อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]





    ใกล้วันอันเป็นมหามงคลแล้ว ขอเริ่มด้วยสมเด็จองค์ปฐม รุ่นฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ปี
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531
    [​IMG]
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0010.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0010.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0010.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0018_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0018_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0018_1.jpg"/></a>
     
  4. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    น้อมกราบครูบาอาจารย์
    สวัสดีพี่ปู พี่วรรณ และทุกๆท่าน
     
  5. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    เนื่องในมหามงคลวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2539 กรมธนารักษ์ได้รับมอบหมายให้จัดสร้างเหรียญพระพุทธรูปที่สำคัญของประเทศรวม 5 องค์ ประกอบด้วย พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระมงคลบพิตร และพระนิรันตราย พระพุทธโสธร เพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณ และบุญญาธิการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ให้คนไทยและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีไว้เคารพสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว โดยจัดสร้างขึ้น 3 ประเภท คือ ทองคำ เงิน และทองแดง โดยจะนำรายได้จากการจำหน่ายภายหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว ขึ้นทูลเกล้าถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย



    [​IMG]



    [​IMG]



    พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางเรือนแก้ว หน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้วเศษ เป็นพระพุทธรูปสำคัญและสวยงามมากองค์หนึ่งมาตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สร้างในสมัยพระมหาธรรมมาธิราชลิไท สร้างโดยชาวเมืองเชียงแสน ชาวเมืองสวรรคโลก และชาวเมืองสุโขทัย ช่วยกันหล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศาสดา เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 4 ปีจอ พุทธศักราช 1499 แต่หล่อเสร็จเพียง 2 องค์ คือพระพุทธชินสีห์และพระศาสดา ส่วนพระพุทธชินราชนั้นหล่อไม่เสร็จ กล่าวคือ เมื่อเททองลงไปแล้วกลับแข็ง ทองไม่เดินตามปกติ จึงได้ทำพิธีปั้นหุ่นใหม่อีกครั้ง พระพุทธรูปจึงได้สำเร็จรูปตามความปรารถนา เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน พุทธศักราช 1500 และได้อาราธนาอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกแต่นั้น
     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0116_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0116_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0116_1.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0125.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0125.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0125.jpg"/></a>
     
  7. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    น้อมกราบครูบาอาจารย์

    อรุณสวัสดิ์พี่ปู พี่วรรณ และทุกๆท่าน


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]
     
  8. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    สมเด็จ หลวงพ่อคูณ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  9. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326

    [​IMG]



    [​IMG]




    พระพุทธชินสีห์ ประดิษฐานอยู่ข้างหน้าพระพุทธสุวรรณเขต เป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๔ นิ้ว สองข้างพระพุทธชินสีห์มีรูปพระอัครสาวกคู่หนึ่ง สันนิษฐานว่า สมเด็จพระธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย โปรดให้สร้างขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันกับพระพุทธชินราช และพระศรีศาสดา เดิมประดิษฐานอยู่ที่พระวิหารด้านทิศเหนือของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ต่อมาวิหารชำรุดทรุดโทรมลง สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาศักดิพลเสพ จึงโปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่มุขหลังของพระอุโบสถจัตุรมุข วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อพุทธศักราช ๒๓๗๔

    ครั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะยังทรงผนวช ได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวอัญเชิญพระพุทธชินสีห์มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถหน้าพระพุทธสุวรรณเขต เมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๐ แล้วได้ติดทองกะไหล่พระรัศมี ฝังพระเนตร และฝังเพชรที่พระอุณาโลมใหม่ พร้อมทั้งปิดทององค์พระพุทธรูป ต่อมาเมื่อพระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ในพุทธศักราช ๒๓๙๔ โปรดเกล้าฯ ให้แผ่แผ่นทองคำลงยาราชาวดีประดับพระรัศมีเดิม ถวายฉัตรตาด ๙ ชั้น ถวายผ้าทรงสะพักตาด ต้นไม้เงินทอง และกลองมโหระทึกสำหรับประโคมในเวลาพระสงฆ์บูชาเช้าค่ำเป็นเกียรติยศ พุทธศักราช ๒๓๘๙ โปรดเกล้าฯให้หล่อฐานสำริดปิดทองใหม่มีการสมโภช พุทธศักราช ๒๔๐๙ ทรงสมโภชอีกครั้งและถวายพระธำมรงค์หยกสวมนิ้วพระอังคุฐซ้าย

