา ทันท่วงทีจะทำให้เสียชีวิตได้ หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้นำผู้ป่วยเข้าที่ร่ม นอนราบ ยกเท้าทั้งสองข้างให้สูง ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบตามตัว เพื่อลดอุณหภูมิ และนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
สำหรับวิธีป้องกันโรคฮีทสโตรก ป้องกันได้โดยการดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตร หากทำงานในที่ร่มควรดื่มอย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ภัยแล้งปราจีนบุรีใช้งบไปแล้วกว่า 47 ล.

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ทีมข่าว INN News [ 06-04-2551 | 14:48:59 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ภัยแล้งปราจีนบุรีใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 47 ล้านบาท พบที่นาแล้งสุด 602 ไร่ รองลงมาพื้นที่สวนผลไม้ – ไร่ รวม 34 ไร่ชี้หากฝนยังทิ้งช่วงต่อเนื่อง จะมีพื้นที่รับภัยแล้งเพิ่มอีก 57,256 ไร่
นายกนก ปฐมนุพงษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปราจีนบุรีกล่าวว่า “จ.ปราจีนบุรีได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยแล้ง ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. 51 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ รวม 64 ตำบล 581 หมู่บ้าน”
“ พื้นที่ประสบภาวะภัยแล้งมากที่สุดที่ อ.ศรีมหาโพธิ เป็นพื้นที่การเกษตรทำนาข้าว รวม 602 ไร่ และพื้นที่ทำไร่ และสวนผลไม้ เขต อ.เมืองปราจีนบุรี รวม 34 ไร่ รวมพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้งด้านการเกษตรกรรม รวม 636 ไร่ คิดเป็นมูลค่าเสียหาย รวม จำนวน 85,484 บาท หากยังมีภาวะฝนทิ้งช่วงต่อเนื่อง จะมีพื้นที่รับผลเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 57,256 ไร่” นายกนกกล่าว
และกล่าวต่อไปว่า “ การให้การช่วยเหลือ ประกอบด้วยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำ แจกจ่าย เพื่อการเกษตร พื้นที่ อ.เมืองปราจีนบุรี จำนวน 4 คัน อ.นาดี รวม 6 คัน รวม 44 เที่ยว ปริมาณน้ำ รวม 390,000 ลิตร”
“ นำเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือในพื้นที่ อ.เมืองปราจีนบุรี จำนวน 3 เครื่อง อ.ศรีมหาโพธิ จำนวน 3 เครื่องพร้อมกับการซ่อม / สร้างทำนบฝายกักเก็บน้ำในทุกอำเภอยกเว้น อ.บ้านสร้าง จำนวน 56 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำในพื้นที่ทุกอำเภอ ยกเว้น อ.ประจันตคาม รวม 83 แห่ง”
“ พร้อมกับแจกน้ำอุปโภค – บริโภค ในทุกอำเภอโดยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 53 คัน รวม 20 เที่ยว ปริมาณ 15,816,000 ลิตร รวมงบประมาณดำเนินการไปแล้ว ขณะนี้ จำนวน 47,485,547 บาท” นายกนก กล่าวในที่สุด
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• 30 เมืองของบราซิลถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หลังน้ำท่วมหนัก

