เรื่องเด่น ทำบุญ ทำทานร่วมกัน หนุนให้พบเนื้อคู่ ชีวิตคู่ ครอบครัวดีตลอดไป...

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 20 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    FB_IMG_1487559658315.jpg

    ทำบุญ ทำทานร่วมกัน
    หนุนให้พบเนื้อคู่ ชีวิตคู่
    ครอบครัวดีตลอดไป...

    หากไม่มีบุญวาสนาเกื้อหนุนกัน ไฉนเลยจะได้ครองคู่กัน

    มูลเหตุแห่งการครองคู่พระพุทธองค์ตรัสว่าเกิดขึ้นด้วยสองเหตุคือ

    1. การทำบุญร่วมกันมาก่อน
    2. การได้ร่วมสร้างบุญต่อกันในปัจจุบัน

    หากไมมีบุญวาสนาหนุนนำแล้วไฉนเลยจะได้ครองคู่กันได้ อนึ่งการจะครองคู่กันได้ต้องอาศัยองค์ 4 ประการ

    ศรัทธาเสมอกัน
    ศีลเสมอกัน
    เสียสละเสมอกัน
    ปัญญาเสมอกัน

    "การที่พระนางพิมพามีจิตเสน่หาต่อเรานั้น เป็นเพราะบุญบารมีที่เคยสร้างร่วมกันมานับเนื่องแต่อดีตชาติ..."

    พระพุทธองค์หลังจากโปรดพระบิดาและข้าราชบริพารแล้วก็ทรงทราบว่า มีอยู่ผู้หนึ่งที่ไม่ได้ลงมาเข้าเฝ้าเลยก็คือ พระนางยโสธราพิมพา พระพุทธองค์ได้เสด็จไปยังตำหนักแห่งพระนางพิมพา โดยมีพระเจ้าสุทโธธนะ พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะตามเสด็จ

    "ดูก่อน สารีบุตรและโมคคัลลานะ หากพระนางพิมพาแสดงกิริยาใดๆ แม้ว่าเธอจะสัมผัสต้องกายเรา ขอให้ท่านทั้งสองจงอย่าได้ห้ามปรามพระนางเลย"

    "หากว่าท่านทั้งสองห้ามปรามพระนางเสียแล้วนางจะอกแตกตาย เพราะ พระนางนั้นมิได้ทำบุญด้วยตนเองเลย แต่ด้วยอาศัยอนุโมทนาบุญกับตถาคตมาตลอดกาลนานมาจนถึงภพชาตินี้"

    พอพระพุทธองค์เสด็จไปถึง พระนางพิมพาถึงกับร่ำไห้รำพันว่า

    "ข้าแต่พระองค์ หม่อมฉันนี้เป็นหญิงชั่วช้าหรืออย่างไร พระองค์จึงเสด็จหนีออกผนวช ทิ้งให้หม่อมฉันทนอยู่เดียวดายเช่นนี้ แล้วยังราหุลนี้อีกเล่า มีความผิดประการใดหรือเพคะ พระองค์จึงทรงทิ้งไว้ให้กำพร้าบิดา"

    พระเจ้าสุทโธธนะสงสารลูกสะใภ้จับใจ จึงทูลเสริมว่า

    "ข้าแต่พระพุทธองค์ หลังจากที่พระองค์ออกผนวช พระนางก็นุ่งห่มผ้า ย้อมน้ำฝาด รับประทานอาหารเพียงมื้อเดียว และยังงดเว้นดอกไม้และของหอมต่างๆ นางประพฤติตนเฉกเช่นพระองค์ทุกประการ ขอจงเห็นใจพระนางเถิดพระเจ้าข้า"

    พระพุทธองค์ตรัสว่า

    "ดูก่อนมหาบพิตร การที่พระนางพิมพามีจิตเสน่หาต่อเรานั้น เป็นเพราะบุญบารมีที่เคยสร้างร่วมกันมานับเนื่องแต่อดีตชาติ"

    ในอดีต สมัยพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้กำเนิดเป็นกินนร มีภรรยานามว่า จันทา ทั้งคู่อาศัยอยู่ที่ภูเขาเงินชื่อว่า จันทบรรพต ในป่าหิมพานต์

    ครั้งนั้นพระเจ้าพาราณสีได้มอบราชสมบัติแก่หมู่อำมาตย์ แล้วทรงผ้าย้อมฝาดสองผืน สอดพระเบญจาวุธเข้าสู่ป่าหิมพานต์เพียงพระองค์เดียว ล่าสัตว์เป็นอาหาร ท่องเที่ยวไปตามลำน้ำสายหนึ่งจนขึ้นไปถึงต้นสาย

    ฝูงกินนรที่อยู่ ณ จันทบรรพต เมื่อถึงฤดูแล้งจึงพากันลงมาจากภูเขา โดยจันทกินนรลงมากับจันทากินนรี เที่ยวเก็บเล็มของหอม กินเกสรดอกไม้ เหนี่ยวเถาชิงช้าเป็นต้น เล่นพลางขับร้องไปพลาง จนมาหยุดที่ลำน้ำสายนั้น แล้วลงเล่นน้ำ นุ่งห่มสาหร่ายดอกไม้ จัดแจงแต่งที่นอนด้วยดอกไม้ จากนั้นจันทกินนรนั่งเหนือที่นอน เป่าขลุ่ยขับร้องเพลง จันทากินรีก็ฟ้อนหัตถ์อยู่ใกล้ๆสามี ฟ้อนบ้าง ขับร้องบ้าง