    พระพุทธชินสีห์นับเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เสด็จมาถวายสักการบูชาในโอกาสต่างๆ เช่น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครทางสถลมารคมานมัสการและถวายต้นไม้เงินและต้นไม้ทองเมื่อคราวประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแต่ครั้งสุโขทัย นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามมากที่สุดพระองค์หนึ่ง สมเด็จพระบวรราชเจ้าพระองค์นั้น ได้ทรงอัญเชิญพระพุทธชินสีห์มาจากพระวิหารทิศเหนือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก มาประดิษฐานไว้ในมุขหลังของพระอุโบสถ ซึ่งก่อขึ้นใหม่ อัญเชิญลงแพมาทั้งพระองค์ เมื่อฤดูน้ำ พ.ศ. ๒๓๗๒ แต่ได้ยินกันมาโดยมากว่ามุขหลังคามีมาแต่เดิม จึงรวมเป็น ๔ มุข ตามรูปเมรุของเจ้าจอมมารดา ของพระองค์เจ้าดาราวดี พระราชชายา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ผู้ทรงรจนาตำนานวัด ทรงสันนิษฐานว่า มุขหลังก่อทีหลัง ในเมื่อปรารภว่าจะเชิญพระพุทธชินสีห์ลงมา เดิมคงมีแต่หลังหน้าซึ่งเป็นพระอุโบสถ หลังขวางซึ่งเป็นพระวิหาร แต่สร้างติดกันจึงดูเป็น ๓ มุข

    พระพุทธชินสีห์นี้ มีตำนานกล่าวไว้ในพงศาวดารเหนือว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก เจ้าเมืองนครเชียงแสน สร้างขึ้นพร้อมกับพระชินราชและพระศาสดาเมื่อก่อน พ.ศ. ๑๕๐๐ มีเรื่องโดยย่อว่า พระศรีธรรมไตรปิฎก เจ้านครเชียงแสนยกกองทัพมาตีเมืองศรีสัชนาลัย (อยู่ในเมืองสวรรคโลกสมัยนั้น) แล้วสร้างเมืองพิษณุโลก พร้อมกับพระพุทธรูป ๓ พระองค์ โดยให้พวกช่างที่มีฝีมือในเมืองต่างๆมาประชุม ช่วยกันปั้นหุ่นเพื่อจะให้ได้งดงามผิดกับพระพุทธรูปสามัญแต่ท่านสันนิษฐานว่า พระเจ้าพระศรีมหาธรรมไตรปิฎกผู้สร้าง คือพระมหาธรรมราชาที่๑ รัชการที่๕แห่งราชวงศ์พระร่วง สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เรียกโดยพระนามว่า พระเจ้าลือไทหรือลิไท ข้อที่ทำให้สันนิษฐานเช่นนั้นมีหลายประการ คือสอบสวนไม่ได้ความจริงว่า มีเจ้านครเชียงแสนองค์ใด มีความรู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก จนควรแก่พระนามนั้น และได้แผ่อำนาจลงมาทางใต้ในสมัยที่อ้างนั้น พระมหาธรรมราชาที่ ๑ ปรากฏว่าทรงรอบรู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก ทรงแต่งหนังสือเรื่องไตรภูมิ ซึ่งในทุกวันนี้เรียกันว่าไตรภูมิพระร่วง พระเกียรติยศที่ทรงรอบรู้พระไตรปิฎก คงเลื่องลือแพร่หลาย จึงเรียกพระนามเฉลิมพระเกียรติว่า พระศรีธรรมไตรปิฎก และเมื่อก่อนแต่ทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติ ได้เป็นพระมหาอุปราชอยู่ที่เมืองศรีสัชนาลัย เมื่อพระเจ้าเลอไทพระราชบิดาสวรรคต เกิดจราจลขึ้นในพระนครสุโขทัย ต้องยกทัพลงมาปราบปรามจนราบคาบแล้วจึงได้เสวยราชย์ เรื่องนี้ตรงกับเค้าเรื่องพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกยกกองทัพลงมาตีเมืองศรีสัชนาลัยในพงศาวดารเหนือ อีกประการหนึ่ง ลักษณะพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ ก็ต่างจากพระพุทธรูปอื่น ในบางอย่างเช่น มีนิ้วพระหัตถ์ทั้ง ๔ นิ้ว พระบาททั้ง ๔ นิ้วยาวเสมอกัน ต้องตามคัมภีร์มหาปุริสลักษณะแสดงว่าผู้สร้างได้ทราบคัมภีร์นั้น พระพุทธรูปที่ได้สร้างกันขึ้นชั้นหลัง ได้ถือเป็นแบบสืบมาทุกวันนี้ พระพุทธรูปที่สร้างในเมืองเมืองไทยแต่ก่อนนั้น ทั้งทางเมืองเหนือและเมืองใต้ ทำปลายนิ้วพระหัตถ์เป็นหลั่นกันเหมือนกับนิ้วมือคนสามัญ

