ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

ในเรื่องบารมีธรรม ถึงจะอ่อนว่าแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสร้างให้เพิ่มขึ้นไม่ได้อีก ต้นทุนของมนุษย์มีมากน้อยต่างกัน คนที่มีมากแต่มาเปรียบเทียบกับคนที่มีน้อย ยังไงก็ชนะอยู่ดี
แข่งบุญแข่งวาสนาไม่ได้

แต่คนที่มีน้อยก็ยังเพิ่มให้มากขึ้นเรื่อยๆได้ ถึงจะมีน้อยแต่ก็สร้างอย่างต่อเนื่องตั้งใจที่จะสร้าง

และอีกเรื่องใช่ว่าตัวเองบารมีธรรมมากๆ ใครๆจะตักเตือนไม่ได้ เค้าเห็นว่าผิดถึงตักเตือนถึงบอก ไม่ได้หมายความว่าด่าแต่อย่างใด ถ้ายังเห็นแต่ว่าตัวเองไม่ผิดคิดเข้าข้างตัวเองก็เชิญอยู่กับความเห็นผิดต่อไป
........

ก็แค่บ่นเฉยๆ โลกมันก็น่าเบื่อดี...

 

เป็นตัวอย่างได้ดีของการชอบไปตีความคำทำนายเพ้อเจ้อออกมามั่วๆ สุดท้ายมันไม่ใช่ผ่านอีกเคสสำหรับผู้วิเศษเทยหงบ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผู้วิเศษหาทางลง ต้องประกาศตัวว่าจะหายตัว แล้ว อีกซักพักภัยพิบัติตามคำทำนายจะเกิด เหมือนครั้งป้ามหาภัย

 

อาการนี้ผมก็เคยเป็น

แต่ใครจะมาทำนงทำนายภัยพิบัติ เพราะเห็นเองหรือมโนนี่ผมก็ไม่อาจคาดเดา

รู้แต่ว่าตอนนั้นตัวเองไม่ได้รู้อะไรเลย แค่ตอนนั้นไม่พอใจกับความน่าเบื่อของโลกดและอะไรหลาย ๆ อย่างเลหวังจะให้มันเกิดภัยพิบัติขึ้นมา

ส่วนคนอื่นที่ทำ ทำนองเดียวกะผมในตอนนั้น เขาจะคิดอะไรอยู่ผมไม่รู้กะเขาหรอก

แต่ก็อยากะบอกว่า

ภัยพิบัติน่ะมันเกิดแน่

แต่อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบที่เราคิด หรือ อาจจะแรงน้อยกว่า และ/หรือ กินเวลายาวนานกว่าที่เราคิด

และ

แม้ภัยพิบัติจะไม่เกิด ผลกรรมที่มนุษย์ทำไว้กับโลกมันจะส่งผลแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
สภาวะโลกร้อน การเพิ่มจำนวนประชากรมนุษย์โลก การบริโภคเกินการเกิดตามธรรมชาติ
การทำลายทรัพยากรณ์ธรรมชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม

ไม่กี่สิบกี่ร้อยปีหรอก

มนุษย์ได้อดอยาก ถึงตอนนั้นก็ทำสงครามกันแย่งทรัพยากรณ์กันแน่ ๆ

สมัยผมเด็ก ๆ ข้าวปลาอาหาร น้ำท่า แถวบ้านผมยังอุดมสมบูรณ์อยู่เลย อากาศก็ยังดี หนาวนี่หนาวจนสะท้าน ฝนตกก็เล่นกันสนุกได้ทุกวัน กินน้ำฝนกันปกติ ตอนนี้อะไร ๆ เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้พวกเราไม่ค่อยจะกล้ากินน้ำฝนกันแล้ว แม้อะไร ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปมันจะเห็นไม่ชัดเพราะค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามการเวลาก็เถอะ แต่มันก็เปลี่ยนไปแล้ว

 

เพลงปลากรอบ มาม่า เคล้า.......

 

สายต่อไปจาก สีสะเกะ
เปิดให้ ดารา เชียงใหม่

ฝากข้อความถึงด้วยความ แฟร์ๆ ว่า

Likely blow nose, i said.