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 06-04-2551 | 13:17 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือนของบราซิล รายงานว่า น้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกอย่างหนัก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่แห้งแล้งของบราซิล ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน จากเหตุที่มีแม่น้ำไหลท่วมล้นฝั่ง และทำให้เขื่อนกั้นน้ำมีรอยร้าว ส่งผลให้ประชาชน ในพื้นที่ดังกล่าว และในรัฐใกล้เคียง ราว 50,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย และทำให้เมืองต่างๆ รวม 30 เมือง ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ เนื่องจากถนนถูกตัดขาด นอกจากนี้ยังทำให้พืชที่ปลูกไว้ถูกทำลาย
ขณะที่ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษให้นำเงิน 360 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปช่วยประชาชนที่กำลังประสบภัยอยู่ในขณ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• เกิดพายุฤดูร้อน พัดถล่มหลายพื้นที่ของภาคอีสาน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ทีมข่าว INN News [ 06-04-2551 | 17:07:43 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ภูมิภาค 6 เม.ย. - เกิดพายุฤดูร้อน พัดถล่มหลายพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องยกเลิกการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์แห่งประเทศไทย สนามแรก หวั่นเกิดพายุถล่มซ้ำ
ที่จังหวัดบุรีรัมย์แรงลมพายุที่ถล่มอย่างหนัก ได้พัดอุปกรณ์เครื่องเสียง เต็นท์รถ รวมถึงเครื่องเจ็ตสกีของนักกีฬา ที่เตรียมแข่งขันเก็บคะแนนชิงแชมป์ แห่งประเทศไทย ประจำปี 2551 สนามแรก บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วตลาด ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง พังเสียหาย ทำให้อุปนายกเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการ จัดการแข่งขัน ตัดสินใจประกาศยกเลิกการแข่งขันเจ็ตสกีในวันนี้ เนื่องจากเกรงว่า พายุฤดูร้อนจะพัดถล่มซ้ำอีกรอบ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ส่วนที่จังหวัดมหาสารคาม พายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนราษฎรในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่บ้านดอนบาก อำเภอกันทรวิชัย บ้านสองคอน อำเภอโกสุมพิสัย และบ้านเสือเฒ่า อำเภอเชียงยืน ทำให้หลังคาบ้านประชาชนปลิวหลุดไปเกือบ 100 หลังคาเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนข้าวเปลือก ในยุ้งข้าวถูกน้ำจนเปียกเสียหาย ชาวบ้านกว่า 300 คน ไร้ที่อยู่อาศัย
เช่นเดียวกับที่จังหวัดชัยภูมิก็เกิดพายุฤดูร้อนขึ้นเช่นกัน ที่อำเภอแก้งคร้อ ซึ่งถือว่า รุนแรงมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีบ้านเรือนประชาชนเสียหายทั้งหลัง 13 หลัง เสียหายมาก 105 หลัง เสียหายเล็กน้อยจนถึงปานกลาง 88 หลัง ล่าสุดจังหวัด ได้ออกให้ความช่วยเหลือ จัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้ชาวบ้านซ่อมแซมบ้านเรือนแล้ว พร้อมทั้งมอบเงินสด และข้าวสารให้กับครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ไข้หวัดนกระบาดครั้งใหม่ที่อินเดีย

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 06-04-2551 | 23:25:30 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">อินเดีย 6 เม.ย. - ทางการอินเดียรายงานการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ครั้งใหม่ในวันนี้ โดยในครั้งนี้ทางการต้องเตรียมฆ่าสัตว์ปีกอีกหลายพันตัว
เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ของอินเดียรายงานในวันนี้ว่า ได้รับรายงานการแพร่ระบาด ของเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีก ในรัฐห่างไกลทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์กำลังเตรียมฆ่าไก่ และเป็ดอีกหลายพันตัว ในรัฐติรปุระ ที่อยู่ติดกับพรมแดนประเทศบังกลาเทศ หลังจากมีรายงานเบื้องต้นว่า มีนกตายมากกว่า 3,000 ตัว
เจ้าหน้าที่ประจำรัฐตริปุระกล่าวว่า นี่คือการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก ส่วนรายงานยืนยันขั้นสุดท้ายจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ พร้อมย้ำว่า เชื้อน่าจะแพร่ระบาด มาจากประเทศบังกลาเทศ หลังจากเจ้าหน้าที่ในบังกลาเทศได้ฆ่าสัตว์ปีก หลายล้านตัวแล้ว แต่ก็ยังต้องเร่งหาวิธีควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อตัวนี้อยู่
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• สธ.เตือนไข้เลือดออกหน้าร้อน-ป่วยทั่วประเทศแล้วกว่า 7,000 ราย

