จิตเที่ยง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 27 พฤษภาคม 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    หลวงตามหาบัว เสริม 4318 จิตเที่ยง นิพพานเที่ยง 2 ต ค 2551

     
  2. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

    จิตเที่ยง นิพพานเที่ยง

    วันนี้วันที่เท่าไร (๒ ตุลาเจ้าค่ะ) ที่ ๒ กุมภา (ตุลาค่ะ) ตุลาเหรอ นึกว่ากุมภา มันเป็นอย่างนั้นละ เฒ่าแก่มาแล้วมันเป็นอย่างนั้น ไปตามทางวันนี้จะไปที่นั่นพอเดินไปตามทางถึงกลางทาง เอ๊นี่เราจะไปไหนกันนี่ เป็นอย่างแล้วนะเดี๋ยวนี้นะ วันนี้เราจะไปไหนกันนะ คือเราเองเป็นคนสั่งว่าวันนี้จะไปธุระที่นั่น พอไปถึงครึ่งทาง เอ๊นี่เราจะไปที่ไหนกันนะวันนี้ เป็นแล้ว

    นี่กิริยาคืออาการของจิต อาการของจิตมันวิบแว็บๆ พลิกแพลงเปลี่ยนแปลง ที่ว่าหลงหน้าหลงหลังคืออาการข้างนอกมันหลง ส่วนภายในเป็นอีกอย่างหนึ่ง ภายในที่เป็นจิตแท้มันเป็นอย่างนี้ อาการของจิตมีหลงลืม ตัวจิตแท้ไม่มีกิริยาอันนี้ไม่มี ฝึกให้เต็มที่แล้วไม่มีอะไรจะเลิศเลอยิ่งกว่าจิตที่ฝึกเรียบร้อยแล้ว ไม่มีเรื่องวิตกวิจารณ์ว่าจะเป็นอะไรต่ออะไรไปอีก คงเส้นคงวาหนาแน่น นั่นละจิตที่ว่าธรรมชาติของจิตแท้ธรรมแท้เข้าเป็นอันเดียวกัน คือจิตกับธรรมเข้าเป็นอันเดียวกัน

    วันนี้เป็นวันอะไร (วันพฤหัสเจ้าค่ะ) อังคาร พุธ พฤหัส อ๋อ วันพฤหัสวันที่เท่าไร (วันที่ ๒ เจ้าค่ะ) หลงหน้าหลงหลังเดี๋ยวนี้นะ แต่ก่อนวัยหนุ่มวัยอะไรธรรมดาก็ไม่เห็นมีหลงหน้าหลงหลัง เดี๋ยวนี้หลงหน้าหลงหลังนะ คิดดูอย่างว่าเราจะไปที่นั่นพอไปถึงครึ่งทาง อ้าวนี่เราจะไปไหนกันนี่ ไม่รู้ทิศทางไป เป็นอย่างนั้นละ หลงหน้าหลงหลัง อาการของจิตเป็นอย่างนั้น จิตที่ได้ฝึกเต็มที่แล้วสง่างามไม่มีอะไรเสมอ

    จะว่าจิตก็ได้ จะว่าธรรมก็ได้ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน นั่นละธรรมแท้ จิตแท้ อาการนี้ไม่แท้ เป็นกิ่งก้าน เหมือนอย่างต้นไม้ ใบนั้นล่วงใบนี้งอกขึ้นมา ใบนั้นแก่ใบนี้ล่วงลงไป เป็นอาการของต้นไม้ นี่อาการของจิตก็เหมือนกัน ฝึกให้เต็มที่พอเข้าถึงขั้นคงเส้นคงวาแล้วทีนี้ไม่มีวิตกวิจารณ์อะไรเข้ามารบกวน เสมอเลย จิตที่ฝึกเรียบร้อยแล้วเป็นอย่างนั้นละ คือเราอยากจะทราบเรื่องจิตของเรา นักภาวนาเอาให้ถึงขีดแล้วต้องพิจารณาย้อนหน้าย้อนหลัง อาการของเราเป็นอย่างไร ระยะนั้นๆจิตเป็นอย่างไร ระยะนั้นๆจิตเป็นอย่างไร การฝึกอบรมอยู่ไม่หยุดไม่ถอย อาการของจิตจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขั้นตายตัวแล้วไม่มีอาการเปลี่ยนแปลง