 

แสดงว่าท่านเข้าใจถึงความเป็นจริงอย่างถ่องแท้เป็นที่ชัดเจนแล้วตามนั้นเลย ความคิดอยากเปลี่ยนแปลง ความคิดอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจตัวเองต้องการ ผสมผสานรวมกันกับสิ่งสมมติที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการที่ได้รับรู้มา เลยออกผลออกมาเป็นการอยากมีพลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงโลก กลายเป็นผู้วิเศษไป ความต้องการอยากเห็นยุคศิวิไลย์ที่เป็นแค่โลกในอุดมคติไม่มีทางเป็นไปได้ เหรียญมีสองด้าน ทุกอย่างมีสมดุลของมัน มีดีก็ต้องมีเลวถ่วงกันไป ไม่มีทางที่อย่างใดอย่างนึงจะอยู่ได้ตลอด ถ้าสมดุลฝั่งใดเสียไปก็จะเกิดการปรับสภาพให้เข้าสู่สมดุล เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมียุคศิวิไลย์ที่มันมีแต่ด้านดีๆ ไม่มีด้านเสียเลย

บางคนบอกว่าตัวเองรู้แจ้งบรรลุธรรมชั้นสูงแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าเป็นแค่การบรรลุในความฝัน เพราะแท้จริงแล้วยังไม่ได้ตื่นจากฝัน ไม่ยอมตื่นจริงๆเสียที

 

คนหลงไม่รู้ตัวว่าหลงกันหรอก
ผมเคยหลงครั้งใหญ่เลย

พอรู้ว่าเคยหลงแล้วก็รู้ว่านั่นเคยหลง

นั่นคือสิ่งที่ผมเป็น

ผมยังไปไม่ถึงขั้น รู้ว่าหลง คือรู้แล้ว

เพราะผมยังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่ารู้เลย

หรือว่า "การรู้" ต้องมีฐานให้มันเสียก่อน? แล้ว ถ้าหลงไปทำอย่างอื่น นั่นคือการหลง เมื่อรู้ได้ว่าไปทำอย่างอื่นนอกจากสิ่งที่กำหนดเป็นฐาน นั่นคือการรู้ว่าหลง

คนอื่นมีจริตที่สอนง่าย บอกให้ทำตามเขาก็ไปทำามแล้วเข้าใจเอง

ส่วนผมมันเป็นคนแปลกอยู่อย่างหนื่ง คือ ถ้าไม่เข้าใจ ได้ดีพอยังไงก็ทำไม่ได้ = = ไม่รู้เหมือนกันว่าทำกรรมหรือสร้างวาสนามาแบบไหน โง่เกิน...

 

ขาดการสดับ...อะฮับ

หรือไม่ ก้ มี มิจฉาทิฏฐิร้ายแรง คือ...

เหนจิตเปนตน เหนตนในจิต หรือ
ลัทธิจิตเที่ยงหรือ กลัวจิตระเบิด
บึ้ม!...ถ้า ไม่มีจิต

นะ

ถ้า ยังสำคัญว่าจิตเที่ยง เวลา รู้
ก้จะเข้าใจว่า รู้ จะต้องเที่ยง แช่
แป้ง นิ่งๆ ว่างๆ

ลพ.ชลบุรี กล่าวเสมอ สติเกิดแปป
เดียวแล้วก้ดับ เพราะมีหน้าที่ ตัด
อกุสล(หลง)พอตัดแล้ว.ก้หมดเหตุ
สติ จะต้องดับไม่ใข่รู้ ค้างเติ่ง หน่วง
ไปหัว หน่วงทั่วตัว0% 100% .....

นะ

รู้ ถึงฐาน คือ สติก้เปนสภาวะธรรมที่ดับ

เราตามเหน สติ ดับ ที่เข้าไปตัด
อกุสลตามฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม

เปนการเน้นการเหน สติ ดับ จึงเรียก
ว่า อนุปัสสนา รู้ตามหลัง

พอเหนสติดับ จึงไม่ใช่รู้เพื่อเอาอะไร

คนภาวนาเก่งๆ จิตไหลไปคิดทั้งวัน รู้
ได้แบบนี้ คือ จิตตั้งมั่น

งง ปะ

จิตหลง จึงมี สมการ n+1

N คือ การเหนสติดับ หลังจากนั้น
จะต้องหลง ....เว้นแต่เปน อรหันต์

 

ทำใจสบายๆ ยิ้มหวานๆ ให้ ใจมันคลี่
คลาย ผ่องใส ก่อน

จะ ระลึกอะไรก้ได้ ที่เปนกุสล

ตรงนี้เรียก สมถะ

ส่วนการเหนว่า "ปรกติหลง มากกว่า
เกิดสติ" คือ การเหนวิเศษ

ซึ่งถ้าเปน ลัทธิจิตเที่ยง จะเอาหัวชน
ข้างฝาทันที ที่ใครแสดง สัจจธรรม นี้

การ ยอมจำนนว่า สติ ดับเปนธรรมดา
จิตจะ ละวาง มหาเหตุ

การละวางนั้น จึงเกิดจากการประจักษ์
ไตรลักษณ์

ไม่ใช่ 0% 100% ภาวนาใส่เกียร...มหา

 

เร่งๆ หน่อย

พอเที่ยงคืนวันนี้ ก้ หมดช่วง
ภัยพิบัติตามที่ อัยหยาสิทธิ
อัยหยาทำ เขารับคำสั่งของ
แท้ พยต.

