พอใจรูม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ppojai, 3 ตุลาคม 2010.

  1. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ป้าใจก็เป็นบุคคลนึง.ที่มีมิตรภาพที่งดงามเสมอมา
    บางครั้งอาจจะมีไม่เข้าใจกันด้วยเหตุบางอย่าง
    แต่ยังไงๆป้าใจก็คือป้าใจล่ะค่ะ.:d
     
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k):cool: ทุกสิ่งบนโลกนี้ เป็นเช่นนั้นเอง..นะคะ


    (k):cool: ป้าใจก็คือ ป้าพอใจ ที่หนูรู้จักนั่นแหละค่ะ ยังไงก็ยังงั้น กี่ปี ๆ ก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่ใจที่พยายามมองโลกอย่างเข้าใจมากขึ้นค่ะ
     
  3. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=byp_XvgTYI0&feature=player_embedded"]ทุยใจดำ โดย พอใจ[/ame]

    ทุยใจดำ
    กาญจนา มาศิริ
    by pporjai


    ไปเพลินอยู่ไหน
    เจ้าทุยเพื่อนจ๋า
    เอื้องคอยตั้งตา
    หาทุยทุกวัน
    หรือมีเพื่อนใหม่
    จึงคิดลืมกัน
    ลืมความผูกพัน
    เมื่อวันก่อนมา
    ลืมเพลงที่เอื้อง
    เคยร้องกล่อมทุย
    ลืมโคลนที่ลุย
    คุ้งคลองท้องนา
    ทิ้งหญ้าและฟาง
    ที่เลี้ยงทุยมา
    ไปเพลินอุรากับใครที่ไหน
    ต่อนี้ไป
    เอี้ยงคงเหงาเศร้าตรมฤดี
    สุขล้นพอมี
    มา มลาย เพราะทุยลืมคำ
    ใจคอจะลืม
    เอี้ยงลงเชียวหนอ
    ตัวดำไม่พอแถมใจยังดำ
    น้ำตาเอี้ยงไหล
    ดุจสายฝนพรำ
    ทุยใจช่างดำ ทำเอี้ยงได้ลง

    ไปเพลินอยู่ไหน
    เจ้าทุยเพื่อนจ๋า
    เอื้องคอยตั้งตา
    หาทุยทุกวัน
    หรือมีเพื่อนใหม่
    จึงคิดลืมกัน
    ลืมความผูกพัน
    เมื่อวันก่อนมา
    ลืมเพลงที่เอื้อง
    เคยร้องกล่อมทุย
    ลืมโคลนที่ลุย
    คุ้งคลองท้องนา
    ทิ้งหญ้าและฟาง
    ที่เลี้ยงทุยมา
    ไปเพลินอุรากับใครที่ไหน
    ต่อนี้ไป
    เอี้ยงคงเหงาเศร้าตรมฤดี
    สุขล้นพอมี
    มา มลาย เพราะทุยลืมคำ
    ใจคอจะลืม
    เอี้ยงลงเชียวหนอ
    ตัวดำไม่พอแถมใจยังดำ
    น้ำตาเอี้ยงไหล
    ดุจสายฝนพรำ
    ทุยใจช่างดำ ทำเอี้ยงได้ลง
    น้ำตาเอี้ยงไหล
    ดุจสายฝนพรำ
    ทุยใจช่างดำ ทำเอี้ยงได้ลง

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    เรื่อง "ทุกข์เพราะไม่เข้าใจโลก" : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


    ธรรมแท้ที่พระองค์ทรงสอนนั้นมิได้สอนอื่น แท้จริงก็คือ
    "สอนให้เห็นแลเข้าใจชัดแจ้ง ในเรื่องความเป็นอยู่ แลเป็นไปของโลก" นั้นเอง

    จึงจะหายกังวลสงสัยพ้นจากความข้องเกี่ยวในโลก ไม่มีทุกข์
    ผู้ที่ไม่เข้าใจแลรู้เรื่องของโลกตามเป็นจริงเท่านั้นที่เป็นทุกข์

    "คนเราเกิดมาที่ว่าเป็นทุกข์ ๆ นั้น มันทุกข์ตรงที่ไม่เข้าใจแลรู้เรื่องของโลก"
    แล้วเข้าไปยึดเอาโลกมาเป็นตนเป็นตัว เป็นของเรานี้เท่านั้น

    ผู้ที่เข้าไปยึดเอาธาตุสี่ขโมยธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เอามาประกอบเป็นตนเป็นคนขึ้นมานี้
    มันเป็นของกลาง ไม่มีใครเป็นกรรมสิทธิ์สักคนเดียว

    เราตายแล้วทอดทิ้งไว้ในโลกนี้ตามเดิม
    คนเกิดมาทีหลังก็จะเอามาประกอบให้เป็นคนต่อไปอีก ดังกล่าวแล้ว

    ใครหลงเข้าไปยึดถือเอามาเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว คนนั้นได้ชื่อว่า
    ไปขโมยเอาของกลางมาเป็นของส่วนตัว จะต้องมีโทษได้รับทุกข์มาก
    "เหมือนกับคนผู้ที่ไปขโมยเอาของหลวงแผ่นดิน"


    โลกกับธรรมสัมพันธ์ วัดหินหมากเป้ง ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๙
    พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


    แสดงกระทู้ - เรื่อง "ทุกข์เพราะไม่เข้าใจโลก" : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี • ลานธรรมจักร

     
  5. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    เมื่อประสบเหตุร้าย เราเลือกที่จะไม่ทุกข์ก็ได้ ถ้าวางใจให้เป็น ทีนี้จะวางใจอย่างไร ?? อย่างแรกที่ควรทำก็คือ “การยอมรับความจริง” เมื่อเกิดอะไรขึ้นแล้ว ป่วยการที่เราจะไปตีโพยตีพายว่าทำไมถึงต้องเป็นฉัน ป่วยการที่จะไปโทษชะตากรรม หรือโทษคนนั้นคนนี้ ยิ่งตีโพยตีพาย หรือยิ่งปฏิเสธความจริง เราก็ยิ่งทุกข์ !!!


    :cool:“การยอมรับความจริง” มิได้หมายถึง “การยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น” ที่จริงแล้วมันกลับช่วยให้เราสามารถรับมือกับเหตุร้ายได้ดีขึ้น คนที่ยอมรับความเจ็บป่วยได้ นอกจากใจจะทุกข์น้อยลงแล้ว ยังมีเวลาใคร่ครวญหาทางเยียวยารักษา สามารถใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่ ไม่ถูกรบกวนด้วยอารมณ์ต่างๆ ผิดกับคนที่ ไม่ยอมรับความจริง จะมัวแต่ตีโพยตีพาย คร่ำครวญ วิตกกังวล จนไม่เป็นอันทำอะไร สิ่งที่ควรทำจึงไม่ได้ทำ ปัญหาที่ควรแก้จึงไม่ได้แก้


    :cool:ความ สุขนั้นมีอยู่รอบตัว แต่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เพราะใจจดจ่อแต่ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ผลก็คือขณะที่ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง เรากลับละทิ้งความสุขที่มีอยู่รอบตัว ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิของเราโดยชอบธรรม กลายเป็นว่าเสียสองต่อ


    :cool: จะไม่ดีกว่าหรือ ขณะที่ยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เราก็เปิดใจชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่รอบตัวหรือตามรายทาง แม้ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง แต่เราก็ได้สัมผัสกับความสุขที่มีอยู่แล้วทุกขณะ


    :cool:การให้อภัยเป็นเรื่องยาก แต่การมีชีวิตด้วยจิตใจที่โกรธแค้นพยาบาท กลับเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่า

    ชีวิตของเรานั้นเหมือนกับเทียน เราไม่มีทางรู้หรอกว่า เทียนเล่มนี้จะไหม้จนหมดเชื้อ หรือว่าโดนลมพัดดับไปเสียก่อนทั้งๆ ที่ยังมีเชื้อและไขเทียนอยู่ แต่แม้จะเป็นอย่างหลังก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าขณะที่ยังมีเปลวไฟอยู่นั้น เขาให้ความสว่างไสวแค่ไหน


    :cool: คนที่ภาคภูมิใจในทรวดทรงของตน ไม่ช้าไม่นานก็ต้องระทมทุกข์เพราะสิ่งเดียวกัน ถึงวันนั้นทรวดทรงอาจแปรเปลี่ยนไป หาไม่มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายขึ้นมา


    :cool: เมื่อเราถูกวิพากษ์วิจารณ์ ใจเรามักจะพุ่งตรงไปยังคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่ค่อยสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์เท่าใดนัก ดังนั้น แม้ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์จะถูกต้อง ให้แง่คิดที่ดีเพียงใดก็ตาม แต่เราไม่สนใจที่จะไตร่ตรองเสียแล้ว เพราะใจนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดและโกรธคนที่วิพากษ์วิจารณ์เรา


    :cool:สุขกับทุกข์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน มันสามารถพลิกกลับไปกลับมาได้ ด้วยเหตุนี้เวลาจะมีความสุขกับอะไรหรือใครก็ตาม อย่าเพลินกับความสุขจนท่วมท้นใจ หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับอารมณ์เหล่านั้น ควรเผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่ไม่ถูกใจเรา วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามใจหวัง แต่พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม


    :cool: อะไรล่ะที่ทำให้เรายอมรับความจริงได้ยาก ส่วนหนึ่งก็เพราะเราหวนคิดถึงอดีตที่สวยงาม เมื่อเราต้องสูญเสียอะไรสักอย่าง หรือประสบกับเหตุร้าย เราจะรู้สึกแย่ทันทีเมื่อหวนนึกถึงตอนที่เรายังมีสิ่งนั้น หรือยังสุขสบายดี ความอาลัย ความเสียดาย จะทำให้เราไม่สามารถยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้


    :cool: “เป็นอะไร” ไม่สำคัญเท่า “เป็นอย่างไร” ถึงจะเป็นคนสวนหรือเสมียนก็อาจจะมีความสุขกว่าผู้จัดการ หากทำงานด้วยใจรักหรือมีฉันทะ และเห็นคุณค่าของงานนั้น ไม่ใช่ทำด้วยตัณหาหรือมีกิเลสเป็นตัวผลักดัน


    :cool:: รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิตตน ก็ควรรีบลงมือทำ ปฏิกจฺเจว กยิรา ยํ ชญฺญา หตมตฺตโน


    :cool: “ความ ทุกข์” และ “ความสุข” ของชีวิต หาได้อยู่ถัดกันดั่งกลางคืนและกลางวันไม่ แท้ที่จริงความทุกข์และความสุขอยู่เคียงคู่กัน ในยามทุกข์ ความสุขก็อยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว ใช่ว่าจะตามมาภายหลังก็หาไม่ เป็นแต่ว่าเราไปฉวยเอาเรื่องร้ายมาครองใจ ความสุขจึงแทรกเข้ามาไม่ได้ แต่หากเราวางเรื่องร้ายนั้นเสีย หรือน้อมเอาสิ่งดีงามมาใส่ใจ ความสุขก็จะบังเกิดขึ้นทันที

    แม้กระทั่งในค่ายนรกนาซี ความสุขก็อยู่ไม่ไกลหากรู้จักหา หญิงผู้หนึ่งอยู่ใกล้ความตายทุกขณะ แต่ในยามนั้นเธอหาได้ทุรนทุรายไม่ สิ่งเดียวที่ให้ความหวังและกำลังใจแก่เธอก็คือ ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีดอกตูมอยู่สองดอกใกล้หน้าต่าง เธอชอบคุยกับต้นไม้ต้นนั้น และต้นไม้ก็บอกเธอว่า “ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่ ฉันคือชีวิตนิรันดร์”


    :cool:อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ เคล็ดลับสำคัญในการเอาชนะปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง เพราะวันนี้เป็นวันเดียวเท่านั้นที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่ใช่เมื่อวานหรือวันพรุ่งนี้ แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่เราสามารถทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ คือ วินาทีนี้หรือขณะนี้เท่านั้น เพราะแม้แต่วินาทีหน้า นาทีหน้า หรือชั่วโมงหน้า ก็ยังเป็นอนาคตอยู่ ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะทำอะไรได้


