ถ้าเรายังคิด ยังพูด อาลัย คนที่ตายไปแล้ว วิญญาณจะไปไหนไม่ได้ จริงหรือมั้ยค่ะ

คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต แต่ดิฉัน ยังพูด ยังคิดถึงท่านมาก บางครั้งก็เรียกพ่อพูดคุยเหมือนท่านยังอยู่ คนแก่ๆเค้าห้าม บอกว่าทำแบบนี้พ่อจะห่วง และ ไปใหนไม่ได้ จริงหรือมั้ยค่ะ

 

ไม่จริงหรอครับ อยู่กันคนละภพละภูมิกันแล้ว คุณพ่อของคุณก็คงไปตามกรรมที่กำหนด ไปตามลิขิตของโลกวิญญาณ

 

มีทั้งจริงและไม่จริง เอาแบบจริงก่อนนะ หลวงพี่มีรูปให้ดู พ่อหลวงพี่คือญาติคนเดียวในโลกที่ยังเหลืออยู่ ตัวหลวงพี่เองก็ไม่มีญาติเหมือนพ่อ ท่านก็เพิ่งเสียไปเมื่อเดือนที่แล้ว ถึงพ่อจะสร้างบุญไว้มากก่อนเสียก็จริง แค่ตายแล้วทำศพคงไม่จบเพราะก่อนพ่อจะเสีย หลวงพี่บอกที่ข้างหูของพ่อก่อนที่ท่านจะดับไปว่า พ่อไม่ต้องห่วง พระจะส่งพ่อกลับสวรรค์ไปเอง พระเป็นครูสอนปฎิบัติธรรม รู้เห็นเรื่องอย่างนี้หลังจากพ่อดับไปแล้ว หน้าที่ของพระจะส่งพ่อไปเองไม่ต้องห่วง จนกระทั่งวันที่เผาศพ หลวงพี่บอกก่อนเอาศพพ่อเข้าเตาเผาว่า ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และความเป็นบุพพการีของลูกพระ ไม่มีน้ำตาให้เพราะหน้าที่ของพระจะส่งพ่อกลับไปสุขคติภพด้วยมหากุศลของลูกพระที่เป็นครูสอนคนทางพ้นทุกข์กำลังจะเริ่มต้นต่อจากนี้ หลังจากเผาแล้วก้เอากระดูกพ่อกลับมาด้วย เป็นอย่างที่คิดจริงๆพ่อตามมาจนทุกวันนี้ ก็ยังส่งบุญกุศลให้ทุกเช้านะ จัดข้าวปลาดีๆมาให้ ตอนชวนมาทานข้าวรู้เลยว่ามา กรวดน้ำให้ทุกวัน นั่งสมาธิก็ส่งบุญให้ทุกครั้ง แต่คนที่จะทำแบบนี้ได้ต้องฝึกสมาธิสักระยะนึง ลองฝึกดูจะรู้เองไม่ต้องไปหา่รางทรงให้ช่วย ได้มหากุศลอีก คราวนนี้เอาแบบไม่จริงบ้างความเป็นไปได้มีอยู่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ที่เขาจะรู้ เพราะจิตคุณมีกิเลสครบถ้วนจิตคิดแต่เรื่องทางโลก คิดยังไงเขาก็ไม่รู้หรอกไม่มีผล คนที่จะรู้หรือบอกเขาได้มักจะฝึกสมาธิเสียส่วนมาก หรือไม่ก้เป็นคนที่ชอบสร้างบุญกุศล เพราะจิตเขามักจะโล่งจึงสื่อสารกับคนตายได้ไม่ยาก คงพอเข้าใจได้ระดับนึงแล้วนะ...:boo:

 

การพลัดพรากเป็นทุกข์ แต่หลีกเหลี่ยงไม่ได้
แม้แต่ดวงจิตเราเองวันหนึ่งก็ต้องจากร่างกายนี้ไป...
ตัวเราเองก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้เมื่อวันที่จะ
พลัดพรากจากกันมาถึงฉันใด

ทางโลกบุคคลที่รักจากไป แม้แต่สิ่งของ สัตว์ที่เรารัก
เป็นต้นเหตุที่ ทำให้ใจเราปรุงแต่งจนเกิดเป็นภาษาสมมุติ
เรียกว่าความคิดถึง..เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนฉันนั้น...