    จิตแท้ ธรรมแท้ พูดได้ทั้งสองอย่าง อย่างจิตพระพุทธเจ้า-จิตพระอรหันต์ไม่มีอะไรจะเข้าไปทำลายหรือเปลี่ยนแปลงได้ คงเส้นคงวา ที่ท่านว่านิพพานเที่ยงคือจิตดวงนี้เที่ยงแล้ว หมดอาการอะไรๆ จะเข้ามารบกวน หมด จึงว่าจิตเที่ยง นิพพานเที่ยง จิตกับนิพพานก็เป็นไวพจน์ของกันและกัน เมื่อถึงขั้นนั้นแล้วจะว่านิพพานก็ได้ จะว่าจิตบริสุทธิ์ก็ได้ เป็นไวพจน์ใช้แทนกันได้

    พยายามฝึกจิตมานี้ตั้งแต่พรรษา ๗ นะ หยุดจากเรียนพรรษา ๗ หยุดจากเรียนหยุดหมดละ ทีนี้จะตั้งหน้าปฏิบัติโดยถ่ายเดียว การเรียนเอาแค่นี้ก็ได้แค่นั้นแล้วหยุดเลย ทีนี้เข้าทางด้านปฏิบัติตั้งแต่บัดนั้นละตั้งแต่พรรษา ๗ เข้าด้านปฏิบัติ เข้าด้านปฏิบัตินี้อาศัยในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผาเป็นที่สะดวกสบายในการดูความเคลื่อนไหวของจิต จิตมันจะเคลื่อนไหวเป็นอาการอยู่เรื่อยๆ สติคอยจับๆ ชำระซักฟอกกันไป ค่อยสงบ สงบแล้วก็ผ่องใส ผ่องใสแล้วก็สง่างามเรื่อยๆ จนเข้าถึงเต็มที่เต็มภูมิของจิตแล้วจ้าไปหมดเลย นั่นละจิตสว่าง พระอาทิตย์สิบดวงสู้ไม่ได้ ความสว่างของจิต

    อันนั้นไม่ได้ให้ความสุขความสบายแก่เรา..พระอาทิตย์ แต่จิตที่สว่างไสวนี้ให้เป็นความสุขความสบายเป็นความอัศจรรย์ได้โดยไม่ต้องสงสัยละ นี่ผู้ฝึกจิต จิตเป็นของฝึกได้นะ ฝึกถึงขั้นตายตัวแล้วท่านบอกว่านิพพานเที่ยง จิตฝึกตัวให้เรียบร้อยแล้วเที่ยงตรงนั้นละ ผู้ฝึกที่เป็นครูเอกของเราก็คือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านฝึกพระองค์มาก่อน..๖ ปีได้ตรัสรู้ธรรม จากนั้นมาก็สาวกเรื่อยๆ ฝึกจิตเข้าถึงขั้นคงเส้นคงวา ทีนี้หนาแน่นละ

    วันนี้ก็สายไปหน่อย ฟ้าหญิงท่านก็มา เป็นไหมละเรื่องอรรถเรื่องธรรมถูกกับหัวใจของทุกดวงนั่นแหละ มีแต่กิเลสหนาแน่นมันขี้เกียจขี้คร้านภาวนาอบรมจิตใจ ถ้าจิตมีความรักใคร่ใกล้ชิด ต่อธรรมแล้วมันจะหมุนเข้าหาธรรมเรื่อยๆ จิตก็สว่างไสวออกไปเรื่อย จิตเป็นของฝึกได้ ฝึกจนกระทั่งถึงวันนิพพานเที่ยง นั้นละจิตที่ฝึกได้เต็มตัวแล้วจิตเที่ยงนิพพานเที่ยงอันเดียวกัน ไม่ผิดกันละ ฝึกให้เต็มตัว เป็นของฝึกได้

    พระพุทธเจ้าแต่ก่อนก็ยังไม่เรียกว่าพระพุทธเจ้า พอตรัสรู้ผางขึ้นมาแล้วฝึกได้เต็มภูมิของศาสดาเอกแล้ว สอนโลกได้จนกระทั่งทุกวันนี้ เรายังได้ยึดแนวทางที่ท่านพาดำเนินเพื่อความพ้นทุกข์มาตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะอย่างนั้นจึงต้องให้ใกล้ชิดกับอรรถกับธรรม อย่ามาสุมแต่โลกสงสาร พวกมูตรพวกคูถ กำลงไปทีไรก็มีแต่มูตรแต่คูถเต็มไม้เต็มมือ ไม่ได้มีอรรถมีธรรมเข้าสู่หัวใจเลยใช้ไม่ได้นะ วันนี้เอาเท่านั้นละนะ จะให้พรแล้ว