    อนึ่งมีทรวดทรงและชายจีวรยาวแบบลังกา แสดงให้เห็นว่าสร้างในสมัยพระเจ้าเลอไทยหรือลือไทย เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๐

    พระพุทธชินสีห์ พระพุทธชินราช มีลักษณะงดงามอย่างน่าพิศวง และนับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินในกรุงสยาม ได้เสด็จฯไปถวายนมัสการหลายพระองค์ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี กล่าวเฉพาะพระพุทธชินสีห์เมื่อเมื่ออัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่มุขหลังของพระอุโบสถวัดนี้แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เมื่อทรงเสด็จมาผนวชอยู่ครองวัดนี้ ได้ทูลขอพระบรมราชานุญาตพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ อัญเชิญย้ายจากมุขหลังออกสถิตหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่หรือพระโต เมื่อ พ.ศ.๒๓๘๐ ปิดทองกาไหล่พระรัศมีฝังพระเนตรใหม่ และติดพระอุนาโลม ส่วนมุขหลังอัญเชิญพระไสยาสน์เข้าไว้แทน ต่อมาได้รื้อมุขหลัง น่าจะเพื่อขยายทักษิณพระเจดีย์ออกมาอีกชั้นหนึ่ง ส่วนพระไสยาสน์น่าจะคงยังอยู่หลังพระอุโบสถ ณ ที่ติดพระบาทจำลองในบัดนี้ ต่อมาได้อัญเชิญไปไว้ในวิหารพระศาสดาเมื่อทรงลาผนวชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ตรัสให้แผ่ทองคำทำพระรัศมีลงยาราชาวดีประดับพระรัศมีเดิมอีกชั้นหนึ่ง ถวายฉัตรตาด ๙ ชั้นถวายผ้าทรงสะพักตาด ต้นไม้ทองเงิน เมื่อพ.ศ. ๒๓๙๔ โปรดหล่อ ด้วยทองสัมฤทธิ์ปิดทองใหม่ มีการสมโภช เมื่อ พ.ศ.๒๓๙๘ ทรงสมโภชอีกและถวายพระธำมรงค์หยกสวมนิ้วพระอังคุฐซ้าย ( แหวนที่นิ้วหัวแม่มือซ้าย) เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๙ ในรัชการที่ ๕ก็ได้ทรงปิดทองและโปรดให้มีการสมโภช พร้อมด้วยการฉลองพระอารามที่ทรงปฎิสังขรณ์ใหม่ และทรงสร้างเพิ่มเติมเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๔ พระพุทธชินสีห์ มีพระอัครสาวกยืนคู่หนึ่ง สันนิษฐานว่าสร้างภายหลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2015
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/1465389_574860335901897_2029071324_n.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/1465389_574860335901897_2029071324_n.jpg" border="0" alt=" photo 1465389_574860335901897_2029071324_n.jpg"/></a>

    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/e36b6238285a5331a3dee7634f8890d1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/e36b6238285a5331a3dee7634f8890d1.jpg" border="0" alt=" photo e36b6238285a5331a3dee7634f8890d1.jpg"/></a>
     
  11. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]



    หลวงพ่อโสธร หรือ หลวงพ่อพระพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอกเศษ ปางขัดสมาธิเพชร แต่ได้เสริมแต่งขึ้นจากเดิมโดยพอกปูน ลงรักปิดทองให้เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 3 ศอก 5 นิ้ว พระเนตรเนื้อเลียนแบบพระสมัยล้านช้าง หรือที่เรียกว่า ”พระลาว” ได้บูรณะหรือสร้างขึ้นในปลายกรุงศรีอยุธยา หรือต้นสมัยรัตนโกสินทร์

