เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

พักการตามหาเหล็กไหลสักช่วงนะน้องนิว
มาตามอ่านเรื่องหลวงปู่โต๊ะ ในแง่มุมที่อาจรู้กันน้อย
หรือคาดไม่ถึง แต่ถ้าใครรู้แล้ว ก็ข้ามไป ไม่ต้องเสียเวลา

 

พระอริยสงฆ์มีเยอะมากครับน้องบาซู
เปิดอ่านในเว็ปนี้ ขี้คร้านได้ข้อมูลหูตาลาย
หรือจะอ่านหลวงปู่โต๊ะที่ผมกำลังจะเขียน
ณ บัดนาว นี้้่ก็พอไหวครับ ไม่อยากแนะนำ
เพียงไม่กี่รูป ให้น้องบาซูลองไล่ดูเอาเอง ชอบจริต
รูปใด ก็ถือว่าเป็นวิถีที่เคยมีบุญผูกพันกันมา

 

ไม่ได้ตามมาติด ๆ แต่ไล่ตามมาจนทันอ่านจน สนุกตื่นเต้น มีลุ้นตลอด เปลี่ยนมาเป็นเรื่องพระก็ชอบอ่านเหมือนกันครับ

 

[B]-------------------------หลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวฺณโณ-----------------
-------------------------สุดยอดปรมาจารย์ "หนึ่งไม่สอง"!-----------

ผมเคยถามพรรคพวกนักนิยมพระเครื่อง ประมาณ10 คน ว่า...

"ตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมาจนถึงปี 2522 มีเกจิอาจารย์องค์ใด ได้รับเชิญ
ปลุกเสกพระเครื่อง หรือร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกมากที่สุด?"

คำตอบก็มี หลวงพ่อคูณ บ้าง...บางคนก็ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม...
บางรายก็ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง และนานาเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีก
มากท่าน

มีอยู่3คนตอบตรงกัน...."ข้าว่า หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี "!!!

 

(ต่อ)หลวงปู่โต๊ะ
-----------------

ในปี2500 ซึ่งเป็นยุคกึ่งพุทธกาล เมืองไทยมีพิธีพุทธาภิเษก
พระเครื่องยิ่งใหญ่ที่สุด คือ"พุทธยี่สิบห้าศตวรรษ" พระเนื้อชิน
เนื้อดิน ที่จำนวนการสร้างนับล้านองค์ มีการเชิญพระภิกษุสงฆ์
ทุกนิกายจากประเทศที่เป็นพทุธทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้
เนปาล อินเดีย ธิเบต ใต้หวัน เวียดนาม พม่า ลาว ฯเข้าร่วมพิธี
ปลุกเสก พระโด่งดังทุกรูป เกจิอาจารย์ชั้น เอบวก ดีหนึ่ง ประเภท
หนึ่งของประเทศไทยเข้าร่วมมโหฬาร

กล่าวกันว่า ไม่มีพิธีใดอีกแล้วในประเทศจะยิ่งใหญ่เท่านี้

ใครที่บังอาจว่าเอ่ยอ้างว่า เคยมีพิธีจัดพุทธาภิเษกพระใหญ่กว่า
ยี่สิบห้าศตวรรษ ขอให้ทราบเถิดว่า ไอ้หมอนั่นโกหกกลางเมือง
เล่านิทานโกหกบันลือโลกอย่างหน้าด้านๆ

พระอริยสงฆ์รูปใด มีชื่อติดอยู่ในทำเนียบนี้ยุคนั้น มักจะได้รับการ
เอ่ยอ้างจากศิษยานุศิษย์อย่างภาคภูมิใจ ว่าพระอาจารย์ของเรานั้น...
ของแท้!