    วันนี้เจ้าฟ้าหญิงท่านก็มาก็ดีและ ไม่ได้เทศน์มากนะละ ให้อบรมจิตให้ดีนะ ให้จิตมีความสงบ จิตมีความสงบแล้วสบายๆ สงบเท่าไรผ่องใสเท่าไรยิ่งสบายเท่านั้น จิตถึงขั้นเต็มภูมิแล้วก็สบายตลอด ท่านว่านิพพานเที่ยงคือจิตเที่ยง นั่นละสุดท้ายของการฝึกจิต ถึงจิตบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว เรียกว่าจิตเที่ยง นิพพานเที่ยง เอาตรงนี้ละนะ ให้พรนะ
     
  3. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    “ถ้าอ่านหนังสือแล้วไม่ปฏิบัติก็ไม่มีวันที่จะเข้าใจ”

    ถาม : อยากเรียนถามท่านว่า ทำไมหลวงตามหาบัวและพระลูกศิษย์หลวงตามหาบัว มักสอนว่า จิตนี้ไม่มีตาย จิตเที่ยงไม่เกิดไม่ดับ แต่พระพุทธเจ้าท่านสอนใน อัสสุตวตาสูตร ว่า "แต่สิ่งที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน" แบบนี้มิขัดกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนหรือครับ ขอบคุณครับ

    พระอาจารย์ : คือมันเป็นภาษาคำพูดที่เราใช้กัน ที่เราไม่รู้จักแยกแยะ คือจิตที่ไม่ตายนี้มันก็มี เช่นเวลาร่างกายตายไปนี้จิตยังไม่ตาย นี่คือพูดส่วนนี้ แต่จิตที่เกิดดับเกิดดับนี้พูดถึงความคิดปรุงเเต่งอารมณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอันนี้มันเกิดดับๆ จิตบางทีสดใสเบิกบาน บางทีก็เศร้าสร้อยหงอยเหงา อันนี้ก็เรียกจิตเหมือนกัน

    ดังนั้นบางทีภาษาที่ใช้กัน มันจะทำให้สับสนสำหรับคนที่ไม่ปฏิบัติ ถ้าอ่านหนังสือแล้วมันก็ไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดติดกับคำพูดกับภาษามากจนเกินไป ขอให้ปฏิบัติคือขอให้เข้าใจคำหลักๆ ว่า จิตที่ไม่ตายก็คือจิตดวงที่หลังจากที่ร่างกายตายไปแล้วดวงนี้ยังอยู่ ไอ้ดวงนี้ที่ไปเกิดใหม่ ที่ไปได้ร่างกายใหม่ก็คือจิตนี้ และภายในจิตดวงนี้มันก็มีจิตที่เกิดดับๆ ก็คือ อารมณ์ต่างๆ อารมณ์ดีอกดีใจ เศร้าสร้างหงอยเหงา อันนี้เขาก็เรียกจิตเหมือนกัน

    เวลาจะศึกษาอะไรมันต้องมีการปฏิบัติด้วยมันถึงจะเข้าใจ ถ้าอ่านอย่างเดียวมันก็สับสนได้ ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็ขอให้ไปปฏิบัติไปพิสูจน์ดู เหมือนคนที่กินทุเรียนกับคนที่ไม่กินทุเรียน คนที่กินทุเรียนอธิบายให้คนที่ไม่เคยกินฟังว่า มันหอม อีกคนก็ว่ามันเหม็น แล้วมันจะเอาอย่างไหน คนหนึ่งก็บอกว่าหอม อีกคนก็บอกว่าเหม็น มันก็อันเดียวกันนั่นแหละ อยู่ที่คนที่จะไปเอาส่วนไหนของมันออกมาพูด คนที่เห็นว่ามันกลิ่นแรงแล้วไม่ชอบกลิ่นนี้ก็ว่ามันเหม็น คนที่ชอบกลิ่นนี้ก็บอกว่ามันหอมจะตายน่ากินจะตาย คนที่ไม่กินก็ไม่รู้ว่ามันหอมอย่างไร มันเหม็นอย่างไร ขอให้ไปกินดูก็แล้วกัน

    อันนี้ก็เหมือนกัน อยากจะรู้ว่าจิตที่ไม่ตายเป็นอย่างไร อยากจะรู้ว่าจิตที่เกิดดับเป็นอย่างไร ก็ขอให้ภาวนาเถิดแล้วจะเห็นเองแล้วจะไม่มีปัญหา ปัญหาก็คือชอบอ่านชอบฟัง แต่ไม่ชอบปฏิบัติ.

    ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๗
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    พึงระวังจะเข้าแดนสัสสตทิฏฐิ

    สัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่าเที่ยง

    อุจเฉททิฏฐิ ความเห็นว่าขาดสูญ

    นัตถิกทิฏฐิ ความเห็นว่าไม่มี
     
  5. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ครับ มันเป็นกระทู้แสดงความเห็นอยู่แล้วครับ
    ไม่ต้องระวังหลอก ใครรู้อย่างไรก็เชิญครับ

    เข้าทำนองโบราณที่ว่า

    เอาความรู้มาอวดกัน ดีกว่าอวดรู้
     
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    จิตเที่ยง มันจะเปิดเผยตัว ออกมาหลังจาก เกิดอาสวักขยญาณ

    เหมือนลูกไก่ออกจากเปลือกไข่
     
  7. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ยกมาประกอบ
    อาสวักขยญาณ?

    [๑๓๘] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้ อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา

    เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อม หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า หลุดพ้นแล้ว. รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

    ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนสระน้ำบนยอดเขาใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่บนขอบสระนั้น จะพึงเห็นหอยโข่งและหอยกาบต่างๆ บ้าง ก้อนกรวดและ ก้อนหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง กำลังว่ายอยู่บ้าง หยุดอยู่บ้าง ในสระน้ำ เขาจะพึงคิดอย่างนี้ว่า สระน้ำนี้ใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว หอยโข่งและหอยกาบต่างๆ บ้าง ก้อนกรวดและก้อนหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง เหล่านี้กำลังว่ายอยู่บ้าง กำลังหยุดอยู่บ้าง ในสระน้ำนั้น

    ดังนี้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น แล เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้ อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา

    เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อมหลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติ สิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี

    ดูกรมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็น ประจักษ์ข้อก่อนๆ ดูกรมหาบพิตร ก็สามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้ออื่น ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่า สามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อนี้ ย่อมไม่มี.
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ที่นำมานั่น เป็นความเห็นของหลวงตาบัว :p ถ้าถามตอบแทนหลวงตาได้ไหมล่ะ
     
  9. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ครับ ที่ยกมันเป็นความเห็นหลวงตาบัว ถูกต้อง

    แต่ถ้าปฎิบัติมาจริง ก็เห็นตามนั้น
    ผมยืนยัน
     
  10. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    นี้ความรู้ผม
     
  11. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    คือแล้วแต่มันจะเป็นครับ แต่ความถือเอาเป็นเจ้าของไม่มี แต่ปรากฎการณ์ต่างๆ มันก็ต้องมีเป็นธรรมดา
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ผู้เข้าถึงธรรมแท้แล้ว เขาไม่ต้องมาอ้างอิง
    คำภีร์กันแล้วล่ะท่าน....เพราะเขาเลยกันไปไกล
    แล้วฮะ
    จะขายคำภีร์ต้องดูหน้าลูกค้าด้วยฮะ ไม่งั้นมีเงิบ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ คือ "จิตแท้ ไม่ใช่ สังขารจิต" แบบเดียวกับ "จิต เห็น จิต" ซึ่งเป็นอาการที่ "เห็นสังขารจิต"

    +++ โดยสภาวะของภาษาที่เห็นเรียกว่า "จิต" แต่อาการเป็น "ญาณทัศนะ" (รู้จนกลายเป็นเห็น จะเรียกว่า "สติที่แท้" ก็ได้) แล้วแต่ ภาษา
    +++ อาการ "จ้า" เป็นอาการสุดท้ายของการ "ดับสังขารจิต แล้ว สังขารจิตคลายตัวของมันเอง แล้ว ปล่อยไว้อย่างนั้น" ณ ขณะที่ "ปล่อย" อาการ "เจิดจ้า" จะปรากฏมาเอง ตามธรรมชาติของมัน และเป็นอาการของ "ผู้รู้ ที่โดยทำลายเรียบร้อยแล้ว"