พอเลยเที่ยงคืน กุเษมิ จะเอา
รถฟัก!ทองไปรับ พยต. พร้อม
ร้องเท้าแก้ว


ฮิววววววส์

 

อ้อ เข้าใจเรื่องสติขึ้นมาหน่อยแล้วครับ ขอบคุณท่านเล่า

ไม่ได้เข้ามานานขี้เกียจอ่านย้อนหลังมาก ช่วงนี้ มีความคืบหน้าว่า ท่านหงบบอกว่า 15 มาแน่เหรอ

ผมก็ทำนายได้นะ

หลังวันนี้แหละ มันจะมา แต่ อาจจะไม่ใช่พรุ่งนี้ อาจจะไม่เร็ว อาจจะไม่ช้า คาดเดาไม่ได้ว่ามันจะเกิดตอนไหน มันจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงแค่ไทย


...

สรุป จะเกิดก็เกิดไปเถอะ ขอแค่คนที่เรารักปลอดภัยแค่นั้นแหละ

สุขสันต์วันแห่งความรัก

 

สติไม่เคยเกิดแปปเดียวนะฮับ "ขนาดจะหลับยังรู้ว่าจะหลับ" ขนาดขาดสติโดนอารมณ์บดบังก็รู้อยู่ว่าโกรธแต่ ไปยึดเหนี่ยวอารมณ์ไว้เอง

"ส่วนคนภาวเก่งๆจิตไหลไปคิดทั้งวัน อันนี้ก็มโนทั้งวันอะฮับ" สรุปเขาโดนมโนเล่นงานนี่เขาเก่งชิมิฮับ เพราะ "สติมันเกิดดับได้?" ดูขัดๆนะฮับ

ส่วนแช่ 0% 100% = ตั้งมั่น/สมาธิ สำหรับคนที่ไม่เคยทำฌาน เพื่อจะได้รู้ว่าสมาธิคืออะไร และมันเป็น "ธัมมวิจัยยะสัมโพชฌงค์ ตั้งจิตไว้ในกายเต็มๆถึงความต่างของสภาวะธรรม" ด้วยนะฮับ

ไหงคำตถาคตถึงกลายเป็นเกียร์ซะแหล่วฮับ จารย์ปังนี่มึนๆนาฮับ

 

เคยได้ยินว่าคนที่ฝึกสติมาก ๆ เวลาหลับ ก็รู้ว่ากำลังหลับ พลิกตัวยังไงก็รู้เหมือนกันครับ

 

อย่างว่าฮับมันเป็นปัจจัตตัง ดังนั้นผู้ปฏิบัติจะผ่านทางไหนก็สำเร็จแบบนั้นแลฮับ

 

ตาย เลยฮับ หาก ยังเหนว่า มี หลับ มี ตื่น

ลพ.ชลบุรี กล่าวเสมอ ปุถุชน หลับ
ตลอดเวลา แม้น ตอนที่ตื่น เดิน เหิน
ไม่ล้ม

ดังนั้น จิตที่ไหลไปคิด หนึ่งขณะจิต
หาก ไม่ได้กำหนดรู้ ก้คือ หลับ!

ยิ่งเข้าฌาณ เสพฌาณ เสพภพ นี่
หลับแบบ มืดสนิท บาลีเรียก ไสย
คนไทยมาแปลเปน ...เรื่องอย่างว่า

ดังนั้น

จิตที่อบรมดีแล้ว จะ ทราบชัดว่า
จิตไหลตลอดเวลา(จิต มีปรกติ ส่ง
ออกนอก เข้าฌาณนี่ ส่งออกไปแล้ว)

นะ

สำคัญนะ

ลพ.ชลบุรี เน้นเสมอ มิจฉาทิฏฐิร้าย
แรง จิตเที่ยง สติเที่ยง

จิตเกิดดับ แสนล้าน หนึ่งคาบลม
หายใจ.....เนี่ยะ คือ "มันไหล"
หรือ ส่งออก แสนล้าน ขณะ
หนึ่งคาบลมหายใจ

หน้าที่เรา คือ เข้าไป ประจักษ์
สัจจ ดังกล่าว เรียกว่า เหนทุกขสัจจ

 

คำว่า ปัจจัตตัง ไม่ใช่ อาการ
สักกายทิฏฐิหนังไม่ถลอก

คำว่า ปัจจัตตัง หมายถึง พ้น
ความเปนเจ้าของ ..

