เรื่องเด่น พระก็คือพระวันยังค่ำ จะใส่อะไรก็เป็นพระ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 2 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,421
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,123
    ค่าพลัง:
    +70,473
    22222-1.jpg




    "พระก็คือพระวันยังค่ำ จะใส่อะไรก็เป็นพระ"

    หลวงพ่อกบเคยถูกพระผู้ใหญ่กล่าวหาว่า เป็นพระเถื่อนไม่มีใบสุทธิ พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่น่าเชื่อถือ หลวงพ่อกบท่านก็ไม่สนใจ หรือเถียงอะไร ยอมถอดจีวรออก ลาสิกขาบทโดยดี หันมานุ่งขาวห่มขาวแทน

    ตอนนั้นลูกศิษย์ร้องไห้ระงมทั่ววัดเขาสาริกา เพราะสงสารท่าน จนหลวงพ่อบอกว่า

    “พวกมึงจะร้องทำไมกันวะ พระก็คือพระวันยังค่ำ จะใส่อะไรก็เป็นพระ เหมือนทองจมขี้โคลน ยังไงก็เป็นทองนั่นแหละ”

    ทำให้ลูกศิษย์คิดได้ว่า พระไม่ได้หมายถึงการนุ่งห่มผ้าเหลือง แต่หากสามารถลดละกิเลสได้ ไม่ว่าแต่งกายชุดอะไร ก็ถือว่าเป็นพระอยู่วันยังค่ำ พระแท้พระดีจึงมิไช่อยู่ที่ผ้าเหลืองด้วยประการฉะนี้

    หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา


    **************************************************


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2018
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,421
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,123
    ค่าพลัง:
    +70,473
    หลวงพ่อกบ คนดีศรีละโว้
    วัดเขาสาริกา ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

    205073_4180558437626_137379971_n.jpg


    ประสบการณ์ทางจิตของข้าพเจ้ากับหลวงปู่กบ วัดเขาสาริกา

    พระอาจารย์ทางจิตของข้าพเจ้าสอนข้าพเจ้าว่า " ถ้ามึงอยากรู้ที่กูรู้ ให้มึงอย่าละทานบารมีและมึงจงเผาเงินบูชากูปีละ 30000 กูจะช่วยมึง "

    เป็นครั้งแรกในชีวิตตอนอายุ 19 ปี ที่ข้าพเจ้าพบท่านตรงๆๆ และท่านยังให้ข้าพเจ้าไปกราบท่านที่วัดทั้งๆๆๆที่ไม่รู้จักกันเลยแต่ข้าพเจ้าก็แอบเผาถวายท่านทุกๆปี

    จำได้ว่าพบท่านครั้งแรกแบบไม่รู้จักแต่ท่านก็ทวงเงิน 30000 ให้เผาถวาย แล้วตั้งเตาเผากลางแจ้งนึกถึงท่าน เราก็เผาถวาย แรกๆๆก็เสียดายเพราะเงิน 30000 ไม่น้อยเลยในวัยรุ่นของข้าพเจ้า พอเผานานๆๆไป อ้อ แบงค์ร้อย ยี่สิบ พันนี้ จะค่าไหนๆๆ ต้องไฟก็หมดไหม้เช่นกัน เข้าเตาแล้วเหมือนกัน เราให้ค่าอะไร มีแล้วเก็บก็คือกระดาษ มีแล้วแผ่บุญคือทานบารมี เราใช้กระดาษเป็นทานบารมี
    เสียงแบงค์ 1000 นี้เผาเพราะที่สุด สีสวยด้วย พอเผาครบใจมันโล่งๆๆๆจัง และข้าพเจ้าก็ได้ไปกราบท่านแต่นั้นด้วยความไม่รู้จักกันมาก่อน งมทางไป ทุกๆๆๆปีก็ยังเผาอยู่ เผาทุกวัน แอบเผาเอาและขอต่อรองท่านด้วยว่าขอปีละ 10000 นะครับ ที่เหลือจะแบ่งไปสร้างกุศล ท่านก็ยิ้มๆๆ
    ผงสร้างพระของข้าพเจ้าก็มาจากกองไฟนี้ด้วย ข้าพเจ้าเคยถามท่านว่า พระอยู่ที่ไหน
    ท่านตอบ ใจมึงวางมึงก็เป็นพระ ฆราวาสฝึกใจได้ก็พระ มึงดูแลใจมึงได้มึงก็เป็นพระทุกๆๆวัน