    ประวัติหลวงพ่อโสธรนั้น ตำนานไม่ได้กล่าวไว้ว่าใครเป็นผู้สร้างหรือสร้างเมื่อใด ทราบตามที่เล่าต่อๆ กันมาแต่เพียงว่า ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทย มีพระภิกษุสามองค์พี่น้อง เรียนพระธรรมวินัยแตกฉานแล้วก็จำแลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยน้ำลงมาตามลำแม่น้ำ

    เมื่อมาถึงบริเวณหนึ่งก็ปรากฏองค์ขึ้น ชาวบ้านบริเวณนั้นพบเข้าก็พากันเอาเชือกมนิลามาฉุดขึ้น แต่ก็เอาขึ้นมาไม่ได้เพราะเชือกขาด ก่อนที่พระทั้งสามองค์จะจมหายไปบริเวณที่พระทั้งสามองค์ลอยทวนน้ำหนีนั้นเรียกว่า สามพระทวน ต่อมาได้เพี้ยนและเรียกว่า สัมปทวน อำเภอเมืองฉะเชิงเทราจนทุกวันนี้

    ต่อมาได้มาผุดขึ้นที่คลองคุ้งให้ชาวบ้านแถวนั้นเห็นอีก ชาวบ้านก็พยายามชุดขึ้นฝั่งแต่ไม่สำเร็จอีก สถานที่นั้นเรียกว่า บางพระ มาจนทุกวันนี้ แต่นั้นมาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้สำแดงอภินิหารในครองเล็กๆ ตรงข้ามกองพันทหารช่างที่ 2 ฉะเชิงเทรา บริเวณนั้นเรียกว่า แหลมลอยวน คลองนั้นได้นามว่า คลองสองพี่น้อง ภายหลังก็เงียบไป

    จวบจนองค์หนึ่งได้ลอยไปจนถึงแม่น้ำแม่กลอง และไปปรากฏขึ้นที่สมุทรสงคราม ชาวประมงได้พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลมหรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชนชาวสมุทรสงคราม เรียกกันว่า หลวงพ่อบ้านแหลม มาจนทุกวันนี้

    องค์ที่สองได้ลอยวนไปวนมาและมาผุดขึ้นหน้า วัดหงษ์ เล่ากันว่า ที่วัดนี้เดิมมีเสาใหญ่มีหงษ์ทำด้วยทองเหลืองอยู่บนยอดเสานั้น จึงได้ชื่อว่าวัดหงษ์ ต่อมาหงษ์ที่ยอดเสาหักตกลงมาเสียชำรุด ทางวัดจึงเอาธงไปติดไว้ที่ยอดเสาแทนรูปหงษ์ จึงได้ชื่อว่าวัดเสาธง แล้วต่อมาก็เกิดมีพายุพัดเสานี้หักลงส่วนหนึ่ง จึงได้ชื่อว่าวัดเสาทอน และต่อมาชื่อนี้ได้กลายไปเป็นวัดโสธร

    ประชาชนพลเมืองจำนวนมากได้พากันหลั่งไหลมาอาราธนาฉุดขึ้นฝั่งแต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนั้นมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษผู้รู้คนหนึ่งสำเร็จไสยศาสตร์หรือเทพไสยรู้หลักและวิธีอาราธนา จึงได้ทำพิธีปลูกศาลเพียงตาบวงสรวง กล่าวคำอัญเชิญชุมนุมเทวดาอาราธนา และได้ใช้สายสิญจน์คล้องที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูปก่อนจะค่อยฉุดลากขึ้นมาบนฝั่ง พระพุทธรูปจึงเสด็จขึ้นมาบนฝั่งเป็นที่ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งของชาวเมือง จึงได้พร้อมใจกันอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ในพระวิหารวัดโสธร และเรียกนามว่า พระพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อโสธร ตั้งแต่นั้นมา

    ส่วนองค์สุดท้ายได้ลอยไปอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาประชาชนละแวกนั้นก็หลั่งไหลมาอาราธนาขึ้นฝั่งฉุดขึ้นเป็นการใหญ่แต่ก็ฉุดขึ้นไม่ได้ เล่ากันว่ามีประชาชนพากันมาฉุดนับได้ถึงสามแสนคน จึงเรียกสถานที่นั้นว่า สามแสน ภายหลังจึงเพี้ยนมาเป็น สามเสน และเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปองค์นี้ก็ลอยไปผุดขึ้นที่คลองสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ ประชาชนจึงได้ได้อาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดพลับพลาชัยชนะสงครามหรือวัดบางพลีใหญ่ในตราบจนทุกวันนี้ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย คือ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน[1]