    :cool: “แข่งขันกับงาน ไม่ใช่แข่งขันกับคนอื่น” เวลาทำงานก็เช่นกัน ถ้าเรามองว่านี้เป็นการต่อสู้ปลุกปล้ำกับงาน เราจะไม่เดือดร้อนที่คนอื่นทำได้ดีกว่าเรา ใครจะดีจะเก่งก็เป็นเรื่องของเขา เพราะในใจนั้นนึกอยู่เสมอว่า “ฉันกำลังแข่งขันกับงาน ไม่ใช่แข่งขันกับคนอื่น” นอกจากจะไม่ อิจฉาเขาแล้ว ยังพยายามเรียนรู้จากเขาว่ามีวิธีการอย่างไร เพื่อเอาไปใช้ในการพิชิตงานที่กำลังทำอยู่ หรือทำให้งานนั้นดีขึ้น


    :cool: “สบายแต่ไร้สุข” ในโลกนี้มีอะไรต่ออะไรอีกมากมายที่ไม่สามารถบัญชาให้เป็นไปตามใจเราได้ แม้จะมีเงินมากมายก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่คนกรุงเทพฯ เป็นทุกข์กันมากเพียงเพราะรถติด ทั้งๆ ที่อยู่ในรถที่แสนเย็นสบาย แต่ถ้ารู้จักปรับตัวปรับใจเสียแล้ว ก็จะเป็นสุขได้ง่ายขึ้น ร้อนนักก็ไม่เป็นไร หนาวนักก็ไม่เดือดร้อน รถติดก็รู้จักรอ คนที่จะทำใจแบบนี้ได้เก่ง ใช่หรือไม่ว่า ชีวิตของเขาต้องไม่สะดวกสบายมากเกินไป


    :cool: “เปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตร” ถึงที่สุดแล้ว แม้แต่คนที่คิดร้ายต่อเรา เขาก็ไม่ได้เป็นศัตรูของเรา ความโกรธเกลียดหรือความเห็นแก่ตัวในใจเขาต่างหากที่เป็นศัตรูของเรา สิ่งที่เราควรจัดการคือความชั่วร้ายในใจของเขา มิใช่จัดการตัวเขา ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะปลอดภัยและมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริง เพราะการขจัดศัตรูที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนเขามาเป็นมิตร แล้วอะไรล่ะที่จะเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรได้ หากมิใช่การใช้ความดีชนะใจเขา


    :cool: “คู่แข่ง” คนไม่ใช่คู่แข่งของเรา กิเลสตัณหา ความเห็นแก่ตัว หรือความหลงตนต่างหากที่เป็นคู่แข่งของเรา แทนที่จะสู้กับใครต่อใคร เราควรหันมาสู้กับอกุศลธรรมในตัวเราดีกว่า ที่แล้วมาเราต่อสู้กับใครต่อใครมากแล้ว แต่ไม่ได้ต่อสู้กับอกุศลธรรมเหล่านี้ เราจึงทุกข์ไม่เว้นแต่ละวัน


    :cool: “การทำงาน” สามารถเป็น “การปฏิบัติธรรม” ได้ตลอดเวลา หากเราทำด้วยแรงจูงใจที่เป็นกุศล เช่น ทำเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น หรือเพื่อฝึกพัฒนาตน โดยมุ่งให้มีความเห็นแก่ตัวน้อยลง อดทนมากขึ้น หรือทำโดยมีธรรมะเข้ามากำกับ เช่น ทำด้วยความซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อหน้าที่


    :cool: พุทธศาสนาที่แท้จริงนั้น มิได้อยู่ที่วัดวาอารามหรือพระสงฆ์ แต่อยู่ที่จิตใจของผู้คน ใจที่เป็นกุศล เปี่ยมด้วยเมตตา โอบอ้อมอารีต่อกัน ไม่ถูกครอบงำด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ คือ ที่สถิตของพุทธศาสนาที่แท้ต่างหาก



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2015
  6. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
     
  7. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    :cool:แสวงหาความสุขจากการให้ กล่าวคือ ยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข สุขเพราะเห็นน้ำตาผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ทำความดีและทำให้ชีวิตมีความหมาย จากจุดนั้นแหละก็ไม่ยากที่เราจะค้นพบ ความสุขจากการ “ไม่มี”


    :cool:“ทิ้งขยะทางอารมณ์...รักษาจิตใจให้ใหม่สดเสมอ” ต้นไม้เขียวขจีอยู่เสมอ...ก็เพราะทิ้งใบที่แห้งตาย ไม่เก็บเอาไว้ให้เป็นภาระ ร่างกายมีพลานามัย...ก็เพราะระบายสิ่งหมักหมมออกไปจากอวัยวะทุกส่วน ใจ จะสดใส...ก็เพราะรู้จักปลดปล่อยอารมณ์ที่หมักหมมบูดเน่า ใจที่ว่างและเปิดกว้างต่อทุกสิ่งที่เป็นปัจจุบันเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตสดใหม่อย่างแท้จริง


    :cool: คนเราเมื่อมีจิตใจที่มั่นคง เคารพและมั่นใจในตนเองแล้ว ย่อมไม่สะทกสะท้านอะไรง่ายๆ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องพองขนแยกเขี้ยวเพื่อให้คนอื่นกลัว


    :cool: “ความ เห็นแก่ตัว” นั้น แม้จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดของมนุษย์ แต่หากปล่อยให้มันครองใจและเป็นใหญ่ในชีวิต เราก็จะเป็นทุกข์ได้ง่าย เพราะได้เท่าไรก็ไม่พอ ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ไม่มีความสุข อะไรมากระทบแม้เพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ได้ทันที ไม่ต่างกับลูกโป่งที่ขยายตัวเต็มที่ เพียงแค่ถูกใบหญ้าทิ่มแทงก็พร้อมจะระเบิดได้ทันที


    :cool:: “สติที่ว่องไว ช่วยพาใจให้เป็นปกติสุข” สติที่เรามีในชีวิตประจำวันนั้นเป็นสติที่ยังเชื่องช้าอยู่ ผิดนัดไปชั่วโมงกว่าแล้วถึงนึกขึ้นได้ ออกจากบ้านไปแล้วถึงนึกได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้าน ด่าว่าเพื่อนไปแล้วถึงนึกได้ว่าไม่น่าเลยเรา โกรธแฟนเป็นอาทิตย์ กว่าจะนึกได้ว่าไปหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรา ต้องการสติที่ไวกว่านั้น ชนิดที่เรียกว่า พอจิตเกิดความหงุดหงิดขึ้นมา ก็รู้ตัวและระลึกได้ทันที พอจิตเริ่มส่าย สติก็ดึงจิตกลับมาสู่ความปกติได้ทันที ต้องทำให้ได้ขนาดนั้น ถึงจะทำให้เรามีชีวิตที่ปกติ


    :cool: อะไรก็ตาม ถ้าทำแล้วช่วยลดละความโลภ ความเห็นแก่ตัว กำจัดสิ่งเศร้าหมอง หรือกิเลส ทำให้จิตใจอิ่มเอิบ ถือว่าเป็นบุญทั้งนั้น และจะเป็นบุญยิ่งขึ้น หากเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย


    :cool:ของอร่อยไม่จำเป็นว่าต้องดีต่อร่างกายฉันใด ความสนุกตื่นเต้นก็ใช่ว่าจะดีต่อจิตใจฉันนั้น


    :cool: ทัศนคติและการวางจิตวางใจให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การรู้จักปล่อยวาง ยอมรับในความจริงของชีวิต ไม่ยอมจ่อมจมอยู่กับความพลัดพรากสูญเสีย เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้จิตผ่องใส เยือกเย็น เบาสบาย เมื่อใจมีสุขภาพดี สุขภาพกายก็ดีตามไปด้วย


    :cool: ในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่จำเป็น แต่เรากลับเสียเวลากับมันไม่น้อย อาทิ งานสังคม เดินช็อปปิ้งตามห้าง ท่องอินเทอร์เน็ต ดูแลจัดการกับสมบัตินานาชนิด ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้ หากสะสางให้เหลือเท่าที่จำเป็น หรือจำกัดเวลาลง เราจะมีเวลาเหลือสำหรับสุขภาพกายสุขภาพจิตของตนเอง และมีเวลาให้แก่ครอบครัว ตลอดจนทำสิ่งมีประโยชน์อื่นๆ


    :cool: ความ แปรเปลี่ยนนั้นเป็นธรรมดาของโลก อย่าไปมองว่ามันเป็นปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือใจของเราต่างหากที่ไปยึดอยากให้บางอย่างคงที่ เหมือนเดิม หรือเป็นไปตามใจเราเสมอ ทันทีที่คิดแบบนั้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ก็เตรียมตัวทุกข์ไว้ได้เลย

    :cool: ความคิดที่มีสติกำกับ จะไม่พาใจกวัดแกว่งไปกับความชอบหรือไม่ชอบ หรือขึ้นลงฟูแฟบไปตามสิ่งที่มากระทบ แต่จะมั่นคงบนวิถีแห่งความถูกต้อง หรือวิถีธรรมนั่นเอง


    :cool:คนเรายิ่งอยู่ใกล้กันมากและอยู่ด้วยกันนานๆ ย่อมมีโอกาสจะกระทบกระทั่งหรือมีเรื่องขัดอกขัดใจกันบ้าง แต่ถ้าเราไปจดจ่อกับเรื่องไม่ดีเหล่านั้น ซึ่งอาจมีไม่ถึง ๑๐ ครั้ง โดยมองข้ามความดีที่มีต่อกันนับครั้งไม่ถ้วน เราก็จะไม่มีความรู้สึกชื่นชมหรือซาบซึ้งใจให้แก่กันเลย


    :cool: ทรายดูดเป็นอย่างไร อารมณ์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น คนที่เผลอไม่รู้ตัว และไม่รู้เท่าทันมัน ถูกมันเล่นงานมานักต่อนักแล้ว


    :cool: การให้อภัย มิได้หมายถึงการลืมเหตุการณ์ที่เจ็บปวด แต่หมายถึงการไม่ยอมให้เหตุการณ์เหล่านั้นมาทำร้ายเรา


    :cool: คิด พูด และทำ ในทางดีงามอย่างสม่ำเสมอ การสู้รบภายในจะค่อยๆ สงบลง และบังเกิดสันติสุขในที่สุด


    :cool: “มองภัยพิบัติในอีกแง่มุม” แทนที่จะมัวตื่นตระหนกถึงภัยพิบัติครั้งต่อไป ซึ่งจะเกิดที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ เรา ควรมาใส่ใจกับความจริงที่ตามติดเราไปทุกหนทุกแห่ง นั่นก็คือความจริงที่ว่าสักวันหนึ่งเราทุกคนต้องตาย ถึงจะไม่มีภัยพิบัติใดๆ เกิดขึ้นในอีกร้อยปีข้างหน้า เราทุกคนก็หนีความตายไม่พ้น เราจึงควรเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมรับความตายที่จะมาถึงดีกว่า เช่น หมั่นทำความดี หลีกหนีความชั่ว ปฏิบัติต่อคนรอบข้างด้วยความใส่ใจ ฝึกจิตให้ตระหนักรู้ถึงความไม่จีรังยั่งยืนของทุกสิ่ง และพร้อมปล่อยวางเมื่อเกิดความพลัดพรากสูญเสีย ถ้าทำเช่นนี้ได้ครบถ้วน ความกลัวตายก็จะลดลง และไม่ตื่นกลัวภัยพิบัติ กลับมองว่าภัยพิบัติเหล่านี้มีข้อดีด้วยซ้ำตรงที่ช่วยเตือนไม่ให้ประมาท เราควรมองภัยพิบัติทั้งหลายในแง่นี้บ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะมัวตื่นตระหนกตกใจจนไม่เป็นอันทำอะไร และพลาดโอกาสที่จะทำสิ่งดีๆ ให้แก่ตนเองและผู้อื่น