    คำสอนของพระอาจารย์ แค่มองท่านยิ้ม มองหน้าท่านท่านจะสอนในใจเสมอๆๆๆๆ " ให้มีหน้าที่ทำดี ทำบารมีไป ใครจะเห็นไม่เห็นช่างหัวมัน บุญใครบุญมัน ใครทำใครได้ เราทำเราได้ ทำให้คนโมทนาเขาและเราก็ได้ ให้หลีกหนีคำสรรเสริญ อย่ากลัวคำนินทา แผ่เมตตามากๆๆๆๆๆๆ "

    ใครๆๆเรียกท่านหลวงพ่อกบ แต่ท่านบอกพระนามทางวิญญาณให้ในสายเท่านั้น

    ท่านสอนอย่าอยู่เป็นที่ให้ทำแล้วทิ้ง ทำให้กว้าง วันไหนเต็มบุญมันบอกเอง ไม่ต้องเรียกคนมา แต่แผ่บุญกว้างๆๆไป ใครมีบุญมันจะโมทนาเอง ทรัพย์สินเงินทองให้ยกเป็นทาน ยิ่งทำยิ่งได้ยิ่งให้ยิ่งมี ท่านอยูใกล้ๆๆๆเสมอ ตราบพระพุทธศาสนาจะ 5000 ปี ของดีไม่ต้องประกาศ คนจะรับรู้เอง ผีสางเทวดาเขาอยากได้บุญเขาจะไปดึงมาเอง มีหน้าที่ทำบารมีทำไปอย่าขาด ตายเมื่อไหร่ค่อยเลิก

    IMG-20121218-WA0001.jpg

    พระพุทธรูปรัตนโกสินทร์ตอนต้นแก่ทอง ที่อยู่ด้านหลังพระมหามัยมุณี คือพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ประดิษฐานบนหัวนอนของหลวงพ่อกบ ที่คนแก่ผู้ดูแลท่านเป็นผู้มอบให้ข้าพเจ้าตอนไปกราบสมัยอายุ 21 ปีถ้าจำไม่ผิด เป็นครั้งแรกจากการติดต่อทางสมาธิหลายปีแล้วไปกราบรูปสมมติท่าน ขนลุกมากๆๆๆๆ คุณยายที่เฝ้าบอกว่าท่านมาเข้าฝันว่าลูกศิษย์ท่านจะมากราบวันนี้เลยให้แกเตรียมพระองค์นี้ไว้ เราก็ไม่เคยไปมาก่อนรู้แต่ชื่อวัด นั่งรถไปถึงตอนเที่ยงๆๆ พอเข้าเขตวัดลงจากรถ ขนลุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณยายคนเฝ้าก็ขนลุกเพราะตั้งแต่ท่านมรณะภาพไม่มีใครไปที่เตาบูชาไหของท่านเลยและท่านก็งงเพราเราหยิบเงินพันบาทเผาบูชาในเตาบูชาของท่านซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านชอบที่สุด แล้วจึงทำบุญกราบบูชาท่าน คุณยายคนเฝ้าเลยมอบพระองค์นี้ให้แก่เราและถือเป็นตัวแทนหลวงพ่อกบหรือหลวงปู่กาละ วัชระรังสี ตั้งแต่นั้น โมทนาสาธุๆๆๆๆๆๆๆ

    2012-12-18-21-03-44_deco-1.jpg 2012-12-18-21-02-09_deco-1.jpg

    และกระพรวนปลุกเสกอายุกว่า 100 ปี ที่ชาวบ้านเขาสาริกา นิยมนำมาบูชาขอให้หลวงพ่อปลุกเสก เป็นของขลังที่พึ่งที่ระลึกยุคแรกๆๆที่ท่านไม่นิยมสร้างมงคลวัตถุ จะแจกแต่ชา เครื่องเทศ ตะเกียงบูชาไฟ และกระพรวนเท่านั้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงท่านและคำสอนที่ซ่อนไว้ คือ ใจบริสุทธิ์ ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คือ มีลาภ...เสื่อมลาภ มียศ...เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ เป็นธรรมดา ใจอิสระคือใจเข้าใจ เสียงกระพรวนสั่นไกวคือเตือนใจให้มีสติ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่าประมาท ให้รู้เท่าทัน