หลวงปู่โต๊ะ เป็นท่านหนึ่งที่ได้รับนิมนต์ให้ร่วมปลุกเสกลำดับต้นๆ
และหลังจากนั้น ท่านก็กลายเป็น "เกจิยอดนิยม"ไม่มีงานใดขาด
ท่านได้ หากว่า ไม่เจ็บป่วย ติดนิมนต์งานอื่น การจัดพุทธาภิเษก
ทุกที่ ทุกวัด ต้องมีชื่อ หลวงปู่โต๊ะ ไม่งั้นงานนั้น กร่อย!

แม้แต่ หลวงพ่อ แพ วัดพิกุลทอง ยังต้องถามผู้จัดงานทุกครั้ง
ที่ได้รับกิจนิมนต์ว่า..."นิมนต์ หลวงปู่โต๊ะ ด้วยหรือเปล่า" พอ
ทราบว่ามี หลวงพ่อแพก็จะกล่าวอย่างสบายใจว่า..."มีท่านโต๊ะ
เราก็เหนื่อยน้อย"

เพราะเป็นที่ทราบกันว่า เมื่อเข้าพิธีปลุกเสกแล้ว หลวงปู่โต๊ะจะไม่เคย
ทำเหยาะแหยะแบบหลับตาส่งๆให้เสร็จขอไปที ท่านจะเข้าที่กำหนดจิต
เข้าสู่สมาธินิ่ง เงียบงันเป็นเวลานับชั่วโมง บางครั้งพิธีเสร็จแล้ว ท่านยัง
ต่อให้เจ้าภาพเป็นกรณีพิเศษอีกชั่วโมง หากท่านพิเคราะห์แล้วเห็นว่า
พิธีนั้น มีเทวดา หรือภูมิเจ้าที่ หรือเจ้าของสถานที่มาร่วมอนุโมทนามาก
ซึ่งงานเหล่านี้มีบันทึกไว้แจ้งชัด ทั้งที่ วัดระฆังโฆษิตาราม ในการปลุกเสก
สมเด็จร้อยปี หรือที่วัดหนังบางขุนเทียนในการพุทธาฯพระปิดตาเนื้อชินตะกั่ว
หลวงปู่เอี่ยม ปรมาจารย์ผู้ยิ่งยงแห่งวัดหนัง!

 

แค่เปิดฉากก็สะกดอารมณ์ให้นิ่งงันและรอติดตามด้วยใจจดใจจ่อ
สาธุ ขอนอบน้อมแด่องค์พระอริยเจ้า หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ ด้วยเศียรเกล้า เป็นที่สุด

 

(ต่อ)...หลวงปู่โต๊ะ

ก่อนหน้าจะเข้าสู่ปี 2500 วงการจัดพิธีพุทธาภิเษก พระเครื่อง
เครื่องรางของขลังประเทศไทย นอกจากการปลุกเสกเดี่ยวแล้ว
หากมีพิธีปลุกเสกหมู่หรือรวมสุดยอดฝีมือ จะเป็นยุค "จตุรเทพ"
หรือ4 มหาอำนาจแห่งวงการ อันระบือนามว่า "จาด-จง-คง-อี๋"

นั่นคือ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา...หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก...
หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม และหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

นาม"จตุรเทพ"แห่งสยามนี้ ลือเลื่องเฟื่องฟูที่สุดเมื่อสงครามอินโดจีน
ที่รัฐบาลเชิญขึ้นเครื่องบินโปรยทรายเสกทั่วเมือง ป้องกันการทิ้งระเบิด
ของสัมพันธมิตร และวัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสก จาก"จตุรเทพ"ได้นำ
ทหารไทยจากทุกสนามรบ ไม่ว่า สงครามเกาลี หรือกระทั่งเลยมาถึงยุค
สงครามเวียดนาม รอดกลับบ้านมากมาย!

