เพื่อการกุศล *★.• ใกล้หมดแล้ว !!! พญาลิ้นทอง ยอดแห่งมนต์เสน่ห์เขมรโบราณ สายวิชา "กรูเปรี๊ยะออง" ♡* อ.โอม •.★*

​

ถ่ายได้ชัดเจนสวยงามมากมายเลยครับ...

ขอบพระคุณที่แจ้งมาครับ...

 

ได้รับวัตถุมงคลแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ

 

ผมได้รับรูปหล่อท่านอาจารย์และเหรียญเรียบร้อยแล้วครับ เมื่อวันจันทร์ที่ 24 ที่ผ่านมาได้รับรวดเร็วมากครับ ผมขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ

 

​

 

ห่างหายกันไปนานเลยคับ...ค่ำคืนนี้พอมีสติสมประกอบอยู่บ้างเล็กน้อยก็เลยกะว่าจะมาเล่าเรื่องราวดีๆที่เผื่อจะพอมีประโยชน์ เพื่อเป็นการสืบสานความรู้จากคนรุ่นก่อนสู่คนรุ่นถัดๆไป ให้ภูมิความรู้ของคนโบราณได้คงอยู่ต่อไป ไม่สูญหายไปกับกาลเวลาขอรับ...

ภูมิความรู้ที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องอะไรละคับ เปิดหัวให้ดูยิ่งใหญ่ไปยังงั้นเองแหละครับ (แหะๆ) จริงๆแล้วก็ไม่พ้นเรื่องที่ชอบๆกัน ก็คือ เรื่องของวิชา เรื่องของวัตถุมงคล หรือเครื่องรางของขลังทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์มหานิยม เพียงแต่ว่าวิชานี้เป็นของจริง เป็นวิชาที่มีมาแต่โบร่ำโบราณกันจริงๆ แต่คนสมัยทุกวันนี้กลับทำท่าจะหลงลืม หรือมองข้ามไป เพราะรู้สึกว่าเป็นของธรรมดา ทั้งชื่อที่เรียบง่าย และรูปแบบเดิมๆ จนทำให้ไม่น่าสนใจ ทั้งที่คนโบราณนั้นเชื่อถือวิชานี้กันมาก และเป็นที่เสาะแสวงหากันมากครับ...

วิชา หรือว่า ของขลังที่ผมกำลังเล่าถึงอยู่นี้ก็คือ " รัก ยม " ครับ ฟังแล้ว อ่านแล้ว บางท่านก็ยังอาจจะคิดว่า แล้วไง? แต่เชื่อกันมั๊ยครับว่า สมัยก่อนนั้น วิชานี้ ของขลังชนิดนี้ เป็นที่เสาะแสวงหาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการได้มาไว้คู่กาย เพื่อให้ตัวเองเป็นผู้มีเสน่ห์ต้องตา ต้องใจ ให้เป็นที่รักที่นิยมของสาวน้อยสาวใหญ่ จัดว่าเป็นของเสน่ห์ชั้นเลิศ เป็นเมตตาชั้นเยี่ยม แถมยังจัดว่าเป็นประเภทกฤตยาคมแฝด คือด้วยตัวของเครื่องรางเอง ก็มีอานุภาพหรือคุณวิเศษทางด้านมหาเสน่ห์มหานิยมอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีดวงจิต หรือว่าจิตวิญญาณของกุมารเด็กน้อยถึงสองคนที่คอยติดตามตัวเจ้าของ คอยดูแลช่วยเหลือเรื่องต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยครับ...