    พูดเช่นนี้ไม่ได้ หมายความว่า เราไม่ควรเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติ เช่น มีการวางแผนบรรเทาสาธารณภัยที่รัดกุม เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ในยามฉุกเฉิน เป็นต้น การเตรียมการดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราไม่ควรมองข้ามความจริงข้อหนึ่งก็คือ ภัยพิบัติไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว น้ำท่วม ฝนแล้ง หรือคลื่นสึนามิ แม้จะรุนแรงเพียงใดก็ไม่น่ากลัวเท่ากับใจวิบัติ ถ้าใจวิบัติแล้วความเสียหายจะตามมาอย่างมากมาย


    :cool: อะไรทำให้คนเรามองเห็นคนอื่นได้ชัด แต่กลับมองไม่เห็นตัวเอง คำตอบก็คือ เพราะเราชอบพุ่งความสนใจไปนอกตัวจนลืมหันมาดูตัวเอง ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในบรรดาอายตนะทั้งหมดของเรานั้น มีถึง ๕ อย่างคือ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย ที่มีหน้าที่รับรู้โลกภายนอกโดยตรง มีแต่จิตอย่างเดียวที่สามารถรับรู้หรือสำรวจตรวจตราตนเองได้


    :cool: คนทั่วไปก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ คือเห็นความผิดเพี้ยนของคนอื่นได้ชัดเจน แต่กลับมองไม่เห็นความผิดเพี้ยนของตนเอง หลายคนไม่ชอบคนขี้บ่นขี้นินทา แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองก็ขี้บ่นขี้นินทาเหมือนกัน ขณะที่ชี้ให้ใครๆ ดูว่าคนนั้นคนนี้ชอบนินทา หารู้ตัวไม่ว่าตนเองก็กำลังนินทาเขาอยู่


    :cool: ชีวิตคนเราส่วนใหญ่หมุนเวียนไปตามความอยาก มีความอยากเป็นตัวผลักดันให้โลดแล่นไป ความอยากของคนเรานั้นจะว่าไปก็หนีไม่พ้นความอยากมี กับความอยากเป็น เช่น อยากมีเงินมีทอง อยากมีชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออยากเป็นคนเด่นคนดัง เป็นนักกีฬา เป็นดารา แต่ไม่ว่าจะมีอะไรหรือเป็นอะไร ถ้าอยากมีอยากเป็นแล้วก็ทำให้ทุกข์ทั้งนั้น ไม่ใช่ทุกข์เพียงเพราะมีความอยากเท่านั้น แม้ได้มีได้เป็นสมอยากในที่สุดก็ทุกข์เช่นกัน


    :cool:“สุขก็ไม่นาน...หากยังเห็นแก่ตัว” ความเห็นแก่ตัวทำให้เรามีความสุขที่ได้เสพและครอบครอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง อำนาจ ยิ่งได้เสพและครอบครองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น ทุนนิยมและบริโภคนิยมมีเสน่ห์กับผู้คนก็เพราะมันตอบสนองความเห็นแก่ตัว และปรนเปรอความสุขประเภทนี้ได้อย่างเต็มที่ “ความ เห็นแก่ตัว” เป็นตัวการสำคัญทำให้ผู้คนเป็นทุกข์เมื่อต้องสูญเสียทรัพย์ หรือพลัดพรากจากชื่อเสียง อำนาจ อีกทั้งยังเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความโลภอย่างไม่สิ้นสุด และเป็นแรงขับให้เกิดความโกรธเกลียดเมื่อไม่สมหวัง ทั้งความโลภและความโกรธเกลียดล้วนเป็นไฟเผาลนจิตใจ ดังนั้น ยิ่งเห็นแก่ตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น


    :cool: “สุขเพราะอะไร ?” ทั้งๆ ที่มีเสื้อนับร้อยตัว ทำไมเราถึงอยากได้เสื้อตัวใหม่ เพราะว่าความสุขของคนส่วนใหญ่ไม่ได้ขึ้นกับว่ามีเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ได้ของใหม่เพิ่มขึ้น คุณมีเงินร้อยล้านพันล้าน คุณก็ไม่มีความสุขถ้าคุณไม่มีเงินก้อนใหม่เข้ามา แม้จะเป็นเงินหมื่นเงินแสนก็ตาม เพราะฉะนั้นคนที่มีเงินร้อยล้านพันล้านจึงต้องหาเงินไม่รู้จักจบสิ้น จนกระทั่งกลายเป็นทาสของมัน เพราะว่าเงินก้อนใหม่หรือของใหม่ที่ได้มานั้นมันไปกระตุ้นจิตใจ ทำให้มีความสุข ความสุขของคนเราถึงที่สุด แล้วไม่ได้เกิดจาก “การมี” แต่เกิดจาก “การได้” มีเท่าไหร่ก็ไม่มีความสุข ถ้าไม่ได้อะไรมาใหม่ๆ นี่คือโทษของความสุขแบบนี้ คือพอเสพเข้าไปมากๆ เราจะขาดมันไม่ได้ อยากได้เรื่อยไปจนตกเป็นทาสของมัน

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=41871

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=42477
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2015
  8. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ธรรมอำนวยพร

    ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
    ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
    ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
    ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
    ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) ​
     
  9. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    100 สิ่งดีๆ ที่ทุกคนควรรู้

    คุณทำได้กี่ข้อครับ

    ( 1 ) เอาใจเขามาใส่ใจเรา
    ( 2 ) เชื่อมั่นตัวเอง
    ( 3 ) อย่ามองคนที่หน้าตา
    ( 4 ) กล้าคิด พูด และทำ
    ( 5 ) เมื่อมีเรื่องจงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
    ( 6 ) และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
    ( 7 ) อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
    ( 8 ) ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
    ( 9 ) เปิดใจให้กว้าง
    ( 10 ) มองการณ์ไกล
    ( 11 ) วางแผนอนาคต
    ( 12 ) อย่าโทษตัวเอง
    ( 13 ) มีความรับผิดชอบ
    ( 14 ) ตอบแทนเมื่อได้รับ
    ( 15 ) ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้หรือไม่มี
    ( 16 ) อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
    ( 17 ) คิดถึงส่วนรวมให้มาก
    ( 18 ) ดูแลตัวเองให้เป็น
    ( 19 ) รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
    ( 20 ) อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
    ( 21 ) อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว
    ( 22 ) จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
    ( 23 ) ที่ทำอยู่มีผลดี / เสีย มีประโยชน์ / ไร้ประโยชน์
    ( 24 ) อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
    ( 25 ) ให้อภัยแก่ตนเอง และ ผู้อื่น
    ( 26 ) อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
    ( 27 ) คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
    ( 28 ) ได้หน้าอย่าลืมหลัง
    ( 29 ) คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึกที่เสียไปแล้ว แต่จงวางแผนที่จะดูแลไม่ให้มันเสีย
    ( 30 ) อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
    ( 31 ) อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
    ( 32 ) รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่
    ( 33 ) ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
    ( 34 ) อย่าเห็นแก่ตัว
    ( 35 ) อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    ( 36 ) อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้ หรือ เปลี่ยนแปลงมันได้
    ( 37 ) กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่นแล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
    ( 38 ) เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
    ( 39 ) อย่าคิดว่าเขาไม่โทรมา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทรหาเขาเช่นกัน
    ( 40 ) จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ
    ( 41 ) ดูแลบิดา มารดาให้ดี คุณมีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มี
    ( 42 ) อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมาแต่คุณสามารถทำมันใหม่ หรือเรียน

    รู้จากมันได้
    ( 43 ) คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับได้ ดังนั้นคิดก่อนพูด
    ( 44 ) อย่าทุ่มเทกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์
    ( 45 ) คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
    ( 46 ) ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
    ( 47 ) หาจุดหมายให้กับชีวิต
    ( 48 ) เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
    ( 49 ) ถ้างง เขียนหนังสือได้แต่เขียนให้เป็นภาษา
    ( 50 ) วันๆหนึ่งคุณทำอะไรไปบ้างที่ไม่ใช่กิน นอน เล่น
    ( 51 ) ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
    ( 52 ) เพื่อนคุณก็เช่นกันอย่าปล่อยให้เขา เครียดจนจะตายแล้วถึงไปถาม หรือดูแล
    ( 53 ) ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
    ( 54 ) คุณซื้อนาฬิกาได้แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้
    ( 55 ) ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ? ถ้ามีกลับไปหาซะ
    ( 56 ) ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า ? จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ? ทำอะไรซะบ้าง
    ( 57 ) อย่ากล่าวคำว่าขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามขอโทษ
    ( 58 ) ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร ? คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ ?
    ( 59 ) ตอนนี้คุณสบายอยู่ ? แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ ? หมดประโยชน์ ?
    ( 60 ) ไม่ใช่ ? แล้วไง ?? ต้องให้บอกต่อมั้ย ???
    ( 61 ) ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของผู้อื่น
    ( 62 ) ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ จงรู้ไว้ซะว่าคุณเป็นมนุษย์และยังมีชีวิตอยู่
    ( 63 ) ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ? ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง ?
    ( 64 ) ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกว่ารักเขาก็เพียงพอแล้ว
    ( 65 ) อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
    ( 66 ) ไม่มีกฎหมายใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
    ( 67 ) ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีไหม ? หรือว่าดูที่ราคาขนม ?
    ( 68 ) เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
    ( 69 ) อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีผู้

    เขียนอีกคน
    ( 70 ) อย่าคิดว่าตนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด
    ( 71 ) อย่าพูดคำว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
    ( 72 ) เหนื่อยแล้วพักซะเถอะ อย่าฝืนอ่านต่อเลย คนเขียนดีใจมากแล้วที่คุณอ่านถึงตรงนี้
    ( 73 ) อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
    ( 74 ) ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณ ?
    ( 75 ) คุณมองเพชรมองที่ความงามภายใน หรือป้ายราคาข้างนอก ?
    ( 76 ) ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
    ( 77 ) มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือลองค้นคว้าดูจะรู้
    ( 78 ) ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง
    ( 79 ) การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
    ( 80 ) ทำยังไง ?? ต้องขโมยขึ้นบ้านก่อนถึงไปดูแลรั้วบ้านใช่มั้ย ??
    ( 81 ) ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี
    ( 82 ) จะยกตัวอย่างให้ สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง ??
    ( 83 ) อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำรึยัง ? ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
    ( 84 ) คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น ? คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก็ไม่ฟื้นหรือได้ยิน

    หรอกนะ ?
    ( 85 ) ตัวคุณมีคุณค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า ??
    ( 86 ) หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้ ?
    ( 87 ) ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า ? หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิตย์
    ( 88 ) การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
    ( 89 ) หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
    ( 90 ) ลองทำอะไรบ้าๆดูบ้างก็ดี อย่ายึดติดกับอะไรนักเลย
    ( 91 ) ผู้เขียนไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี
    ( 92 ) สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือ เรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี
    ( 93 ) อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
    ( 94 ) อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว
    ( 95 ) ยาเสพย์ติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
    ( 96 ) อย่าทำตามเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากะร่างกายเราคนละร่างกายกัน แน่นอนจิตใจก็

    เหมือนกัน
    ( 97 ) ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
    ( 98 ) บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
    ( 99 ) ไม่มีมิตรถาวร และ ศัตรูที่แท้จริง
    ( 100 ) จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

