เรื่องเด่น วิธีทดแทนพระคุณบิดามารดาที่ได้ผลดีที่สุด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 14 มีนาคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    FB_IMG_1489489331689.jpg

    วิธีทดแทนพระคุณบิดามารดาที่ได้ผลดีที่สุด

    บุญคุณของพ่อแม่นั้นใหญ่หลวงนัก พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่าต่อให้เอาพ่อนั่งบนไหล่ซ้าย แม่นั่งบนไหล่ขวาคอยปรนนิบัติเลี้ยงดูอย่างดีตลอดชีวิตก็ยังทดแทนบุญคุณท่านได้ไม่หมด แต่หากเมื่อใดก็ตามที่ได้ทำให้ท่านได้เห็นธรรมแล้วนั่นแหละก็คือการตอบแทนพระคุณท่านได้อย่างสูงสุด

    การบำรุงบิดามารดาในระดับสูงกว่าธรรมดาก็คือการยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธาในคุณงามความดีให้กลับมาตั้งอยู่ในศรัทธาแห่งคุณงามความดี หากท่านเคยเป็นผู้ทุศีลก็แนะนำให้บิดามารดาตั้งอยู่ในความถึงพร้อมด้วยศีล บิดามารดาเคยเป็นผู้ตระหนี่ก็แนะนำให้ถึงพร้อมด้วยการเสียสละด้วยการให้ทาน

    ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธาในความดี ก็ต้องพยายามให้ท่านถึงพร้อมด้วยศรัทธานั้น คือพยายามให้ท่านมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เชื่อในเรื่องการทำดี และถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ให้ท่านถึงพร้อมด้วยปัญญา คือพยายามให้ท่านหัดนั่งทำสมาธิภาวนาให้ได้ทุกๆ วัน

    การตอบแทนบุญคุณท่านได้ตามนี้จึงจะเรียกได้ว่าทดแทนบุญคุณพ่อแม่ได้หมดจดและย่อมทำให้ผู้นั้นเจริญก้าวหน้า
    “ยสะ” เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าทดแทนพระคุณบิดามารดา และแก้กรรมให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดีเป็นผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งในสมัยยุคต้นพุทธกาล

    ก่อนหน้าที่จะบวช ยสะ ซึ่งเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมาก ความเป็นอยู่สุขสบายเหลือคณานับ ยสะนั้นมีปราสาทสามหลัง คือ หลังหนึ่งสำหรับอยู่ในฤดูหนาว หลังหนึ่งสำหรับอยู่ในฤดูร้อน หลังหนึ่งสำหรับในฤดูฝนเช่นเดียวกับสมัยที่พระพุทธองค์ยังเป็นเจ้าชายอยู่ไม่มีผิด

    ยสะสุขสบายถึงขนาดที่ว่า “เท้าไม่เคยแตะพื้นดิน” เวลาที่พักอยู่ในปราสาทฤดูฝน ตลอดทั้งสี่เดือนในฤดูฝน ก็จะมีนักดนตรีสาวสวยคอยบำเรออยู่ ไม่ได้ลงมายังพื้นปราสาทชั้นล่างเลย

    ในฤดูหนาวเมื่อเขาอยู่บนปราสาทประจำฤดูหนาวตลอดสี่เดือนทั่วทั้งปราสาทก็จะปิดบานประตูหน้าต่างอย่างสนิทดี และเขาก็จะอยู่ประจำบนปราสาทนั้นตลอด

    ในฤดูร้อนเมื่อเขาอยู่บนปราสาทประจำฤดูร้อน ปราสาทนั้นก็จะเป็นปราสาทที่เต็มไปด้วยบานประตูและหน้าต่างมากมายก็นั่งอยู่ประจำบนปราสาทนั้นมือเท้าไม่เคยได้แตะต้องงานหนักเพราะมือและเท้าของเขาละเอียดอ่อนพื้นห้องก็ปูให้เต็มไปด้วยปุยนุ่น เวลาจะทำการงานก็ต้องนั่งบนหมอนที่รองพื้นนั้น

    แต่แล้ววันหนึ่งท่ามกลางความเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้าที่กำลังบำเรอขับกล่อมอยู่เต็มอัตราสุข ยสะก็ม่อยหลับไปก่อน ฝ่ายนางบำเรอที่กำลังขับกล่อมด้วยเสียงเพลงและดนตรีอยู่นั้น เมื่อเห็นผู้เป็นนายหลับไปแล้วก็หยุดการบรรเลงขับกล่อมล้มตัวลงนอนบ้าง
    ครั้นเวลาจวนสว่าง ยสะ ก็ตื่นขึ้นมาก่อนคนอื่นจึงได้พบเห็นบริวารของตนนอนหลับใหล บางนางก็มี พิณอยู่ที่รักแร้ บางนางก็มีตะโพนอยู่ที่ข้างลำคอ บางนางก็มีเปิงมางอยู่ที่รักแร้ บางนางก็สยายผม บางพวกก็มีน้ำลายไหล บางพวกก็บ่นเพ้อละเมอ บางพวกก็นอนแบมือคล้ายซากศพในป่าช้า