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-04-2551 | 12:15:03 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">สำนักข่าวไทย 7 เม.ย. - นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ โรคไข้เลือดออกปีนี้ จนถึงเดือนมีนาคม 2551 มีรายงานผู้ป่วยสะสม 7,413 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 99 รักษาหายขาด มีเสียชีวิต 9 ราย ใน 8 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต อ่างทอง ราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร สิงห์บุรี และสมุทรปราการ เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีผู้ป่วย 4,209 ราย เสียชีวิต 4 ราย พบผู้ป่วยมากที่สุดในภาคกลาง 4,554 ราย รองลงไปคือ ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉพาะกรุงเทพฯ พบผู้ป่วยแล้ว 1,229 ราย
ทั้งนี้ ได้สั่งการสาธารณสุขจังหวัด รณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันทำลาย แหล่งเพาะพันธุ์ ยุงลายอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูกาลระบาด เพราะไข่ยุงลายปรับตัวทนแล้ง ได้นานกว่า 6 เดือน ถึง 1 ปี เกาะติดในภาชนะ เมื่อมีน้ำขัง ไข่จะฟักตัวใน 20-60 นาที
ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ยุงลายชอบกัดคนที่มีเหงื่อ ออกมาก ตัวร้อน ดังนั้น คนที่ไม่ชอบอาบน้ำ หรือที่เรียกว่าซักแห้ง จะตกเป็นเหยื่อของ ยุงลายได้ง่ายกว่า นอกจากนั้น ยุงลายยังชอบกัดคนหายใจแรง ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม ชอบกัดเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ชอบกัดผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ผู้เชี่ยวชาญนาซาเตือนภาวะโลกร้อนทำโลกวิกฤติ

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-04-2551 | 12:29:31 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เดลาแวร์ 7 เม.ย. - ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) ยืนยันปัญหาโลกร้อนทำให้โลกของเราตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศมีสูงมากจนถึงขั้นอันตราย
นายเจมส์ แฮนเซน ผู้อำนวยการสถาบันกอดดาร์ดเพื่อการศึกษาอวกาศ ซึ่งเป็น หน่วยงานหนึ่งของนาซา เผยว่า แม้สถานการณ์จะเข้าขั้นวิกฤติ แต่ก็ยังพอมีทาง แก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดเก็บภาษี ควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน รวมถึงห้ามก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ถ้าไม่มีระบบดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดีพอ และท้ายสุดควรจะทยอย ยกเลิกโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทั้งหมดในอีก 22 ปีข้างหน้า
นายเจมส์ แฮนเซน ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อจากนิตยสารไทม์ ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เมื่อปี 2549 ยังย้ำว่า ปัญหาหลักในตอนนี้ เกิดจาก มนุษย์พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากเกินไป ทั้งถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงฟอสซิลถือเป็นธุรกิจใหญ่ ทำให้ทางการสหรัฐต้องออกกฎหมายขึ้นมาปกป้อง ผลประโยชน์ของธุรกิจกลุ่มนี้
ผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาที่คนอเมริกันวิตกมาก เป็นลำดับที่ 25 และแม้จะรู้ดีว่า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ถือเป็นต้นเหตุที่ทำให้โลก ของเราร้อนขึ้น แต่นายแฮนเซน บอกว่า ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ยังคงชักนำให้รัฐบาล และประชาชนเข้าใจผิด คิดว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น เป็นรูปแบบเดียวกับที่บริษัทบุหรี่จ้างนักวิทยาศาสตร์ มาวิจัยให้เห็นว่า การสูบบุหรี่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งที่คนทั่วไปก็ทราบดีว่า บุหรี่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• สภาพอากาศเปลี่ยนเพิ่มความเสี่ยงตาเป็นต้อกระจก

