พบมหาสถูปของพุทธ..ที่ใหญ่ที่สุดในโลก..ที่รัฐพิหารอินเดีย

พบมหาสถูปของพุทธ..ที่ใหญ่ที่สุดในโลก..ที่รัฐพิหารอินเดีย

ขอบคุณที่มาของ ข้อมูลคะ : Posted by คมสรัญญี



<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>

พอได้ข่าว ก็รีบหาโอกาสออกสำรวจ..พระมหาสถูปพุทธสถานในประเทศอินเดีย ซึ่งถูกค้นพบและรักษาไว้โดยรัฐบาลอินเดีย แต่ยังไม่มีคนไทยได้มีโอกาสไปถึง..เพราะถนนหนทางเข้าถึงลำบากดเป็นที่สุด..ได้เดินทางสู่รัฐพิหาร เลียบชายแดนเขตประเทศเนปาล ห่างจากกุสินาราประมาณ ๑๒๐ ก.ม. ในเขตจังหวัดจัมปารัน รัฐพิหาร หมู่บ้านเลาลิยะนันดันท์ (Lauliyanandan) และนันทันกาทร์(Nundanghat)


เมื่อไปถึง...ภาพที่เห็นก็คือ มหาสถูปขนาดใหญ่ได้เดินรอบด้วยตนเอง...ความกว้างของฐานสถูปโดยรอบ กว้างกว่า ๖๕๐ เมตร ความสูงที่คงเหลือประมาณ ๔๐ เมตร โดยลักษณะของมหาสถูปนี้ ทำให้นึกถึงพระเจดีย์ชะเวดากอง ณ ประเทศพม่าทันที..อะไรจะมีลักษณะโครงสร้างเหมือนกันมากขนาดนี้ สันนิษฐาน ว่าจะเป็นต้นแบบของมหาเจดีย์ชะเวดากอง ของพม่า


และยังไม่เคยเห็นสถูปหรือเจดีย์ของพระพุทธศาสนา ในประเทศอินเดียที่มีความใหญ่โตขนาดนี้มาก่อนเลย..

เห็นความใหญ่โตของสถูปนี้แล้ว ทำให้หายสงสัยเลยกับหลักฐานที่เล่าถึงว่า ชาวพุทธผู้ศรัทธา สร้างมหาสถูปสูงเป็นร้อย ๆ เมตรในอดีต หรือ สร้างเจดีย์สูงเท่านกเขาเหิร...

ส่วนความสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับมหาสถูปนี้ยังไม่มีหลัก,ฐานปรากฎชัดว่า..เกี่ยวกับอะไร กำลังหาข้อมูลเพื่อจักได้นำเสนอในส่วนของรายละเอียด โดยด่วน ในเบื้องต้น ทราบว่าสถูปนี้สร้างประมาณ พ.ศ. ๖๐๐ ​

​

ที่สำคัญที่สุดคือ ห่างออกไปประมาณสามกิโลเมตร ได้พบเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช อีกต้นหนึ่งซึ่ง ยังมีหัวสิงห์โต ที่ยังตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเสา..และมีอักษรพรหมมีสลักไว้เต็มเสาหิน เป็นเสาหินที่พบแห่งที่สองที่คงมีหัวสิงห์บนยอดเสา จากเสาหินที่นครไพศาลี แคว้นวัชชี

กำลังถอดคำแปลจากอักษรสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช สู่ทุกท่าน..อีกไม่นานคงได้คำตอบ ไขระหัสลับ พุทธสถานที่ใหญ่โตแห่งนี้เป็นแน่​

​

.............................................