    เล่ากันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ตรงกับประมาณปี พ.ศ. 2313 นับเป็นประวัติพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยน้ำมาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง


    พระอุโบสถหลังใหม่

    แต่เดิม หลวงพ่อพุทธโสธรประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่นๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ มีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระจิรปุณโญ (ด. เจียม กุลละวณิชย์) อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549

    การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิม โดยใช้เทคนิควิศวกรรมสมัยใหม่ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธร และพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์ [2]

    ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล โดยตำแหน่งของดวงดาวบนเพดาน กำหนดตำแหน่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 ณ เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ



    ที่มา: วิกิพีเดีย


    ความศักดิ์สิทธิ์

    ความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อโสธร เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนมากมายที่มีจิตศรัทธา และเชื่อมั่นในบุญกุศลที่หลั่งไหลมากราบไหว้สักการบูชา และขอพรบารมีจากหลวงพ่อ จนเป็นที่กล่าวขานบอกเล่าต่อๆ กันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางค้าขาย ทางคงกระพัน ทางแคล้วคลาด ทางรักษาโรค โดยใช้ขี้ธูป ดอกไม้บูชาที่แห้งเหี่ยวแล้ว และอธิษฐานหยดเทียน ขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อ มาทำยา
    ดังมีเรื่องเล่าว่า สมัยหนึ่งชาวบ้านโสธรเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนก็แล้ง จนเกิดโรคระบาด ทั้งคนและสัตว์ล้มตายไปมาก มีครอบครัวหนึ่งป่วยเป็นไข้ทรพิษ เมื่อหมดทางรักษาก็ไปนมัสการอธิษฐานขอความคุ้มครองจากหลวงพ่อ และนำเอาขี้ธูปและดอกไม้แห้งที่บูชาหลวงพ่อ และหยดน้ำตาเทียนที่ขอน้ำมนต์ แล้วเอามาต้มกิน ปรากฏว่าโรคหาย กิตติศัพท์หลวงพ่อจึงได้โด่งดังไปทั่ว ถึงกับมีการสมโภชและแก้บนกันตราบทุกวันนี้
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC05970.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC05970.jpg" border="0" alt=" photo DSC05970.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC05976.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC05976.jpg" border="0" alt=" photo DSC05976.jpg"/></a>
     
  13. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]




    พระนิรันตราย เป็นพระพุทธรูปสององค์ซ้อนกัน พระพุทธรูปองค์เล็กซึ่งอยู่ภายใน เป็นพระพุทธรูปทองคำโบราณ นั่งขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้าง 3 นิ้ว สูง 4 นิ้ว ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งอยู่ภายนอกสวมครอบพระพุทธรูปองค์เล็กไว้ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นภายหลัง หน้าตักกว้าง 5.5 นิ้ว นั่งขัดสมาธิเพชรเช่นเดียวกัน


    กล่าวถึงพระนิรันตราย (องค์ใน) เป็นพระพุทธรูปที่กำนันอินและนายยังบุตรชาย ขุดพบเมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2399 ที่ชายป่าแขวงเมืองปราจีนบุรี ห่างจากดงศรีมหาโพธิ์ประมาณสามเส้น ในขณะที่กำลังขุดมันนกกันอยู่ โดยก่อนหน้านั้น ฝันว่าจับช้างเผือกได้

    บริเวณดงศรีมหาโพธิ์เคยเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมาแต่สมัยทวารวดี นักโบราณคดีเคยขุดพบเทวสถานและเชิงเทินเมืองโบราณ รูปศิลาที่สลักเป็นพระปางนาคปรก และรูปสัมฤทธิ์ที่หล่อเป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม โบราณวัตถุที่ขุดค้นพบนี้ เป็นฝีมือช่างสมัยเดียวกันกับทวารวดีหรืออู่ทอง


    [​IMG]


    พระพุทธรูปที่กำนันอินและบุตรชายขุดพบ เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองคำเนื้อหก น้ำหนักเจ็ดตำลึงสิบเอ็ดสลึง พุทธศิลปะแบบทวารวดี จึงให้พระเกรียงไกรกระบวนยุทธ์ ปลัดเมืองฉะเชิงเทรา พาเข้ามา ณ กรุงเทพฯ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในวันพระฤกษ์เฉลิมพระราชมณเฑียรสีตลาภิรมย์


    พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดสองคนพ่อลูกนี้ว่า มีกตัญญูต่อพระพุทธศาสนาและพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อขุดได้พระทองคำเช่นนี้แล้ว แทนที่จะยุบหลอมนำทองคำไปจับจ่ายใช้สอยเป็นประโยชน์ตน กลับมีน้ำใจนำมาทูลเกล้าฯ ถวาย จึงทรงพระราชทานรางวัลเป็นเงินตราเจ็ดชั่ง (560 บาท)

    พระนิรันตรายที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนำไปเก็บไว้ในหอเสถียรธรรมปริตร ครั้นเมื่อปีวอก พ.ศ. 2403 มีคนร้ายลอบเข้าไปขโมยพระกริ่งทองคำองค์น้อยในหอนั้น แต่กลับไม่ลักพระนิรันตราย พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริว่า พระพุทธรูปนี้ เมื่อขุดได้ก็ไม่บุบทำลาย และควรที่ผู้ร้ายจะลัก แต่ก็ไม่ลัก ทั้ง ๆ ที่เป็นพระทองคำองค์ใหญ่กว่าพระกริ่ง แคล้วคลาดไม่เป็นอันตรายถึงสองครั้งเป็นอัศจรรย์ จึงทรงถวายพระนามว่า "พระนิรันตราย" ("นิร" + "อันตราย", มีความหมายว่า "ปราศจากอันตราย")


    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานหล่อพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิเพชรต้องตามพุทธลักษณะหน้าตักห้านิ้วกึ่ง หล่อด้วยทองคำ สวมครอบพระพุทธรูปนิรันตรายไว้อีกชั้นหนึ่ง และเรียกนามรวมกันมาจนถึงทุกวันนี้ว่า "พระนิรันตราย" พระพุทธรูปที่หล่อขึ้นในครั้งนี้ ไม่มีซุ้มเรือนแก้วเป็นพุ่มพระมหาโพธิ์อยู่เบื้องหลัง ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ ณ หอพระสุลาลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร



    [​IMG]


    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อัญเชิญพระนิรันตรายทองคำประดิษฐานในพระแท่นมณฑลในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ ( ทำบุญตรุษ ) พระราชพิธีสงกรานต์ ฯลฯ ปัจจุบัน เจ้าพนักงานภูษามาลายังรักษาแบบแผนโบราณราชประเพณีโดยอัญเชิญพระนิรันตรายไปตั้งในพระราชพิธีสำคัญ เช่น ในการบำเพ็ญพระราชกุศลวันเฉลิมพระชนมพรรษา และการพระราชกุศลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ฯลฯ เป็นต้น


    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณาแบบอย่างพุทธลักษณะว่า พระพุทธรูปไม่ควรมีพระเมาลี (จุกหรือมวยผม) ดังนั้น พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์จึงมีพุทธศิลป์ที่ต่างจากพระพุทธรูปที่สร้างกันมาแต่โบราณ คือ มีพระรัศมีบนพระเกศา แต่ไม่มีพระเมาลี เช่น พระนิรันตราย พระสัมพุทธพรรณี พระสัมพุทธสิริ พระพุทธอังคีรส

    ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า พระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกายที่พระองค์ทรงสถาปนานั้น แพร่หลายไพบูลย์มากขึ้น มีผู้มีทรัพย์และศรัทธาสร้างพระอารามถวายเป็นการเฉพาะแด่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติหลายพระอาราม จึงควรมีสิ่งอันสำคัญเพื่อเป็นที่ระลึกสืบไป ดังนั้น ในปีมะโรง พ.ศ. 2411 โปรดเกล้าฯ ให้ช่างหล่อพระพุทธรูปด้วยทองเหลืองกะไหล่ทอง นั่งขัดสมาธิเพชร พิมพ์เดียวกันกับพระพุทธรูปทองคำซึ่งสวมพระนิรันตราย แต่มีเรือนแก้วอยู่เบื้องหลังเป็นพุ่มพระมหาโพธิ์ มีอักษรขอมจำหลักลงไว้ในวงกลีบบัว เบื้องหน้า 9 เบื้องหลัง 9 แสดงพระพุทธคุณตั้งแต่ "อรหังสัมมาสัมพุทโธ" จนถึง "ภควา" ยอดเรือนแก้วมีรูปพระมหามงกุฏตั้งติดอยู่กับฐานชั้นล่าง รองฐานพระซึ่งเป็นที่สำหรับรับน้ำสรงพระ มีท่อเป็นรูปศีรษะโคแสดงเป็นที่หมายพระโคตร ซึ่งเป็นโคตมะ