ถ้าเราว่าการพลัดพรากมันเป็นสาเหตุทำให้เกิดทุกข์
เราก็ต้องเรียนรู้หนทางที่จะดับทุกข์และวิธีการในการ
แก้ปัญหาต่างๆที่จะต้นเหตุให้มันก่อเกิดการปรุงแต่ง
จนเป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นอีกด้วยที่เราไม่รู้ตัวครับ.....

มาเริ่มต้นตรงที่ตัดความเข้าใจว่าวิญญานคือผี คือดวงจิต
คือการปรากฏเป็นรูปร่างๆต่างๆอย่างที่เค้าเรียกๆกันมาออกไปก่อน

เพราะวิญญานเป็นเครื่องรับรู้ตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยทาง ตา หู จมูก ลิ้น
กาย ใจ และจิต อย่างใดอย่างหนึ่ง มนุษย์ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ
ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ บวกกับดวงจิตจึงรวมเป็นร่างกาย..
หลังจากมันรวมกับเป็นร่างกายแล้ว..ตัวที่มันส่งผล ณ ปัจจุบันนี้
ตลอดจนส่งผลจนกระทั่งวาระสุดท้ายที่ร่างกายเสื่อมสลาย
เรามักรู้จักกันในนาม ขันธ์ ๕ แต่ในขันธ์ ๕ นี้ประกอบด้วย
กาย สัญญา(ความจำได้) วิญญาณ(เครื่องรับรู้) สังขาร(การปรุงแต่ง)
เวทนา(ความรู้สึกต่างๆ) ๔ ตัวหลังเราเรียกว่า ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมครับ
เป็นตัวสำคัญในการก่อภพก่อชาติ ที่ทำให้ดวงจิตดวงไหนๆก็ตามที่เคยมีกาย
เมื่อร่างกายเสื่อมสลายไปแล้วไม่ว่าเหตุธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติ....
สิ่งที่จะยังคงเหลืออยู่ก็คือ ดวงจิต และดวงจิตนี้ เป็นคลื่นพลังงาน
ชนิดหนึ่งที่ยังมี ส่วนนามธรรมหลงเหลืออีก ๒ ส่วนก็คือ สัญญา(ความจำได้)
และเวทนา(ความรู้สึก) ถ้าสัญญาดีก็จะส่งผลให้เวทนาหรือความรู้สึกต่างๆ
ดีไปด้วย...เราเรียกง่ายๆว่า คนที่สร้างแต่ความดีความจำได้สุดท้ายก็จะจำ
แต่เรื่องดีๆ และความดีที่เคยสร้างมาก็จะกลายเป็นกองบุญที่ส่งผลต่อดวงจิต
ให้มีความรู้สึกดีๆ ที่เราเรียกกันง่ายๆว่า ได้รับบุญกุศลนั่นหละครับ
เราเข้าใจง่ายๆว่า ได้ไปเกิดหรือเปลี่ยนไปอยู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ไปเป็นนั่นเป็นนี่
นั่นหละครับ...