 

วิชา รัก ยม นี้ มีด้วยกันหลายสายครับ ถ้าเอาตามโบราณสมัยเก่าก่อนเลย เค้าว่ากันว่า มีอานุภาพพอๆกับน้ำมันพรายเลยก็ว่าได้ครับ เพราะอาจารย์ที่ทำวิชานี้ในสมัยก่อนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นฆราวาสประเภทหมอผี หมอเสน่ห์อะไรประมาณนั้นครับ เพราะฉนั้นเวลาทำของแบบนี้ออกมาก็เพื่อให้ได้ผลให้เป็นไปในทางเสน่ห์เล่ห์กล จนเป็นที่เสาะแสวงหาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในสมัยนั้น ที่ต้องการสมหวังในความรักกับสาวที่หมายปอง หรือพวกประเภทที่อยากให้ตนเองเป็นที่หมายปองของสาวๆ เรียกว่าอยากได้ใครก็ได้สมใจอะไรประมาณนั้นครับ จึงถือว่าเป็นวิชาที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของเสน่ห์เมตตา มหานิยมกันมาช้านานแล้วครับ

ต่อมายุคหนึ่งค่านิยมเรื่องวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังเริ่มเปลี่ยนไป วัตถุประสงค์ที่ผู้คนต้องการนำมาใช้เริ่มเปลี่ยนไป จากที่ความต้องการที่จะนำไปใช้ทางเสน่ห์ชู้สาว ก็เริ่มหันมาใช้ในการทำมาหากิน ทางคุ้มครองป้องกันภัยต่างๆ จึงเริ่มมีครูบาอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ท่านทำท่านเสกขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้กับญาติโยม เพื่อนำไปใช้ ไปบูชา เพื่อช่วยทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง ค้าขายร่ำรวย แถมขอโชคขอลาภกันอีกต่างหากครับ ยกตัวอย่างครูบาอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ ที่เมตตาสร้างและเสก รัก ยม ให้กับลูกศิษย์ลูกหาได้เอาไปใช้ติดเนื้อติดตัวทำมาหากินจนเป็นที่เชื่อถือว่า รัก ยม ของท่านนั้นเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักจนเป็นที่เล่าขานกันมาจนเท่าทุกวันนี้ ก็คือ หลวงพ่อจง แห่งวัดหน้าต่างนอก อยุธยา ครับ ว่ากันว่า รัก ยม ของท่านศักดิ์สิทธิ์นักครับ เรื่องเมตตาค้าขายขึ้นชื่อมากมายเลยเชียวครับ...

 

นอกจากนี้ในสายของฆราวาสก็ยังมีทำกันบ้างแต่ก็ไม่ค่อยมากมาย หรือไม่ค่อยโดดเด่นครับ จนเมื่อประมาณสิบกว่าปีมานี้ก็มีอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่งครับที่สร้าง รัก ยม ออกมาในแบบสายวิชาของท่าน ที่เรียกกันว่า สายพราย ที่เน้นไปทางมหาเสน่ห์ มหานิยมโดยเฉพาะ และเป็นที่ยอมรับกันในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาว่าใช้แล้วมีประสบการณ์มากมายครับ อาจารย์ฆราวาสที่กำลังกล่าวถึงนี้ก็คือ ตาเปล่ง หรือ อาจารย์เปล่ง บุญยืน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ครับ ว่ากันว่าแกชอบทางเสน่ห์ และเก่งทางนี้มากครับ ขนาดผมเองยังเคยได้ยินคนเค้าพูดถึงกิตติศัพท์ของแกมาตั้งแต่เด็ก ชื่อเรียกว่า ตาเปล่ง จึงติดหูผมมากกว่า อาจารย์เปล่ง ซะอีกครับ และแม้แต่ ท่าน อ.แทน ก็ยังเคยพูดถึง อาจารย์เปล่งครับว่า "..ตาเปล่งนี่ ทำไมจะไม่รู้จัก แกเก่งนะ เรื่องเสน่ห์ เรื่องผี..."