    เมื่อพระราชาได้ยินเสียงขับร้องนั้น ก็ค่อยๆไปยืนแอบทอดพระเนตร แล้วทรงมีจิตปฏิพัทธ์ในกินรี ทรงคิดว่า ถ้ายิงกินนรให้สิ้นชีวิต ก็จะได้อยู่ร่วมกับกินรี

    ดังนั้นจึงทรงยิงจันทกินนร จันทกินนรได้รับความเจ็บปวด นอนคร่ำครวญอยู่เหนือที่นอนดอกไม้ ได้รำพันถึง ชีวิตที่กำลังจะตาย มีความเศร้าโศกยิ่งใหญ่ เนื่องจากนางจันทาจะต้องเศร้าโศกถึงตนอย่างมากมาย กินนรชักดิ้น จนสิ้นสติไป

    ฝ่ายจันทากินรีตอนแรกยังไม่รู้ว่ากินนรถูกยิง จนเห็นเลือดไหลออกจากปากแผล ก็ร้องไห้เสียงดัง เพราะความเศร้าโศกถึงสามีอย่างมากมาย ด้านพระราชาคิดว่ากินนรตายแล้ว จึงปรากฏพระองค์ออกมา เมื่อจันทาเห็นก็คิดว่าโจรผู้นี้คงยิงสามีของนาง จึงหนีไปอยู่บนยอดเขา พลางต่อว่าพระราชา ว่าพระราชบุตรใด ยิงสามีของนาง เพื่อให้เป็นหม้าย เป็นคนเลว ขอให้มารดาและชายาของพระราชบุตรนั้นได้รับสนองความโศกเศร้านี้ของนาง พระราชบุตรได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่นาง ขอให้มารดาและชายาของราชบุตรนั้น ไม่ได้พบเห็นบุตร และสามีเลย

    พระราชาจึงตรัสปลอบนางจันทาไม่ให้เศร้าโศก และจะแต่งตั้งให้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ แต่นางจันทาตอบว่า ถึงแม้ตายก็จะไม่ยอมเป็นของคนที่ฆ่าสามีนาง เมื่อพระราชาได้ฟังแล้ว หมดความรักใคร่ จึงเสด็จไปอย่างหมดเยื่อใย

    นางจันทาจึงลงมาอุ้มพระโพธิสัตว์ขึ้นสู่ยอดภูเขา ให้นอนเหนือยอดภูเขา ยกศีรษะวางไว้เหนือขาของตน พลางร้องไห้เป็นกำลัง แล้วรำพันว่าจะทำอย่างไร เมื่อไม่ได้เห็นกินนร ในสถานที่ต่างๆที่เคยอยู่เคยไปด้วยกัน และเมื่อวางมือลงที่อกของจันทกินนร พบว่ายังอุ่นอยู่ ก็คิดว่าพระมหาสัตว์ยังมีชีวิตอยู่ นางจึงกระทำการเพ่งโทษเทวดา เพื่อให้ชีวิตของสามีคืนมา โดยเพ่งโทษท้าวโลกบาล ว่าหายไปไหนหรือว่าตายแล้ว จึงไม่ดูแลสามีรักของนาง

    ด้วยแรงความโศกของนาง ทำให้ร้อนถึงพิภพท้าวสักกะ ท่านได้แปลงเป็นพราหมณ์ถือกุณฑีน้ำมารดพระมหาสัตว์ ทำให้พิษหายไปในทันที แผลเกิดเต็มดังเดิม แม้แต่รอยถูกยิงก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็น

    จันทกินนรลุกขึ้นได้ พอนางจันทาเห็นดังนั้น เกิดความดีใจ ไหว้แทบเท้าของท้าวสักกะ ซึ่งท้าวสักกะบอกทั้งสองไม่ให้ลงจากเขาจันทบรรพตไปถิ่นมนุษย์อีกต่อไป เมื่อท้าวท่านเสด็จกลับ จันทากินรีก็ได้ชักชวนจันทกินนรกลับสู่จันทบรรพตด้วยกัน"

    พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้แก่ แล้วตรัสว่า

    "ดูก่อน พิมพาไม่ใช่แค่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งเธอก็ไม่ได้เอาใจออกห่างจากตถาคต เธอไม่ใช่หญิงที่ผู้อื่นจะนำไปได้ พระราชาในครั้งนั้นได้มาเกิดเป็นเทวทัต ท้าวสักกะได้มาเกิดเป็นอนุรุทธะ จันทากินรีได้มาเกิดเป็นมารดาของราหุล ส่วนจันทกินนรได้เกิดมาเป็นพระตถาคต ดังนี้.."

    พระนางพิมพาได้ฟังธรรมนี้ก็คลายความทุกข์โศก ทราบแล้วว่าในอดีตชาติอันนานแสนนานเคยสร้างบุญบารมีกับพระพุทธองค์ไว้ ทำให้พระนางปลงใจได้ จิตของพระนางก็บรรลุโสดาบัน เข้าสู่กระแสพระนิพพานต่อไป

    ***
    ธ.ธรรมรักษ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...