สงครามที่ไทยส่งทหารกระโจนเข้าร่วมรบรอบบ้าน ทั้งเวียดนาม ลาว
กัมพูชา โดยการหนุนตูดลับๆจาก"ไอ้กัน"ได้ทำให้เครื่องรางของขลัง
และพระเครื่อง เป็นที่ต้องการของเหล่าทหารชายชาตินักรบ หรือแม้
กระทั่งญาติมิตร พ่อ-แม่-ลูกเมีย ที่ต้องการเห็นคนรักมีโอกาสรอดตาย
กลับบ้าน

เข้าสู่กึ่งพุทธศตวรรษปี2500วงการปลุกเสกพุทธาภิเษกพระเครื่อง
จึงเฟื่องฟูจนไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ เกจิอาจารย์สร้างวัดได้ แค่เดินสาย
ปลุกเสกพระ ก็เป็นรายได้สร้างโบสถ์ วิหาร เจดีย์ จนสำเร็จ ไม่นับความ
นับถือเลื่อมใสจากศิษยานุศิษย์ที่หลั่งไหลเข้าวัด

หลวงปู่โต๊ะก็นับเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่ว่านั้น ท่านไม่เคยเก็บงำรายได้
ไว้เป็นส่วนตัว ท่านมีแต่แจกจ่ายออกไปเพื่อสร้างวัด และสร้างสถานที่ต่างๆ
ชั่วชีวิตของหลวงปู่มีแต่ให้

ให้ความขลังศักดิ์สิทธิ์ วิเศษ ให้คุณธรรมคำสอนแห่งพระพุทธองค์ และให้
ปัจจัยที่รับมา สืบทอดต่อพระศาสนาไม่หยุดยั้ง ทั้งช่วยเหลือผู้ยากไร้ตาม
กาละอันเหมาะสม

จริยาของหลวงปู่ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับ พระโพธิสัตว์กวนอิม อวโลกิเตศวร
ที่ท่านนับถือ และต้องมีพิธี"กินเจ"ถวายทุกปี ในช่วงหลายสิบปีหลัง

 

หากจะมีการบันทึกถึง หลวงปู่โต๊ะ ได้ลึกซึ้งที่สุด ผมเห็นว่า ไม่มีบทใดอีกแล้วที่จะเทียมเท่ากับ พระราชบันทึก จากองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ซึ่งทรงไว้ เมื่อปี2524 ผมจะขอกราบตัดทอน นำบันทึกประวัติศาสตร์แห่งองค์หลวงปู่โต๊ะนี้ มาให้อ่านเป็นตอนๆไป...

--------------------พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน---------------
-------------------------8 ธันวาคม 2524-------------------

"หลวงปู่สามารถหยั่งรู้จิตใจคน ว่าผู้นั้นๆจะต้องเทศน์สั่งสอนวิธีไหน
ใช้ธรรมระดับไหน และหัวข้อใด จึงซึมซาบ เข้าไปในจิตของคนทั่ว
ไปได้ ดังข้อความบางตอนที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ได้ถวาย
พระธรรมเทศนาในงานบำเพ็ญพระราชกุศลถวายหลวงปู่ ณ วัดเบญจม
บพิตร 24 ก.ค.2524 ข้าพเจ้าทราบดี เพราะครั้งหนึ่งที่
หลวงปู่ไปอาพาธที่โรงพยาบาลจุฬา ข้าพเจ้าได้มีบุญไปจัดตั้งโต๊ะหมู่
บูชาพระรัตนตรัยถวาย พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธรูปจากสวนจิตรลดา
ไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่บูชา และได้พับประดิษฐ์ดอกบัวสัตบงกช ให้แย้ม
กลีบมากน้อยต่างๆกันไป

ข้าพเจ้าเองรักที่จะบูชาพระรัตนตรัยด้วยดอกบัวชนิดต่างๆ เนื่องด้วยพระสงฆ์
ที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรงตามพระธรรมวินัย ปฏิบัติชอบท่านเคยเล่าว่า
พระพุทธองค์เปรียบคนเสมือนดอกบัวในสภาวะต่างๆ ดอกบัวที่โผล่ขึ้นมาแย้ม
เหนือน้ำ ได้รับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ดอกที่เพิ่งผุดปริ่มน้ำ บางดอกที่อยู่
ในตมเป็นอาหารของเต่าเสียก่อนที่จะได้มีโอกาสโผล่ขึ้นมา.....ฯลฯ(ยังมีต่อ)