    กราบแทบเท้า หลวงพ่อกบ สำนักเขาสาริกา โมทนาสาธุๆๆๆๆๆ
    พระอาจารย์ณเซียนเจ้า กองบุญหมื่นฟ้า


    line10(4).gif

    330028-1.jpg

    ประวัติ
    หลวงพ่อกบ เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ให้ความเคารพ และเลื่อมใสศรัทธา ชีวประวัติของท่านไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจน เป็นแต่เพียงการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ท่านธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ชายป่าด้านเขาสาริกา เมื่อประมาณปลายปี 2430 โดยที่ไม่มีใครทราบวาท่านมาจากไหน ท่านมีชื่อว่าอะไร และท่านเป็นคนจังหวัดใดหลายคนอยากทราบ ได้พยายามถามท่าน ท่านมักจะตอบว่า “ กูจะไปรู้ได้อย่างไร แม้แต่มึงเอง มึงยังไม่รู้ว่ามึงเป็นใครมาจากไหน และมึงจะไปไหนต่อ ” ซึ่งเป็นคำตอบที่นอกจากจะไม่เข้าใจแล้วยังสร้าง ความงุนงงให้กับผู้ถามเพิ่มขึ้นไปอีก จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบประวัติที่แท้จริงของท่าน

    ที่มาของนาม “ หลวงพ่อกบ ”
    หลวงพ่อกบ จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสาริกา ผ่านไปหลายปี ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก ครั้งหนึ่งช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.ใดไม่ชัดเจน มีกฐินจากกรุงเทพฯ มาทอดที่วัดภายหลังเสร็จสิ้น จากพิธีถวายกฐิน ญาติโยมจากกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องค้างแรมที่วัด หลวงพ่อท่านเมตตาให้ค้างแรมในกุฏิ คืนนั้นหลายคนนอนไม่หลับ เพราะไม่ได้ทานข้าวเย็น เนื่องจากที่วัดจัดให้มีไม่พอ เวลาผ่านไปประมาณ 3 ทุ่ม ก็บังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส พลันก็เกิดเมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้น สักครู่เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า พร้อมฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา สายน้ำไหลเจิ่งนอง ประสานเสียงร้องของกบดังไปทั่ว มองลงไปที่ลานหน้ากุฏิ เต็มไปด้วยกบตัวใหญ่ๆ กระโดดโลดเต้นไปมา “ พวกเอ็งหิวไหมว๊ะ ” เสียงเอ่ยถามของหลวงพ่อ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ” หิวขอรับ ” “ ถ้างั้นเอ็งรอเดี๋ยว กูจะลงไปแทงกบมาให้พวกเอ็งทำต้มยำกิน ” ว่าแล้วท่านก็คว้าฉมวกลงกุฏิไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองตามลงไปเห็นหลวงพ่อกำลังใช้ฉมวกทิ่มแทงกบตัวแล้วตัวเล่า อนิจจา!!! ศรัทธาของพวกเขาเริ่มเหือดหายไป แต่ด้วยความหิว คืนนั้นต้มยำกบหม้อใหญ่ก็ถูกกินจนเกือบหมดเช้าวันรุ่งขึ้น มีคนหนึ่งสงสัยว่า ต้มยำกบที่เขากินเมื่อคืนเป็นกบจริงๆ หรือเปล่า เขาจึงย่องเข้าไปดูในโรงครัว เมื่อเปิดฝาหม้อดู เขาก็ต้องผงะ ตกตลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยว่า สิ่งที่เห็นอยู่ในหม้อหาใช่กบไม่ แต่เป็นยอดกระถิน และใบมะขามอยู่เกือบครึ่งค่อนหม้อ เหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าต่อๆ กันมาว่า หลวงพ่อท่านสร้างปาฏิหาริย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นกบ จนกลายมาเป็นที่มาของนามท่าน “ หลวงพ่อกบ ”

    มูลเหตุแห่งความศรัทธา
    ด้วยปฏิปทาอันแปลกประหลาดของหลวงพ่อกบ รวมทั้งปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ หลวงพ่อกบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าฉงน และไม่สามารถหาคำอธิบายได้ เป็นมูลเหตุแห่งความศรัทธา ที่คนทั่วไปเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หลวงพ่อกบ ท่านเป็นผู้ทรงศีลที่มีฌานสมาบัติขั้นสูง และมีพลังเร้นลับ สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจได้จึงขอนำเรื่องราวดังกล่าว มาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป

    ปฏิปทา
    ปกติหลวงพ่อกบ จะบำเพ็ญเพียรภาวนาในท่านั่งยองๆ เป็นเวลายาวนานติดต่อกัน คราวละ 7 – 15 วัน โดยที่ท่านไม่ลุกไปไหนเลย ไม่ฉันอาหาร น้ำ หรือแม้แต่การถ่ายหนักเบา เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเข้าใจกันว่า ปฏิปทาอันเหลือเชื่อของท่านเกิดขึ้นได้ เพราะท่านสามารถถอดจิตออกจากกายได้ ทำให้กายไม่รับรู้ต่อสภาพความหิว และความเจ็บปวดใดๆ