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-04-2551 | 13:22:09 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ซิดนีย์ 7 เม.ย. - สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ตาเป็นต้อกระจก เพราะได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิเฟรด ฮอลโลวส์ ในออสเตรเลีย เผยว่า มีปัจจัยหลักอยู่ 3 ประการ ที่จะส่งผลให้ตาเป็นต้อกระจก นั่นก็คือ อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่ และการได้รับรังสียูวีมากเกินไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ส่งผลให้ปริมาณ ชั้นโอโซนมีน้อยลง รังสียูวีจึงแผ่มาสู่โลกได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงที่ตา จะเป็นต้อกระจกมีมากขึ้นด้วย
มูลนิธิเฟรด ฮอลโลวส์ ซึ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือผู้เป็นโรคต้อกระจกในประเทศ กำลังพัฒนา ยังแนะให้ผู้ปกครอง หาวิธีป้องกันไม่ให้เด็กที่ออกไปเล่นกลางแจ้งนาน ๆ ป่วยเป็นโรคต้อกระจก โดยอาจให้เด็กสวมหมวกปีกกว้าง หรือใส่แว่นกันแดด เพื่อไม่ให้ตารับแสงยูวีมากเกินไป
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• ไฟป่าภาคเหนือ / พายุฤดูร้อนสร้างความเสียหายบริเวณกว้าง

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ช่องเจ็ดสี [ 07-04-2551 | 17:00 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">กลางดึกคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า แม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระดมเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมไฟป่า บริเวณห้วยหมี ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านนาดาว และวัดจอมทอง โดยไฟป่าได้ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่เร่งดับไฟป่า ไม่ให้ไฟป่าลุกลามไหม้หมู่บ้านใกล้เคียง แต่กว่าจะควบคุมไฟป่าไว้ได้ก็ต้องไช้เวลา อยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง โดยไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ป่าเสียหายกว่า 7 ไร่ และเชื่อว่า สาเหตุมาจากชาวบ้านเผาป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย แต่เกิดลมพัดแรง จนทำให้เกิดไฟป่าลุกลาม
ส่วนพายุฤดูร้อน ที่เกิดขึ้น ใน 3 ตำบลของอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน สร้างความเสียหาย ให้กับบ้านเรือน 268 หลัง พื้นที่เกษตรกรรมกว่า 1,500 ไร่ คนชรา ผู้ใหญ่และเด็ก ได้ออกมาช่วยกันเก็บกวาดเศษต้นไม้ เศษกระเบื้อง และหลังคาสังกะสี ที่ถูกกระแสลมพัดสร้างความเสียหาย ส่วนผู้ชายก็จะช่วยกันซ่อมแซมบ้าน
กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางและภาคตะวันออก จะยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ โดยเฉพาะจังหวัด ทางภาคตะวันออก จะมีฝนตกมากที่สุดร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนทางภาคใต้ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเช่นกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• พายุถล่มอำนาจเจริญหนักสุดรอบ10ปี บ้านเรือนพัง 50 หลัง

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย เนชั่นทันข่าว [ 07-04-2551 | 20:38 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">บ่ายวันนี้ได้เกิดพายุฤดูร้อยที่บ้านโนนทุ่ง หมู่ 7 ต.ไม้กลอน อ.พนา จ.อำนาจเจริญ ทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหายไม่น้อยกว่า 50 หลังคาเรือน ทั้งยังพบว่า อาคาร ห้องประชุม ภายในโรงเรียนบ้านโนนทุ่ง-ดอนชาด ถูกลมพายุเอาสังกะสีมุงหลังคา ประมาณ 7-8 แผ่นหลุดออก โดยนายวรรณรบ คำภา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.ไม้กลอน และลูกบ้าน ต้องระดมช่วยเหลือครอบครัวที่ประสบภัยบ้านพังอย่างโกลาหล จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่าบ้านพักของ นายสมควร รัตนศรี เลขที่ 71 หมู่ 7 ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนถูกพายุพัดเสียหาย โดยตัวบ้านทั้งหลังพังมากองบนดิน โชคดีขณะเกิดเหตุเจ้าของบ้านและลูกๆ ไม่ได้อยู่ในตัวบ้าน นายวรรณรบ กล่าวว่า เหตุพายุโซนร้อนพัดบ้านเรือนเสียหาย เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา มีบ้านราษฎรถูกพายุฝนพัดพังเสียหายจำนวน 29 หลังคาเรือน นอกจากนี้ยังพบอาคารโรงเรียนและศาสนาสถานเสียหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่าง ประเมินราคา เพื่อของบประมาณในการซ่ออมแซมใหม่ โดยลมพายุที่พัดถล่มถือว่า เป็นปรากฎการณ์ที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ด้าน นายนิรันทร์ ทองสิงห์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานไปยังผู้นำท้องถิ่น ทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน และ ส.อบต.เร่งสำรวจความเสียหายตามแบบฟอร์มแล้ว หลังจากนั้นให้ส่งข้อมูลมาที่อำเภอ เพื่อที่จะรวบรวมส่งให้กับทางจังหวัดพิจารณาช่วยเหลือต่อไป ซึ่งขณะนี้ในหลายท้องที่ ของ จ.อำนาจเจริญ ชาวบ้านเดือดร้อนหนักเนื่องจากภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• เวียดนามพบโรคบลูเอียร์ ระบาดในหมู