    ขอบคุณบทความดีๆ จาก
    http://www.tamdee.org

    พระรัตนตรัย : สุเทพ วงศ์กำแหง
    http://youtu.be/j74x98sdebI
     
  10. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    คุณกำลังใช้ชีวิตแบบไหน?
    4 คำถามต่อจากนี้จะทำให้คุณรู้จักตัวเองมากกว่าที่ผ่านมา
    ===================
    อย่าแอบดูเฉลยก่อนนะครับ
    ===================
    มาเริ่มกันเลย...
    กติกา คือ...
    คำถาม 4 คำถามนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 หมวด
    และในแต่ละหมวด จะมี 2 คำถามด้วยกัน
    โดยให้คุณตอบคำถามแค่ว่า "ใช่" หรือ "ไม่"
    หลังจากนั้น ให้คุณนำคำตอบของทั้ง 2 หมวดมารวมกัน
    และดูเฉลยด้านล่าง ว่าคุณ กำลังใช้ชีวิตแบบไหนกันแน่!!
    *** หมวดที่ 1 ***
    1. คุณมีเป้าหมายในชีวิตหรือไม่? (หากตอบใช่ ให้ไปต่อข้อ 2)
    2. คุณตื่นมาพร้อมกับความตื่นเต้น และสนุกกับวันนี้ที่กำลังจะมา ในทุกๆ เช้า ใช่หรือไม่?
    หากทั้ง 2 ข้อของคุณคือ "ใช่" หมวดนี้ให้ใช้คำตอบว่า "ใช่"
    หากข้อใด ข้อหนึ่งคุณตอบว่า "ไม่" หมวดนี้ให้ใช้คำตอบว่า "ไม่"
    *** หมวดที่ 2 ***
    1. คุณเชื่อว่าคุณมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ใช่หรือไม่? (หากตอบใช่ ให้ไปต่อข้อ 2)
    2. คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ มากกว่า 80% ใช่หรือไม่?
    หากทั้ง 2 ข้อของคุณคือ "ใช่" หมวดนี้ให้ใช้คำตอบว่า "ใช่"
    หากข้อใด ข้อหนึ่งคุณตอบว่า "ไม่" หมวดนี้ให้ใช้คำตอบว่า "ไม่"
    หลังจากนั้นให้เอาคำตอบของ ทั้ง 2 หมวด มารวมกัน
    ==================
    มาถูกคำตอบของคุณกัน
    ==================
    .
    ถ้าหมวดที่ 1 และ 2 คุณตอบว่า "ไม่" ทั้งคู่ คุณอยู่ในกลุ่มที่ 1
    ถ้าหมวดที่ 1 คือ "ใช่" และหมวด 2 คือ "ไม่" คุณอยู่ในกลุ่มที่ 2
    ถ้าหมวดที่ 1 คือ "ไม่" และหมวด 2 คือ "ใช่" คุณอยู่ในกลุ่มที่ 3
    ถ้าหมวดที่ 1 และ 2 คุณตอบว่า "ใช่" ทั้งคู่ คุณอยู่ในกลุ่มที่ 4
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ==============
    -------- เฉลย --------
    ==============
    กลุ่มที่ 1 - คุณกำลังใช้ชีวิตแบบ Working Dead (ศพใส่สูท)
    คุณปล่อยให้ชีวิตของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคนอื่นมากไปหรือเปล่า?
    การที่คุณปล่อยให้ชีวิตของคุณ ไหลไปตามกระแสสังคมเรื่อยๆ
    แล้วคุณก็คิดว่า คุณจะต้องพยายามที่จะ เป็น หรือ มี เหมือนเขา
    มันทำให้คุณรู้สึกแย่ และหมดชีวิตชีวาใช่ไหม?
    และการพยายามทำตามความต้องการของคนอื่นนี้แหละ
    ที่ทำให้คุณ "ถังแตก" เงินในบัญชีไม่มีเหลือ และมีหนี้สิ้น
    วิธีการที่คุณจะหลุดออกจากวงจรชีวิตแบบนี้ก็คือ..
    1. หมั่นตรวจตราเงินที่มี และเริ่มทำบัญชีได้แล้ว
    2. ฟังเสียงคนอื่นให้น้อยลง และฟังเสียงหัวใจตัวเองให้มากขึ้น
    3. เลิกเล่นบท "เหยื่อ" ของสังคม และรักตัวเองให้มากๆ
    ------------------------
    กลุ่มที่ 2 - คุณกำลังใช้ชีวิตแบบ Dreamer (คนช่างฝัน)
    บ่อยครั้งใช่ไหม ที่คุณได้แต่พูดถึงความฝันที่สวยงามของคุณ
    และคุณก็ได้แต่เฝ้ามองคนอื่น... ทำในสิ่งที่คุณฝันไปก่อนแล้ว
    เบื่อหรือยังที่ต้องคอยบอกตัวเองว่า... "สักวันจะเป็นวันของฉัน"
    ซึ่งจนแล้วจนรอด วันนั้นมันก็ไม่เคยมาถึงจริงๆ สักที!!!
    แม้จะมีความฝัน แต่ความกลัว ความลังเล ความไม่มั่นใจ
    และคำพูดที่ว่า.. "อยู่แบบนี้ก็สบายอยู่แล้วนี่" ก็ฉุดรั้งคุณเอาไว้อีก
    คุณอาจจะสบายใจแค่ชั่วคราว และในปัจจุบัน
    แต่ลึกๆ คุณกลับรู้สึกไม่สบายใจ ที่ตัวเองทำอะไรได้ไม่เต็มที่
    วิธีที่คุณจะหลุดออกจากการเป็นคนช่างฝันก็คือ..
    1. ตั้งสัจจะกับตัวเองว่า จะบรรลุเป้าหมายนั้น ภายในวันไหน!
    2. เริ่มต้นลงมือทำสิ่งที่คุณทำได้ ในทุกๆ วัน อย่าลืมว่า....
    ความสำเร็จเล็กๆ ในวันนี้ จะสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในวันพรุ่งนี้
    3. ท่องเอาไว้ว่า... "ความพร้อมไม่มีอยู่จริง" แล้ว ลุยไปเลย!!
    -------------------------
    กลุ่มที่ 3 – คุณคือคนที่ใครๆ ก็เรียกว่า ผู้สำเร็จ (Successor)
    ใครๆ ก็บอกว่าคุณ หยิบจับอะไรก็สำเร็จไปหมดใช่ไหม?
    คุณทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องยากแต่คุณทำมันได้
    เพราะคุณเป็นคนมั่นใจ เข้มแข็ง และมีความกล้าหาญ
    คุณมีความพร้อมที่จะตัดสินใจ และลงมือทำอย่างมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว
    ทุกสิ่งที่คุณต้องการ... มันจะต้องเป็นของคุณ แล้วคุณก็ทำมันได้
    ในสายตาของผู้คน คุณคือคนที่มีชีวิตที่สุขสบาย และน่าอิจฉาสุดๆ
    แต่ลึกๆ คุณรู้สึกว่า... “เหมือนมีบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต”
    ยิ่งคุณสำเร็จมากเท่าไหร่... แต่คุณกลับรู้สึกเหมือนยิ่งหลงทาง
    วิธีการที่คุณจะก้าวข้ามจากชีวิตแบบนี้ก็คือ..
    1. อยู่กับตัวเอง และตั้งคำถามว่า Passion ของฉันคืออะไร?
    2. ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบๆ เพื่อคุยกับตัวเองบ้าง
    ค้นให้ลึกว่า.. ที่คุณพยายามทำทุกอย่างนั้น... “เพื่ออะไรกันแน่?”
    3. แบ่งเวลาให้กับตัวเอง และคนที่คุณรัก พาตัวเองไปเที่ยวซะบ้าง
    -------------------------
    กลุ่มที่ 4 – คุณคือคนที่มีอิสรภาพชีวิต (Amazing Life)
    ในทุกวัน คุณกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รู้สึกเติมเต็ม
    และมีอิสรภาพที่จะเลือก คิด พูด และทำสิ่งต่างๆ ที่คุณต้องการ
    สิ่งที่คุณทำ อาจไม่ได้ถูกใจคนทุกคน แต่สิ่งนั้นกลับ
    ช่วยเติมเต็มหัวใจของคุณให้อิ่มเอม อย่างน่าประหลาดใจ
    จำนวนเงินที่คุณมี ไม่เคยเป็นประเด็นในการใช้ชีวิต
    เพราะคุณรู้ดีว่า ไม่ว่าจะด้วยทางไหนก็ตาม
    คุณจะสามารถหามันมาได้อย่างง่ายดาย
    ทุกวันนี้ คุณกำลังใช้ชีวิตที่คุณฝัน
    ในทุกๆ วันคุณกำลังเติบโตมากขึ้น
    คุณคิดถึงการช่วยเหลือและแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น
    และคุณพร้อมแล้ว ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน
    วิธีการที่คุณจะมีชีวิตแบบนี้ไปนานๆ ก็คือ...
    1. หมั่นตอกย้ำกับตัวเองว่า Passion ของคุณคืออะไร?
    2. ฝึกฝนเพื่อสร้างนิสัยที่ดีของคุณให้ดีขึ้น
    และพัฒนานิสัยที่ยังไม่ดี ให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
    3. ใช้ชีวิตอย่างสมดุล ทั้งด้านจิตใจ
    สุขภาพ ความสัมพันธ์ ความต้องการส่วนตัว
    การเงิน และการงาน หรือธุรกิจ
    -------------------------
    ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แบบสอบถามนี้
    จะทำให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้น
    และยังได้ค้นพบวิธีการง่ายๆ
    ที่จะทำให้คุณมีชีวิตที่ใช่ได้นะครับ
    หากคุณชอบแบบสอบถามนี้
    อย่าลืมแบ่งปันมันให้กับคนที่คุณรัก
    และอย่าลืมกดถูกใจเพจ Kitti Trirat
    เพื่อให้กำลังใจ หรือข้อเสนอแนะได้นะครับ
    ---------------------
    ป.ล. ผมมีคอร์สที่ชื่อว่า Passionate Life "สำเร็จได้ในแบบคุณ"
    ซึ่งจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2558 ที่จะถึงนี้
    คอร์สนี้จะช่วยให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้น
    ให้คุณรู้เคล็ดลับที่จะทำให้คุณมีอิสรภาพได้อย่างรวดเร็ว
    และผมจะเปิดเผย พิมพ์เขียว 5 ข้อ ที่ทำให้ผม
    หารายได้ 7 หลักจากการทำสิ่งที่ผมรักให้กับคุณด้วย
    หากคุณต้องการก้าวข้ามจากชีวิตเดิมๆ ที่คุณไม่ต้องการ
    ลงทะเบียนได้ที่นี่ครับ > Passionate Life สำเร็จได้ ในแบบคุณ — Kitti Trirat
     
  11. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2015
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    สาธุสหมงคลฟิล์ม ให้ดูฟรี
    ซีรีส์ พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก ย้อนหลัง