​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<FORM action=http://www.oknation.net/blog/home/comment.php method=post>อ่านความคิดเห็น



<TABLE class=comment_topic2 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=65> </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=left>ความคิดเห็นที่ 6
BlueHill <!-- -->วันที่ : 02/04/2008 เวลา : 11.57 น.
http://www.oknation.net/blog/charlee
ฟ้าคราม ป่าเขียว กาแฟหอมกรุ่น



</TD><TD width="2%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_detail cellSpacing=0 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><TR><TD height=40>เทียบขนาดกับคนแล้ว จึงเห็นว่าใหญ่จริง ๆ ครับ <HR width="100%" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_topic1 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=65> </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=left>ความคิดเห็นที่ 5
wullopp วันที่ : 02/04/2008 เวลา : 09.29 น.
http://www.oknation.net/blog/health2you
</SPAN>


</TD><TD width="2%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_detail cellSpacing=0 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><TR><TD height=40>โหวตให้อีก 1 คะแนน... ขอกราบนมัสการพระธาตุในพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงตรัสรู้อย่างเลิศ บำเพ็ญพุทธกิจอย่างเลิศ และทรงพระคุณอย่างเลิศด้วยเศียรเกล้าครับ // ขอตั้งความปรารถนาให้ได้ไปกราบโดยเร็ว... <HR width="100%" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_topic2 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=65> </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=left>ความคิดเห็นที่ 4
Ch.Minivet <!-- -->วันที่ : 02/04/2008 เวลา : 08.41 น.
http://www.oknation.net/blog/ChMinivet
Ch.Minivet
</SPAN>


</TD><TD width="2%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_detail cellSpacing=0 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><TR><TD height=40>น่าสนใจมากค่ะ เดินรอบๆ เกือบกิโล



จะรอคำตอบ ไขปริศนาลับ นะคะ <HR width="100%" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_topic1 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=65> </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=left>ความคิดเห็นที่ 3
Jui <!-- -->วันที่ : 02/04/2008 เวลา : 06.49 น.
http://www.oknation.net/blog/jui880
</SPAN>


</TD><TD width="2%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_detail cellSpacing=0 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><TR><TD height=40>ตามมานมัสการสถูปศาสนาพุทธันยิ่งใหญ่ <HR width="100%" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_topic2 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=65> </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=left>ความคิดเห็นที่ 2
คมสรัญญี <!-- -->วันที่ : 01/04/2008 เวลา : 23.40 น.
http://www.oknation.net/blog/mylifeandwork
</SPAN>


</TD><TD width="2%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_detail cellSpacing=0 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><TR><TD height=40><CENTER> </CENTER>
อักษรพรหมมีที่ถูกจารึกไว้ทั่วเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช <HR width="100%" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_topic1 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=65> </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=left>ความคิดเห็นที่ 1
คมสรัญญี <!-- -->วันที่ : 01/04/2008 เวลา : 23.30 น.
http://www.oknation.net/blog/mylifeandwork
</SPAN>


</TD><TD width="2%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=comment_detail cellSpacing=0 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><TR><TD height=40><CENTER> </CENTER>
ภาพอีกมุมหนึ่งของพระมหาสถูป..ถ่ายร่วมกับหัวหน้ากองโบราณสถานจังหวัดกุสินาคาร์ ซึ่งเป็นผู้นำไปชมสถานที่แห่งนี้

ที่มา : http://www.oknation.net/blog/mylifeandwork/2008/04/01/entry-2


</TD></TR></TBODY></TABLE></FORM></SPAN>

 

สาธุ..ตระการตามากครับ ในสมัยที่สร้างใหม่ ๆ คงจะงดงามมาก

 

มีบุญจริง ๆ ที่ได้ไปเจอ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

 

สาธุ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนในการสร้างครับ

 

สาธุ

ที่เมืองสาวัตถี อินเดีย กำลังมีการสร้างพระมหาเจดีย์ ที่ใหญ่มากๆ (โดยคนไทย)






อนุโมทนาบุญผู้สร้างพระเจดีย์ในพระพุทธศาสนา ทุกยุคทุกสมัยครับ

-----------------------------------------------------------------------
รายการสร้างและบูรณะพระเจดีย์
http://palungjit.org/showthread.php?t=88255

 

แรงศรัทธาในสัทธรรมคำสั่งสอนขององค์พระบรมศาสดา

ขออนุโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

อนุโมทนาด้วย

ทุกข์ทั้งหลายไม่มีใครเป็นเจ้าของ คนรวย คนจน ทุกๆล้วนได้รับเสมอกัน

แนะนำ สมาชิกพลังจิต ภีมภากร ทำเวบธรรมะเชิญสมาชิกและไม่ใช้สมาชิก
ร่วมติชมได้ที่ www.watnai.org