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 07-04-2551 | 18:05:10 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">ฮานอย 7 เม.ย.- โรคบลูเอียร์ (Blue-eared) กลับมาระบาดในเวียดนามอีกแล้ว ส่งผลให้หมูที่เลี้ยงไว้ตายไปกว่า 50,000 ตัว ซึ่งน่าจะทำให้เนื้อหมูขาดตลาด จนมีราคาแพงขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โรคบลูเอียร์เคยระบาดยังฟาร์มเลี้ยงสัตว์หลายแห่งในเวียดนาม และจีน เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งโรคนี้จะไม่ติดต่อมาสู่มนุษย์ เพียงแต่จะทำให้หมูที่เลี้ยงไว้ มีภูมิต้านทานลดลง จนติดเชื้อซ้ำสอง เช่น เชื้อซัลโมเนลา เป็นเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร ล่าสุด พบโรคบลูเอียร์กลับมาระบาดอีกครั้งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาใน 4 จังหวัด ทางภาคกลางของเวียดนาม อาทิ เหง่อัน, ทัญฮั่ว, ฮ่าติญ, และ ก้วงนัม ส่งผลให้หมูที่เลี้ยงไว้ตาย หรือถูกฆ่าไปกว่า 50,000 ตัว
ด้านรองอธิบดีกรมสุขภาพสัตว์ประจำกระทรวงเกษตรของเวียดนาม ก็เตือนให้ระวังว่า มีความเป็นไปได้มากที่เชื้อจะแพร่ลามไปยังจังหวัดอื่น การแพร่ระบาดของ โรคบลูเอียร์ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู อาจทำให้ผลผลิต ขาดตลาด จนดันให้เนื้อหมูมีราคาแพงขึ้น ซึ่งปัจจุบันเวียดนามกำลังประสบปัญหา ราคาข้าว และอาหารพุ่งสูงขึ้นอยู่แล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• น้ำท่วมหนักในบราซิล

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"></TD><TD width="92%">โดย ช่องเจ็ดสี [ 08-04-2551 | 08:24 น. ]</TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"></TD><TD width="93%">เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันพลเรือนของบราซิล เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม เกิดอุทกภัยและแผ่นดินถล่ม ในรัฐ"ริโอ แกรนด์ โด นอร์ท" ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 21 คน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 82,000 คน ขณะนี้ ประธานาธิบดีบราซิลได้สั่งการให้ ทุ่มงบประมาณกว่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และซ่อมแซม ถนนหนทาง และสะพานที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ ผู้ว่าการรัฐ 6 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้เข้าหารือกับผู้นำบราซิล เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของบราซิล ได้แพร่ภาพ ถนนหนทาง บ้านเรือน ในรัฐ"ริโอ แกรนด์ โด นอร์ท" ที่มีน้ำท่วมขัง โดยมีเด็กพากันเล่นน้ำบนถนนกันอย่างสนุกสนาน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"></TD><TD colSpan=2>

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• สเปนพบผู้เสียชีวิตจากโรควัวบ้า 2 ราย