    ดูทั้งหมด คลิก
    https://goo.gl/rGU6zY

    ดูแยกตามตอนคลิก

    ตอนที่ 1

    ช่วง1 https://youtu.be/kXQVNrB3eqE

    ช่วง 2 https://youtu.be/h0Jcq3vsd0M

    ช่วง 3 https://youtu.be/AyT4lmUsbgI

    ช่วง 4 https://youtu.be/22_hndR6Mqc



    ตอนที่ 2
    ช่วง1 https://youtu.be/UdCOaBHZIAA

    ช่วง 2 https://youtu.be/4c3J37KHnPg

    ช่วง 3 https://youtu.be/I__4qMh49QU

    ช่วง 4 https://youtu.be/kGpNeiybsT4



    ตอนที่ 3
    ช่วง1 https://youtu.be/UyCjqb5L90Y

    ช่วง 2 https://youtu.be/TykVm61L8WY

    ช่วง 3 https://youtu.be/OsEgmtEIzBU

    ช่วง 4 https://youtu.be/nalhwH12xs4




    ตอนที่ 4
    ช่วง 1 https://youtu.be/39IBO7WwUsc

    ช่วง 2 https://youtu.be/G3xpZwO2KJA

    ช่วง 3 https://youtu.be/l2qGLTW_4kw

    ช่วง 4 https://youtu.be/_XHSnn-psDQ




    ตอนที่ 5
    ช่วง 1 https://youtu.be/hnmFhqLTAFI

    ช่วง 2 https://youtu.be/_crjhoBkKQg

    ช่วง 3 https://youtu.be/B_x6e9N0eFM

    ช่วง 4 https://youtu.be/G66YL-AyWMs




    ตอนที่ 6
    ช่วง 1 https://youtu.be/1wogBxctm00

    ช่วง 2 https://youtu.be/Hp4MUZu_eoQ

    ช่วง 3 https://youtu.be/Vh1D8Qg37Lk

    ช่วง 4 https://youtu.be/t3ydwHZUMg8



    ตอนที่ 7
    ช่วง 1 https://youtu.be/Uhj2_-4Ctjc

    ช่วง 2 https://youtu.be/YqBwggWsNy0

    ช่วง 3 https://youtu.be/1m1cgVeasWY

    ช่วง 4 https://youtu.be/cdfpjz3t7SU




    ตอนที่ 8
    ช่วง 1 https://youtu.be/Bo4tDPCgxNo

    ช่วง 2 https://youtu.be/w2AGPJDa3YI

    ช่วง 3 https://youtu.be/vnQxnCuHvFo

    ช่วง 4 https://youtu.be/0zpGgSTiSSk




    ตอนที่ 9
    ช่วง 1 https://youtu.be/eepQ6XbU5ho

    ช่วง 2 https://youtu.be/m6VHxJXa_tc

    ช่วง 3 https://youtu.be/2giF9Stycqc

    ช่วง 4 https://youtu.be/XskZNRcvEp0




    ตอนที่ 10
    ช่วง 1 https://youtu.be/15gixhCSuqc

    ช่วง 2 https://youtu.be/zVrew_EGnDs

    ช่วง 3 https://youtu.be/LxizLfLCmik

    ช่วง 4 https://youtu.be/rFdttGX7cR0



    ตอนที่ 11
    ช่วง 1 https://youtu.be/zQbyOws-jlo

    ช่วง 2 https://youtu.be/c8KXPyhx540

    ช่วง 3 https://youtu.be/Fqeo98yoVNg

    ช่วง 4 https://youtu.be/eA-Ui9_HO3Y




    ตอนที่ 12
    ช่วง 1 https://youtu.be/zOTY_nZGmpI

    ช่วง 2 https://youtu.be/5v-WShNMcWo

    ช่วง 3 https://youtu.be/NbVtKoPfihg

    ช่วง 4 https://youtu.be/4swNVE7394A




    ตอนที่ 13
    ช่วง 1 https://youtu.be/XGnP3sAVo50

    ช่วง 2 https://youtu.be/pxYvfsgcDOo

    ช่วง 3 https://youtu.be/SLf0LYwuGMI

    ช่วง 4 https://youtu.be/NDjrNP6C0h0




    ตอนที่ 14
    ช่วง 1 https://youtu.be/4lqlS7virE0

    ช่วง 2 https://youtu.be/UgMjPS1tFoU

    ช่วง 3 https://youtu.be/wKbJaLsIYyw

    ช่วง 4 https://youtu.be/LTVqFn-bUxs




    ตอนที่ 15
    ช่วง 1 https://youtu.be/SQr3f22V0pI

    ช่วง 2 https://youtu.be/zFU3u-erMv4

    ช่วง 3 https://youtu.be/ba0iQCUw7Bg

    ช่วง 4 https://youtu.be/NFjt6aMZQxs




    ตอนที่ 16
    ช่วง 1 https://youtu.be/s2bzQCbSHWQ

    ช่วง 2 https://youtu.be/zTTW2PP_yYk

    ช่วง 3 https://youtu.be/8Swue32g4jg

    ช่วง 4 https://youtu.be/57w16_kl_fI




    ตอนที่ 17
    ช่วง 1 https://youtu.be/XzVmu_qsyXE

    ช่วง 2 https://youtu.be/JQREvOetRZM

    ช่วง 3 https://youtu.be/jcWsGgQK4dU

    ช่วง 4 https://youtu.be/cQ6Xo3kwBxQ




    ตอนที่ 18
    ช่วง 1 https://youtu.be/lCzZWo2UcKo

    ช่วง 2 https://youtu.be/gA5Ogo5pXoo

    ช่วง 3 https://youtu.be/dZlbFEpBVAw

    ช่วง 4 https://youtu.be/mvX9wBYI7jM




    ตอนที่ 19
    ช่วง 1 https://youtu.be/mVjriHVIqcA

    ช่วง 2 https://youtu.be/DR8vnMEFGlU

    ช่วง 3 https://youtu.be/dzc_eIKGsVE

    ช่วง 4 https://youtu.be/zsWk50bICm4



    ตอนที่ 20
    ช่วง 1 https://youtu.be/XgQaib1bzmk

    ช่วง 2 https://youtu.be/jvfxYBfyaHs

    ช่วง 3 https://youtu.be/SPPDopEABi0

    ช่วง 4 https://youtu.be/qFgfIZGBbcs




    ตอนที่ 21
    ช่วง 1 https://youtu.be/XgQaib1bzmk

    ช่วง 2 https://youtu.be/23D5yOcW3w0

    ช่วง 3 https://youtu.be/SprgkrS3ZVo

    ช่วง 4 https://youtu.be/jrgeZYMuGSI




    ตอนที่ 22
    ช่วง 1 https://youtu.be/JZve3e4Ied8

    ช่วง 2 https://youtu.be/JmmKCYOdlM4

    ช่วง 3 https://youtu.be/MjrnEkFMbbE

    ช่วง 4 https://youtu.be/BSjZWid7T9o




    ตอนที่ 23
    ช่วง 1 https://youtu.be/ikFtqE5U53g

    ช่วง 2 https://youtu.be/Q5jW8O6zMKI

    ช่วง 3 https://youtu.be/gBUXD7HHfmY

    ช่วง 4 https://youtu.be/T1HsUW12UZM




    ตอนที่ 24
    ช่วง 1 https://youtu.be/BYqrCbFLxdU

    ช่วง 2 https://youtu.be/2-IN39q_zLs

    ช่วง 3 https://youtu.be/1xhGaLiZmfk

    ช่วง 4 https://youtu.be/w0lqxStHRWs




    ตอนที่ 25
    ช่วง 1 https://youtu.be/8Wyk2fxU-r0

    ช่วง 2 https://youtu.be/ys7mAsMxfxM

    ช่วง 3 https://youtu.be/i5XH0Mz8ryY

    ช่วง 4 https://youtu.be/Qof6OfOBMx4




    ตอนที่ 26
    ช่วง 1 https://youtu.be/VL1ebomfwt8

    ช่วง 2 https://youtu.be/s0HWlmfMG5k

    ช่วง 3 https://youtu.be/tz0ksVyt2t0

    ช่วง 4 https://youtu.be/szs_y16Uack




    ตอนที่ 27
    ช่วง 1 https://youtu.be/FRzJbOPgpn8

    ช่วง 2 https://youtu.be/JQFU7yJkVnk

    ช่วง 3 https://youtu.be/kJcOcVKlN2k

    ช่วง 4 https://youtu.be/z32Sr8RyvL8




    ตอนที่ 28
    ช่วง 1 https://youtu.be/grhy_X2098U

    ช่วง 2 https://youtu.be/700rU3e9lxA

    ช่วง 3 https://youtu.be/GiBqh5TDckI

    ช่วง 4 https://youtu.be/nrZnX5dQSys





    ตอนที่ 29
    ช่วง 1 https://youtu.be/mFBbETqRSTo

    ช่วง 2 https://youtu.be/r4HwU5oP1iM

    ช่วง 3 https://youtu.be/jR2mGhbAgNw

    ช่วง 4 https://youtu.be/Hs3vg0DQfhU





    ตอนที่ 30
    ช่วง 1 https://youtu.be/oAVMq2umBKM

    ช่วง 2 https://youtu.be/QMofLOWNWO8

    ช่วง 3 https://youtu.be/36b4XFFOaUs

    ช่วง 4 https://youtu.be/YLMgat-a-Nw




    ตอนที่ 31
    ช่วง 1 https://youtu.be/-3VuO9dMufA

    ช่วง 2 https://youtu.be/gt8t3xJie0U

    ช่วง 3 https://youtu.be/Ses3fvhb7vw

    ช่วง 4 https://youtu.be/b1-vV4RD9lU




    ตอนที่ 32
    ช่วง 1 https://youtu.be/GYI_sejDkEM

    ช่วง 2 https://youtu.be/RVAjYs0MPiA

    ช่วง 3 https://youtu.be/qDQLhTHN7dA

    ช่วง 4 https://youtu.be/IRKZ9o5UQII






    ตอนที่ 33
    ช่วง 1 https://youtu.be/wXNQJxA5vnM

    ช่วง 2 https://youtu.be/jpURQBm8qQA

    ช่วง 3 https://youtu.be/zQDMTc7Jg1U

    ช่วง 4 https://youtu.be/VbNJpYh3TGw





    ตอนที่ 34
    ช่วง 1 https://youtu.be/NXL4-WdSlf0

    ช่วง 2 https://youtu.be/CNPinvmGfmw

    ช่วง 3 https://youtu.be/fyu437cA0DE

    ช่วง 4 https://youtu.be/8yrf3ux-IEQ





    ตอนที่ 35
    ช่วง 1 https://youtu.be/287Jh_31RmQ

    ช่วง 2 https://youtu.be/825ynkefTo4

    ช่วง 3 https://youtu.be/uMIu7vcOllw

    ช่วง 4 https://youtu.be/LQKPvo7uWrU





    ตอนที่ 36
    ช่วง 1 https://youtu.be/H-7D7WrcbD0

    ช่วง 2 https://youtu.be/gVLLvou5Y4U

    ช่วง 3 https://youtu.be/mDBrP9vEbNw

    ช่วง 4 https://youtu.be/hHgq35vlqec




    ตอนที่ 37
    ช่วง 1 https://youtu.be/9Knengw-kB8

    ช่วง 2 https://youtu.be/4X0Gnvs-RgY

    ช่วง 3 https://youtu.be/dBw_qBQ_Ciw

    ช่วง 4 https://youtu.be/R0TZvKpY99A





    ตอนที่ 38
    ช่วง 1 https://youtu.be/zDI5H-tyTB8

    ช่วง 2 https://youtu.be/b_q2xkFKzJw

    ช่วง 3 https://youtu.be/kqrM17VdtwA

    ช่วง 4 https://youtu.be/JkZwIzrasQw





    ตอนที่ 39
    ช่วง 1 https://youtu.be/IQGxkqSB70g

    ช่วง 2 https://youtu.be/W2e6z89_5rM

    ช่วง 3 https://youtu.be/bIXFCKi5D7w

    ช่วง 4 https://youtu.be/fNUtHlwBMTw





    ตอนที่ 40
    ช่วง 1 https://youtu.be/eUaviS0Xu88

    ช่วง 2 https://youtu.be/cmNzIP8t5Bs

    ช่วง 3 https://youtu.be/Ep7M4oDAC00

    ช่วง 4 https://youtu.be/qTn_e0XjRqk





    ตอนที่ 41
    ช่วง 1 https://youtu.be/d8rKhdRH1uE

    ช่วง 2 https://youtu.be/iADjCxq9S88

    ช่วง 3 https://youtu.be/SFe_HdCfHaI