 

ตามตำรับตำราโบราณแล้ว วิชา รัก ยม ของแต่ละที่ แต่ละสำนักก็จะมีความคล้ายกัน จะมีความแตกต่างกันบ้างก็เพียงเกร็ดเล็ดเกร็ดน้อยปลีกย่อยบางอย่างเท่านั้นเองครับ แต่หลักใหญ่ของวิชานี้ก็คือ ตัวหุ่นจะต้องสร้างหรือว่าต้องแกะมาจากต้นรัก กับต้นมะยมเท่านั้น โดยจะแกะต้นรักเป็นเด็กผู้หญิง และแกะต้นมะยมให้เป็นเด็กผู้ชายครับ ส่วนจะเป็นส่วนไหนของต้นก็ว่ากันไปตามเคล็ดตามสายวิชาของแต่ละที่แต่ละสำนักไปครับ เช่นบางที่ก็แกะจากกิ่งของต้นรักกับต้นมะยมที่ตายพราย (คือกิ่งที่แห้งตายเองคาต้น) บางที่ก็จำเพาะลงไปอีกว่ากิ่งที่ตายพรายต้องชี้ไปทางทิศตะวันออกด้วยจึงจะดีจึงจะขลัง บางตำราก็ว่า ถ้าจะให้ขลังแบบสุดๆก็ต้องเป็นต้นรักกับต้นมะยมที่ยืนต้นตายเอง(ตายพราย)ทั้งต้น แล้วทำพิธีพลีกรรมด้วยอาหารคาวหวาน แล้วก็ขุดเอาเฉพาะส่วนรากแก้วมาแกะเป็นรูปเด็กน้อยและนำมาปลุกเสกให้เป็นรัก ยม ตามตำราครับ

 

หลังจากแกะหุ่นไม้รักไม้ยมเรียบร้อยแล้ว ตามตำราท่านว่าให้เอาหุ่นนั้นมา ลงยันต์ตั้งธาตุ เรียกอาการ32 และขันธ์5 เสร็จแล้วก็เอาหุ่นไม้ทั้งสองแช่ใส่ลงไว้ในขวดน้ำมันจัน ปลุกเสกเรียกจิตจนเป็นตัวเป็นตน มีจิตวิญญาณ แล้วก็ปลุกฤทธิ์ให้เก่งกล้าสามารถจนสำเร็จตามวิชาเป็นอันเสร็จสิ้นครับ แต่บางตำราก็แตกต่างออกไปอีก บางตำราก็ว่าให้แช่ลงในน้ำมันจันน้ำมันหอมปลุกเสกจนเป็นตัวเป็นอันใช้ได้ บางตำราก็ว่าต้องหุงน้ำมันด้วยว่าน108 หรือไม่ก็ว่านทางเสน่ห์เมตตาแล้วจึงนำหุงลงแช่และปลุกเสกก็จะทำให้รัก ยม มีความขลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น บางตำราในน้ำมันก็ต้องหุงด้วยผงผีผงพรายเพื่อเพิ่มความขลังความแรงก็มี อันนี้ก็สุดแท้แต่ละสายวิชาของแต่ละสำนัก ที่สืบทอดเป็นตำรับตำรา สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ครับ

 

พูดถึง รัก ยม แล้ว ต้องบอกครับว่า รัก ยม รุ่นแรก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เฟี้ยวฟ้าวมาก ยังไม่เคยเจอหรือสัมผัส รัก ยม ที่ไหนที่แรงเหนือจินตนาการได้ขนาดนี้ ( เฉพาะของแท้นะครับ ) ท่านใดมีขอให้ลองนำมาอาราธนาใช้ดูครับ อยากจะบอกว่าที่ใช้กันแล้วไม่ค่อยเห็นผล เพราะรัก ยม รุ่นแรกที่สร้างนั้นมีจำนวนน้อยมาก ที่มีให้บูชากันทั่วไปต้องรู้ประวัติที่มาอย่างถูกต้อง จะดูแค่ราคาในการบูชาอย่างเดียวไม่ได้ครับ บางครั้งท่านอาจได้ของแท้ราคาถูกหรือบางครั้งท่านอาจได้ของแพงเกรดเซิ่นเจิ้นก็ได้ ^ ^

 

รอด้วยใจระทึก ครับผม

 

วันนี้กายพร้อม ใจพร้อมงั้นมาเล่ากันต่อนะครับ...