    [​IMG]



    พระพุทธรูปซึ่งหล่อใหม่นี้มีจำนวน 18 องค์ เท่าจำนวนปีที่ดำรงสิริราชสมบัติ (พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2411) พระราชทานนามพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์นี้ว่า "พระนิรันตราย" เช่นกัน


    พระนิรันตรายทั้ง 18 องค์นี้ ยังมิทันได้กะไหล่ทองก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างกะไหล่ทองจนแล้วเสร็จและพระราชทานไว้ ณ พระอารามในคณะธรรมยุติกนิกาย ตามพระราชประสงค์ในสมเด็จพระบรมชนกนาถ วัดละองค์ ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดเสนาสนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนิเวศธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดบรมนิวาส วัดมกุฏกษัตริยาราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดโสมนัสราชวรวิหาร วัดราชาธิวาส วัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี วัดปทุมวนาราม วัดราชผาติการาม วัดสัมพันธวงศาราม วัดเครือวัลย์ วัดบุปผารามวรวิหาร วัดบุรณศิริมาตยาราม วัดยุคันธราวาส จังหวัดนนทบุรี




    ที่มา: thaprajan.blogspot.com
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0103_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0103_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0103_1.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0108.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0108.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0108.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0097.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0097.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0097.jpg"/></a>
     
  15. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    น้อมกราบครูบาอาจารย์
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์พี่ปู พี่วรรณ และทุกๆท่าน


    <a href="http://s1310.photobucket.com/user/Norragate/media/Amulet%20IIIIII/0AA08394-840B-40C3-8D2B-DF3722152BC7_zpsxwirvfty.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1310.photobucket.com/albums/s651/Norragate/Amulet%20IIIIII/0AA08394-840B-40C3-8D2B-DF3722152BC7_zpsxwirvfty.jpg" border="0" alt=" photo 0AA08394-840B-40C3-8D2B-DF3722152BC7_zpsxwirvfty.jpg"/></a>


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  16. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]




    พระมงคลบพิตร หรือที่เรียกขานกันทั่วไปว่า หลวงพ่อมงคลบพิตรนั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะผสมระหว่างอู่ทองและสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปอิฐ บุด้วยทองสำริด หน้าตักกว้าง 9.55 เมตร สูง 22.45 เมตร ประดิษฐานในวิหาร พระมงคลบพิตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด อย่างไรก็ตาม พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองเจือสุโขทัยอย่างพระมงคลบพิตรนี้ นิยมสร้างกันอยู่ยุคหนึ่งในระหว่างแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจนถึงสมัยแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม หากสันนิษฐานตามลักษณะพระพุทธรูปแล้ว พระมงคลบพิตรก็น่าจะได้สร้างขึ้นในระหว่างนี้


    พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า เดิมนั้น พระมงคลบพิตรประดิษฐานอยู่ทางด้านตะวันออกของพระราชวัง ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม ตรงกับ พ.ศ. 2146 โปรดให้ชะลอพระมงคลบพิตรมาประดิษฐานทางด้านตะวันตกแทน ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานในปัจจุบัน พร้อมกับสร้างพระมณฑปครอบองค์พระไว้ในคราวเดียวกันด้วย



    เหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นกับพระมงคลบพิตร คือ เกิดอสุนีบาต (ฟ้าผ่า) ลงยอดพระมณฑป เป็นผลให้ไฟไหม้เครื่องบนพังลงมา ถูกพระเศียรพระมงคลบพิตรหักสะบั้น ตกลงบนพื้น ในคราวนั้น ได้โปรดฯ ให้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์จนเสร็จสมบูรณ์ มีมหรสพฉลองสมโภชสามวันและทรงถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์เป็นอันมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในรัชสมัยพระเจ้าเสือ แต่พระราชพงศาวดารบางฉบับกล่าวแย้งว่าเกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเชษฐาธิราช



    [​IMG] [​IMG]



    เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 นั้น พม่าเข้าใจว่าพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปทองคำ จึงใช้ไฟสุมองค์พระเพื่อลอกทองออก ทำให้องค์พระพุทธรูปตลอดจนพระวิหารได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องบนพระวิหารที่หักลงมา ต้องพระเมาฬีและพระกรข้างขวาแตกหัก ตกลงมากลายเป็นซากปรักหักพังนับแต่นั้นมา จนกระทั่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น



    [​IMG]