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"></TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 08-04-2551 | 03:07:28 น. ]</TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"></TD><TD width="93%">สเปน 8 เม.ย. - มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คน จากโรควัวบ้าที่เกิดกับมนุษย์ ในประเทศสเปน
หนังสือพิมพ์เอล ปาอิส ของสเปน รายงานว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย อาศัยอยู่ในแคว้น กัสติลญ่า-เลออง ทางตอนกลางของประเทศ รายหนึ่งเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อน และอีกรายหนึ่งเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นผู้เสียชีวิตจากโรควัวบ้า ที่เกิดกับมนุษย์ หรือโรคสมองฝ่อ รายแรกของสเปน นับตั้งแต่มีผู้เสียชีวิตที่กรุงมาดริด เมื่อปี 2548 แต่กระทรวงสาธารณสุขสเปนยังไม่ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว สำหรับโรควัวบ้าพบครั้งแรกในอังกฤษ ช่วงหลังปี 2528 ขณะที่โรควัวบ้า ที่เกิดกับมนุษย์ หรือโรคสมองฝ่อ (vCJD) เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2538 โดยคาดว่าแพร่ระบาดจากเนื้อและกระดูกของวัวที่ติดเชื้อ.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• สธ.จีนยอมรับเชื้อหวัดนกติดคนสู่คน

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 08-04-2551 | 13:06 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีน รายงานว่า ชายวัย 52 ปี และ 24 ปี ในมณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นพ่อลูกกัน ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดนกจากกันเอง เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว โดยลูกเสียชีวิตในช่วงนั้น ส่วนพ่อรอดชีวิตเนื่องจากได้รับการดูแลรักษา อย่างทันท่วงที รวมทั้งได้รับวัคซีนตามโครงการทดลองวัคซีนต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คน
สำหรับกรณีดังกล่าว องค์การอนามัยโลกสงสัยมาตั้งแต่ช่วงเวลานั้นแล้วว่า จะติดเชื้อไข้หวัดนกจากคนสู่คน เนื่องจากไม่พบรายงานว่า พ่อมีประวัติสัมผัส สัตว์ปีกติดเชื้อ โดยเขาล้มป่วยภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากเฝ้าบุตรชายในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม การตรวจเลือดบุคคลอื่นๆ อีกกว่า 90 คน ที่เกี่ยวข้องกับพ่อลูกคู่นี้ ยังไม่พบว่ามีใครติดเชื้อ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• อินเดียเริ่มฆ่าไก่ในรัฐที่พบไข้หวัดนกระบาด

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 08-04-2551 | 16:21:00 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">กุวาฮาติ, อินเดีย 8 เม.ย.– อินเดียเริ่มลงมือฆ่าไก่นับพันตัวในวันนี้ และตรวจสอบหาผู้ป่วยเป็นไข้หวัด ตามหมู่บ้านชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ติดกับชายแดนบังกลาเทศ หลังผลตรวจสอบสัตว์ปีกที่ป่วยตายพบว่าติดเชื้อไข้หวัดนก
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขราว 100 คนต้องสวมชุดป้องกันและหน้ากาก เข้าเก็บไก่และเป็ดจากหมู่บ้าน 8 แห่งในเขตดาไล ของรัฐตริปุระ ซึ่งมีสัตว์ปีกป่วยตายถึง 3,000 ตัวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอัครฮอร์ เดบบาร์มา รัฐมนตรีด้านการพัฒนาสัตว์ของรัฐตริปุระ ระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ในการควบคุมสถานการณ์ ขณะนี้ยังไม่ประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีน หรือสัตวแพทย์ที่ผ่านการฝึกฝน และเจ้าหน้าที่การแพทย์ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีการตั้งทีมปฏิบัติการเร็วอย่างน้อย 21 ทีม เพื่อรับหน้าที่ฆ่าสัตว์ปีกราว 20,000 ตัว ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1
อินเดียประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกอยู่เป็นช่วงๆ โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ในรัฐเบงกอลตะวันตก ทำให้ต้องฆ่าสัตว์ปีกเกือบ 4 ล้านตัว นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจการค้าไก่และไข่ไก่เป็นเงินนับล้านรูปี
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• พายุลมร้อนถล่มสุราษฎร์บ้านเรือนเสียหาย 16 หลัง