    ครั้นได้มองเห็นภาพนั้นแล้ว ยสะก็มีจิตเบื่อหน่ายมาก เบื่อทางโลก เบื่อสตรี เบื่อในกามคุณทุกอย่างจึงได้เปล่งอุทานว่า “ผู้เจริญทั้งหลาย ที่นี่วุ่นวายหนอ ผู้เจริญทั้งหลาย ที่นี่ขัดข้องหนอ”

    ยสะลุกจากที่นอนสวมรองเท้าทองคำเดินไปยังประตูออกจากบ้านไปยังประตูพระนคร จนได้เข้าไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
    ในเวลานั้น พระพุทธองค์เสด็จลุกขึ้นในเวลาเช้ามืดทรงจงกรมอยู่ ได้ทอดพระเนตรเห็นยสะแต่ไกลจึงเสด็จลงจากที่จงกรม ประทับนั่งแล้วทรงได้ยินเสียงที่ยสะได้เปล่งอุทานในที่ไม่ไกลจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ดังนี้ว่า

    “ผู้เจริญทั้งหลาย ที่นี่วุ่นวายหนอ ผู้เจริญทั้งหลาย ที่นี่ขัดข้องหนอ”

    เมื่อได้ยินดังนั้น พระพุทธองค์จึงได้ตรัสกับยสะว่า

    “ยสะ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้องเธอจงมานั่งเถิดเราจักแสดงธรรมให้เธอฟัง”

    ยสะเมื่อได้ยินดังนั้น ก็เกิดความยินดีด้วยได้ยินคำพูดที่ว่า “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง” จึงถอดรองเท้าทองคำออกแล้วเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาโดยได้ตรัสแสดงอนุปุพพิกถา คือ ทานกถา ศีลกถา สัคคกถา โทษของกามทั้งหลาย ความต่ำช้าคือสังกิเลส แล้วทรงประกาศอานิสงส์ในเนกขัมมะคือการออกจากกามแก่ยสะ

    เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงทราบว่าขณะนี้ยสะกุลมีจิตอันสมควรคือ มีจิตอ่อนโยน มีจิตปราศจากนิวรณ์ มีจิตร่าเริง มีจิตแจ่มใสแล้ว จึงได้ทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงเองก็คือ อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ยสะก็บรรลุโสดาบันคือ

    “รู้ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา”

    รุ่งเช้านางสุชาดา แม่ของยสะ เมื่อไปยังปราสาทไม่พบลูกจึงเข้าไปหาท่านเศรษฐีคฤหบดี จึงได้พากันออกตามหากันจ้าละหวั่น ท่านเศรษฐีจึงส่งพวกทูตม้าเร็วไปติดตามทั่วทั้งสี่ทิศแล้ว ตัวท่านเองก็เข้าไปตามหาบุตรยังป่าอิสิปตนมฤคทายวันก็ได้พบแต่รองเท้าทองคำที่ยสะถอดไว้ จึงได้ติดตามเข้าไป

    พระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเศรษฐีผู้เป็นบิดาตามเข้มาจึงทรงมีพระดำริว่า เราจะพึงแสดงฤทธิ์ให้เศรษฐีผู้นี้มองไม่เห็นยสะที่นั่งอยู่ที่นี่แล้วจึงได้แสดงฤทธิ์อย่างที่ทรงดำริไว้

    เมื่อเศรษฐีเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าจึงมองไม่เห็นบุตรของตน ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เห็นยสะบุตรของข้าบ้างไหม? พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

    “ท่านคฤหบดี เชิญท่านนั่งก่อนท่านนั่งแล้วในที่นี้ ก็จะพึงได้เห็นยสะบุตรของท่านได้”

    ท่านเศรษฐีจึงคิดว่า “เพียงแค่เรานั่งแล้วในที่นี้เท่านั้นก็จักได้เห็นยสะลูกของเราในที่นี้เป็นแน่ จึงร่าเริงดีใจ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้านั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่งแล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่เศรษฐีฟัง

    เมื่อจบพระธรรมเทศนาท่านเศรษฐีก็ได้เป็นผู้มีความเชื่อในคำสั่งสอนของพระศาสดา ได้กราบทูลกับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระดำรัสน่ายินดียิ่งนักเปรียบเหมือนบุคคลผู้หงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง เป็นผู้จุดไฟให้สว่างไสวในที่มืด ด้วยคิดว่ารูปทั้งหลายย่อมปรากฏแก่คนนัยน์ตาดี ดังนั้นฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ฉันนั้นเช่นกัน ทรงแสดงประกาศธรรมโดยชอบแล้วข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรมเจ้า และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าพระองค์ขอถึงเอาพระไตรสรณะเป็นที่พึ่งจนตลอดชีวิต พระเจ้าข้า”

    เมื่อพระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่บิดาของยสะอยู่นั้น ยสะก็ได้พิจารณาถึงภูมิธรรมดาตามที่ตนเห็นแล้ว ตามที่ตนทราบแล้ว จิตก็หลุดพ้นจากอาสาวะกิเลสทั้งหลายเพราะไม่ยึดมั่นได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเวลานั้นเอง

    ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่ายสะได้บรรลุพระอรหันต์แล้วจึงทรงพระดำริว่า

    “บัดนี้ ยสะมีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ยึดมั่นในสิ่งใดๆ ก็ไม่สมควรต้องอยู่ครองเรือนเพื่อบริโภคกามคุณในกาลก่อนอีกเราจะพึงระงับฤทธิ์ที่กำบังตาแห่งบิดาของเขาเสีย”
    เมื่อพระพุทธองค์ทรงระงับฤทธิ์นั้นเสียแล้ว ท่านเศรษฐีจึงได้เห็นยสะนั่งอยู่ข้างๆ พระพุทธองค์ตรงนั้นเอง ครั้นเมื่อได้เห็นบุตรของตนจึงได้กล่าวว่า

    “พ่อยสะเอ๋ย! มารดาของเจ้า กำลังเศร้าโศกมากที่เจ้าหายไป เจ้าจงกลับไปให้ชีวิตแก่มารดาของเจ้าเถิด เธอคิดถึงเจ้าใจจะขาดแล้ว”
    ยสะไม่ได้ตอบรับคำขอร้องนั้นจากเศรษฐีผู้เป็นบิดา แต่ได้แลดูพระพุทธองค์ ซึ่งลำดับนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสกับท่านเศรษฐีว่า

    “ดูก่อนท่านคฤหบดี ท่านจะเห็นเป็นอย่างไร ธรรมที่ยสะได้เห็นแล้ว ได้ทราบแล้วก็เหมือนกับท่าน แต่เมื่อยสะได้พิจารณาถึงภูมิธรรมตามที่ตนเห็นแล้ว ตามที่ตนทราบแล้ว จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ยึดมั่น เขาเป็นผู้สมควรที่จะกลับมาเพื่อบริโภคกามคุณ เหมือนคนครองเรือนในกาลก่อนอย่างนั้นหรือไม่”

    ท่านเศรษฐีกราบทูลว่า “ไม่ใช่แน่นอน ยสะเป็นผู้ไม่สมควรกลับไปบริโภคกามคุณ เหมือนกับคนครองเรือนในกาลก่อนเลย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเป็นลาภของยสะแล้ว ยสะเอ๋ยเจ้าได้ดีแล้วหนอ”

    จากนั้นท่านเศรษฐีก็นิมนต์ให้พระพุทธองค์ไปรับภัตตาหารที่บ้านพร้อมกับยสะซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ
    จากนั้นยสะจึงได้กราบทูลขอบวชต่อพระพุทธองค์กลายเป็นพระภิกษุรูปที่ 6 ในบวรพระพุทธศาสนาตั้งแต่บัดนั้น

    รุ่งเช้าวันต่อมา พระพุทธองค์ก็ไปที่บ้านของเศรษฐีมีพระยสะเป็นพระติดตาม ทั้งแม่และภรรยาของยสะต่างก็เข้ามากราบพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ได้แสดงธรรมอนุปุพพิกถาแก่ทั้งแม่และภรรยาของยสะ ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบว่า นางทั้งสองคนมีจิตสงบแล้ว มีจิตผ่องใสแล้ว จึงทรงแสดงอริยสัจสี่นางทั้งสองก็ได้บรรลุโสดาบัน ณ ที่แห่งนั้นเอง ทั้งแม่และภรรยาของท่านพระยสะได้เป็นอุบาสิกา ที่ถึงเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งชุดแรกในโลก

    ยสะ นับได้ว่าเป็นผู้ที่ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ได้อย่างหมดจด คือทำให้พ่อและแม่ได้มีโอกาสพบกับพระพุทธเจ้า มีโอกาสชักนำสิ่งที่ดีเข้าบ้านทำให้รู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่งอย่างถูกต้องนับเป็นการตอบแทนบุญคุณที่สูงสุด

    บุญนี้ทุกๆ ท่านก็สามารถสร้างได้ เพียงประพฤติธรรมตามรอยพระศาสดาด้วยหลักอริยมรรคมีองค์ 8 ท่านก็เป็นได้เหมือนท่านยสะ

    โมทนาสาธุ

    ********
    สนพ.เสบียงบุญ
     
  2. pui2505

    pui2505 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +43
    อนุโมทนา สาธุครับ
     
  3. pui2505

    pui2505 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +43
    คุณแบ้วเป็็นแม่พระที่นำให้คนบรรลุธรรมและเข้าใจธรรมะ
     
  4. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    กล่าวเกินไปค่ะแบ้วยังเทียบครูบาอาจารย์ไม่ได้เลยค่ะ
    พระอรหันต์ยังมีอยู่นะคะ ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นศรัทธาในพระรัตนตรัยค่ะ มีอะไรวิกฤติ นึก พุทโธ ในใจนะคะ นึกไปเรื่อยๆอย่าหยุดจนกว่าจะพ้นวิกฤตินั้น แต่ร่างกายก้อแก้ไขไปตามสถานการณ์ค่ะ_/\_
     
  5. pui2505

    pui2505 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +43
    สาธุ
     
  6. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาสาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...