 

เห็นภาพแล้วเกิดความปลื้มปิติมาก ขอให้มีบุญได้ไปกราบอีกสักครั้งเถิด

 

มหาสถูปเกสะเรีย ​

​

เมื่อไม่นานมานี้ กรมโบราณคดีของอินเดียได้ประกาศถึงการค้นพบสถูปทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย จากสถูปหลายๆ แห่งที่ยังไม่มีการขุดค้น ซึ่งกล่าวกันว่าสถูปที่เพิ่งพบนั้นเป็นสถูปที่สูงที่สุดในโลก และเป็นต้นแบบการสร้างสถูปบุโรพุทโธแห่งอินโดนีเซีย ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตรัฐพิหาร อินเดีย ห่างจากเมืองหลวงรัฐพิหารคือเมืองปัตนะ ๑๐๐ กิโลเมตร และห่างจากกุสินารา (รัฐ ยู.พี.) แดนปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๒๒ กิโลเมตร

พระมหาสถูปแห่งนี้คือ สถูปเกสะเรีย (Kesaria Stupa)
เมื่อแรกที่ไปพบเห็นก็เกิดความมหัศจรรย์ทางจิต รู้สึกตะลึงและทึ่งถึงความใหญ่โตของมหาสถูปซึ่งรู้สึกย้อนกลับไปถึงความสำคัญอันยิ่งใหญ่ของพุทธสถานแห่งนี้ ทำให้หยั่งคิดถึงความประสงค์ของผู้สร้างว่าต้องการประกาศพระเกียรติคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ปรากฏ แก่ชาวโลกโดยมิต้องสงสัย

ขนาดองค์มหาสถูปเดิมจากฐานล่างถึงยอดคาดว่าน่าจะสูงถึง ๑๕๐ ฟุต ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑,๕๐๐ ฟุต เป็นสถูปที่มีฐานขนาดใหญ่และลดหลั่นขึ้นไปเป็นชั้นๆ ทั้งหมด ๗ ชั้น แต่ละชั้นจะมีพระพุทธรูปปางต่างๆ เช่น ปางภูมิสัมผัส (Earth Touching) และปางสมาธิ เป็นต้น ประดิษฐานอยู่ทุกซุ้ม รายรอบองค์พระมหาสถูป

พระพุทธรูปบางองค์สร้างด้วยหินทราย บางองค์สร้างด้วยปูนขาว แต่ทุกองค์ล้วนแต่ถูกตัดพระเศียรและถูกทุบทำลาย มีจำนวนทั้งหมดถึง ๑๕๐ องค์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่ดูแลได้ยืนยันว่า พระพุทธรูปเหล่านี้ถูกทำลายในยุคที่กษัตริย์มุสลิมแห่งโมกุลปกครองอินเดีย ปัจจุบันสถูปเหลือความสูงเพียง ๑๐๔ ฟุตเท่านั้น เนื่องจากเกิดการพังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่รัฐพิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗

ประวัติการก่อสร้างพระสถูป ความสำคัญตามหลักฐานที่ค้นพบโดยกองโบราณคดีของอินเดีย ลักษณะสถูปนี้เริ่มแรกสร้างในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘ เสริมจากสถูปเดิมที่ผู้ศรัทธาสร้างถวายเพื่อเป็นพุทธานุสรณ์สถาน ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร ก่อนการเสด็จดับขันธปรินิพพาน 3 เดือน

นอกจากนี้แล้วก็มีการสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งในมหาปรินิพพานสูตร ซึ่งระบุถึงสถานที่พระพุทธองค์เสด็จผ่านก่อนการปรินิพพาน จากนครไพศาลี คือปาฏลิคาม โกฏิคาม นาทิกคาม ภัณฑุคาม หัตถีคาม อัมพคาม ชมพุคาม โภคนคร