    +++ อาการ "เจิดจ้า" ตรงนี้ "ไม่ใช่" อาโลกะ ที่เป็นแสง แต่เป็น "ความเจิดจ้าของ พรรณรังสี"

    +++ หากต้องการทราบว่า "ความเจิดจ้าของ พรรณรังสี" เป็นอย่างไร ก็ให้ไปศึกษาอ่าน "ไกวัลธรรม" ของหลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งท่านบรรยายอาการของ "ความเจิดจ้าแห่งพรรณรังสี" ตรงนี้ได้ละเอียด ทุกแง่มุมได้เป็นอย่างดี
    +++ "สัพเพสังขารา อนิจจา ทุกขา อนัตตา" เป็นเรื่องของ "สังขาร"

    +++ ส่วน "จิตแท้" ในที่นี้ "ไม่ใช่สังขาร" และไม่เกี่ยวข้องกับ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
    +++ นี่คืออาการของ "จิต ที่พ้น สังขารจิต" พ้นการ "เกิด/ดับ" ทั้งปวง

    +++ ส่่วนผู้ที่ยัง "ไม่พ้นสังขารจิต" ก็จะยังต้อง ดู "เกิด/ดับ" เรื่อยไปโดยไม่มีวันรู้ตัว
    +++ หลวงตามหาบัวใช้ภาษาเรียก จิตที่พ้นสังขารจิต ว่า "จิต" เช่นเดียวกับ หลวงปู่ดูลย์เรียก จิตที่เห็นสังขารจิตว่า "จิตเห็นจิต" ฉันใดฉันนั้น

    +++ ทั้งสององค์นี้ "มัอัฐิเป็นพระธาตุทั้งคู่" เพราะพ้นแล้วจากการ "เกิด/ดับ"


    +++ ห้อง "อภิญญา - สมาธิ" มีไว้สำหรับ แลกเปลี่ยน,ถามตอบและแนะนำ การฝึกสมาธิทุกรูปแบบ, ฝึกพลังจิต, ฝึกอภิญญา, สมถและวิปัสนากรรมฐาน เพื่อมรรคผลนิพพาน

    +++ สรุป คือ "เพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เพื่อ มรรคผลนิพพาน" ดังนั้น ผู้อ่านควรแยกแยะให้ออกด้วยว่า "คำพูดของใครคือความเห็น และ คำพูดของใครคือความจริง" และพยายาม "อย่านำเอา" ความเห็นมาปิดบังความจริง นะครับ
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ธรรมอะไร อิอิอ่ะ
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จิตเที่ยง มันจะเปิดเผยตัว ออกมาหลังจาก เกิดอาสวักขยญาณ

    เหมือนลูกไก่ออกจากเปลือกไข่

    อาสวักขยญาณ นี่มันอะไรหรอขอรับ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คุณปฏิบัติแบบไหนอ่ะ
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ถ้าของหลวงตาบัวว่าจิต เที่ยง ถูกต้อง (กล่องไม้ขีดไฟ ยืนยัน) ดังนั้น ในอนัตตลักขณสูตร ที่ว่า วิญญาณํ อนิจฺจํ - วิญญาณ ไม่เที่ยง ก็ผิด แล้วทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่บอกแต่ทีแรกว่า วิญญาณํ นิจจํ วิญญาณเที่ยง


    รูป อนัตตา

    เวทนา อนัตตา

    สัญญา อนัตตา

    สังขารา อนัตตา

    วิญญาณัง อนัตตา


    รูป อนิจจัง

    เวทนา อนิจจา

    สัญญา อนิจจา

    สังขารา อนิจจา

    วิญญาณัง อนิจจัง
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    มีขู่ด้้ว อิอิ ลุงแมวเอ้ย
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ห้อง "อภิญญา - สมาธิ" มีไว้สำหรับ แลกเปลี่ยน,ถามตอบและแนะนำ การฝึกสมาธิทุกรูปแบบ, ฝึกพลังจิต, ฝึกอภิญญา, สมถและวิปัสนากรรมฐาน เพื่อมรรคผลนิพพาน

    สรุป คือ "เพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เพื่อ มรรคผลนิพพาน" ดังนั้น ผู้อ่านควรแยกแยะให้ออกด้วยว่า "คำพูดของใครคือความเห็น และ คำพูดของใครคือความจริง" และพยายาม "อย่านำเอา" ความเห็นมาปิดบังความจริง นะครับ


    ไม่เคยสนทนากับคุณธรรม-ชาติเลย วันนี้เห็นความเห็นนั่นแล้ว (คือที่จำเขามาพูด อิอิ) ถามครับ นี่เขาเป็นอะไร และจะไปต่อยังไง นี่ครับ

    ........

    ปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมาค่ะ

    แล้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องนั่งสมาธิ เกิดปวดขาอย่างมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ทนนั่งจนหมดเวลา (ซึ่งเป็นครั้งแรกค่ะ เนื่องจากไม่เคยทนได้เลย) ระหว่างที่ปวดมากๆ ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา และสู้เนื่องจากเคยได้ยินว่า "ไม่เคยมีใครตายจากการนั่งสมาธิ" รวมทั้งประโยคที่ว่า "นิพพานอยู่ฝั่งตาย" (จำไม่ได้ว่าเป็นของหลวงพ่อท่านไหนค่ะ) และคิดว่าตายเป็นตายแต่จะไม่ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถก่อนหมดเวลาแน่นอน (ใจก็นึกถึงแต่พระพุทธเจ้าตลอดเวลาค่ะ)

    เมื่อนาฬิกาดังหมดเวลา เราก็ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อคลายอาการปวดขา แต่เรารู้สึกว่า...ทันทีที่เราลืมตา เราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหู ทั้งๆที่เวลานั้นไม่ได้มีพระสวดมนต์อยู่ใกล้ๆค่ะ

    ก่อนหน้านี้....เมื่อครั่งที่เราไปปฏิบัติธรรมครั้งแรก และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เราก็สวดแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล
    ที่บ้านเราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหูอีกเหมือนกัน ทั้งๆที่ใกล้ๆบ้านก็ ไม่มีวัด และไม่มีใครเปิดวิทยุค่ะ (ตอนแรกนึกว่ามีพระสวดทำวัตรเย็นอยู่ใกล้ๆ แต่บ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้วัด)

    แล้วก็เคยมีอีกครั้งนึง เราคุยกับแม่ แนะนำแม่เรื่องการไปปฎิบัติธรรม และชวนแม่ให้ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังแว่วในหูอีก

    เสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน 2 ครั้งแรก จะได้ยินเพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึง ชม. แต่ครั้งล่าสุดได้ยิน (หลังจากนั่งสมาธิ) ดังนานหลาย ชม. ตั่งแต่ประมาณเกือบ 4 โมงเย็น จนถึงเวลานอนตอน 4 ทุ่มเลย

    เสียงสวดมนต์ดังกล่าว เป็นเสียงเหมือนพระสวดมนต์ ฟังจับใจความได้เป็นบางคำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นบทสวดอะไร

    บางครั้งก็จะได้ยินเป็นเสียงดนตรีไทยบรรเลงอยู่ ระหว่างสวดมนต์และตอนเดินจงกรม ทั้งที่ วัดและที่บ้าน ถามเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าได้ยินไหม เค้าบอกว่าไม่ เห็นได้ยินอะไรเลย เราก็เลยไม่กล้าถามเค้าต่อ กลัวเขาว่าเราสติไม่ดี อ่ะค่ะ

    เลยอยากถามผู้มีความรู้หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์ว่าเคยมีใครได้ยินเป็นลักษณะนี้บ้างหรือ
    ไม่ แล้วเป็นเสียงของใครเหรอคะ หรือว่าเราคิดมากไปเอง


     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คุณธรรม-ชาติ เขาเป็นอะไร และจะไปต่อยังไง แนะนำเขาสิครับ

    ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตรายหรือปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมากช่วงหลังๆจิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง บางครั้งรู้สึกหดหู่เป็นทุกข์เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้ ได้แต่ตามดูเฉยๆรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเราเหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติรู้สึกตัวค่ะ อยู่ดีๆจิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัวก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดและรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ เกิดจากอะไรค่ะ หนูทำผิดทางไหมค่ะ ถ้าเกิดเป็นอีกจะทำอย่างไรดีค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...