ในทางกิริยาทางจิต ไม่ว่าแค่เราไปคิดถึงดวงจิตอื่นๆ ตัวจิตก็จะสร้างกระแสคลื่น
ตัวหนึ่งขึ้นมาเพื่อไปเชื่อมดวงจิตที่เราคิดถึง. หรือดวงจิตดวงนั้นๆส่งคลื่นความถี่
มาให้จิตเรารู้สึกได้ สัมผัสได้.ระลึกได้นั้น ก็จะเป็นการเชื่อมกระแสคลื่นตรงนี้
ระหว่างดวงจิตทั้งสองดวงทันที่ครับ..
ถ้าเราคิดถึง หรือ ระลึกถึงคลื่นความถี่จากดวงจิตที่ส่งมาให้เราสัมผัสได้..
แล้วทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ไป อุทิศให้แล้วก็แล้วไป..
และถ้าเราคิดถึง และคิดถึงแล้วพูดจากบอกกล่าวอะไรเสร็จแล้วก็แล้วไป
ก็จะไม่มีปัญหาอะไร..ก็จะเป็นการตัดคลื่นที่มาเชื่อมจากจิตตรงนี้
ไม่ว่าจะออกจากตัวจิตเราเอง หรือ มาจากดวงจิตภายนอกตรงนี้
ออกจากจิตเราออกไปได้ครับ....
ถ้าเราไม่แล้วก็แล้วไป...ก็จะเป็นการผู้คลื่นความถี่ตรงนี้มาซ้อนทับดวงจิต
ของเราเองเข้าไปอีกชั้นหนึ่งครับ..ยิ่งเราถึงขั้นไปปรุงแต่งได้จนเกิด
ความรู้สึกต่างๆได้อีก..ก็ยิ่งเป็นการซ้อนทับกันเข้าไปอีก...
เป็นเหตุให้ดวงจิตเราเกาะกระแสตรงนี้..เกาะนานๆเข้า มันก็จะตกผลึกจน
มีกำลังมาก..พอร่างกายเราใกล้จะเสื่อมสภาพ ...ไอ้ที่ตกผลึกตรงนี้
มันก็จะกลายเป็นสัญญาความจำได้และก็จะเหลือความรู้สึกหรือเวทนา
ที่มันเคยตกผลึกมาก่อน...มันก็จะดึงดวงจิตของเราตรงนี้ให้ไปอยู่
ตรงสัญญาและเวทนาตรงนั้นอัตโนมัติครับ....พูดง่ายๆว่าดวงจิตเรา
ก็จะไปอยู่ในภูมินั้นๆตามแต่สัญญาและเวทนาที่จะมีกำลังมากสุด
ในขณะที่จิตเรากำลังจะออกจากร่างกายนั้นหละครับ.....
จิตเดิมๆของแต่ละคนมันโปร่งๆโล่ง สว่างไสวของมันเองอยู่แล้วครับ..
ก็อย่าไปสร้างเรื่องพวกนี้ ให้มาเกาะ เป็นตัวอุปโลกน์ตัวหนึ่งขึ้นมา
เกาะดวงจิตเราครับ..ควรทำอะไรแล้วก็แล้วไป..ตัวจิตเราถึงจะกลับ
คืนสู่ความไม่มีอะไร จะได้ไม่เกาะ สัญญาไม่เกาะอารมย์ต่างๆ..
ดวงจิตภายนอกก็จะอยู่แบบดวงจิตภายนอกส่วนจะอยู่อย่างไรก็ช่าง
..ดวงจิตเราก็จะไม่เผลอไปดึงมายึดมาเกาะไม่งั้นดวงจิตก็จะโน้ม
ไปตามกระแสภายนอกนั้นๆ..
ปล.ไม่ใช่ดวงจิตนั้นไปไหนไม่ได้ แต่เป็นเราเองที่เผลอไปดึงดวงจิต
นั้นเข้ามาครับ..ไม่ว่าจะจากดวงจิตเราที่ส่งออก หรือ จาก
ดวงจิตภายนอกที่ส่งเข้ามา..แล้วทำอะไรก็ตามก็ทำเฉพาะที่มีประโยชน์
เช่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เพื่อเพิมเวทนา พูดง่ายๆเพิ่มบุญกุศล
ให้ก็พอ แต่ให้แล้วก็แล้วไป ทั้งดวงจิตภายนอกและดวงจิตเรา
จึงจะคลายเรื่องการยึดเกาะตรงนี้ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เรายังคง
ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาจนทุกข์วันนี้ได้ครับ..เรื่องอื่นๆหลักการคล้ายๆกันครับ...
ปล.ประมาณนี้ครับ

 

ไม่จริง
ถึงเวลาไปก็ต้องไป

 

ถึงเวลาก็ต้องไปเกิดใหม่ ในภพภูมิที่แตกต่างกัน ตามกรรมกำหนดของแต่ละคน ไม่มีใครฝืนกฏแห่งโลกวิญญาณได้

 

คุณพ่อเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ด้วยสภาวะติดเชื้อในปอด อายุ 82 ปี 10 เดือน มีโรคประจำตัวหลายอย่าง สองเดือนก่อนเสียชีวิตสงสารท่านมาก ต้องตัดขา เพราะแผล เบาหวาน
การเสียชีวิตแบบนี้ ถือว่า หมดอายุขัย มั้ยค่ะ

 

คิดว่าคงจะหมดอายุขัยแล้ว

 