ทีนี้มาถึงยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่มีความเจริญทางวัตถุอย่างเต็มที่ เป็นยุคที่คนสมัยใหม่มองว่าศาสตร์วิชาอาคมของคนโบราณเป็นของเก่าคร่ำครึ เป็นเรื่องงมงายไร้สาระ แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้ว ศาสตร์วิชาอาคมต่างๆบางอย่างก็ได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัยไปพร้อมกับบุคคลที่มีความศรัทธาเชื่อมั่นที่ผลัดเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่นเช่นกันครับ ท่านๆเหล่านี้ได้สืบทอดตำรับตำราวิชาความรู้มาจากครูบาอาจารย์แต่โบราณ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ท่านก็สามารถปรับวิชาความรู้นั้นให้เข้ากับยุคกับสมัยได้เป็นอย่างดีและยังคงความน่าศรัทธาของศาสตร์วิชาอาคมไว้ได้ ท่ามกลางความเจริญของยุคสมัยจนถึงทุกวันนี้ครับ

มีหลายสิ่งหลายอย่างครับที่ท่านสามารถปรับศาสตร์วิชาอาคมให้เข้ากับยุคกับสมัยได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดที่ที่สุดก็น่าจะเป็นวัสดุมวลสารที่นำมาจัดสร้าง วัตถุมงคลตามสายวิชานี่แหละครับ ถ้าเป็นสมัยโบราณ ครูบาอาจารย์ท่านก็จะเน้นเป็นของที่หาได้ตามธรรมชาติ เช่นไม้ หิน ถ้าเป็นแผ่นโลหะ ก็เป็นกระป๋องนมบ้าง ฝาบาตรบ้าง ขั้นตอนการทำก็ต้องทำด้วยมือ กว่าจะได้กว่าจะเสร็จซักชิ้นก็ต้องใชเวลานาน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เครื่องมือเครื่องไม้ทันสมัยขึ้น จะทำอะไรก็สะดวย ทีนี้ทำทีแค่วันเดียวก็ทำได้เป็นพันชิ้นแล้วครับ ส่วนที่เคยใช้ไม้ ใช้หินมาทำมาเสก เพื่อความสะดวกก็เริ่มมีการเปลี่ยนการแกะหิน แกะไม้มาเป็นงานหล่อโลหะแทน เพื่อคงความขลังไว้ก็ใช้วิธีการลงแผ่นยันต์เป็นชนวนศักดิ์สิทธิมาหล่อหลอมแทนก็สะดวกขึ้น แต่ก็ยังคงครับมนต์ขลังของศาสตร์วิชาไว้ด้วย และสุดท้าย ทั้งหมดทั้งมวล ก็จะมาสรุปจบตรงที่การปลุกเสกครับ ของจะขลังไม่ขลังก็อยู่ที่ตรงนี้แหละครับ เพราะต่อให้ได้มวลสารชั้นเลิศมาขนาดไหน แต่หากผู้เสกเสกไม่เป็น กำลังของจิตไม่มี ของสิ่งนั้นก็ยากที่จะมีความศักดิ์สิทธิขึ้นมาได้ครับ เรื่องนี้ ผมเคยได้ยินท่าน อ.แทน พูดให้ฟังอยู่ครับว่า " ...ถ้าทำจิตได้ จะเสก จะทำอะไรก็ได้ มันทำได้หมดนั่นแหละ มันอยู่ที่จิต..."