    ในปี พ.ศ. 2463 พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ขณะดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ได้ดำเนินการซ่อมพระเมาฬีและพระกรข้างขวาของพระมงคลบพิตรที่หักให้เต็มบริบูรณ์ด้วยปูนปั้น ส่วนพระวิหารที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ก็ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ด้วยเช่นกัน




    [​IMG]



    ต่อมาในปี พ.ศ. 2474 คุณหญิงอมเรศศรีสมบัติ มีศรัทธาปฏิสังขรณ์ฐานพระมงคลบพิตรขึ้นใหม่ ครั้งนั้นจำเป็นต้องลบรอยปูนปั้นของเดิมออกจนหมด เพื่อทำเป็นผ้าทิพย์ลวดลายใหม่เป็นแผ่นตรงแทน

    ส่วนซากพระวิหารของเก่านั้น กรมศิลปากรได้ซ่อมแต่งรักษาเพื่อไม่ให้ผุพังทำลายต่อไป และอยู่ในสภาพเช่นนี้เรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2499





    [​IMG]



    ครั้นถึง พ.ศ. 2499 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีบัญชาให้รื้อซากพระวิหารมงคลบพิตรของเก่าออก และสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนของเดิม ดังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะองค์พระมงคลบพิตรนั้น ได้ทาสีดำตลอดทั้งองค์



    [​IMG]



    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2533 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาเป็นองค์ประธานเททองหล่อพระพุทธรูปพระมงคลบพิตรจำลอง ได้ประทานพระดำริว่าควรปิดทององค์พระมงคลบพิตรทั้งองค์ จะทำให้องค์พระพุทธรูปมีพุทธลักษณะที่งดงาม น่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมศรัทธาของบรรดาพุทธศาสนิกชนอีกประการหนึ่งด้วย



    [​IMG]




    ประกอบกับเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงนมัสการพระมงคลบพิตร และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระมงคลบพิตร ดังนั้นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงร่วมกับมูลนิธิพระมงคลบพิตร ดำเนินการบูรณะปิดทององค์พระมงคลบพิตร เพื่อความสง่างามตามพระดำริของสมเด็จพระสังฆราชฯ ทั้งนี้โดยการจัดทำเป็นโครงการบูรณะปิดทององค์พระมงคลบพิตร เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ใน พ.ศ. 2535 อีกด้วย



    [​IMG]



    พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธปฏิมาสำคัญคู่กรุงศรีอยุธยา น่าจะเป็นองค์เดียวกันกับ 'พระพุทธสยมภูวญาณโมฬี' ตามคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งกล่าวว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมาธิ หน้าตัก 16 ศอก หล่อด้วยทองเหลือง อยู่ในพระมหาวิหาร วัดสุมงคลบพิตร ซึ่งต่อมาเรียกชื่อวัดย่อลง เป็นวัดมงคลบพิตร พระมงคลบพิตรจัดเป็น 1 ใน 8 พระมหาพุทธปฏิมากรที่มีพระพุทธานุภาพเป็นหลักกรุง




    ที่มา: thaprajan.blogspot.com
     
  17. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]





    ๒๔ พ.ย. ครบรอบวันละสังขาร หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย
     
  18. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    วันที่ 23 พ.ย. หลวงพ่อคีย์ กิตติญาโณ อายุ 88 ปี วัดศรีลำยอง บ้านโคกจ๊ะ ต.สมุด อ.ปราสาท เกจิชื่อดัง ละสังขารแล้วที่ กุฎิวัดศรีลำยอง


    เมื่อสมัยที่ผมยังอ่านหนังสือศักดิ์สิทธิ์อยู่จะได้ฟังเรื่องของหลวงพ่ออยู่เสมอๆ รวมทั้งหลวงปู่หงษ์ กับหลวงปู่ฤทธิ์ด้วย ซึ่งทางคณะศักดิ์สิทธิ์มักจะพาผู้อ่านที่เลื่อมใสศรัทธาไปกราบกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งบัดนี้ครูบาอาจารย์ทั้งสามรูปก็ได้ละสังขารกันทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงคุณงามความดี คำสั่งสอนและวัตถุมงคลไว้ระลึกถึงเป็นเครื่องเตือนใจครับ
     
  19. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    น้อมกราบครูบาอาจารย์
    สวัดีพี่ปู พี่วรรณ และทุกๆท่าน
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,813
    กระทู้เรื่องเด่น:
    81
    ค่าพลัง:
    +225,531

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...