อ่านตรงนี้แล้วเราจึงไม่สงสัยในธรรมหรือคุณวิเศษขององค์หลวงปู่เลย
โดยเฉพาะข้อ รู้วาระจิตคน ซึ่งได้รับการรับรองโดยตรงจาก องค์สมเด็จ
พระสังฆราช สังฆมหาปรินายก สมเด็จพระญาณสังวร หนึ่งในศิษย์ผู้เรียน
กรรมฐานจากหลวงปู่โต๊ะ!

 

(ต่อ)...หลวงปู่โต๊ะ

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งหลวงปู่โตีะ ยังเป็นพระหนุ่มที่ยังอายุวัยเบญจเพศ
มีพรรษาแค่4-5พรรษา หลวงปู่ก็เป็นผู้ใฝ่เรียนวิชา โดยเฉพาะการฝึก
กรรมฐาน ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านแรกของหลวงปู่คือ...พระอาจารย์พรหม
ซึ่งท่านเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่วัดประดู่ฯนั่นเอง

จากนั้นหลวงปู่ก็ได้เรียนกับสุดยอดเกจิอาจารย์นามระบือ หลวงพ่อรุ่ง
วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร และอีกรูปที่หลวงปู่ได้บากบั่นไปขอเรียนวิชา
ด้วยคือ...หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน(วัดคลองมะดัน)แห่งสุพรรณบุรี
สุดยอดศิษย์เอก หลวงพ่อเนียม วัดน้อย ผู้เป็นต้นทางแห่งการสร้าง
เกจิอาจารย์หลายสาย และเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ยิ่งยง ยอดเยี่ยมที่สุด
เท่าที่เมืองไทยเคยมีมารูปหนึ่ง

และที่นี้เองที่หลวงปู่ได้สร้างสหายธรรมเอาไว้กับ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
ปรมาจารย์แห่งธรรมกาย และหลวงพ่อผึ่ง วัดสว่างอารมณ์ ล้วนเป็นศิษย์
ครูเดียวกัน และหลวงพ่อผึ่งคือผู้สร้างผงวิเศษอันลือลั่น แต่ท่านเป็นนักปิด
ทองหลังพระมากกว่าใครเพื่อนในทั้งสามรูปนี้

เมื่อทั้งสามรูปเรียนสำเร้จวิชาจากหลวงพ่อโหน่งแล้ว จึงมีการตกลงกันว่า
หากท่านใดมีการสร้างพระเครื่อง ไว้ให้เหล่าศิษย์บูชาในวันข้างหน้า เป็น
การสืบทอดพระศาสนา รึหาปัจจัยทำนุบำรุงพระศาสนา ต้องมีการแบ่งปัน
ผงวิเศษสร้างตัวแทนแห่งพระพุทธองค์กันทุกครั้ง

ผงนั้นคือ ผงวิเศษ 5ประการ ปถมัง-อิทธิเจ-มหาราช-พุทธคุณ-ตรีนิสิงเห!!

และก็เช่นเคย ถ้าหากมีใครอวดอ้างว่า พระอาจารย์ของตนเองทำผงวิเศษ
ทั้ง5ประการนี้ได้เพียงลำพัง...ก็ขอให้ท่านรับทราบว่า หมอนั่น โม้ระเบิด
เถิดเทิง ลิงออกลูกเป็นควายง่ายกว่า หรือไม่ก็โม้ขายพระจน"เพี้ยน"ต้อง
จับส่งหลังคาแดง

พรุ่งนี้มาอ่านวิธีทำ ผงวิเศษ5ประการกัน แล้วจะรู้ว่า ทำไมเกจิอาจารย์
รูปเดียว ไม่สามารถ ทำได้ลำพังแต่ผู้เดียว ต้องพึ่งพากัน อย่างเช่น
หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อสด หลวงพ่อผึ่ง....(อ่านต่อพรุ่งนี้)