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย เนชั่นทันข่าว [ 08-04-2551 | 20:51 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำสลับกับมีฝนตกหนักนานเกือบ 1 ชั่วโมง พัดพาหลังคา บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ม.7 บ้านสวยศรี ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับความเสียหายหลายหลัง โดยบ้านบางหลังถูกต้นไม้หักโค่นทับบนหลังคาบ้าน ได้รับความเสียหายบางส่วน นอกจากนั้นลมยังพัดหมุนอย่างรุนแรง พัดพาต้นไม้ ขนาดใหญ่ถอนรากถอนโคนขึ้นมาทั้งต้น ล้มทับสายไฟฟ้าในหมู่บ้าน ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.บ้านนาเดิมต้องตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราว เนื่องจากชาวบ้านบางส่วนต้องช่วยกันรื้อถอนต้นไม้ และซ่อมแซมหลังคาบ้าน
นางสำอางค์ เสวกวัง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/1 ม.7 ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังคาบ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุลูกชาย อายุ 10 ขวบ กับลูกสาวอายุ 7 ขวบอยู่บ้านตามลำพัง โดยตนเองติดฝนอยู่บ้านเพื่อน ออกมาไม่ได้ เพราะกลัวต้นไม้ล้มทับ มาทราบภายหลังว่าตอนเกิดเหตุลูก 2 คน วิ่งออกจากบ้านได้ทัน ช่วงที่มีต้นไม้ล้มทับหลังคาบ้าน โดยที่ไม่มีใครได้รับอันตราย แต่บ้านพังเกือบทั้งหลัง ด้านนางเดี้ยน แก้วนิรัตน์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.7 ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเห็นมาก่อน สภาพลมพัดหมุนอย่างรุนแรง สลับกับมีฝนตกหนัก ซึ่งลมพัด 2 ช่วง ช่วงแรกลมพัดมา ทางด้านทิศตะวันออกต้นไม้ล้ม หลังคาเปิด จากนั้นห่างกันประมาณ 15 นาที ลมพัดทางทิศตะวันตก ย้อนขึ้นมาอีกทำให้หลังคาบ้านเปิดเกือบหมดทั้งหลัง จากนั้น มีฝนตกหนักโดยทุกคนที่อยู่ในบ้าน พยายามวิ่งออกนอกบ้านรวมกันอยู่หน้าบ้าน จุดที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ อยู่ในบ้านไม่ได้ เพราะทั้งหลังคาบ้านที่ปลิวว่อน เศษไม้ร่วงหล่นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากพื้นที่ ม.7 แล้วยังพบว่าพื้นที่ ม.5 ต.บ้านนา มีบ้านเรือนราษฎรหลายหลัง ได้รับความเสียหายบางส่วนเช่นเดียวกัน ส่วนมากต้นไม้ ล้มทับหลังคาบ้าน และบางส่วนกระเบื้องหลังถูกลมพัดหายไป โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เข้าไปตรวจสอบความเสียหายในเบื้องต้นแล้วพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายทั้ง 2 หมู่บ้าน 16 หลัง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="1%"> </TD><TD colSpan=2>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• แม่ฮ่องสอนแล้งหนัก ประกาศ 44 ตำบลพื้นที่ภัยพิบัติ

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ทีมข่าว INN News [ 08-04-2551 | 19:58:42 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">แม่ฮ่องสอน วิกฤตหนัก ประกาศให้พื้นที่ 44 ตำบล เป็นพื้นที่ภัยพิบัติจากวิกฤตภัยแล้ง แล้ว
จ.แม่ฮ่องสอน วิกฤติประกาศเขตภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว 44 ตำบล 319 หมู่บ้าน 37,113 ครอบครัว 107,773 คน พื้นที่การเกษตรขาดแคลนน้ำ 28,022 ไร่ จากทั้งหมด 44 ตำบล 415 หมู่บ้าน 7 อ.แม่สะเรียงจ.แม่ฮ่องสอน ล่าสุด พ.อ.บุญยืน อินกว่าง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 36 ค่ายเทพสิงห์ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ปล่อยแถวทหารพราน พร้อมด้วยรถบรรทุกน้ำ ออกช่วยเหลือราษฎร ที่ประสบภัยแล้ง ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย อ.สบเมย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>