อยากให้คุณลองเข้าไปอ่านเรื่องลักษณะนี้ในเฟสบุ๊คหลวงพี่ดูก็ได้แล้วคุณลองพิจารณาต่อว่าสิ่งที่คุณคิดจะตรงกับกับความกังวลของคุณหรือไม่ใช่อย่างไร

 

กราบขอบพระคุณหลวงพี่ค่ะ ขอชื่อเฟสบุคด้วยค่ะ

 

motoro but หลวงพี่มีเจตนาที่แท้จริงอยากให้คนทั่วไปมาเรียนรู้การปฎิบัติธรรม จะได้หายสงสัยในสิ่งที่กังวล เพราะทุกเรื่องของหลวงพี่พิสูจน์มาจากคนที่เรียนรู้กับหลวงพี่เองเพื่อให้หายสงสัยในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ด้วยตัวคุณเองเท่านั้น

 

ตายไปแล้วเกิดทันที ตามหลักอภิธรรม
เป็นไปตามหลักใหญ่ คือ กฏแห่งกรรม
(แยก)
๑. ไปเลย (๑. กรรมหนัก ๒. กรรมที่ทำเป็นประจำ ๓.กรรมที่ทำสักแต่ว่าทำ ๔. กรรมที่ทำเมื่อจวนเจียนใกล้ตาย...ว่ากันตามน้ำหนักไปเลย)
๒. รอ (มี ๑. ตายก่อนกำหนด ๒.ตายเมื่อหมดอายุขัย ก็รอได้...รอบุญกุศลก่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนภพภูมิอีก)
กรณี พิเศษ...มาอนุโมทนาบุญได้ (แต่บางภพภูมิมาไม่ได้)

 

เรื่องพึ่งเกิดเมื่อไม่นานนี้เองคะ ดิฉันก็เป็นคนนึงที่พ่อ,แม่เสียชีวิตไปแล้วทั้ง2 ท่าน คุณพ่อเสีย
ไปตั้งแต่ดิฉันอายุ 13 ปี ตอนนั้นท่านอายุ 73ปีค่ะ ท่านเสียไปรวมๆแล้วก็23 ปี เมื่อไม่กี่วันนี้เองดิฉันมี
เรื่องที่ม่สบายใจเสียใจ นอนกอดรูปคุณพ่อคุณแม่ร้องไห้อยู่หลายคืน ร้องไห้หลายคืนมากคร่ำครวญถึง
ปัญหาที่เกิดขึ้น ร้องไห้กอดรูปท่านจนเผลอหลับไปอยู่หลายคืนทีเดียว ( ดิฉันไม่มีพ่อแม่คะ ท่านทั้ง2 คนเก็บดิฉันมาเลี้ยงไว้ )

ปัญหาที่ดิฉันมีก็ไม่พ้นเรื่องของตัวเอง โดนหลอกเงินไปจนหมดตัว บ้านไม่มีอยู่ ญาติพี่น้อง
ก็ไม่มี แถมเงินที่สะสมมาก็หมด ไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปยังไงดี จะหันไปทางไหนก็มืดบอดไปหมด เพรา
ะตัวคนเดียว ลำพังบ้านไม่มีอยู่ก็แย่พอแล้ว นี่เงินที่มียังมาโดนหลอกหมดอีก จะทำยังไง ก็ได้แต่ร้องไห้
กอดรูปพ่อกับแม่ น้อยใจในโชคชะตาชีวิตของตัวเองเกิดมาอาภัพเหลือเกิน

คุณพ่อท่านคงรับรู้ถึงปัญหาของลูกสาวคนนี้ได้ค่ะ และท่านคงสงสารที่ลูกต้องมาเจอกับปัญ
หาชีวิตเช่นนี้ ท่านได้ไปเข้าฝันแฟนของดิฉัน ( ได้เลิกกันมาซักระยะนึงแล้วค่ะ ) ท่านไปบอกแฟนของดิ
ฉันว่า มาดูลูกให้หน่อย ลูกกำลังลำบาก แฟนของดิฉันก็เลยโทรศัพท์มาหาดิฉัน ถามว่าเป็นอย่างไร
พ่อเทอมาหาฉัน บอกว่าให้ช่วยไปดูเทอหน่อย เทอกำลังลำบาก ดิฉันร้องไห้หนักเลยค่ะ ที่ทราบว่าพ่อ
ไม่ได้ไปไหนเลย ยังเฝ้ามองลูกสาวคนนี้อยู่อีกภพภูมินึง ทั้งๆที่ดิฉันเป็นเด็กที่ท่านทั้ง2 เก็บมาเลี้ยงไม่
ใช่สายเลือดของท่าน แต่ท่านก็รักและเมตตาดิฉันไม่เคยทอดทิ้งไปไหน และดิฉันเองก็รู้สึกเสียใจเช่น
กันที่ทำให้ท่าน ตายอย่างหมดห่วงไปจากตัวดิฉันไม่ได้ แต่อย่างน้อยดิฉันก็รับรู้ได้ว่าดิฉันไม่ได้อยู่ตัว
คนเดวบนโลกนี้ ยังมคุณพ่อท่านเฝ้ามองดูลูกสาวคนนี้อยู่อีกภพภูมินึง