    ช่วง 4 https://youtu.be/gSDMC1UAedQ





    ตอนที่ 42
    ช่วง 1 https://youtu.be/nSMKzhkkZOM

    ช่วง 2 https://youtu.be/M-OCcfH-x7U

    ช่วง 3 https://youtu.be/U20-KXqqAf4

    ช่วง 4 https://youtu.be/gF36Z1vWRQ0




    ตอนที่ 43
    ช่วง 1 https://youtu.be/5sjCjhK9n3k

    ช่วง 2 https://youtu.be/M3EZ5OIl-Ak

    ช่วง 3 https://youtu.be/w1l7GAy4pkM

    ช่วง 4 https://youtu.be/zPFxA6ta1HU






    ตอนที่ 44
    ช่วง 1 https://youtu.be/umwNpcg5aOU

    ช่วง 2 https://youtu.be/HMWpm4QV-H4

    ช่วง 3 https://youtu.be/cu-lSHsWEHw

    ช่วง 4 https://youtu.be/7wTsdB18lZc





    ตอนที่ 45
    ช่วง 1 https://youtu.be/r37w0gaQ9-g

    ช่วง 2 https://youtu.be/YjbgkFaP198

    ช่วง 3 https://youtu.be/_g52g5Bv6BU

    ช่วง 4 https://youtu.be/J8AD4C2Yjb8





    ตอนที่ 46
    ช่วง 1 https://youtu.be/Q9UiSeB1Ggs

    ช่วง 2 https://youtu.be/lRFiKeak2a8

    ช่วง 3 https://youtu.be/9v50RgBNUXc

    ช่วง 4 https://youtu.be/jnzA5PFUYX0





    ตอนที่ 47
    ช่วง 1 https://youtu.be/4EpFyiox3wg

    ช่วง 2 https://youtu.be/iaHLfiO-K80

    ช่วง 3 https://youtu.be/LqkY888iQYk

    ช่วง 4 https://youtu.be/S3yYOxP20WU





    ตอนที่ 48
    ช่วง 1 https://youtu.be/hLqTmSFsZpo

    ช่วง 2 https://youtu.be/-ZUqjtVwc1Y

    ช่วง 3 https://youtu.be/LeQ6MwqHSbY

    ช่วง 4 https://youtu.be/sZeFomgl3A0





    ตอนที่ 49
    ช่วง 1 https://youtu.be/xBZC6GWKLRQ

    ช่วง 2 https://youtu.be/4Bb16Jfkj2c

    ช่วง 3 https://youtu.be/meWInK0N6k4

    ช่วง 4 https://youtu.be/0YXljwo66Sc





    ตอนที่ 50
    ช่วง 1 https://youtu.be/rxKEMHX3V_M

    ช่วง 2 https://youtu.be/QJXouqtZ-fk

    ช่วง 3 https://youtu.be/9VLDxuPjqt4

    ช่วง 4 https://youtu.be/SPRAotdzKCs





    ตอนที่ 51
    ช่วง 1 https://youtu.be/iRFbAVhZfBA

    ช่วง 2 https://youtu.be/86RUSdlDwnM

    ช่วง 3 https://youtu.be/f-c0hieZbdw

    ช่วง 4 https://youtu.be/j-bepiwsJbI






    ตอนที่ 52
    ช่วง 1 https://youtu.be/5nSspPDyOPs

    ช่วง 2 https://youtu.be/OX62MzPrfho

    ช่วง 3 https://youtu.be/nHpTYoWPMz8

    ช่วง 4 https://youtu.be/fymEK1gtTco





    ตอนที่ 53
    ช่วง 1 https://youtu.be/OAN7TpMPjRU

    ช่วง 2 https://youtu.be/L90_IVGmAQA

    ช่วง 3 https://youtu.be/UhxQNNYxPjc

    ช่วง 4 https://youtu.be/RDVO5fP7kzQ






    ตอนที่ 54
    ช่วง 1 https://youtu.be/1z1FZeawokc

    ช่วง 2 https://youtu.be/VjUo7tB1nJ8

    ช่วง 3 https://youtu.be/H0fGAPFPxY8

    ช่วง 4 https://youtu.be/_VKK_AGFsNM


    อยากให้ช่วยแชร์ธรรมะกันต่อๆไปค่ะ เพื่อผู้สร้าง,ผู้ผลิต,
    ผู้แชร์ และ ทุกท่านได้บุญกุศลร่วมกันนะคะขอบคุณ
     
  14. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    เก็บ link นี้ไว้นะ ไม่เคยเจอสมบูรณ์เช่นนี้มาก่อนเลย
    รวมเพลงฮิตยอดนิยมตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1960 - 2013
    คลิกเลื่อนเลือกปี ค.ศ. แล้วกด hit me จากนั้น scroll เลือกศิลปิน เลือกเพลง ตามสะดวก เสียงดีมาก
    The Nostalgia Machine
     
  15. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ●●●คนไทยต้องดูให้จบ●●●

    https://www.youtube.com/embed/wYgwp4ets1U
    เฉลิมพล ปุณโณทก คนเก่งจากจุฬาฯ ประกาศความเป็นไทยให้ก้องไปทั่วโลก
     
  16. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    อ่านแล้วนึกถึงเพื่อน ขอแชร์ฝากมากับความรักและหวังดีทุกคนน้าาา

    เมื่อยังอยู่ในวัยคะนอง เรามองว่า
    * คนที่คิดไม่เหมือนเรานั้นผิด
    * คนที่ใช้ชีวิตไม่สอดคล้องกับความเชื่อของเรานั้น ไม่ได้เรื่อง
    * คนอื่นนั้นโง่ไปหมด มีแต่เราที่ฉลาดอยู่คนเดียว

    ... ใจเราแคบเหลือเกิน เที่ยวตัดสินผู้คนไปทั่ว

    แต่เมื่อเติบโตขึ้น (ไม่ใช่อายุ แต่คือความคิด) .. เราจะ "ตัดสิน" ผู้คนน้อยลง .. เราจะเข้าใจว่าชีวิตนั้นมีหลากหลายรูปแบบ .. ไม่มีใครดีกว่าใคร เราแค่แตกต่างกัน

    เป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และถึงแม้จะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่หนทางไปสู่เป้าหมายนั้นก็มีอยู่ล้านวิธี

    ใครกันจะบอกได้ว่าทางไหนดีกว่า?

    ผมคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเมื่อคืนมีโอกาสได้นั่งดื่ม พูดคุย กับเพื่อนสมัยเรียน .. หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก บางคนไม่เจอกันเป็นสิบปี .. พวกเราบางคนอยู่หอพักห้องเดียวกัน กินนอนร่วมกันมาหลายปี แล้วก็แยกย้ายไปมีชีวิตของใครของมัน

    วันนี้กลับมารวมกันอีกครั้ง เราจึงนั่งอัพเดทชีวิตกัน...
    * คนนึงทำงานประจำที่เดียวตั้งแต่เรียนจบ
    * อีกคนนึงแทบไม่เคยทำงานประจำเลย
    * คนนึงลูกน้องเป็นร้อยๆ อยู่บริษัทมหาชน
    * อีกคนนึงตั้งบริษัทของตัวเอง ลูกน้องแทบไม่มี ทำงานเองเกือบทุกอย่าง
    * คนนึงทำกำไรจากพอร์ตหุ้นเดือนละเป็นล้าน
    * อีกคนพอใจลงทุนง่ายๆ ไปช้าๆ ในกองทุนรวม
    * คนนึงทำงานหนักทั้งวัน ตำแหน่งใหญ่โต
    * คนนึงกำลังโมโหโทโสกับลูกน้องอยู่
    * อีกคนทำงานสบายๆ ขอแค่มีเวลาออกกำลังกาย
    * คนนึงชอบชีวิตกลางแจ้ง ขี่จักรยานไปทุกที่
    * อีกคนนึงชอบความหรูหรา ขับรถไม่ต่ำกว่าเบนซ์

    วันนี้เราต่างมีชีวิตที่ไม่เหมือนกันเลย แต่กลับลงตัวในแบบของเราเอง .. ไม่มีใครมีชีวิตดีกว่าใคร .. เราแค่มีชีวิตที่ดีแตกต่างกัน

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราอาจจะถกเถียงกันว่า
    * เฮ้ย ทำไมไม่ทำแบบนั้น ไม่ทำแบบนี้วะ
    * เฮ้ย ใช้ชีวิตแบบนี้สิ ทำงานแบบนี้สิ ดีกว่าตั้งเยอะ

    แต่ครั้งนี้เรากลับพบว่า ใจเรา "กว้าง" มากขึ้น .. เราเข้าใจว่าแต่ละคนมีที่ทางของตัวเอง .. แต่ละคนมีรูปแบบชีวิตในแบบของตัวเอง จะทำงานอะไรก็ได้ จะใช้ชีวิตแบบไหนก็ได้ .. ขอแค่ให้ชีวิตรู้สึกว่ามีความสุขก็พอแล้ว

    ถ้าพูดแบบภาษาสมัยนี้ก็คงต้องบอกว่า "เอาที่สบายใจ"

    เมื่อคืน นอกจากจะได้พบปะเพื่อนฝูงแล้ว ผมจึงได้บทเรียนบทนี้ ติดตัวกลับมาที่บ้านว่า "การตัดสินผู้อื่น ทำให้เราเป็นทุกข์ ทั้งตัวเราและผู้อื่น"

    ที่หลายๆ คนทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะในโลกออนไลน์หรือโลกจริง ก็เพราะดันไป "ตัดสิน" คนอื่นว่าผิดที่คิดไม่เหมือนฉัน ทำไม่เหมือนฉัน เป็นไม่เหมือนฉัน

    แต่ถ้าเราจะลองผลักผนังหัวใจออกไปให้กว้างๆ ขึ้น แล้วทำความเข้าใจว่า .. เราไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล .. เราไม่ใช่ผู้คุมกฎที่จะบอกได้ว่าแบบนั้นถูก แบบนี้ผิด .. หนทางชีวิตนั้นมีมากมายเกินกว่าจะต้องเลือกว่าทางไหนใช่ ทางไหนผิด

    ขอให้มีความสุขบนเส้นทางของตัวเอง .. ไม่ต้องไปตัดสินใคร .. ไม่ต้องฟังคำใครมาตัดสินเรา เท่านี้ผมว่าชีวิตก็ดีมากๆ แล้วล่ะครับ

    ชอบ เลยคัดลอกมาฝากเพื่อนๆ ทุกคน .. ขอให้มีความสุขกับหนทางชีวิตที่เลือกเดิน เลือกทำในวันนี้ และทุกๆวัน
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    ยังร้องเพลงอยู่หรือเปล่าคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Smiledog.jpg
      Smiledog.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.4 KB
      เปิดดู:
      30
  18. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    :cool:(k)ร้องออกเสียงบ้าง ร้องฮัมๆ ในลำคอ บ้างค่ะพี่ต้อย
    พี่สบายดีไหมคะ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้คุยกันนานมาก คิดถึงพี่ต้อยมากนะคะ

    ช่วงนี้ก็ตระเวณเที่ยวไปเรื่อยๆ หลังตรุษจีนจะไปปักกิ่งคะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มกราคม 2016
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    ขอให้ปลอดภัยทั้งกายใจค่ะ เมื่อไหร่จะไปเที่ยวอินเดียคะ เอารูปมาลงบ้างนะคะ ตอนนี้เป็นโรคติดต่อที่เขาเรียกกันว่า"โรคคนแก่"ค่ะ :'(
     
  20. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    "100 วิธี.......ดับทุกข์

    1. จงประพฤติศีล 5 ให้สมบูรณ์ ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ทุกชนิด, ไม่ขโมยสิ่งของ ๆ ใคร, ไม่ประพฤติผิดในกาม, ไม่โกหกหลอกลวงใคร และไม่ดื่มหรือเสพสิ่งเสพติดมึนเมา

    2. แบ่งเวลาในแต่ละวันให้พอเหมาะพอดีแก่สภาพชีวิตของตัวเอง มีเวลาทำงานเพียงพอ มีเวลาพักผ่อนเพลิดเพลินในครอบครัวตามสมควร สำหรับผู้ที่เป็นฆราวาสและมีเวลาฝึกสมาธิเพื่อทำจิตให้สงบ

    3. ในการฝึกสมาธินั้น ให้นั่งอยู่อย่างสงบสำรวมอย่างเคลื่อนไหวอวัยวะมือเท้า จะนั่งกับพื้น เอาขาทับขาข้างใดข้างหนึ่งก็ได้ หรือจะนั่งพับเพียบก็ได้ หรือจะนั่งบนเก้าอี้ตามสบายก็ได้ ไม่มีปัญหา