    - นั่งท่ายองๆ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือทำกิจวัตรใดๆ และนอนตะแคงขวาเป็นประจำ

    - นุ่งสบงเก่าๆ ผืนเดียว ไม่ห่อจีวร ที่คอแขวนลูกกระพรวน

    - อยู่แต่ในวัดไม่เคยเดินออกไปไหนเลย

    - ใช้น้ำชา และต้มเครื่องเทศเป็นยารักษาโรค ชื่อเสียงของท่านถูกกล่าวขานปากต่อปาก ผู้คนจำนวนมากมารับการรักษาจากท่าน เป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงปฏิปทาที่เต็มไปด้วยความเมตตาอย่างสูงของท่าน

    ปรากฏการณ์แปลกประหลาด

    - มีผู้คนจากจังหวัดต่างๆ มานมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อกบอย่างล้นหลามมิได้ขาดพวกเขาเหล่านั้นรู้จักหลวงพ่อได้อย่างไร ? ทั้งๆ ที่หลวงพ่ออยู่แต่ในวัด และชาวบ้านเขาสาลิกาก็ไม่เคยออกไปแจกซองกฐิน หรือซองผ้าป่าที่ไหนเลย ถนนหนทางเข้าวัดในขณะนั้นก็ยังไม่มี มันเป็นไป ได้อย่างไร ! เมื่อสอบถามดูพวกเขาเหล่านั้นพูดทำนองเดียวกันว่า ได้พบเห็นหลวงพ่อกบไปบิณฑบาตที่บ้านตน ด้วยความศรัทธาจึงพากันติดตามถามหา จนมาพบท่าน และทุกอย่างเป็นจริงตามที่หลวงพ่อกบบอกไว้ทุกประการ

    - บ่อยครั้งมีผู้พบเห็นท่านในเวลาเดียวกันถึง 2 แห่ง เชื่อกันว่า ท่านสามารถถอดกายทิพย์ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้

    - ”น้ำชา และต้มเครื่องเทศ” สามารถทำให้โรคภัยไข้เจ็บของชาวบ้านหายได้อย่างไร ? เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เป็นไปได้ หรือไม่ ว่า หลวงพ่อกบ ให้พลังจิตช่วยในการรักษา

    - พลังเมตตาบารมี ? หลวงพ่อกบ เป็นคนเฉยๆ หากมีคนมานมัสการท่าน ท่านเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาดู ไม่ค่อยโอภาปราศรัยด้วย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกทุกคนที่มาหาท่านต่างยอมรับว่า รู้สึกศรัทธา และปลื้มปีติสุข เมื่อได้พบกับหลวงพ่อกบ

    มรณภาพ
    หลวงพ่อกบ ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2496 ในวันนั้นหลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาที่วัด และรับเป็นประธานในงานเผาสรีระของท่าน หลวงพ่อโอภาสีทราบได้อย่างไร ? ชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า " ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกท่าน” เพราะหนทางไกล การคมนาคมสมัยนั้นลำบากมาก ในเรื่องนี้เข้าใจกันว่า หลวงพ่อโอภาสี ท่านคงทราบได้ด้วยฌานเช่นเดียวกัน การละสังขารของหลวงพ่อกบ ยังความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้คนจำนวนมาก

    ทุกสิ่ง ทุกอย่างแห่งความดี และความเมตตาอารีของท่านยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเหล่าพุทธศาสนิกชนอย่างไม่มีวันลืม ตราบจนทุกวันนี้



    ขอขอบคุณที่มาจากเว็ปไซท์: http://www.itti-patihan.com


    *****************************************************************************


    http://www.10000fah.com/content-หลว...ะอาจารย์ทางจิตของข้าพเจ้า-4-2963-95816-1.html
     
  3. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    ขอบคุณที่นำประวัติครูบาอาจารย์มาเป็นแนวทางไห้ครับอนุโมทนาสาธุ
     
  4. madeaw23

    madeaw23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +188
    กราบสาธุครับ
     
  5. Kanittha12

    Kanittha12 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +22
    กราบสาธุคะ
     
  6. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    เข้ามาเพื่อกดอนุโมทนากระทู้นี้ ทอง๑ ทอง๑....
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,421
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,123
    ค่าพลัง:
    +70,473
    “กูไม่มีอดีต กูมีแต่ปัจจุบันและอนาคต"