ต่อมาในสมัยกษัตริย์ชาวพุทธ พระเจ้ากนิษกะแห่งราชวงศ์กุษาณะ ราว พ.ศ. ๖๔๐ ได้สร้างเสริมจากของเดิมให้ยิ่งใหญ่อย่างที่เห็น พร้อมสร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้โดยรอบพระมหาสถูป

นาย เอส.พี. ยาดาฟ (S.P. YADAV) เจ้าหน้าที่จากกองโบราณคดีของอินเดีย ผู้ดูแลสถูปแห่งนี้เล่าว่า สถูปแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธานุสรณ์ที่พระพุทธองค์มาศึกษาในสำนักอาจารย์อาฬาลดาบส อาจารย์ท่านแรกหลังการตัดพระเมาลีแล้วอธิษฐานบวชที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมานที

แม่น้ำอโนมานทีนี้ ปัจจุบันคือแม่น้ำนารายะนิ จากประเทศเนปาล หรือแม่น้ำกันดักในเขตประเทศอินเดียนั่นเอง และแม่น้ำสายนี้อยู่ห่างจากสถูปออกไปแค่สองกิโลเมตรเท่านั้น

การค้นพบตามบันทึกของ หลวงจีนฟาเหียน ซึ่งได้เดินทางมาที่สถูปแห่งนี้เมื่อประมาณ พ.ศ. ๙๐๐ ได้ระบุว่า พระเจ้าดิโอระราชา ได้สร้างเสริมสถูปให้ยิ่งใหญ่ไปกว่าเดิม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้ยิ่งใหญ่กว่าสถูปที่มนุษย์สร้างถวายพระเกียรติให้กับพระเจ้าจักรพรรดิจอมราชา ในสมัยนายพลอเลกซานเดอร์ คันนิงแฮม มาสำรวจสถานที่แห่งนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๕ ได้พบหลักฐานต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปที่ทำจากหินทราย เหรียญตราสัญลักษณ์ต่างๆ ในสมัยของพระเจ้ากนิษกะ

ปัจจุบันเริ่มมีนักแสวงบุญชาวต่างชาติเดินทางไปสักการะนมัสการพระสถูปแห่งนี้ แต่ก็ยังมีจำนวนน้อยมาก เพราะยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รับทราบอย่างกว้างขวาง และถนนเข้าไปยังสถานที่ตั้งพระสถูปก็ยังขรุขระมากและลำบากต่อการเดินทางไปถึง

ตามที่นับดูสถิติชาวพุทธไทยที่ได้มีโอกาสไปเยือนพระสถูปแห่งนี้มีไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวพุทธศรีลังกาและไต้หวัน

สถูปเกสะเรียตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเกสะเรีย ๒ กิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือจากเมืองปัตนะเมืองหลวงของรัฐพิหาร ๑๐๐ กิโลเมตร ในเขต อ.จำปารันตะวันออก (East Champaran) ห่างจากนครไพศาลีประมาณ ๖๐ กิโลเมตร และจากกุสินารานคร ๑๒๒ กิโลเมตร

ผู้แสวงบุญที่ใช้เส้นทางจากปัตนะ-กุสินารา ก็สามารถแวะไปนมัสการได้โดยไม่ยาก การเดินทาง สามารถเช่ารถจากปัตนะหรือกุสินารา ไปเช้า-เย็นกลับได้

0 เรื่องและภาพ พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตตธัมโม 0
พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์

บทความที่เคยเขียนลงหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก เมื่อ ๓ มี.ค.2006

พระพุทธรูป..ประดิษฐานโดยรอบมหาสถูป..มากกว่า ๑๕๐ องค์


ภาพนี้ถ่ายล่าสุดเมื่อเดือนมี.ค. ๒๕๕๑​

ขอขอบคุณ ที่มาของข้อมูลคะ : Posted by คุณคมสรัญญี
http://www.oknation.net/blog/mylifeandwork/2008/04/04/entry-1​

 

คนสมัยก่อนเคารพและศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่จริงๆครับ ผมรู้สึกยินดีมาก ขออนุโมทนา สาธุๆ