 

พักนะครับ พรุ่งนี้จะบอกรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับพระหลวงปู่
และการติดต่อเพื่อขอรับอันไม่ยุ่งยาก...สวัสดีครับ

 

ยินดีครับที่ตามอ่านจนทัน ชอบเรื่องพระ
จะชอบมากยิ่งขึ้น ถ้าอ่านเรื่องนี้จบ เชิญนะครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ ท่านหมื่นฯก็ติดตามนับถือหลวงปู่อยู่เช่นกันหรือครับ?
ยินดีที่ได้เขียนเรื่องให้ถูกใจ แต่อาจจะไม่มันเหมือนเรื่องอื่น ก็ขออภัย

 

ขอบคุณมากๆครับคุณอา
สาธุครับ

 

"จริยาของหลวงปู่ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับ พระโพธิสัตว์กวนอิม อวโลกิเตศวร
ที่ท่านนับถือ และต้องมีพิธี"กินเจ"ถวายทุกปี ในช่วงหลายสิบปีหลัง"
มารอฟังประวัติการสร้างวัตถุมงคล "พระโพธิสัตว์กวนอิม อวโลกิเตศวร" ซึ่งพบเห็นมานานแล้ว แต่ไม่สามารถสืบทราบประวัติการสร้าง วัตถุมงคล พระโพธิสัตว์กวนอิม ครับ ทราบแต่ประวัติ บางส่วนที่หลวงปู่ได้เคยมีบุญวาสนา เกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์กวนอิม
ในแต่ปางก่อน หวังว่าคงจะได้รับฟังจากผู้ที่รู้จริงในเร็วๆ วันนี้

 

ถ้าไม่ลืมหรือยืดเยื้อจะหามาให้อ่านนะครับ
ผมพอมีข้อมูลและพอทราบอยู่บ้าง ทั้งจริง
และเท็จ

 

ยินดีครับน้องบานชื่น สาธุด้วย
เขียนได้ไม่มาก เพราะเขียนสดๆ
ไม่มีร่างหรือบันทึกไว้เลย ยกเว้น
พระราชบันทึกตอนเดียว...เหลือเชื่อ
เหมือนหลวงปู่นำทางให้นิ้วจิ้มไป..สาธุ

 

หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ กับ หลวงพ่อเกษม เขมโก
ในงานพิธีพุทธาภิเษก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔
ณ วัดนางเหลียว ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง

หลวงพ่อเกษมได้บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิด
ที่ติดตามหลวงปู่โต๊ะ องค์ที่นั่งปรกอยู่ข้างบนว่า...
“เราไหว้องค์นี้เพียงองค์เดียวก็พอแล้ว”
(ทั้งๆ ที่งานพิธีในวันนั้น มีการนิมนต์พระเกจิชั้นยอด
มาร่วมนั่งปรกหลายต่อหลายองค์)

 

ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวของหลวงปู่ สาธุครับ

 

เรื่องผงนี่จะรอฟังน่ะครับท่านอา wanwi ผมเคยได้อ่านผงบางชนิดทำแล้วต้องทำให้เสร็จ ขาดวันเดียวก็ไม่ได้ ถ้าขาดต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ครั้งนี้จะได้รู้แบบเต็มๆจากท่านอา. ขอขอบคุณมากครับ

 

เดาทางคณะหาเหล็กไหล น่าจะแห้ว กลับมือเปล่า เพราะของที่มีอิทธิฤิทธิ์ในตัวคงไม่ยอมง่ายๆ ถ้าไม่มีบุญสัมพันธิ์กันแต่เก่าก่อนคงยาก ยกเว้นพระเอกเรา น่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือไปไม่มากก็น้อย
ขอนุโมทนาบุญกับคุณอา wanwi กัยการแจกพระในครั้งนี้ครับ