    โอม ละลวยมหาละลวย มะอะอะ สิวังพรหมา

    จิตตังมานิมามา ทองหนึ่งทอง ทองสองทอง

    โอมมหาจินดา เงินทองไหลมานิมามา"


    พระคาถานี้ให้ท่องทุกวันก่อนนอน ระลึกถึง บิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ และ หลวงพ่อกบ เจ้าของคาถา ที่สำคัญ ห้ามลักทรัพย์เด็ดขาด แล้วคาถาจะขลังดีนัก
    -----------------------------------------------

    "อิติ พระอรหัง ปัดปัด"

    คาถาปัดเคราะห์ ปัดโรคภัย ปัดเสนียดจัญไร

    หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี



    27545455_1717881968256529_8720871730878190621_n.jpg


    ******************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2019
  8. EMAN97

    EMAN97 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +2,384
    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    เห็นเขาพากันไปดูการเผาสรีระหลวงพ่อคูณ ทำให้นึกถึงหลวงพ่อกบ แล้วก็มาคิดนะว่า 3 อรหันต์นั่งยองเนี่ยท่านจะเด่นด้านเมตตานะและไม่ชอบการสะสมเหมือนกัน หลวงพ่อกบ หลวงปู่สรวง หลวงพ่อคูณ ที่แน่นอนเลยคือหลวงพ่อกบ หลวงปู่สรวงเนี่ยท่านจะอยู่แบบสมถะมากกกกก ไม่สะสมอะไรเลย ใครให้อะไรมาเผาหมด เผากิเลส กสิณไฟ หลวงพ่อคูณท่านก็บริจาคทรัพย์แบบสละออก ไม่ยึดติด แต่ความดังทำให้มีเรื่องราวโน่นนี่มากมาย แอบคิดนะหลวงพ่อคูณท่านให้เผาศพแบบเรียบง่าย แต่ก็ยังมีนกหัสดีลิงค์เลย เอาเถอะตามความศรัทธา555
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,421
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,123
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=a308458621379d8b92086b63133f9f8c.jpg






    หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ท่านเป็นพระอภิญญา อุดมไปด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์และอภินิหารมากมาย

    วันหนึ่ง ท่านเห็นลูกศิษย์ของท่าน (เป็นผู้ชายไม่ทราบชื่อ) กำลังนั่งทุกข์ใจเพราะมีปัญหาทางครอบครัว ทำกิจการขาดทุนสิ้นเนื้อประดาตัว หนี้สินท่วมหัว

    ท่านก็พูดว่า "เฮ้ย มึงจะเป็นอะไรนักหนาว่ะ อีแค่หมดตัวแค่นี้ไม่ถึงตายดอก เงินทองมันของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมก็แล้วกัน กูแนะนำให้มึงขึ้นไปทำมาหากินแถวภาคเหนือ แล้วจะรวย"

    สิ้นคำหลวงพ่อ ท่านก็หันหลังไปนั่งท่องคำว่า "ทองหนึ่ง ทองหนึ่ง" ต่อไม่พูดอะไรอีกเลย ลูกศิษย์คนดังกล่าวพอได้ฟังก็ก้มกราบแทบเท้าท่าน ขอตัวกลับบ้าน ไปปรึกษาครอบครัวแล้วตัดสินใจขายบ้านและที่ดิน ย้ายไปปักหลักค้าขาย ที่จ.เชียงใหม่ เวลาผ่านไป 1 ปี

    เหลือเชื่อ ชดใช้หนี้สินได้หมดและกิจการเจริญรุ่งเรืองร่ำรวย กลายเป็นพ่อเลี้ยงเมืองเหนือ

    หลังกิจการเข้าที่เข้าทางแล้ว ลูกศิษย์ก็พาครอบครัวมากราบท่านที่วัดเขาสาริกา โดยถือชะลอมใส่ลำไย ลิ้นจี่ มาถวายท่าน พะรุงพะรังไปหมด ท่านเหลือบเห็นเข้าก็หัวร่อบอกว่า

    "อ้าว ไอ้พ่อเลี้ยงเมืองเหนือมันมาหากูว่ะ เอ้าใครอยากกินลำไย ลิ้นจี่ เอาไปแบ่งกัน เหลือให้กู 2 - 3 ลูก ก็พอ"

    ปรากฏว่าหวยงวดนั้นออกรางวัลเลขท้าย 23 อย่างน่าอัศจรรย์ จนเป็นที่ฮือฮาในยุคนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...