    4. วิธีการฝึกสมาธินั้น ขอให้เข้าใจว่า ท่านจะทำจิตให้สงบ ปราศจากความคิดนึกปรุงแต่งในเรื่องภายนอก ทุกอย่างชั่วระยะเวลาที่ทำสมาธินั้น ท่านจะไม่ปรารถนาที่ จะพบเห็นรูป สี แสง เสียง สวรรค์นรก หรือเทวดาอินทร์พรหมที่ไหน เพราะสมาธิที่แท้จริงย่อมจะไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในจิตใจ สมาธิที่แท้จะมีแต่จิตที่สะอาดบริสุทธิ์ และสงบเย็นเท่านั้น

    5. พอเริ่มทำสมาธิโดยปกติแล้วให้หลับตาพอสบายสำรวมจิตเข้านับที่ลมหายใจ ทั้งหายใจเข้าและหายใจออกโดยอาจจะนับอย่างนี้ว่า หายใจเข้านับ 1 หายใจออกนับ 2 อย่างนี้เรื่อยไป ทีแรกนับช้า ๆ เพื่อให้สติต่อเนื่องอยู่กับการนับนั้น แต่ต่อไปพอจิตสงบเข้าที่แล้ว มันก็จะหยุดนับของมันเอง

    6. หรือบางทีอาจจะกำหนดพุทโธก็ได้ หายใจเข้ากำหนดว่า พุท หายใจออกกำหนด ว่า โธ อย่างนี้ก็ได้ ไม่ขัดแย้งกันเลย เพราะการนับอย่างนี้มันเป็นเพียงอุบายที่จะทำให้จิตหยุดคิดนึกปรุงแต่งเท่านั้น

    7. แต่ในการฝึกแรก ๆ นั้น ท่านจะยังนับ หรือกำหนดไม่ได้อย่างสม่ำเสมอ หรือ อย่างตลอดรอดฝั่ง เพราะมันมักจะมีความคิดต่าง ๆ แทรกเข้ามาในจิต ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ช่างมัน ให้เข้าใจว่า ฝึกแรก ๆ มันก็เป็นอย่างนี้เอง แต่ให้ท่านตั้งนาฬิกาเอาไว้ตามเวลาที่พอใจว่าจะทำสมาธินานเท่าไร เริ่มแรกอาจจะทำสัก 15 นาที อย่างนี้ก็ได้ และให้เฝ้านับหรือกำหนดอยู่จนครบเวลาที่ตั้งไว้ จิตมันจะมีความคิดมากหรือน้อย ก็ช่างมัน ให้พยายามกำหนดนับตามวิธีการที่กล่าวมาแล้วจนครบเวลา ไม่นานนัก จิตมันก็จะหยุดคิดและสงบได้เองของมัน

    8. การฝึกสมาธินี้ได้พยายามทำทุกวัน ๆ ละ 2-3 ครั้ง แรก ๆ ให้ทำครั้งละ 15 นาที แล้วจึงค่อยเพิ่มมากขึ้น ๆ จนถึงครั้งละ 1 ชั่วโมง หรือกว่านั้น ตามที่ปรารถนา

    9. ครั้นกำหนดจิตด้วยการนับอย่างนั้นจนมีประสบการณ์พอสมควรแล้ว ท่านก็จะรู้สึกว่า จิตนั้นสะอาด สงบ เย็น ผ่องใส ไม่หงุดหงิด ไม่หลับไหล ไม่วิตกกังวลกับสิ่งใด นั่นแหละคือสัญลักษณ์ที่แสดงว่า สมาธิกำลังเกิดขึ้นในจิต

    10. เมื่อจิตสงบเย็น ไม่หงุดหงิดเช่นนั้นแล้ว อย่าหยุดนิ่งเฉยเสีย ให้ท่านเริ่มน้อมจิตเพื่อจะพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ต่อไป ถ้ามีปัญหาชีวิต หรือปัญหาใด ๆ ที่กำลังทำให้ท่านเป็นทุกข์กลัดกลุ้มอยู่ ก็จงน้อมจิตเข้าไปคิดนึกพิจารณาปัญหา ด้วยความสุขุมรอบคอบ ด้วยความมีสติ

    11. จงยกเอาปัญหานั้นขึ้นมาพิจารณาว่า ปัญหานี้มันมาจากไหน ? มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ? เพราะอะไรท่านจึงหนักใจกับมัน ? ทำอย่างไรที่ท่านจะสามารถแก้ไขมันได้ ? ทำอย่างไรท่านจึงจะเบาใจและไม่เป็นทุกข์กับมัน ?

    12. การพิจารณาอยู่ด้วยจิตอันสงบอย่างนี้ การถามหาเหตุผลกับตัวเองอย่างนี้ จิตของท่านมันจะค่อย ๆ รู้เห็น และเกิดความคิดนึกรู้สึกอันฉลาดขึ้นมาโดยธรรมชาติของมัน จิตจะสามารถเข้าใจต้นสายปลายเหตุของปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง นักปฏิบัติจึงต้องพยายามพิจารณาปัญหาต่าง ๆ อย่างนี้เรื่อยไป หลังจากที่จิตสงบแล้ว

    13. ในกรณีที่ยังไม่มีปัญหาความทุกข์เกิดขึ้น หลังจากที่ทำจิตให้สงบเป็นสมาธิแล้ว จงพยายามคิดหาหัวข้อธรรมะหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งมาพิจารณา เช่น ยกเอาชีวิตของตัวเองมาพิจารณาว่า มันมีความมั่นคง จีรังยั่งยืนอะไรเพียงไหน? ท่านจะได้อะไรจากชีวิตคือร่างกายและจิตใจนี้? ท่านจะอยู่ไปในโลกนี้นานเท่าไร ? เมื่อท่านตอบ ท่านจะได้อะไร ? ให้พยายามถามตัวเองเช่นนี้อยู่เสมอ

    14. หรือท่านอาจจะน้อมจิตไปสำรวจการกระทำของตัวเองเท่าที่ผ่านมา พิจารณาดูว่า ท่านได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่ส่วนรวมหรือไม่ ? หรือท่านได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ? และตั้งใจไว้ว่า ต่อไปนี้ท่านจะไม่ทำสิ่งผิด จะไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและไม่สบายใจ ท่านจะพูดจะทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่โลกนี้ ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ของชีวิตของท่านเอง

    15. จงเข้าใจว่า เป้าหมายที่ถูกต้องของการฝึกสมาธินั้น คือท่านจะฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบจากอารมณ์ภายนอกชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิแล้ว จิตนั้นจะมีกำลัง และมั่นคงสภาวะจิตเช่นนั้นเองมีความพร้อมในการที่จะรู้ จะเข้าใจปัญหาต่าง ๆ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมตัวท่านอยู่ ได้อย่างถูกต้องตามเป็นจริง

    16. สรุปว่า ท่านจะฝึกสมาธิเพื่อจะเรียกกำลังจิตจากสมาธินั้นไปพัฒนาความคิดนึก หรือความรู้สึกของท่านให้ถูกต้อง ซึ่งความรู้สึกคิดนึกที่ถูกต้องนั้น แท้จริงแล้วก็คือ “ปัญญา” นั่งเอง

    17. จงจำไว้ว่า ปัญหาอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่านก็คือความทุกข์ ความกลัดกลุ้มใจ และความทุกข์นั้นก็จะไม่หมดไปได้เพราะการไหว้วอนบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ แต่มันจะหมดไปจากใจของท่านได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้เท่าทันตามเป็นจริงในสิ่งที่ทำให้ท่านเป็นทุกข์นั้น

    18. ดังนั้น ในการฝึกสมาธิทุกครั้ง ท่านจึงต้องกำหนดจิตใจสงบเสียก่อน จากนั้นจึงเอาจิตที่สงบนั้นมาพิจารณาทบทวนปัญหาที่ทำให้ท่านเป็นทุกข์

    19. ท่านจะต้องรู้ความจริงด้วยว่า ปัญหาหลาย ๆ อย่างท่านไม่สามารถจะแก้ไขมันได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ตามสภาวะแวดล้อมของมัน แต่หน้าที่ของท่านคือท่านจะต้องพยายามหาวิธีทำกับมันให้ดีที่สุด โดยคิดว่าท่านทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ ผลจะเกิดขึ้นอย่างไรก็ช่างมัน ปัญหามันจะหมดไปหรือไม่ก็ช่างมัน ท่านทำหน้าที่ของท่านได้ดีที่สุดแล้ว ท่านก็ถูกต้องแล้ว เรื่องจะดีร้ายได้เสียมันก็ไม่ใช่เรื่องของท่าน

    20. ท่านจะต้องเปิดใจให้กว้าง ให้ยอมรับในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามเหตุปัจจัยของมัน เช่นเรื่องที่ไม่ดีไม่น่าปรารถนา มันก็อาจจะเกิดขึ้นกับท่านได้ตามเหตุปัจจัยของมัน เพราะทุกสิ่งเป็นของไม่เทียงแท้แน่นอนอะไร บางทีมันก็ดี บางทีก็ไม่ดี มันเป็นอยู่อย่างนี้เอง เรื่องไม่ดีที่ไม่น่าปรารถนานั้น แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่โลกนี้มานานแล้ว ทุกคนที่เกิดมาในโลกก็ล้วนแต่จะต้องประสบกับมันทั้งนั้น แม้ว่าอาจจะมีลักษณะแตกต่างกับบ้างก็ตาม เรื่องไม่ดีไม่น่าปรารถนานั้น ไม่ใช่เกิดมาจากอำนาจของเทวดาฟ้าดิน ที่ไหนเลยมันเป็นของธรรมดาที่มีอยู่ในโลกอย่างนี้เอง
    21. จงรู้จักธรรมะข้อที่ว่า “อนิจจตา” ซึ่งแปลว่าความไม่เที่ยง สิ่งที่มีเหตุปัจจัย ปรุงแต่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น ความเปลี่ยนแปลงจากดีไปเป็นเลว เปลี่ยนจากความสมหวังไปเป็นความผิดหวัง ฯลฯ ก็ล้วนแต่เป็นเพราะความเป็นของไม่เที่ยงของมันนั่นเอง ดังนั้นจงอย่าเป็นทุกข์เศร้าโศกไปกับเรื่องดีร้ายได้เสียที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่จงรู้จักมันว่า มันเป็นอย่างนี้เอง มันไม่เที่ยงแท้แน่นอนเลยสักสิ่งเดียว ถ้าท่านรู้อย่างนี้ด้วยความสงบของสมาธิ จิตของท่านก็จะไม่เป็นทุกข์เลย

    22. จงรู้จักธรรมะข้อที่ว่า “ทุกขตา” ซึ่งแปลว่า ความเป็นทุกข์ จงจำไว้ว่า ชีวิตของคนเรานั้นล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ลักษณะของความทุกข์นั้นได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความตาย ความเศร้าโศก ความอาลัยอาวรณ์ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความที่ได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ความพลัดพรากจากคนรักหรือของรัก และความผิดหวัง เหล่านี้แหละคือความทุกข์ที่คนทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้กำลังประสบอยู่

    23. จงรู้จักธรรมะข้อที่ว่า “อนัตตา” ซึ่งแปลว่าความไม่ใช่ตัวเราหรือของเรา หรือความปราศจากแก่นสารที่ยั่งยืนถาวร ข้อที่ว่า สิ่งทั้งหลายไม่มีตัวตนแก่นสารที่ถาวรนั้น หมายความว่า สิ่งเหล่านั้นมันจะมีอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง จะนานหรือไม่นานก็แล้วแต่เหตุการณ์ของมันเท่านั้นเอง มันไม่มีสิ่งใดจะคงอยู่ในโลกนี้ได้ตลอดไป ดังนั้น ตัวตนที่เป็นของยั่งยืนถาวรของมันจึงไม่มีซึ่งสิ่งเหล่านั้น มันหมายรวมทั้งร่างกายและจิตใจของเราทุกคนด้วย

    24. เมื่อทุกสิ่งเป็นของไม่เที่ยง ชวนแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์กับมัน และไม่ใช่สิ่งที่เป็นแก่นสารถาวรเช่นนั้นแล้ว เราจะมัวไปหลงใหลอยากได้อยากเป็นอะไรในมันให้มากเรื่องไปโดยเปล่าประโยชน์อีกเล่า ?

