เรื่องเด่น กต.เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานร.10 ถวายวัดที่ประเทศอินเดีย

เมื่อเวลา09.30น. วันที่ 8 ต.ค. ที่สาธารณรัฐอินเดีย (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย1ชั่วโมง30นาที) นายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี เป็นประธานเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรไปทอดถวาย ณ วัดมหาโพธิสมาคม เมืองบังคาลอร์ สาธารณรัฐอินเดีย นอกจากนี้ม.ล.ปิยวรรณ ภริยาเอกอัครราชทูต นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ กงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน ทีมประเทศไทยประจำอินเดีย ตลอดจนหน่วยงานเอกชนของไทย ชุมชนไทยในอินเดีย นักเรียนไทยและชาวอินเดียรวมกว่า400 คนเข้าร่วมพิธีฯในครั้งนี้ด้วย อีกทั้งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7ต.ค. ทางวัดมหาโพธิสมาคมได้จัดพิธีสมโภชน์องค์กฐินอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน เป็นประธานในพิธีดังกล่าวด้วย



ทั้งนี้ปี 60เป็นปีแรกที่มีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายที่วัดในเมืองบังคาลอร์ ซึ่งเป็นเมืองไอที อันดับ1ของอินเดียจึงถูกขนานนามว่า Silicon Valley of Indiaสามารถรวบรวมเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานบำรุงวัดจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เงินถวายเป็นพระราชกุศลจากกระทรวงการต่างประเทศ และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา เพื่อนำไปสนับสนุนศาสนกิจของวัด เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น610,000รูปีอินเดีย คิดเป็นเงินไทย323,300บาท





อย่างไรก็ตามการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดมหาโพธิสมาคม ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติโดยพระกัสสปะ มหาเถระ ภิกขุ เจ้าอาวาสวัดมหาโพธิสมาคมได้เข้าร่วม และช่วยอำนวยการจัดงานโดยเฉพาะการจัดพิธีสงฆ์ให้เป็นไปตามธรรมเนียม โดยวัดนี้มีพระสงฆ์และสามเณรจำพรรษาอยู่จำนวน115รูป เป็นวัดพุทธเถรวาทอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมหาโพธิสมาคมแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ภายในมีการดำเนินงานเพื่อสาธารณประโยชน์หลายประการ อาทิ การจัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมให้การศึกษาแก่สามเณร และผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ การจัดตั้งสถาบันสงฆ์เมืองบังคาลอร์ การจัดตั้งMahabodhi Burns and Casualty Centerเพื่อให้การรักษาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบอัคคีภัย การจัดตั้งโรงพยาบาลMahabodhi Karunaเป็นต้น



สำหรับในปี60กระทรวงการต่างประเทศมีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10ไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ10ประเทศ ดังนี้ อินเดีย มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา เนปาล ศรีลังกา สปป.ลาว จีน บังกลาเทศ และเวียดนาม.



ขอขอบคุณที่มา
https://www.dailynews.co.th/politics/603113