วิชา รัก ยม ก็เช่นกันครับ ตามตำราโบราณนั้นท่านว่าหุ่นต้องแกะจากไม้รัก ไม้มะยม แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ครูบาอาจารย์หลายท่านก็ปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุอย่างอื่นที่ไม่ใช่เอาไม้มาแกะเป็นตัวหุ่น แต่ก็มีการประยุกต์ตามความเหมาะสม บางท่านก็เอามาลงเป็นผ้ายันต์แทน บางท่านก็ทำเป็นเนื้อผง หรือแม้แต่หล่อเป็นหุ่นโลหะก็มีเช่นกันครับ ซึ่งก็มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิได้ไม่แพ้ของโบราณเหมือนกันครับ

 

​

ทีนี้มาเล่าถึงคู่นายแบบนางแบบที่นำมาลงให้ชมกันนี้กันบ้างครับ เพราะนี่ก็คือ รักยม รุ่นแรกของ อ.โอม ที่ตั้งใจทำตั้งใจเสกเพื่อร่วมบุญกับท่าน อ.แทน ในรุ่นมงคลอายุ 70 ปี และเพื่อสืบวิชารัก ยม เอาไว้ไม่ให้สูญหายไปครับ รักยม รุ่นนี้ ถือว่าเป็นรุ่นแรกอย่างเป็นทางการที่ อ.โอม ทำ และเสกเลยก็ว่าได้ครับ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมีก็แต่ลูกศิษย์เอามาให้เสกให้เพื่อไว้ใช้ติดตัว แต่ที่เคยเห็นก็มีอยู่คู่หนึ่งครับที่ อ.โอม แกะหุ่นรักยมจากรากไม้รักกับไม้มะยมตายพราย (ยืนต้นตาย) ตัวหุ่นก็ประมาณขนาดนิ้วก้อย สูงประมาณ 1 นิ้ว เรียกได้ว่าน่าจะเป็นขวดครูได้เลยมั๊งครับ แต่ก็มีผู้โชคดีได้รับจากมือ อ.โอม ไปครอบครองเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่ผมคับ...

รักยม รุ่นนี้ อ.โอม จะทำพิธีปลุกเสกปิดในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา และยังเป็นวันเพ็ญพุธอีกด้วยครับ ถือว่าเป็นฤกษ์ดีมากๆทางโชคลาภเลยครับ อ.โอม ก็เลยตั้งใจเอาวันนี้เป็นวันเสกปิดเจ้ารักยมจอมซนรุ่นแรกนี้ครับ เพื่อจะได้เก่งในเรื่องโชคลาภ เงินทอง จะได้ไปช่วยพ่อช่วยแม่ที่ได้ไปเลี้ยงครับ

 

ค่ำคืนนี้ขออนุญาตเปิดกองบุญเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระพุทธโฑธิ์ศรีมหาเจดีย์นะครับ




ร่วมบุญ กองบุญละ 500 บาท รับ เจ้ารักยมจอมซน รุ่นแรก อ.โอม 1 ตลับ

ค่าจัดส่งลงทะเบียน 50 บาท​

โดยโอนเข้าบัญชีกลาง...
ธนาคารกรุงไทย สาขาแม็คโคร จรัญสนิทวงศ์ บัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี นายพลกฤษณ์ แข่งขัน
เลขที่บัญชี 864-0-09569-8

จะเริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2560 เป็นต้นไปครับ

รายได้ทั้งหมดเพื่อสมทบทุนสร้างพระพุทธโพธิ์ศรีมหาเจดีย์
โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
​

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ...สาธุ...

​

 

ขอร่วมบุญด้วยครับ 1 กองบุญ

 

ผมขอร่วมกองบุญนี้1ชุดนะครับ
โอนเงินแล้วจาก ธ.กสิกรไทย วันที่9/5/60 เวลา06:17น.

 

จอง 1 ชุดครับ

 

ขอร่วมบุญ 2 กองบุญครับ

 

ท่านใดจองและโอนแล้ว แจ้งที่อยู่ในการจัดส่งให้คุณ วิปัสสนู ได้เลยนะครับ
เริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2560 เป็นต้นไปครับ

 

วันนี้วันพระ คิดดีทำดี​