    25. ในการฝึกสมาธินั้น ให้แบ่งเวลาออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรก ต้องกำหนดจิตให้สงบ ไม่ต้องคิดเรื่องอะไร ส่วนช่วงที่ 2 จึงอาศัยจิตที่สงบเป็นตัวพิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ

    26. พอครบเวลาที่กำหนดไว้แล้ว เมื่อจะเลิกนั่งสมาธิ ก็ให้ตั้งความรู้สึกไว้ว่า ต่อจากนี้ไปท่านจะมีสติพิจารณาสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการพิจารณานั้น ท่านจะพิจารณา ให้เห็นสภาพที่เป็นจริงของสิ่งเหล่านั้น ซึ่งล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กฎแห่ง ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์และความไม่มีแก่นสารถาวรทั้งสิ้น

    27. จงเตือนตัวเองว่า ทุกสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลง มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน มันจะเกิดเรื่องดีที่ถูกใจเราเมื่อไหร่ก็ได้ หรือมันจะเกิดเรื่องไม่ดีและขัดใจเราเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นมันไม่เที่ยง ดังนั้นเราจึงต้องทำจิตให้พร้อมรับสถานการณ์เหล่านั้นอยู่เสมอ โดยไม่ต้องดีใจหรือเสียใจไปกับเรื่องเหล่านั้น

    28. จงพยายามทำจิตใจให้ปล่อยวางอยู่เสมอ หมายความว่า ท่านจะต้องพยายาม รักษาจิตให้สะอาด อย่าคิดอะไรให้ตัวเองเป็นทุกข์ อย่าอยากได้อยากเป็นอะไรจนเกินพอดี อย่าถือตัว อย่าถือทิฏฐิมานะ รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ จงน้อมจิตให้มองเห็นสภาวะที่สงบ และสะอาดอยู่เสมอ วิธีนี้จะทำให้จิตใจของท่านสงบเย็น ผ่องใส และไม่เดือดร้อนได้เป็นอย่างดีที่สุด

    29. จงตั้งใจไว้ว่า แม้ท่านจะออกมาจากการนั่งสมาธิแล้ว แต่ท่านก็จะรักษาจิตให้สะอาดผ่องใสและไม่ถือมั่น ไม่แบกเอาสิ่งต่าง ๆ มาไว้ในใจให้หนักใจเปล่า ๆ เลย ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สมาธิเกิดอยู่ในจิตตลอดเวลา

    30. จะคิดเรื่องอะไรก็จงคิดด้วยปัญญา คิดเพื่อที่จะทำให้เกิดความถูกต้อง คิดเพื่อจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายให้พวกเขาได้รับความสุขสงบในชีวิต คิดเพื่อจะทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด คิดจะทำให้ตัวเองและคนอื่นสัตว์อื่นมีความสุขและไม่มีทุกข์อยู่เสมอ

    31. จงจำไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะมาทำให้ท่านเป็นทุกข์ได้ นอกจากความคิดผิดของท่านเอง ถ้าท่านคิดผิด ท่านก็จะเป็นทุกข์ ถ้าท่านคิดถูก ท่านก็จะไม่เป็นทุกข์

    32. จงอย่างเชื่อถือสิ่งงมงายไร้เหตุผล เช่น เมื่อมีความทุกข์ หรือเกิดเรื่องไม่ดีไม่น่าปรารถนาขึ้น ก็ไปบนเจ้าที่เจ้าทาง ไปไหว้จอมปลวก ไหว้ต้นไม้ใหญ่ ฯลฯ ปรารถนาจะให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านหลงผิดคิดว่ามีอยู่ในสถานที่เหล่านั้น มาช่วยท่านให้พ้นทุกข์อย่างนี้เป็นต้น นี่คือความงมงาย จงละเลิกมันเสีย เพราะมันจะทำให้ท่านสิ้นเปลืองทรัพย์สินและเวลาโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เชื่อในสิ่งเหล่านั้น

    33. จงรู้ความจริงว่า เรื่องที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจนี้เป็นธรรมชาติธรรมดาที่มีอยู่ในโลกนี้ บางทีท่านก็ได้ตามที่ปรารถนา แต่บางทีก็ไม่ได้ตามที่ปรารถนา มันเป็นของธรรมดาอยู่อย่างนี้เอง อย่าตื่นเต้นดีใจหรือเสียใจไปกับมัน

    34. ตลอดเวลาที่ท่านกำลังทำกิจการงานอะไรอยู่ จงน้อมจิตให้มองเห็นความสงบที่ท่านเคยพบในการฝึกสมาธิ และจงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งทุกอย่างภายนอก จงแยกมันให้ออกว่า สิ่งหนึ่งคือจิตอันสงบของท่าน ส่วนอีกสิ่งหนึ่งคือความปรุงแต่งวุ่นวายของโลก สิ่งทั้ง 2 นี้มันแยกกันอยู่โดยธรรมชาติของมัน

    35. ถ้าท่านไม่มองหาความสงบ แต่หันไปอยากได้อยากดีกับสิ่งภายนอก จิตของท่านก็จะสับสนวุ่นวายและเป็นทุกข์ แต่ถ้าท่านมองเห็นความสงบของจิต และควบคุมจิตไม่ให้เกิดความอยากความทะเยอทะยานที่ไม่รู้จักพอขึ้นมาแล้ว จิตของท่านก็จะสงบเย็นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าท่านจะยืน เดิน นั่ง หรือนอนอยู่ที่ใดก็ตาม ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวยหรือยากจนสักเพียงใดก็ตาม แต่จิตของท่านก็จะไม่เป็นทุกข์ เพราะการฝึกจิตด้วยวิธีการนี้

    36. จงใช้ปัญญาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งปัญญานั้น หมายถึงความมีสติที่รู้จักประคับประคองจิตให้สะอาดอยู่เสมอ รู้จักทำจิตให้ปล่อยวาง ทำจิตให้โปร่งเบา รู้เท่าทันว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้าผิดท่านจะไม่ทำไม่พูด ถ้าถูกท่านจึงจะทำจะพูด และรู้จักพิจารณาว่าหน้าที่ที่ท่านจะทำกับสิ่งนั้น ๆ คืออะไร แล้วก็ทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด พยายามแก้ปัญหานั้นให้สงบไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและถูกต้องที่สุด โดยไม่เห็นแก่ตัว วิธีนี้จะทำให้ปัญญาของท่านคมชัด และจะไม่มีความทุกข์อยู่ในจิตเลย

    37. ท่านต้องรู้ว่า คนส่วนมากในโลกนี้เขามีกิเลส คือ ความโลภ โกรธและหลง ดังนั้นบางทีเขาก็คิดถูกและทำถูก แต่บางทีก็คิดผิดและทำผิด บางทีก็โง่ บางทีก็ฉลาด เพราะฉะนั้น ท่านจะต้องให้อภัยเขา ค่อย ๆ พูดกับเขา ไม่ด่าว่ารุนแรงกับเขา ท่านจะต้องใช้ปัญญาของท่านเข้าไปสอนเขาไปชักจูงเขาให้เดินในทางที่ถูก นี่คือหน้าที่ของผู้มีปัญญาที่จะเข้าไปเกี่ยวกับคนโง่ที่มีอยู่ในโลกนี้เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ผลที่จะได้รับก็คือ ท่านจะเป็นคนที่มีจิตใจเยือกเย็นและน่าเคารพกราบไหว้ของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะไม่เป็นทุกข์ร้อนเลย แม้ว่าจะพบเห็นหรือเกี่ยวข้องกับคนมากมายหลายประเภทในโลกนี้อยู่เสมอ

    38. การพิจารณาอย่างต่อเนื่อง แม้ในตอนที่ไม่ได้นั่งสมาธิอยู่อย่างนี้ คือการปฏิบัติเพื่อให้เกิดปัญญา ซึ่งปัญญานั้นสูงสุดแล้วก็คือความรู้จักปล่อยวาง ไม่แบกหามภาระใด ๆ มาไว้ในใจจนนอนไม่หลับและเป็นทุกข์นั่นเอง

    39. จงจำไว้ว่า การฝึกสมาธินั้น แท้จริงแล้วท่านทำเพื่อให้เกิดปัญญา ซึ่งปัญญานั้นเองที่จะเป็นตัวทำลายความทุกข์ทางใจให้หมดสิ้นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่ การอ้อนวอนอธิฐานเอาอะไร ๆ ตามใจตัวเอง

    40. จงตั้งใจไว้ว่า ถ้าจะรู้สึกเป็นทุกข์หงุดหงิดเมื่อไร ท่านจะสลัดมันทิ้งเมื่อนั้น ท่านจะไม่เอาอารมณ์นั้นมาไว้ในใจ ถ้าท่านสลัดอารมณ์ไม่ดีให้หลุดไปได้เมื่อใด ท่านก็จะรู้แจ้งธรรมะเมื่อนั้น ท่านจะหมดทุกข์เมื่อนั้น ท่านจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของท่าน ในนาทีที่ท่านสลัดอารมณ์หงุดหงิดไม่สบายออกไปจากใจได้



    41. ในตอนเจ็บไข้ได้ป่วย จงอย่าคิดอยากจะหายจากโรคนั้น แต่จงคิดว่า ท่านจะรักษาโรคไปตามเรื่องของมัน บางทีก็หาย บางทีก็ไม่หาย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ท่านไม่เป็นโรคนี้ท่านก็ต้องตายอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องเสียใจหรือหวาดกลัวต่อโรคนั้น

    42. จงตามดูความรู้สึกภายใจจิตอยู่เสมอ ถ้าจะวิตกกังวลให้ตัดทิ้งเลย ถ้าจะหงุดหงิดตัดทิ้งเลย ถ้าจะห่วงอะไรก็ตัดทิ้งไปเลย ถ้าทำอย่างนี้อยู่เสมอ ปัญญาของท่านก็จะสมบูรณ์เต็มเปี่ยมอยู่ในจิต นี่แหละคือทรัพย์อันประเสริฐสุดในชีวิตของท่าน และสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ก็จะสลายตัวไปเองในที่สุด

    43. ปัญหาที่ทำให้ท่านหนักใจเป็นทุกข์ จะไม่เกิดขึ้นไม่จิต ถ้าท่านทำจิตให้สลัดอารมณ์ดีร้ายเหล่านั้น อยู่เช่นนี้เสมอ

    44. สมาธิก็จะมั่นคงต่อเนื่องอยู่ในจิต แม้ท่านจะกำลังเดินเหินไปมาหรือทำการงานทุกอย่างอยู่ ถ้าหากว่าท่านพยายามทำจิตให้ปล่อยวางอยู่อย่างนี้ สมาธิก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น

    45. อย่าคิดจะให้สิ่งต่าง ๆ มันเป็นไปตามใจของท่านหมด แต่จงคิดว่า มันจะเกิดเรื่องดีร้ายอย่างไรก็ให้มันเกิด ท่านจะพยายามหาทางแก้ไขมันไปตามความสามารถแก้ได้ก็เอา แก้ไขได้ก็เอา เรื่องดีก็ทิ้ง เรื่องร้ายก็ทิ้ง สุขก็ทิ้ง ทุกข์ก็ทิ้ง แล้วจิตของท่านก็จะเป็นอิสระและไม่เป็นทุกข์เลย

    46. ท่านจะอย่าปล่อยให้ความอยาก ความรักตัวหวงตัว เกิดขึ้นในจิต เพราะธรรมชาติอย่างนั้นมันเป็นสิ่งสกปรกที่จะบั่นทอนจิตของท่านให้ตกต่ำและเป็นทุกข์

    47. พอมีเวลาว่าง จงน้อมจิตเข้าสู่สมาธิอันสะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ แม้จะทำครั้งละ 5 นาที สมาธิที่ถูกต้องก็จะเกิดขึ้นในจิตได้เช่นเดียวกัน และจะเพิ่มปริมาณความสงบสะอาดของมันขึ้นเรื่อยไป จิตของท่านก็จะมั่นคงแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...