มรรค มีหนึ่งเดียว ไม่มีมรรค
ของใครของมัน(สักกายทิฏฐิ
หนังไม่ถลอก)

มรรค หากมีความเพียร เจ็ดวัน
เหนผล!

และ ยืนยันกันได้ ไม่ใช่ โยน
ไปเปนเรื่อง "ความประมาท"

ปล.ลิง : มรรค มีหนึ่งเดียว บางสำนัก
เลยสร้างภาษาขึ้นมาใช้ หากใครไม่
ใช้คำอย่างเดียวกัน ...ก้ สำคัญมาก
อาจจะไม่ บรรลุธรรม ......ย่ามแดงเรียกพี่

 

อีกนัยหนึ่ง....

คนที่ ภาวนาถูก จะเหนว่า ตอน
ตื่นนอนเดินไปทำงาน ฯลฯ นั่น
แหละหลับอยู่

การนอน จึงไม่มีอีก

จะ ภาวนาแม้นอริยาบท นอน

 

จิตเที่ยง อันคงหมายถึง ตัวตนเที่ยง ความคิดเที่ยง อารมณ์เที่ยง ประมาณนี้นะค่ะ ที่เป็นมิจฉาทิฐิร้าย

ถ้าจิตที่มันไม่เที่ยงเพราะมันล้วนเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุมันยังอยู่ มันก็ยังไม่ดับ ถ้าเหตุมันดับ มันก็สลายหายไป แต่เหตุมันยังฝังแน่นอยู่ มันจึงไม่ดับอย่างแท้จริงค่ะ มันพร้อมที่จะเกิดใหม่ หากไปถูกเชื้อที่มันนอนนิ่งอยู่ค่ะ

แต่คำว่า "จิต" เที่ยงนั้น อาจหมายถึง จิตที่หลุดพ้นแล้ว วิญญาณก็รู้ว่าหลุดพ้น จบกิจ นะค่ะ ตามคำสอนในพระไตรปิฎก

ส่วนคำว่า "สติ" เที่ยง ก็คงเป็นตัวสภาวะรู้ อันเป็นสัมปชัญญะ ที่อันหมายถึง การมีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ นั่นเองแหละค่ะ

 

แง่มที่เกิดดับ "มันเจตนานะฮับ" จิตมันก็เพ่งไปของมัน "มันจิตตรงไหนหว่า"

แล้วกำหนดรู้นี่ ถ้าตรงตามความหมายคือสติ หรือการเพ่งกันแน่ฮับ ถ้ายังกำหนดนี่มัน "เจตนา" อะป่าวว้า แป่วแปลกๆนาฮับ


ส่วนไม่ได้กำหนดรู้ "จริงรู้นี่ไม่ต้องกำหนดอะป่าวฮับแค่มันจะโดนปิดบังด้วย "จิต" อะป่าว? เพราะเราดันรู้สึกแทนที่จะรู้อะฮับ" ไม่งั้นจารย์ปังลองไม่ต้องกำหนดอะไรเลยแล้วเอาพัดลมเป่าก็รู้อะป้าวฮับว่ามีลม แป่ว

 

คำว่า ปัจจัตตัง หมายถึง พ้น
ความเปนเจ้าของ ..


ปล.ลิง : มรรค มีหนึ่งเดียว บางสำนัก
เลยสร้างภาษาขึ้นมาใช้ หากใครไม่
ใช้คำอย่างเดียวกัน ...ก้ สำคัญมาก
อาจจะไม่ บรรลุธรรม ......ย่ามแดงเรียก


แป่วไหงกลับกินคำพูดตัวเองแหล่วฮับ

ส่วนมรรคมีหนึ่งน่ะใช่ "แต่วิธีทำมันคนละวิธีอะป่าวฮับไม่เรียนรู้เรื่องจิต แล้วจะรู้การทำงานของจิตจนมีพระอริยะหลายๆแบบเช่นสุขวิปัสโก หรือ แบบที่สำเร็จอภิญญาหกได้ไงฮับ"

ถ้าเขาทำ "แบบเดียวกันหมดก็คงมีแต่ปฏิสัมภิทาญาณแล้วมั้งฮับ" สรุป "ต้องทำแบบเดียวกันหมดอะป่าวหว่าเอ้ะยังไง?