 

อยากเห็นผู้ที่เวียนว่ายตายเกิดในทั้ง ๓๑ ภพภูมิ มีความสุข...นิพพานคือ บรมสุข

 

ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านทุกอย่างไปด้วยดีนะค่ะ

 

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เวลามีเรื่องไม่สบายใจจะปรับทุกข์กับวิญญาณของพ่อ ท่านจะมาให้เห็นในความฝันบ่อยครั้ง เมื่อสี่เดือนก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยชวนแม่ไปอยู่ที่เวียดนามเนื่องจากสามีต้องไปบริหารงานโรงงานที่นั่น แต่ไมเคยชวนพ่อไปอยู่ด้วย คืนแรกที่ไปถึงเวียดนามฉันฝันว่าพ่อเดินมาต่อว่า พ่อโกรธมาก แกบอกว่าดิฉันทิ้งแกให้อยู่คนเดียว ชวนแต่แม่มาอยู่ ทำไมไม่ชวนพ่อบ้าง
ดิฉันบอกกับพ่อในความฝันว่า พ่อตายไปแล้ว พ่อมีที่ของพ่อแล้ว
พ่อพูดกับดิฉันด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นว่า ตายแล้วก็ไปอยู่ด้วยได้
ฉันจึงโทรกลับไปเมืองไทยแล้วเล่าให้แม่ฟัง สามีและแม่ดิฉันลงความเห็นว่าให้จุดธูปบอกดวงวิญญาณพ่อและเชิญพ่อไปเที่ยวบ้านหรือมาอยู่ที่เวียดนามด้วย

มีรูปคุณพ่อมาให้ดูด้วยค่ะ

 

ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันปรับทุกข์กับวิญญาณพ่ออีกและในคืนนั้น ฝันว่าเห็นศพพ่อนอนอยู่บนเตียงรดน้ำศพ เหมือนคนนอนหลับ และมีผู้คนมารดน้ำศพมากมาย เหมือนวิญญาณพ่อจะสื่อว่าเราอยู่คนละภพกันแล้ว ให้พยายามใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาด้วยตนเองอย่างรอบคอบ วิญญาณพ่อคงไม่สามารถตามแก้ปัญหาให้ได้ตลอด

 

อายุขัย กับการตาย เอาอันนี้มาพิจารณานะครับ ไม่งั้นก็คงไม่เจอตามที่ต่างๆหรอกถ้าจะบอกว่าเกิดทันที ตายแล้วยังไปเกิดไม่ได้เพราะอายุขัยยังไม่หมดมีใหมนะ ผมรู้น้อยเห็นน้อย แต่อยากจะบอกว่ามีความเป้นไปได้ว่ายังอยู่ แต่ภพที่ว่าเป็นวิญาณนี่ก็แปลกๆอยู่ ผมยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ บางทีก็หลุดไปเกิดตามจิตสุดท้ายที่ฝันรึเปล่า รึบางทีก็หลุดมาอยู่ในโลกปัจจุบันรึเปล่า บอกไม่ได้แล้วแต่กรรมแต่จิตแต่เหตุปัจจัยหลายๆด้าน ถ้าถามผมว่าเป็นไปได้ใหมผมว่าเป็นไปได้ครับ แต่อยู่ที่จิตผ้รับด้วยว่าจะสัมผัสได้มากน้อยแค่ใหน ถ้าท่านมีอยู่ยังไม่ไปกเป็นได้ตามเหตุปัจจัยของท่าน